คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เฟอร์จิล ฟัน ไดก์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ (ดัตช์: Virgil van dijk) เกิด 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกในตำแหน่งกองหลังและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในปัจจุบันเขาได้เป็นกัปตันทีมสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และได้เข้าร่วมฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ครั้งแรกใน ค.ศ. 2014 ความสามารถของฟัน ไดก์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับการยกย่องให้เป็นกองหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก[4] ฟัน ไดก์เป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำ และทักษะกลางอากาศ[5][6][7] เขาเป็นกองหลังคนเดียวที่ชนะรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า และได้อันดับรองชนะเลิศในสาขาผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่าของบาลงดอร์[8][9]
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
Remove ads
Remove ads
สโมสรอาชีพ
สรุป
มุมมอง
โครนิงเงิน
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เขาลงเล่นอาชีพให้สโมสรโครนิงเงินเป็นครั้งแรก โดยถูกเปลี่ยนลงมาแทน เพตเตอร์ แอนเดอร์สสัน ในนาทีที่ 72 ระหว่างชัยชนะ 4–2 กับเอดีโอ เดน ฮาก และในวันที่ 29 พฤษภาคม ในการเจอกับทีมเอดีโอ เดน ฮาก ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่เขาได้เจอในเกมแรกที่ได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง โดยนัดนี้เขาเป็นตัวจริงให้กับโครนิงเก้นเป็นครั้งแรกและยิงประตูแรกในอาชีพของเขา โดยทำประตูได้สองครั้งในการชนะ 5-1 ในการแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบเพลย์ออฟ
เซลติก
ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ฟัน ไดก์ ได้บรรลุข้อตกลงทำสัญญา 4 ปี กับสโมสรฟุตบอลเซลติกด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์ เขาได้ลงสนามนัดแรกในวันที่ 17 สิงหาคม ด้วยการเปลี่ยนตัวลงไปแทนเอเฟ แอมโบรส ในช่วง 13 นาทีสุดท้ายในนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลแอเบอร์ดีน
เซาแทมป์ตัน
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2015 ฟัน ไดก์ ได้ย้ายมายังสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตันด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ ในสัญญา 5 ปี เขาได้ลงสนามนัดแรกให้กับทีมในนัดที่ไปเยือนสนามเดอะฮอว์ธอร์นของสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมวิชอัลเบียนในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
ลิเวอร์พูล
ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2017 มีข่าวว่า ฟัน ไดก์ ได้ตกลงร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาววันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2018 ด้วยค่าตัวราว 75 ล้านปอนด์ซึ่งจะกลายเป็นสถิติค่าตัวสูงที่สุดในโลกของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง[10][11]
ฤดูกาล 2017-18
ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสาม ฟัน ไดก์ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[12]
ฤดูกาล 2018-19
ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0[13] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ ฟัน ไดก์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนธันวาคมของพรีเมียร์ลีก
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[14] ต่อมา ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก ที่อัลลีอันทซ์อาเรนา 3-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[15] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[16]
ในวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2018-19 ส่งผลให้ ฟัน ไดก์เป็นนักเตะคนที่ 8 ของลิเวอร์พูล ที่ได้รับรางวัลนี้ถัดจาก มุฮัมมัด เศาะลาห์ (2017-18), ลุยส์ ซัวเรซ (2013-14), สตีเวน เจอร์ราร์ด (2005-06), จอห์น บาร์นส์ (1987-88), เอียน รัช (1983-84), เคนนี ดัลกลิช (1982-83) และเทอร์รี แม็คเดอร์ม็อตต์ (1979-80)[17] รวมทั้ง ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ ซาดีโย มาเน, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 3 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย ต่อมา ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-2[18] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[19] รวมถึง ฟัน ไดก์คว้ารางวัล Man of the Match ในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย
ฤดูกาล 2019-20
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2019–20 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 4-1[20] ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-1[22] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[23]
ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[24] ต่อมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-1[25] จบฤดูกาล ฟัน ไดก์ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[26] ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน, ซาดีโย มาเน และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 4 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย[27]
ฤดูกาล 2020-21
ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2020 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2020–21 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 4-3[28] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ได้รับบาดเจ็บหนักที่เส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า จากการปะทะกับ จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูของเอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้ ฟัน ไดก์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว
ฤดูกาล 2021-22
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์กลับมาลงสนามครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ในช่วงปรีซีซั่นที่เจอกับ แฮร์ทา เบเอ็สเซ ต่อมา ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลถึงปี 2025[29] ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เซาแทมป์ตัน 4-0[30] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 3-1[31] ต่อมา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 6-0[32]
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[33]
ฤดูกาล 2022-23
ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[34]
ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 3-1[35] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ 2-0[36]
ฤดูกาล 2023-24
ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์โดนใบแดงไล่ออกจากสนามเนื่องจากไปตัดบอลคู่แข่งในจังหวะสุดท้าย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 2-1[37] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ที่บรามอลล์เลน 2-0[38] ต่อมา ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2024 เอฟเอคัพ รอบ 4 ฟัน ไดก์ทำประตูในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 5-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลูตันทาวน์ 4-1[40]
Remove ads
สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024
- Appearances in KNVB Cup, Scottish Cup and FA Cup
- Appearances in Scottish League Cup and League Cup/EFL Cup
- Appearances in UEFA Champions League
- Six appearances in UEFA Champions League, eight in UEFA Europa League
- One appearance in FA Community Shield, one in UEFA Super Cup, one in FIFA Club World Cup
ทีมชาติ
- ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2023[53]
- ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022
- Netherlands score listed first, score column indicates score after each Van Dijk goal[53]
Remove ads
เกียรติประวัติ
สรุป
มุมมอง
สโมสร
เซลติก
- Scottish Premiership: 2013–14, 2014–15
- Scottish League Cup: 2014–15
เซาแทมป์ตัน
- EFL Cup runners-up: 2016–17
ลิเวอร์พูล
รางวัลส่วนตัว
- PFA Players' Player of the Year: 2018–19
- PFA Team of the Year: 2018–19, 2019–20
- PFA Player of the Month: พฤศจิกายน 2018, กุมภาพันธ์ 2019[62]
- Premier League Player of the Season: 2018–19
- Premier League Player of the Month: ธันวาคม 2018[63]
- UEFA Men's Player of the Year Award: 2018–19
- UEFA Defender of the Season: 2018–19
- UEFA Team of the Year: 2018, 2019
- UEFA Champions League Squad of the Season: 2017–18, 2018–19
- UEFA Nations League Finals Team of the Tournament: 2019
- FIFA FIFPro World XI: 2019, 2020
- FIFA FIFPro World XI 5th Team: 2018
- Liverpool Fans Player of the Season: 2018–19
- Liverpool Players' Player of the Season: 2018–19
- Southampton Player of the Season: 2015–16
- PFA Scotland Team of the Year: 2013–14, 2014–15
- Celtic FC Players' Player of the Year: 2013–14
- Goal 50: 2018–19
- IFFHS Men's World Team: 2019, 2020
- ESM Team of the Year: 2018–19, 2019–20
- Ballon d'Or: 2019 (2nd place)
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: สิงหาคม 2018[64], กุมภาพันธ์ 2019[65], กุมภาพันธ์ 2022
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads