กลุ่มรัฐข่า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

กลุ่มรัฐข่า เป็นข้อสันนิษฐาน[1][2][3]ถึงกลุ่มอำนาจในพื้นที่ลุ่มน้ำมูล, ลุ่มน้ำโขง และที่ราบสูงโบลาเวน จรดเทือกเขาอันนัมและที่สูงตอนกลางทางตะวันออก ซึ่งพบการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวเทิงหรือเขมรสูง [en] เช่น กำมุ [en]และกูย ศูนย์กลางอำนาจขนาดใหญ่โดยรอบมักเรียกกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้รวมกันว่า ข่า[4][5] ต่อมาอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์และหัวเมืองเขมรป่าดงเข้าแทนที่กลุ่มอำนาจดั้งเดิมในพื้นที่ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 23

ข้อมูลเบื้องต้น เรวแกวตะบองขะมุมรามรักโองการ นครกาลจำบากนาคบุรีศรี, ประวัติศาสตร์ ...
เรวแกว
ตะบองขะมุม
รามรักโองการ
นครกาลจำบากนาคบุรีศรี
ข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์
พุทธศตวรรษที่ 20  พ.ศ. 2256
ประวัติศาสตร์ 
 กฎมนเทียรบาลกล่าวถึงเมืองเรวแกว
พุทธศตวรรษที่ 20
 พงศาวดารเขมร ฉบับนักองค์เองกล่าวถึงเมืองตะบองคะมุม
พุทธศตวรรษที่ 20-21
 พงศาวดารล้านช้างกล่าวถึงเมืองรามรักโองการ
พ.ศ. 2114
 สร้างนครกาลจำบากนาคบุรีศรีตามตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์
ก่อน พ.ศ. 2186
พ.ศ. 2256
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรพระนคร
อาณาจักรล้านช้าง
อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์
เมืองประทายสมันต์
เมืองสังฆะ
เมืองรัตนบุรี
เมืองขุขันธ์
ปิด

เมืองเรวแกว

กฎมนเทียรบาลของอาณาจักรอยุธยาซึ่งตั้งขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถระบุถึงเมืองเรวแกวในฐานะ เมืองถวายดอกไม้ทองเงิน เมืองเรวแกวถูกสันนิษฐานว่าอาจเป็นเมืองในบริเวณใกล้กับจำปาศักดิ์ และชื่อเมืองอาจตรงกับคำว่า เรอแดว ซึ่งหมายถึงชาวระแด [en][1][3]

เมืองตะบองขะมุม

เจ้าพญาธรรมราชาหนีไปอยู่บ้านทำเลอม เหนือเขาพนมรุ้ง เกลี้ยกล่อมชาวบ้านชาวเมืองตะวันออกได้พร้อมมูล ยกกองทัพกลับมารบได้เมือง พระศรีโสไทยหนีมาอยู่ตำบลปรำบีโฉม เมืองลแวก จึงให้เจ้าใชยมนตรี ขุนนาง ยกกองทัพไปตั้งอยู่ตำบลตรวยลังว้า ฝ่ายพระธรรมราชา ขณะเมื่อหนีไปอยู่ทำเลอมนั้น ได้เปนมิตรสันถวะกันกับเจ้ากวย ครั้นได้พระนครหลวงแล้ว จึงให้มีหนังสือกำหนดไปขอกองทัพเจ้ากวยณเมืองตบงขมุมให้ยกมาช่วยรบพระศรีโสไทยณเมืองลแวก ครั้นได้กำหนด กองทัพเจ้าพญาธรรมราชากับกองทัพกวยก็ยกไปรบพระศรีโสไทย พระศรีโสไทยทานมิได้ก็ทิ้งครัวเสียหนีไป

