จังหวัดอุบลราชธานี

จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จังหวัดอุบลราชธานี

อุบลราชธานี มักเรียกโดยทั่วไปสั้นๆ ว่า อุบลฯ อักษรย่อ อบ เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากจังหวัดนครราชสีมา และอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากจังหวัดนครราชสีมา[ต้องการอ้างอิง] นับเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีหลักฐานทั้งประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่เก่าแก่ เช่น ภาพเขียนสีที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง ประเพณีที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนี้คือแห่เทียนพรรษา[2] มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดยโสธร จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา

ข้อมูลเบื้องต้น จังหวัดอุบลราชธานี, การถอดเสียงอักษรโรมัน ...
จังหวัดอุบลราชธานี
การถอดเสียงอักษรโรมัน
  อักษรโรมันChangwat Ubon Ratchathani
Thumb
Thumb
Thumb
Thumb
Thumb
Thumb
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง:
คำขวัญ: 
อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี
มีปลาแซ่บหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์
ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา
ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น
ดินแดนอนุสาวรีย์ คนดีศรีอุบล
Thumb
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานีเน้นสีแดง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานีเน้นสีแดง
ประเทศ ไทย
การปกครอง
  ผู้ว่าราชการ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2567)
  นายก อบจ. กานต์ กัลป์ตินันท์
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2563)
พื้นที่
  ทั้งหมด15,774.00 ตร.กม. (6,090.38 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่อันดับที่ 5
ประชากร
 (พ.ศ. 2566)[1]
  ทั้งหมด1,869,608 คน
  อันดับอันดับที่ 2
  ความหนาแน่น118.52 คน/ตร.กม. (307.0 คน/ตร.ไมล์)
  อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 44
รหัส ISO 3166TH-34
ชื่อไทยอื่น ๆอุบล, อุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
  ต้นไม้ยางนา
  ดอกไม้บัว
  สัตว์น้ำปลาเทโพ
ศาลากลางจังหวัด
  ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ถนนแจ้งสนิท ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000
  โทรศัพท์0 4525 4539, 0 4531 9700
เว็บไซต์www.ubonratchathani.go.th
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย
ปิด

จังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณแอ่งโคราช โดยมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งภูมิประเทศแบบที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขาสลับซับซ้อนในชายแดนตอนใต้โดยเฉพาะบริเวณอำเภอน้ำยืนและนาจะหลวย โดยมีเทือกเขาที่สำคัญคือทิวเขาบรรทัดและทิวเขาพนมดงรัก มีแม่น้ำโขงกั้นระหว่างตัวจังหวัดและประเทศลาว และมีแม่น้ำสำคัญ ๆ ได้แก่ แม่น้ำมูลและแม่น้ำชี นอกจากนี้ยังมีลำน้ำที่สำคัญ ๆ หลายสาย มีลำเซบาย ลำเซบก ลำโดมใหญ่ และลำโดมน้อยเป็นอาทิ

ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนมากนิยมประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักโดยมีการทำนาข้าวและเพาะปลูกพืชไร่ชนิดต่าง ๆ เช่น ปอแก้ว มันสำปะหลัง ถั่วลิสง มีการเลี้ยงปศุสัตว์ และทำการประมงอยู่เล็กน้อย และยังมีอาชีพอื่น ๆ ที่สำคัญด้วย อาทิ อุตสาหกรรมและการค้าการบริการ จังหวัดอุบลราชธานีได้รับขนานนามว่า" เมืองนักปราชญ์ เมืองศิลปินแห่งชาติ"[3]

ประวัติศาสตร์

สรุป
มุมมอง

อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีเขตการปกครองอย่างกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ครอบคลุมพื้นที่ราบทางด้านตะวันออกของภาคอีสานตอนล่าง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายสำคัญถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่ เช่น ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ เป็นต้น โดยแม่น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไหลผ่านที่ราบทางด้านเหนือและทางด้านใต้เป็นแนวยาวสู่ปากแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง ให้ความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ในบริเวณแถบนี้ทั้งหมด ทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์มาแต่ โบราณกาล[4]

ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เป็นของอาณาจักรพระนคร จนกระทั่งพระเจ้าฟ้างุ้มได้สถาปนาอาณาจักรล้านช้าง และสืบต่อมาเป็นอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2314 กลุ่มเจ้าพระวอ พร้อมด้วยท้าวคำผง (พระประทุมวรราชสุริยวงศ์) ได้อพยพมาจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน มาตั้งเมืองใหม่ที่บริเวณดอนมดแดง ต่อมาได้เกิดน้ำท่วมเกาะนั้น จึงได้ย้ายเมืองมาตั้งที่บริเวณตัวจังหวัดในปัจจุบัน และได้ตั้งเป็นเมืองอุบลราชธานี ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2335 จนกระทั่งถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลอีสานและมณฑลอุบล ก่อนจะถูกโอนมาขึ้นกับมณฑลนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2469

ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกมณฑลทั้งประเทศ จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งแยกออกมาจากมณฑลนครราชสีมาในขณะนั้น ได้กลายเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากนั้นจังหวัดอุบลราชธานีก็ได้ถูกแบ่งออกในปี พ.ศ. 2515 อำเภอยโสธรและอำเภอใกล้เคียงถูกแยกเป็นจังหวัดยโสธร และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ได้ถูกแบ่งอีกครั้ง โดยอำเภออำนาจเจริญและอำเภอใกล้เคียงถูกแยกเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ

ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่เป็นอันดับ 5 ของไทย และมีประชากรลำดับที่ 3 ของประเทศ

ภูมิศาสตร์

สรุป
มุมมอง

อาณาเขต

แนวพรมแดนติดต่อกับประเทศลาวและกัมพูชา รวมความยาวประมาณ 428 กิโลเมตร

  • ติดต่อกับประเทศลาว 361 กิโลเมตร (จากอำเภอเขมราฐถึงอำเภอน้ำยืน ติดต่อกับแขวงสุวรรณเขต แขวงสาละวัน และแขวงจำปาศักดิ์)
  • ติดต่อกับประเทศกัมพูชา 67 กิโลเมตร (อำเภอน้ำยืน ติดต่อกับจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา)

ภูมิประเทศ

Thumb
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ

จังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า แอ่งโคราช โดยสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 120-140 เมตร (395-460 ฟุต) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่สูงต่ำ เป็นที่ราบสูงลาดเอียงไปทางตะวันออกมีแม่น้ำโขง เป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอุบลราชธานีกับประเทศลาว มีแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลซึ่งไหลผ่านกลางจังหวัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกแล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม และมีลำน้ำใหญ่ๆ อีกหลายสาย ได้แก่ ลำเซบาย ลำเซบก ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย ห้วยตุงลุง และมีภูเขาสลับซับซ้อนหลายแห่งทางบริเวณชายแดนตอนใต้ ที่สำคัญคือ ทิวเขาบรรทัดและทิวเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นอาณาเขตระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา

ลักษณะภูมิสัณฐานของจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งออกโดยสังเขป ดังนี้

