Remove ads
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซาดีโย มาเน (ฝรั่งเศส: Sadio Mané; เกิด 10 เมษายน ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวเซเนกัล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งปีกให้แก่อันนัศร์ในประเทศซาอุดิอาระเบียและทีมชาติเซเนกัล เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีฝีเท้าดีที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลจากทวีปแอฟริกาที่เก่งที่สุดตลอดกาล มาเนมีจุดเด่นในด้านการทำประตู การเลี้ยงลูกบอล และความเร็ว[4][5]
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ซาดีโย มาเน[1] | ||
วันเกิด | 10 เมษายน ค.ศ. 1992 | ||
สถานที่เกิด | เซดิว ประเทศเซเนกัล | ||
ส่วนสูง | 1.74 m (5 ft 8 1⁄2 in)[2] | ||
ตำแหน่ง | ปีก[3] | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | อันนัศร์ | ||
หมายเลข | 10 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
อคาเดมีเจเนเรชันฟุต | |||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2011–2012 | แม็ส | 22 | (2) |
2012–2014 | เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค | 63 | (31) |
2014–2016 | เซาแทมป์ตัน | 67 | (21) |
2016–2022 | ลิเวอร์พูล | 196 | (90) |
2022–2023 | ไบเอิร์นมิวนิก | 25 | (7) |
2023– | อันนัศร์ | 5 | (5) |
ทีมชาติ‡ | |||
2012 | เซเนกัล อายุไม่เกิน 23 ปี | 4 | (0) |
2012– | เซเนกัล | 91 | (33) |
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2022 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2022 |
มาเนเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรแม็สในลีกเดอในวัย 19 ปี แต่เล่นได้เพียงฤดูกาลเดียวเขาก็ย้ายไปร่วมทีมเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในออสเตรียด้วยค่าตัว 4 ล้านยูโร ก่อนจะคว้าแชมป์สองรายการในฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วยในประเทศได้ในฤดูกาล 2013–14 และย้ายไปเซาแทมป์ตันในพรีเมียร์ลีกด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 11.8 ล้านปอนด์ ซึ่งเขาทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ใช้เวลาทำแฮตทริกน้อยที่สุดเพียง 176 วินาที โดยทำได้ในนัดที่ชนะแอสตันวิลลาด้วยผลประตู 6–1 ใน ค.ศ. 2015[6] มาเนย้ายร่วมทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2016–17 ค่าตัว 34 ล้านปอนด์ ถือเป็นนักฟุตบอลจากทวีปแอฟริกาที่มีค่าตัวสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น ภายหลังการอำลาทีมของฟีลีปี โกชิญญู มาเนกลายเป็นหนึ่งในสามประสานในแนวรุกของทีมร่วมกับ มุฮัมมัด เศาะลาห์ และ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ซึ่งพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสองฤดูกาลติดต่อกันใน ค.ศ. 2018 และ 2019 โดยคว้าแชมป์ได้ใน ค.ศ. 2019 รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดร่วมในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019–20 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปีของสโมสร เขาทำครบ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีกในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 ถือเป็นผู้เล่นจากทวีปแอฟริกาคนที่สามที่ทำได้ มาเนยังได้รับอันดับ 4 จากการประกาศผลบาลงดอร์ 2019 รวมทั้งอันดับ 5 และอันดับ 4 นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ค.ศ. 2019 และ 2020 ตามลำดับ[7] ใน ค.ศ. 2022 เขาย้ายร่วมทีมไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกา และคว้าแชมป์บุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2022–23 และ เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ 2022 หลังจากลงเล่นได้เพียง 1 ฤดูกาล เขาย้ายร่วมทีมอันนัศร์
ในนามทีมชาติ มาเนทำไป 44 ประตูจากการลงสนาม 109 นัดให้เซเนกัล นับตั้งแต่ติดทีมชาติชุดใหญ่ใน ค.ศ. 2012 ปัจจุบันเขาครองสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล และลงสนามมากที่สุดเป็นอันดับสองของเซเนกัล เขาร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 และแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ อีก 5 ครั้ง ใน ค.ศ. 2015, 2017, 2019, 2021 และ 2023 ซึ่งพาทีมคว้ารองแชมป์ใน ค.ศ. 2019 และคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปแอฟริกาไปครองในปีนั้น[8] ก่อนจะพาเซเนกัลคว้าแชมป์สมัยแรกใน ค.ศ. 2021 ด้วยการเอาชนะอียิปต์ในการดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่งมาเนเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่ยิงจุดโทษเข้า และคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันไปครอง[9] มาเนยังเป็นกำลังสำคัญของทีมในฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเป็นการเข้าร่วมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งที่สองของเซเนกัล และเขาได้รับการยกย่องโดยนิตยสาร New African ในฐานะ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของทวีปแอฟริกา[10]
ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ระหว่างฤดูกาล 2014–15 มาเนได้ทำแฮททริกในนัดที่เซาแทมป์ตันพบกับแอสตันวิลลา ด้วยเวลาเพียง 2.56 นาที นับเป็นแฮททริกที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติเดิมของร็อบบี ฟาวเลอร์ ของลิเวอร์พูลที่ทำไว้ในนัดที่พบกับอาร์เซนอล เมื่อปี ค.ศ. 1994 และถือเป็นแฮททริกที่เร็วที่สุดในโลกเป็นอันดับ 8[11]
ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2016 มาเนย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 5 ปี[12] [13] และเป็นสถิติการซื้อตัวผู้เล่นชาวแอฟริกาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
ในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2016 อินเตอร์เนชันแนลแชมเปียนส์คัพ ฤดูกาล 2016 ลิเวอร์พูล เจอกับ บาร์เซโลนา ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ มาเนทำประตูแรกในช่วงปรีซีซั่น ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาร์เซโลนา 4-0[14] ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 มาเนทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 4-3[15] ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2016 มาเนไม่ได้ลงสนามในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 0-2 เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ ต่อมา ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 2 มาเนกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงและจ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบอร์ตันอัลเบียน 5-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 3 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ[16] ต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 มาเนทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 4-1 ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 มาเนทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[17] ต่อมา ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2016 มาเนทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1[18] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 มาเนยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1[19] ต่อมา ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2016 มาเนยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ บอร์นมัท 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 3-4[20]
ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ลิเวอร์พูล ทำศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี บุกไปเยือนที่กูดิสันพาร์ก เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง โดย มาเนยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+4 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0[21] ต่อมา ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2017 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่สเตเดียมออฟไลต์ 2-2[22]
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 มาเนยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ชนะนัดแรกในลีกนับตั้งแต่ขึ้นปี 2017[23] ต่อมา ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2017 มาเนทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1[24] ต่อมา ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2017 มาเนทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1[25] หลังจบเกมส์ มาเนมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่เอ็นเข่าฉีก ส่งผลให้มาเนหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาล[26]
ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2017 มาเนติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ 2016-17 หลังจากยิงไป 13 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแรกให้กับลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 มาเนคว้า 2 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ ในงานประกาศรางวัล Players' Awards 2017
ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2017–18 มาเนทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-3[27] ต่อมา ในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2017 มาเนยิงประตูชัยในช่วงครึ่งหลัง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 1-0 ต่อมาในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2017 มาเนทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 4-0[28] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ มาเนได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนสิงหาคมของพรีเมียร์ลีก[29] ต่อมา ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2017 มาเนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในช่วงครึ่งแรก จากจังหวะยกเท้าสูงใส่หน้าผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี แอเดร์ซง โมไรซ์ จนใบหน้าของแอเดร์ซงได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวจนต้องส่งผู้รักษาประตูสำรองมาแทน ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 0-5 ทำให้ มาเนโดนแบน 3 นัด[30] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E มาเนทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 3-3[31] ต่อมา ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 มาเนทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 3-0[32] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[33] ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 2-1[34] ต่อมา ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 4-3[35]
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก มาเนทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-0 ทำให้ มาเนเป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ทำแฮตทริกให้กับลิเวอร์พูลในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ต่อจาก ไมเคิล โอเวน, ยอสซี เบนายูน และฟีลีปี โกชิญญู[36] ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1[37] ต่อมา ในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0[38] ต่อมา ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1[39] ต่อมา ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก มาเนทำประตูที่ 7 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[40] ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0[41] ต่อมา ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก มาเนทำประตูที่ 8 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โรมา จากอิตาลี 5-2[42] ต่อมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 มาเนทำประตูที่ 9 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ โรมา ที่สตาดีโอโอลิมปีโก 2-4 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โรมา 7-6 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[43]
ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2018 ลิเวอร์พูล เจอกับแชมป์เก่า เรอัลมาดริด ที่สนามโอลิมปิสกีเนชันแนลสปอตส์คอมเพล็กซ์ ในเคียฟ ประเทศยูเครน มาเนทำประตูตีเสมอ 1-1 แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เรอัลมาดริด 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก อย่างน่าเสียดาย[44]
ก่อนจะเริ่มฤดูกาล 2018-19 มาเนเปลี่ยนสวมเสื้อหมายเลข 10 แทนหมายเลข 19[45] ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2018–19 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-0[46] ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2016 มาเนทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-0[47] ต่อมา ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงพาวเวอร์สเตเดียม 2-1[48] ต่อมา ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C มาเนทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เรดสตาร์ เบลเกรด จากเซอร์เบีย 4-0[49] ต่อมา ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2018 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ซิตี 4-1[50]
ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 มาเนตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1[51] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1[52] ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-3[53] ต่อมา ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เลสเตอร์ซิตี 1-1[54] ต่อมา ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-1[55] ต่อมา ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0[56] ต่อมา ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[57] ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2019 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 4-2[58] ต่อมา ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก ที่อัลลีอันทซ์อาเรนา 3-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[59] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 17 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 2-1[60] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ มาเนได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนมีนาคมของพรีเมียร์ลีก[61] ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชลซี 2-0[62] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 มาเนทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[63] ต่อมา ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2019 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 5-0[64] ต่อมา มาเนยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน และ เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ 3 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย
ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย มาเนยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 2-0 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 4-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[65] มาเนยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 22 ประตูจาก 36 นัด ทำให้ มาเนคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครอง ร่วมกับ มุฮัมมัด เศาะลาห์ และ ปีแยร์-แอเมอริก โอบาเมอย็องก์ ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน มาเนช่วยให้ลิเวอร์พูลได้จุดโทษ ก่อนที่ ซาลาห์ทำประตูขึ้นนำ 1-0 สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[66]
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี ในช่วง 120 นาที มาเนยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี 2-2 ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[67] ต่อมา ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะทีมเก่าของเขา เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-1[68] ต่อมา ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-0[69] ต่อมา ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2019 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3-1[70] ทำให้ มาเนเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ลงเล่น 50 นัดในบ้านให้สโมสรเดียว โดยไม่แพ้ใคร ต่อมา ในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E มาเนทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค จากออสเตรีย 4-3[71] ต่อมา ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 2019 มาเนลงสนามให้กับลิเวอร์พูลนัดที่ 100 และทำประตูที่ 50 ในพรีเมียร์ลีก นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 2-1[72]
ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม E มาเนทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เคงก์ จากเบลเยียม 4-1[73] ต่อมา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 2-1[74] ต่อมา ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1[75] ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1[76] ต่อมา ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 5-2[77] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ มาเนได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนพฤศจิกายนของพรีเมียร์ลีก[78] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[79] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2019 มาเนทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 1-0[80]
ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 2-0[81] ต่อมา ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริชซิตี ที่แคร์โรว์โรด 1-0[82] ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 3-2[83] ต่อมา ในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 14 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 2-1[84]
ในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-0[85] ต่อมา ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แอสตันวิลลา 2-0[86] ต่อมา ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 17 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 1-2 ต่อมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 18 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-1[87] จบฤดูกาล มาเนช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[88] มาเนยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน, เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 4 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย[89]
ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 มาเนยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[90] ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1[91] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 2-2 ต่อมา ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม D มาเนทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาตาลันตา จากอิตาลิ ที่สตาดีโออัตเลตีอัซซูร์รีดีตาเลีย 5-0[92] ต่อมา ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 มาเนทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 7-0[93]
ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 3-1[94] ต่อมา ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก มาเนทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช ที่ปุชกาชออเรนอ 2-0[95] ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 มาเนทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช ที่ปุชกาชออเรนอ 2-0 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอร์เบ ไลพ์ซิช 4-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[96] ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ ลีดส์ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์โรด 1-1 ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เซาแทมป์ตัน 2-0[97] ต่อมา ในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2020–21 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ คริสตัลพาเลซ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดย มาเนยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 3 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[98]
ในวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 2-0[99] ต่อมา ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์โรด 3-0[100] ต่อมา ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 3-0 เป็นประตูที่ 100 ของเขาในเกมนี้ และเป็นการยิงพาเลซ 9 นัดติดต่อกันอีกด้วย[101] ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B มาเนทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-1[102] ต่อมา ในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-2 ต่อมา ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 5-0[103] ต่อมา ในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-2 ต่อมา ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม B มาเนทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อัตเลติโกเดมาดริด จากสเปน 2-0[104] ต่อมา ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 มาเนทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 4-0[105]
ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-2 ต่อมา ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 3-1[106] ต่อมา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 6-0[107]
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 อีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 11-10 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[108] ต่อมา ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-0[109] ต่อมา ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2022 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก มาเนทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบนฟิกา จากโปรตุเกส 3-1[110] ต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 2-2 ต่อมา ในวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ มาเนยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[111] ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 14 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4-0[112] ต่อมา ในวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2022 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก มาเนทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บิยาร์เรอัล จากสเปน 2-0[113] ต่อมา ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง มาเนทำประตูที่ 5 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บิยาร์เรอัล จากสเปน 3-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บิยาร์เรอัล 5-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[114] ต่อมา ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 มาเนทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 2-1[115]
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[116] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย มาเนยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[117]
ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2022 มาเนได้ย้ายร่วมทีมไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกา โดยเซ็นสัญญาไปถึง ค.ศ. 2025[118] ด้วยค่าตัว 32 ล้านยูโร (27.4 ล้านปอนด์) และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านยูโร (35 ล้านปอนด์) ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงสนาม รวมทั้งความสำเร็จส่วนตัวและความสำเร็จของสโมสร[119]
มาเนลงสนามนัดแรกในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 ในการแข่งขันเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ ฤดูกาล 2022 และสามารถทำประตูได้ทันที มีส่วนช่วยให้ทีมเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช ด้วยผลประตู 5–3[120] ตามด้วยการทำประตูแรกในบุนเดิสลีกานัดเปิดสนามที่ไบเอิร์นมิวนิกบุกไปชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท ด้วยผลประตู 6–1 ในสัปดาห์ต่อมา[121] ต่อมาในวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2022 มาเนทำสองประตูในนัดที่ทีมบุกไปเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม ด้วยผลประตู 7–0
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทีมชาติเซเนกัลเรียกตัวมาเนติดรายชื่อ 23 คน ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย เซเนกัล ได้อยู่กลุ่มจี ร่วมกับ โปแลนด์, โคลอมเบีย และ ญี่ปุ่น ต่อมา ในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2018 มาเนทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ เซเนกัล เสมอกับ ญี่ปุ่น 2-2
Club performance | ลีก | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | ยุโรป | Other | รวม | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ฤดูกาล | สโมสร | ลีก | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู |
Metz | 2011–12 | Ligue 2 | 19 | 1 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | — | 19 | 1 | ||
2012–13 | Championnat National | 3 | 1 | 0 | 0 | 1 | 0 | — | — | 4 | 1 | |||
รวม | 22 | 2 | 0 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | — | 23 | 2 | |||
เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค | 2012–13 | Austrian Bundesliga | 26 | 16 | 3 | 3 | — | — | — | 29 | 19 | |||
2013–14 | 33 | 13 | 4 | 5 | — | 13[a] | 5 | — | 50 | 23 | ||||
2014–15 | 4 | 2 | 1 | 1 | — | 3[b] | 0 | — | 8 | 3 | ||||
รวม | 63 | 31 | 8 | 9 | 0 | 0 | 16 | 5 | — | 87 | 45 | |||