พงษาวดารเมืองลแวก, ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๔

พงศาวดารเขมร ฉบับนักองค์เองระบุว่า เจ้ากวยแห่งเมืองตะบองขะมุมได้ให้ความช่วยเหลือแก่พระธรรมราชาธิราชรามาธิบดีที่ 1 ในการทำสงครามแย่งชิงราชสมบัติกับพระศรีสุริโยไทยราชา[6] เจ้ากวยถูกสันนิษฐานว่าอาจหมายถึงกษัตริย์ชาวกูย และเมืองตะบองขะมุมอาจเป็นรัฐอิสระในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20[2]

เมืองรามรักโองการ

๏ พระไชยเชษฐาธิราชเจ้า ก็เลยสร้างบ้านแปงเมืองรุ่งเรืองดีดังเก่าอยู่แล ส่วนพระไชยเชษฐาธิราชเจ้าแต่ได้เสวยศิริสมบัติทั้งมวญนานประมาณได้ ๒๔ วรรษา ถ้าจักกล่าวแต่ชาติมา อายุทั้งมวญได้ ๓๙ ปี ก็ไปกระทำยุทธกรรมสงครามในเมืองรามรักองการ กาลวิปริตผิดกองเลยถึงแก่พระองค์ ก็หลงเสียในเมืององการนั้น ในปีระวายเม็ดเดือน ๔ ขึ้น ๓ ค่ำ ศักราชได้ ๙๓๓ ตัวนั้นแล

พงศาวดารล้านช้าง บริเฉทที่ ๒, ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ ๑

พงศาวดารล้านช้างระบุถึงเหตุการณ์ที่สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชเสด็จไปทำสงครามที่เมืองรามรักโองการ แล้วสูญหายไปในศึกนั้น เมืองรามรักโองการถูกสันนิษฐานว่าอยู่ในพื้นที่แขวงอัตตะปือ[7] อย่างไรก็ตาม ได้มีการโต้แย้งว่า หากพิจารณาจากหลักฐานฝ่ายกัมพูชาร่วมด้วยแล้ว เมืองรามรักโองการอาจหมายถึงเมืองพระนคร[8]

นครกาลจำบากนาคบุรีศรี

ตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์[9]ได้ให้เงื่อนงำถึงการตั้งถิ่นฐานของชาวจาม[3]ในพุทธศตวรรษที่ 22 โดยระบุว่า กษัตริย์ขอมได้นำไพร่พลชาวจามและชาวลาวปนกูยสร้างเมืองขึ้นริมฝั่งขวาแม่น้ำโขง ก่อนที่วงศ์ผู้ปกครองจะถูกแทนที่ด้วยตระกูลเจ้าเมืองจากชาวพื้นเมือง จนกระทั่งอาณาจักรล้านช้างเกิดความแตกแยกภายในในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 เจ้าหน่อกษัตริย์ เจ้าชายจากเวียงจันทน์ได้รับอำนาจปกครองเหนือนครกาลจำบากนาคบุรีศรีและสถาปนาเป็นอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์

รายพระนามและรายนามผู้ปกครองในตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์[10]

ลำดับรายพระนาม/รายนามเริ่มต้น (พ.ศ.)สิ้นสุด (พ.ศ.)หมายเหตุ
1 ไม่ปรากฏพระนาม ไม่ปรากฏ ไม่ปรากฏ กษัตริย์ขอมผู้สร้างเมือง
2 เจ้าสุทัศราชา ไม่ปรากฏ 2168/2169 พระโอรสของกษัตริย์พระองค์ก่อน
ว่างตำแหน่ง 2168/2169 (จ.ศ. 987) – 2181/2182 (จ.ศ. 1000)
3 ไม่ปรากฏนาม 2181/2182 ไม่ปรากฏ ราษฎรยกให้เป็นเจ้าเมือง
4 นางเภา ไม่ปรากฏ ไม่ปรากฏ ธิดาของเจ้าเมืองคนก่อน
5 นางแพง ไม่ปรากฏ 2251 ธิดาของนางแพงและเจ้าปางคำ
6 เจ้าราชครูหลวงโพนสะเม็ก 2251 2256 อดีตพระครูเมืองเวียงจันทน์

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.