  • บริเวณที่เป็นสันดินริมน้ำ เกิดจากตะกอนลำน้ำที่พัดพามาทับถม สภาพพื้นที่เป็นเนินสันดินริมฝั่งแม่น้ำโขง และบางบริเวณสันดินริมฝั่งลำเซบาย
  • บริเวณที่เป็นแบบตะพักลำน้ำ ที่เกิดจากการกระทำของขบวนการของน้ำนานมาแล้ว ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ลักษณะพื้นที่ที่มีทั้งที่เป็นที่ราบแบบลูกคลื่นลอนลาดจนถึงลูกคลื่นลอนชัน จะอยู่ถัดจากบริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงขึ้นมา พื้นที่เหล่านี้จะพบในบริเวณทั่วไปของจังหวัด กล่าวคือทางตอนเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ บางแห่งใช้สำหรับทำนาและบางแห่งใช้สำหรับปลูกพืชไร่
  • บริเวณที่เป็นแอ่งหรือที่ลุ่ตวมต่ำหลังลำน้ำ เกิดจากการกระทำของน้ำ พบบางแห่งในบริเวณริมแม่น้ำโขง แม่น้ำชี ลำเซบาย และลำโดมใหญ่ จะมีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน
  • กำลังของน้ำจะมีมากจนสามารถพัดพาเอาตะกอนเหล่านั้นออกมานอกหุบเขาได้ เมื่อมาถึงนอกหุบเขาหรือเชิงเขา สภาพพื้นที่ก็จะเป็นที่ราบทางน้ำไหลกระจายออกไป ทำให้กำลังของน้ำลดลง ก็จะตกตะกอนในบริเวณน้ำ จะพบอยู่ทางตอนใต้และทางตะวันตกของจังหวัด
  • บริเวณที่เป็นเนินที่เกิดจากการไหลของธารลาวา เป็นเนินเขาที่เกิดจากการไหลของธารลาวา ดินบริเวณนี้จะมีศักยภาพทางการเกษตรสูง ซึ่งเป็นผลจากการสลายตัวผุพังของหินบะซอลต์ บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอน้ำยืน
  • บริเวณที่ลาดเชิงเขา เป็นที่ลาดเชิงเขาที่ตะกอนบริเวณที่เกิดจากการกระทำของน้ำนานมาแล้วทับถมกัน บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอโขงเจียม อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอตระการพืชผล
  • บริเวณที่ลาดเชิงซ้อน ลักษณะเป็นภูเขาหรือทิวเขามีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จะพบบริเวณทิวเขาพนมดงรักในอำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย และอำเภอบุณฑริก อีกแห่งหนึ่งคือ ทิวเขาภูเขาซึ่งจะพบมากในอำเภอโขงเจียมและอำเภอศรีเมืองใหม่

ภูมิอากาศ

  • ฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเรื่อยไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม และมักปรากฏเสมอว่าฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แต่ระยะเวลาการทิ้งช่วงมักจะไม่เหมือนกันในแต่ละปี
  • ฤดูหนาว เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศ ทำให้ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภูมิภาคอื่น อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่เดือนตุลาคมและจะสิ้นสุดปลายเดือนมกราคม
  • ฤดูร้อน ถึงแม้ว่าเคยปรากฏบ่อยครั้งว่าอากาศยังคงหนาวเย็นยืดเยื้อมาจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่แล้วอากาศจะ เริ่มอบอ้าว ในเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงประมาณต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งอาจจะมีฝน เริ่มตกอยู่บ้างในปลายเดือนเมษายน

ทรัพยากร

ทรัพยากร ดิน จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่และมีประชากรมาก ดินเป็นทรัพยากรคิด เป็นร้อยละ 86.6 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด หรือประมาณ 10,299,063 ไร่ ด้านป่าไม้มีทั้งป่าเต็งรัง หรือป่าแดงมีอยู่ทั่วไป มีเขตป่าดงดิบในเขตอำเภอน้ำยืน และป่าผสม ส่วนป่าเบญจพรรณมีอยู่ในอำเภอเขมราฐ อำเภอบุณฑริก และอำเภอพิบูลมังสาหาร ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้กระยาเลย ได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตระแบก ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้เคี่ยม ไม้ชุมแพรก ไม้กันเกรา สภาพพื้นที่ป่าไม้จากการสำรวจเมื่อปี 2538 มีเนื้อป่าประมาณ 2,495 ตร.กม. หรือประมาณ 1.56 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 15.49 ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัดอุบลราชธานี สำหรับพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งได้ดังนี้ ป่าถาวร ตามมติ ครม.จำนวน 1 ป่า เนื้อที่ 77,312.50 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 46 ป่า เนื้อที่ 3,396,009.163 ไร่ พื้นที่ป่า สปก. จำนวน 40 ป่า เนื้อที่ 1,665,543.30 ไร่ ป่าอนุรักษ์ ตาม มติ ครม. จำนวน 10 ป่า เนื้อที่ 1,439,998.402 ไร่ ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย จำนวน 5 ป่า เนื้อที่ 880,220.00 ไร่ สวนป่า จำนวน 15 ป่า เนื้อที่ 20,985.73 ไร่ พื้นที่ป่าธรรมชาติ (รวม จ.อำนาจเจริญ) เนื้อที่ 24,292,656 ไร่

แร่ธาตุ จากการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี พบว่า จังหวัดอุบลราชธานีมีแร่อโลหะเพียงชนิดเดียว คือ เกลือหิน ซึ่งเจาะพบแล้ว 2 แห่งคือ อำเภอเมืองอุบลราชธานีและอำเภอตระการพืชผล นอกจากนี้ มีทรัพยากรแร่ที่อยู่ในรูปของหินชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย สำหรับแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญคือ แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย และห้วยตุงลุง

การเมืองการปกครอง

สรุป
มุมมอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

จังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 219 ตำบล 2704 หมู่บ้าน ได้แก่

Thumb
แผนที่อำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี
1.อำเภอเมืองอุบลราชธานี
2.อำเภอศรีเมืองใหม่
3.อำเภอโขงเจียม
4.อำเภอเขื่องใน
5.อำเภอเขมราฐ
6.อำเภอเดชอุดม
7.อำเภอนาจะหลวย
8.อำเภอน้ำยืน
9.อำเภอบุณฑริก
10.อำเภอตระการพืชผล
11.อำเภอกุดข้าวปุ้น
12.อำเภอม่วงสามสิบ
13.อำเภอวารินชำราบ
14.อำเภอพิบูลมังสาหาร
15.อำเภอตาลสุม
16.อำเภอโพธิ์ไทร
17.อำเภอสำโรง
18.อำเภอดอนมดแดง
19.อำเภอสิรินธร
20.อำเภอทุ่งศรีอุดม
21.อำเภอนาเยีย
22.อำเภอนาตาล
23.อำเภอเหล่าเสือโก้ก
24.อำเภอสว่างวีระวงศ์
25.อำเภอน้ำขุ่น

การปกครองส่วนท้องถิ่น

มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 239 องค์กรแบ่งออกเป็น 1 เทศบาลนคร 4 เทศบาลเมือง 54 เทศบาลตำบล 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด และ 179 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้