เซาแทมป์ตัน | 2014–15 | พรีเมียร์ลีก | 30 | 10 | 0 | 0 | 2 | 0 | — | — | 32 | 10 | ||
2015–16 | 37 | 11 | 1 | 0 | 2 | 3 | 3[c] | 1 | — | 43 | 15 | |||
รวม | 67 | 21 | 1 | 0 | 4 | 3 | 3 | 1 | — | 75 | 25 | |||
ลิเวอร์พูล | 2016–17 | พรีเมียร์ลีก | 27 | 13 | 0 | 0 | 2 | 0 | — | — | 29 | 13 | ||
2017–18 | 29 | 10 | 2 | 0 | 0 | 0 | 13[b] | 10 | — | 44 | 20 | |||
2018–19 | 36 | 22 | 0 | 0 | 1 | 0 | 13[b] | 4 | — | 50 | 26 | |||
2019–20 | 35 | 18 | 1 | 0 | 0 | 0 | 8[b] | 2 | 3[d] | 2 | 47 | 22 | ||
2020–21[124] | 35 | 11 | 2 | 2 | 0 | 0 | 10[b] | 3 | 1[e] | 0 | 48 | 16 | ||
2021–22[125] | 34 | 16 | 3 | 2 | 1 | 0 | 13[b] | 5 | — | 51 | 23 | |||
รวม | 196 | 90 | 8 | 4 | 4 | 0 | 57 | 24 | 4 | 2 | 269 | 120 | ||
Bayern Munich | 2022–23[126] | Bundesliga | 25 | 7 | 3 | 1 | — | 9[b] | 3 | 1[f] | 1 | 38 | 12 | |
รวมทั้งหมด | 385 | 153 | 20 | 14 | 9 | 3 | 85 | 33 | 5 | 3 | 504 | 206 |
เซเนกัล | |||
---|---|---|---|
ปี | ลงเล่น | ประตู | |
2012 | 6 | 2 | |
2013 | 8 | 1 | |
2014 | 9 | 3 | |
2015 | 9 | 3 | |
2016 | 7 | 1 | |
2017 | 9 | 4 | |
2018 | 9 | 1 | |
2019 | 11 | 4 | |
2020 | 2 | 2 | |
2021 | 9 | 5 | |
2022 | 9 | 3 | |
รวม | 89 | 29 |
No. | วันที่ | สนาม | Cap | คู่แข่งขัน | ประตู | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 June 2012 | Stade Léopold Sédar Senghor, Dakar, Senegal | 2 | ไลบีเรีย | 3–1 | 3–1 | ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก |
2 | 14 November 2012 | Stade Général Seyni Kountché, Niamey, Niger | 5 | ไนเจอร์ | 1–1 | 1–1 | เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร |
3 | 7 September 2013 | Stade de Marrakech, Marrakesh, Morocco | 11 | ยูกันดา | 1–0 | 1–0 | 2014 FIFA World Cup qualification |
4 | 5 March 2014 | Stade Municipal Saint-Leu-la-Forêt, Saint-Leu-la-Forêt, France | 14 | มาลี | 1–0 | 1–1 | เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร |
5 | 5 September 2014 | Stade Léopold Sédar Senghor, Dakar, Senegal | 17 | อียิปต์ | 2–0 | 2–0 | 2015 Africa Cup of Nations qualification |
6 | 10 September 2014 | Botswana National Stadium, Gaborone, Botswana | 18 | บอตสวานา | 1–0 | 2–0 | 2015 Africa Cup of Nations qualification |
7 | 13 June 2015 | Stade Léopold Sédar Senghor, Dakar, Senegal | 26 | บุรุนดี | 3–1 | 3–1 | 2017 Africa Cup of Nations qualification |
8 | 5 September 2015 | Sam Nujoma Stadium, Windhoek, Namibia | 27 | นามิเบีย | 2–0 | 2–0 | 2017 Africa Cup of Nations qualification |
9 | 13 November 2015 | Mahamasina Municipal Stadium, Antananarivo, Madagascar | 30 | มาดากัสการ์ | 2–2 | 2–2 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
10 | 4 June 2016 | Prince Louis Rwagasore Stadium, Bujumbura, Burundi | 36 | บุรุนดี | 1–0 | 2–0 | 2017 Africa Cup of Nations qualification |
11 | 15 มกราคม 2017 | Stade de Franceville, Franceville, Gabon | 41 | ตูนิเซีย | 1–0 | 2–0 | 2017 Africa Cup of Nations |
12 | 19 มกราคม 2017 | Stade de Franceville, Franceville, Gabon | 42 | ซิมบับเว | 1–0 | 2–0 | 2017 Africa Cup of Nations |
13 | 27 March 2017 | Stade Sébastien Charléty, Paris, France | 45 | โกตดิวัวร์ | 1–0 | 1–1 | Friendly |
14 | 5 September 2017 | Stade du 4 Août, Ouagadougou, Burkina Faso | 47 | บูร์กินาฟาโซ | 2–2 | 2–2 | 2018 FIFA World Cup qualification |
15 | 24 June 2018 | Central Stadium, Yekaterinburg, Russia | 54 | ญี่ปุ่น | 1–0 | 2–2 | 2018 FIFA World Cup |
16 | 26 March 2019 | Stade Léopold Sédar Senghor, Dakar, Senegal | 60 | มาลี | 1–1 | 2–1 | Friendly |
17 | 1 July 2019 | 30 June Stadium, Cairo, Egypt | 62 | เคนยา | 0–2 | 0–3 | 2019 Africa Cup of Nations |
18 | 1 July 2019 | 30 June Stadium, Cairo, Egypt | 62 | เคนยา | 0–3 | 0–3 | 2019 Africa Cup of Nations |
19 | 5 July 2019 | Cairo International Stadium, Cairo, Egypt | 63 | ยูกันดา | 1–0 | 1–0 | 2019 Africa Cup of Nations |
20 | 11 November 2020 | Stade Lat-Dior, Thiès, Senegal | 70 | กินี-บิสเซา | 1–0 | 2–0 | 2021 Africa Cup of Nations qualification |
21 | 15 November 2020 | Estádio 24 de Setembro, Bissau, Guinea-Bissau | 71 | 1–0 | 1–0 | ||
22 | 5 June 2021 | Stade Lat-Dior, Thiès, Senegal | 74 | แซมเบีย | 1–0 | 3–1 | Friendly |
23 | 8 June 2021 | 75 | กาบูเวร์ดี | 2–0 | 2–0 | ||
24 | 1 September 2021 | 76 | โตโก | 1–0 | 2–0 | 2022 FIFA World Cup qualification | |
25 | 7 September 2021 | Stade Alphonse Massamba-Débat, Brazzaville, Republic of the Congo | 77 | สาธารณรัฐคองโก | 3–1 | 3–1 | |
26 | 9 October 2021 | Stade Lat-Dior, Thiès, Senegal | 78 | นามิเบีย | 3–0 | 4–1 |
เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค
ลิเวอร์พูล
ไบเอิร์นมิวนิก
เซเนกัล
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.