รายนามผู้ว่าราชการเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด

ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, ชื่อ ...
ลำดับ ชื่อ วาระการดำรงตำแหน่ง
ข้าหลวงกำกับราชการเมืองอุบลราชธานี[5]
1 หลวงจินดารัตน์ (ถนัด กัปตัน) พ.ศ. 2425–2426
2 พระยาศรีสิงหเทพ (ทัด ไกรฤกษ์) พ.ศ. 2426–2436
3 พระยาภักดีณรงค์ (สิน ไกรฤกษ์) พ.ศ. 2436–2441
4 พระโยธีบริรักษ์ (เคลือบ ไกรฤกษ์) พ.ศ. 2441–2443
ผู้ว่าราชการเมืองอุบลราชธานี[5]
1 พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล) ไม่ทราบข้อมูล
2 พระอุบลการประชานิตย์ (บุญชู พรหมวงศานนท์) ไม่ทราบข้อมูล
3 หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) พ.ศ. 2450[6]–2451[7]
4 อำมาตย์เอกพระภิรมย์ราชา (พร้อม วาจรัต) พ.ศ. 2456–2458
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี[5]
1 อำมาตย์เอกพระยาปทุมเทพภักดี (อ่วม บุณยรัตพันธุ์) พ.ศ. 2458–2465
2 อำมาตย์โทพระยาปทุมเทพภักดี (ธน ณ สงขลา) พ.ศ. 2465–2469
3 อำมาตย์เอกพระยาตรังคภูมาภิบาล (เจิม ปันยารชุน) พ.ศ. 2469–2471
4 อำมาตย์โทพระยาสิงหบุรานุรักษ์ (สวาสดิ์ บุรณสมภพ) พ.ศ. 2471–2473
5 อำมาตย์โทพระยาประชาศรัยสรเดช (ถาบ ผลนิวาส) พ.ศ. 2473–2476
6 พ.ต.อ.พระขจัดทารุณกรรม (เงิน หนุนภักดี) พ.ศ. 2476–2478
7 อำมาตย์เอกพระปทุมเทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสิทธิ์) พ.ศ. 2478–2481
8 อำมาตย์เอกพระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) พ.ศ. 2481–2481
9 อำมาตย์เอกพระพรหมนครานุรักษ์ (ฮกไถ่ พิศาลบุตร) พ.ศ. 2481–2482
10 อำมาตย์โทพระยาอนุมานสารกรรม (โต่ง สารักคานนท์) พ.ศ. 2482–2483
11 พ.ต.อ.พระกล้ากลางสมร (มงคล หงษ์ไกร) พ.ศ. 2483–2484
12 หลวงนครคุณูปถัมภ์ (หยวก ไพโรจน์) พ.ศ. 2484–2487
13 หลวงนรัตถรักษา (ชื่น นรัตถรักษา) พ.ศ. 2487–2489
14 นายเชื้อ พิทักษากร พ.ศ. 2489–2490
15 หลวงอรรถสิทธิ์สิทธิสุนทร (อรรถสิทธิ์ สิทธิสุนทร) พ.ศ. 2490–2492
16 นายชอบ ชัยประภา พ.ศ. 2492–2494
17 นายยุทธ จัณยานนท์ พ.ศ. 2494–2495
18 นายสง่า สุขรัตน์ พ.ศ. 2495–2497
19 นายเกียรติ ธนกุล พ.ศ. 2497–2498
20 นายสนิท วิไลจิตต์ พ.ศ. 2498–2499
21 นายประสงค์ อิศรภักดี พ.ศ. 2499–2501
22 นายกำจัด ผาติสุวัณณ์ พ.ศ. 2501–2509
23 นายพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ พ.ศ. 2509–2513
24 พลตำรวจตรีวิเชียร ศรีมันตร พ.ศ. 2513–2516
25 นายเจริญ ปานทอง พ.ศ. 2516–2518
26 นายเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ พ.ศ. 2519–2520
27 นายประมูล จันทรจำนง พ.ศ. 2520–2522
28 นายบุญช่วย ศรีสารคาม พ.ศ. 2522–2526
29 นายเจริญสุข ศิลาพันธุ์ พ.ศ. 2526–2528
30 เรือตรีดนัย เกตุสิริ พ.ศ. 2528–2532
31 นายสายสิทธิ พรแก้ว พ.ศ. 2532–2535
32 นายไมตรี ไนยกูล พ.ศ. 2535–2537
33 นายนิธิศักดิ์ ราชพิธ พ.ศ. 2537–2538
34 ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. ยุวัฒน์ วุฒิเมธี พ.ศ. 2538–2540
35 นายชาติสง่า โมฬีชาติ พ.ศ. 2540–2541
36 นายศิวะ แสงมณี พ.ศ. 2541–2543
37 นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ พ.ศ. 2543–2544
38 นายชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์ พ.ศ. 2544–2546
39 นายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร พ.ศ. 2546–2548
40 นายสุธี มากบุญ พ.ศ. 2548–2550
41 นายชวน ศิรินันท์พร พ.ศ. 2550–2553
42 นายสุรพล สายพันธ์ พ.ศ. 2553–2555
43 นายวันชัย สุทธิวรชัย พ.ศ. 2555–2557
44 นายเสริม ไชยณรงค์ พ.ศ. 2557–2558
45 นายประทีป กีรติเรขา พ.ศ. 2558–2558
46 นายสมศักดิ์ จังตระกุล พ.ศ. 2558–2560
47 นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ พ.ศ. 2560–2564
48 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ พ.ศ. 2564–2565
49 นายชลธี ยังตรง พ.ศ. 2565–2566
50 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ พ.ศ. 2566–2567
51 ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พ.ศ. 2567–ปัจจุบัน
ปิด

ประชากรศาสตร์

ข้อมูลเพิ่มเติม ปี, ประชากร ...
สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี
ปีประชากร±%
2550 1,785,709    
2551 1,795,453+0.5%
2552 1,803,754+0.5%
2553 1,813,088+0.5%
2554 1,816,057+0.2%
2555 1,826,920+0.6%
2556 1,836,523+0.5%
2557 1,844,669+0.4%
2558 1,857,429+0.7%
2559 1,862,965+0.3%
2560 1,869,633+0.4%
2561 1,874,548+0.3%
2562 1,878,146+0.2%
2563 1,866,682−0.6%
2564 1,868,519+0.1%
อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[8]
ปิด

การศึกษา

Thumb
ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ระดับอาชีวศึกษา
  • วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี
  • วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี
  • วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี
  • วิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี
  • วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม
  • วิทยาลัยเทคนิคตระการพืชผล
  • วิทยาลัยการอาชีพวารินชำราบ
  • วิทยาลัยเทคนิคเขมราฐ
  • วิทยาลัยเทคนิคพิบูลมังสาหาร
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาอุบลราชธานี


ระดับอุดมศึกษา

การขนส่ง

สรุป
มุมมอง
Thumb
วงเวียนน้ำพุ

รถยนต์

ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี

รถไฟ

มีรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว รถท้องถิ่น และรถเร็วเสริมเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ จากกรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ สุดปลายทางที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ โดยจังหวัดอุบลราชธานี มีสถานีรถไฟเล็ก ๆ อีก 2 แห่ง คือ สถานีบุ่งหวาย และสถานีห้วยขะยุง

รถโดยสารประจำทาง

การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัดอุบลราชธานีโดยรถโดยสารประจำทางทั้งชนิดรถธรรมดาและรถปรับอากาศนั้น จะออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิตใหม่)[9] มายังสถานีปลายทางคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ บริษัท ขนส่ง จำกัด ยังมีบริการรถโดยสารระหว่างอุบลราชธานีและเมืองปากเซของประเทศลาวทุกวัน[10]

ส่วนรถประจำทางระหว่างจังหวัดนั้น มีเดินรถระหว่างอุบลราชธานีไปถึงจังหวัดปลายทางต่าง ๆ ในหลายภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้แล้ว กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศถึงการเปิดเดินรถสายอุบลราชธานี –เกาะสมุย เพื่อเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคในอนาคต และอีกในอนาคตข้างหน้า กรมการขนส่งทางบกยังมีแผนการที่จะเปิดเดินรถสายสายเหนืออีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางอุบลราชธานี – เชียงรายแม่สาย โดยอาจดำเนินการบริษัทนครชัยแอร์ เพื่อเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคในอนาคต ส่วนแผนการเปิดเส้นทางเดินรถระหว่างประเทศของกรมการขนส่งทางบกนั้น ในปัจจุบันมีอยู่ 3 เส้นทาง คือ สายอุบลราชธานี–จำปาศักดิ์ อุบลราชธานี–คอนพะเพ็ง และ อุบลราชธานี–เสียมราฐ

อากาศยาน

จังหวัดอุบลราชธานี มีท่าอากาศยานนานาชาติจำนวน 1 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี โดยมีสายการบินจากจังหวัดอุบลราชธานีสู่จุดหมายปลายทางต่าง ๆ ดังนี้[11]

รถเมล์หรือรถสองแถวประจำทาง

Thumb
แผนที่แสดงเส้นทางเดินรถเมล์ขนาดเล็กภายในตัวเมืองอุบลราชธานี-วารินชำราบ

ในปัจจุบัน การเดินทางภายในเขตตัวเมืองอุบลราชธานี-วารินชำราบ และบริเวณโดยรอบนั้นมีการบริการด้วยรถสองแถวประจำทางขนาดเล็กที่ให้การบริการโดยเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 11 เส้นทาง ดังรายละเอียดต่อไปนี้[12]

  •        สายที่ 1 บ้านธาตุ - สามแยกเข้าหมู่บ้านหนองแก
  •        สายที่ 2 สถานีรถไฟอุบลราชธานี - โรงเรียนศรีปทุมพิทยาคาร
  •        สายที่ 3 บ้านก่อ - โรงเรียนเทคโนโลยีและเกษตรกรรมอุบลราชธานี
  •        สายที 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ - การประปา
  •        สายที่ 7 ศาลปู่เจ้าคำจันทร์ - วัดพุทธนิคมกิติยาราม
  •        สายที่ 8 บ้านปลาดุก - สถานีโทรคมนาคมอุบลราชธานี
  •        สายที่ 9 ตลาดสดวารินชำราบ - หาดคูเดื่อ
  •        สายที่ 10 ศาลาบ้านดู่ - ศูนย์อพยพ
  •        สายที่ 11 บ้านบุ่งกาแซว - บ้านด้ามพร้า
  •        สายที่ 12 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - บ้านดง
  •        สายที่ 14 (ขึ้นต้นด้วยอักษร ม.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี
  •       สายที่ 15 อุบลซีตี้บัส ท่าอากาศยานอุบลราชธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี - เซ็นทรัลพลาซาอุบลราชธานี

รถแท็กซี

สำหรับการเดินทางในเขตเมืองอุบลราชธานีและวารินชำราบนั้น ในปัจจุบันมีแท็กซีมีเตอร์ให้บริการประมาณ 500 คัน ภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเดินรถแท็กซี่ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่

  • บริษัท แท็กซี่อุบล จำกัด ให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ มุกดาหาร และยโสธร
  • หจก. อุบลแท๊กซี่มิเตอร์พัฒนาให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
  • บริษัท สหการอุบล 2011 จำกัด ให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี

วัฒนธรรม

กีฬา

ทีมสโมสรฟุตบอลประจำจังหวัด

ประเพณี

  • ประเพณีแห่เทียนพรรษา
  • ประเพณีฆ่านกหัสดีลิงค์ (นกสักกะไดลิงในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าเมืองและพระครูชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป)

บุคคลที่มีชื่อเสียง

สรุป
มุมมอง

จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองนักปราชญ์ และเมืองศิลปินแห่งชาติ ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติดังนี้

ด้านศาสนา

ด้านศิลปิน

  • ดร.คำหมา แสงงาม-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2529 (สาขาทัศนศิลป์ - ปั้นแกะสลัก)
  • ทองมาก จันทะลือ-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2529 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • เฉลิม นาคีรักษ์-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2531 (สาขาทัศนศิลป์ - จิตรกรรม)
  • เคน ดาเหลา-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2534 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • ฉวีวรรณ ดำเนิน-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2536 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • บุญเพ็ง ไฝผิวชัย-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2540 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • คำพูน บุญทวี-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2544 (สาขาวรรณศิลป์)
  • ฉลาด ส่งเสริม-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2548 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2553 (สาขาทัศนศิลป์ - สถาปัตยกรรมไทย)
  • บานเย็น รากแก่น-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2556 (สาขาศิลปะการแสดง - หมอลำ)
  • พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2557 (สาขาศิลปะการแสดง - ดนตรีไทยลูกทุ่ง)
  • สมบัติ เมทะนี- ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2559 (สาขาศิลปะการแสดง - ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์)
  • คำปุน ศรีใส-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2561 (สาขาทัศนศิลป์ - ทอผ้า)
  • สลา คุณวุฒิ-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (สาขาศิลปะการแสดง - ประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง)
  • มีชัย แต้สุริยา-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (สาขาทัศนศิลป์ - ทอผ้า)
  • วิชชา ลุนาลัย-ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (สาขาวรรณศิลป์)
  • เทพพร เพชรอุบล-ศิลปิน
  • สนธิ สมมาตร-ศิลปิน
  • จันทร์เพ็ญ นิตะอินทร์-ศิลปินหมอลำ
  • สมาน หงษา-ศิลปินหมอลำ
  • เดชา นิตะอินทร์-ศิลปินหมอลำ
  • คำปุ่น ฟุ้งสุข-ศิลปินหมอลำ
  • ทองพูน ลูกโม-ศิลปินหมอลำ
  • บรรจง มาตยารักษ์-ศิลปินหมอลำ
  • บุญยัง สุภาพ-ศิลปินหมอลำ
  • บุญยัง ต้นทอง-ศิลปินหมอลำ
  • ทองใส ทับถนน-ศิลปิน
  • อังคนางค์ คุณไชย-ศิลปิน
  • แมน มณีวรรณ-ศิลปิน
  • ภูศิลป์ วารินรักษ์-ศิลปิน
  • มัลลิกา กิ่งแก้ว-ศิลปิน
  • อรทัย ดาบคำ-ศิลปิน
  • แคนดี้ รากแก่น-นักจัดรายการวิทยุ
  • ต๋อง ชวนชื่น-นักแสดงตลก
  • ออย ช็อคกิ้งพิ้งค์-นางแบบ
  • รจนา เพชรกัณหา-นางแบบ
  • รสริน จันทรา-นางแบบ
  • รัสมี เวระนะ-นักร้อง
  • ก้านตอง ทุ่งเงิน-นักร้อง
  • ดอกอ้อ ทุ่งทอง-นักร้อง
  • จั๊กจั่น วันวิสา
  • เอกพล มนต์ตระการ
  • นพดล ดวงพร-ศิลปินมรดกอีสาน
  • นันทิยา ศรีอุบล-นักร้องลูกทุ่ง
  • เบญจมินทร์-นักประพันธ์เพลง
  • บ. บุญค้ำ-นักเขียน
  • บัวผัน ทังโส-นักร้องหมอลำ
  • ผดุง ไกรศรี-นักเขียน
  • พีรฉัตร จิตรมาส-นางแบบ
  • เด่น อยู่ประเสริฐ-นักวิชาการ
  • ทองแปน พันบุปผา-ศิลปินมรดกอีสสาน
  • หงษ์ทอง หงษา-ศิลปินหมอลำ
  • สายยล จิตรธรรม-ศิลปินหมอลำ
  • ศรีจันทร์ วีสี-ศิลปินหมอลำ
  • เด่นชัย วงศ์สามารถ-ศิลปินหมอลำ
  • จอมศิลป์ บรรลุศิลป์-ศิลปินหมอลำ
  • คูณ ถาวรพงษ์-ศิลปินหมอลำ
  • ทองเจริญ ดาเหลา-ศิลปินมรดกอีสาน
  • มุกดา เมืองนคร-ศิลปินหมอลำ
  • คำภา ฤทธิทิศ-ศิลปินหมอลำ
  • ทองคำ เพ็งดี-ศิลปินมรดกอีสาน
  • บุญช่วง เด่นดวง-ศิลปินมรดกอีสาน
  • บุญแต่ง เคนทองดี-ศิลปินหมอลำ
  • คำภา ฤทธิทิศ-ศิลปินมรดกอีสานปี 2550
  • ดร.ดวง(จันทร์น้อย)วังสาลุน-ศิลปินมรดกอีสานปี 2550 ศิลปินประพันธ์กลอนลำทำนองอุบล
  • คมถวิล เวียงอุบล-ศิลปิน
  • วิเศษ เวณิกา-ศิลปิน
  • สมนึก พานิชกิจ-ศิลปินมรดกอีสาน
  • มลฤดี พรหมจักร์-ศิลปินมรดกอีสาน
  • รังสรรค์ วงศ์งาม-ศิลปินมรดกอีสาน
  • ทวี เกษางาม-ศิลปินมรดกอีสาน
  • ทรงรัฐ อ่อนสนิท-ศิลปินมรดกอีสาน
  • สมคิด สอนอาจ-ศิลปินมรดกอีสาน
  • คำแอ ทองจันทร์-ศิลปินมรดกอีสาน
  • ตุ้มทอง โชคชนะ (เบญจมินทร์)-ศิลปินมรดกอีสาน
  • พีระพงษ์ ดวงแก้ว-ศิลปินมรดกอีสาน
  • สำราญ บุบผาวาสน์-ศิลปินมรดกอีสาน
  • สมพงษ์ พละสูรย์-ศิลปินมรดกอีสาน
  • สุรสีห์ ผาธรรม-ศิลปินมรดกอีสาน
  • สุรินทร์ ภาคศิริ-ศิลปินมรดกอีสาน
  • ทอง ล้อมวงศ์-ศิลปินมรดกอีสาน

ด้านการเมือง การปกครอง

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.