จังหวัดเชียงราย
จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เชียงราย (ไทยถิ่นเหนือ: ᨩ᩠ᨿᨦᩁᩣ᩠ᨿ, เจียงฮาย) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของประเทศไทยในเชิงภูมิศาสตร์ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่าและประเทศลาวทางทิศเหนือและทิศตะวันออก, จังหวัดพะเยาและจังหวัดลำปางทางทิศใต้ และจังหวัดเชียงใหม่ทางทิศตะวันตก จังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของชาวไทยวน ประกอบด้วยเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยุคก่อตั้ง หิรัญนครเงินยางเชียงแสน และ อาณาจักรล้านนา เช่น เมืองเงินยาง เมืองเชียงแสน และ เมืองเชียงราย[4] จังหวัดเชียงรายแบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ มีแม่น้ำกก แม่น้ำอิง แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสายสำคัญ ทำเลที่ตั้งของจังหวัดเชียงรายอยู่บริเวณรอยต่อระหว่าง 3 ประเทศ คือ ประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศลาว หรือรู้จักกันในนามของดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ในอดีตเคยเป็นแหล่งผลิตและขนส่งฝิ่นที่สำคัญของโลก ปัจจุบันจังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2561 มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมมากเป็นอันดับสองในภาคเหนือ รองจากจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนราว 3,600,000 คน คิดเป็นชาวต่างชาติราว 620,000 คน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดราว 28,500 ล้านบาท โดยมีท่าอากาศยานประจำจังหวัดคือท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง[5] เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายมาจากเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยมาจากการเกษตร การป่าไม้ และประมง ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 32,500 ล้านบาท[6]
จังหวัดเชียงราย | |
![]() | |
ชื่อภาษาไทย | |
---|---|
อักษรไทย | เชียงราย |
อักษรโรมัน | Chiang Rai |
ชื่อคำเมือง | |
อักษรธรรมล้านนา | ᨩ᩠ᨿᨦᩁᩣ᩠ᨿ |
อักษรไทย | เจียงฮาย |
จังหวัดเชียงราย | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Chiang Rai |
![]() ตามเข็มนาฬิกาจากด้านบน:
| |
คำขวัญ: เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง | |
![]() แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงรายเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | ชรินทร์ ทองสุข (ตั้งแต่ พ.ศ. 2567) |
• นายก อบจ. | อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2563) |
พื้นที่[1] [2] | |
• ทั้งหมด | 11,678.4 ตร.กม. (4,509.1 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 12 |
ประชากร (พ.ศ. 2567)[3] | |
• ทั้งหมด | 1,297,657 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 14 |
• ความหนาแน่น | 111.12 คน/ตร.กม. (287.8 คน/ตร.ไมล์) |
รหัส ISO 3166 | TH-57 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | เวียงไชยนารายณ์ และพันธุมติรัตนอณาเขต |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | กาซะลองคำ |
• ดอกไม้ | พวงแสด |
• สัตว์น้ำ | ปลาบึก |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ถนนแม่ฟ้าหลวง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 57100 |
• โทรศัพท์ | 0 5371 9143 |
เว็บไซต์ | www |
![]() |
เมืองเชียงรายมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นที่ตั้งของหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ซึ่งเป็นนครหลวงก่อนการกำเนิดอาณาจักรล้านนา มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในรูปแบบล้านนา ไทใหญ่ ไทเขิน และไทลื้อจากสิบสองปันนาผสมผสานกัน นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังขึ้นชื่อว่าเป็น "เมืองศิลปะ"[7]และเป็นที่เกิดของศิลปินที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการศิลปะไทย โดยเฉพาะ ถวัลย์ ดัชนี ผู้สร้างสรรค์บ้านดำ และเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้สร้างสรรค์วัดร่องขุ่นและหอนาฬิกาเมืองเชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปิน และเป็นแบบอย่างของวัดร่องเสือเต้นซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
ประวัติศาสตร์
สรุป
มุมมอง
สมัยราชวงศ์มังราย
พงศาวดารโยนกว่า พญามังรายสร้างขึ้น ณ ที่ซึ่งเดิมเป็นเวียงไชยนารายณ์ เมื่อ พ.ศ. 1805 และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงรายจนถึง พ.ศ. 1839 จึงไปสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในท้องที่ระหว่างดอยสุเทพกับแม่น้ำปิง และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่จนถึง พ.ศ. 1854 ส่วนตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุว่า พญามังรายทรงเสด็จตามช้างมาทางทิศตะวันออกแล้วเห็นชัยภูมิเหมาะแก่การสร้างเมืองริมฝั่งน้ำแม่กก จึงสร้างเป็นเวียงล้อมรอบดอยจอมทองไว้ในปี พ.ศ. 1805 [8]
สำหรับเมืองเชียงรายนั้น เมื่อพญามังรายย้ายไปครองราชสมบัติที่เมืองเชียงใหม่แล้ว พระราชโอรสคือ ขุนครามหรืออีกชื่อหนึ่งว่าพญาไชยสงครามก็ได้ครองราชสมบัติสืบต่อมา นับแต่นั้นเมืองเชียงรายก็ขึ้นต่อเมืองเชียงใหม่
สมัยล้านนาภายใต้การปกครองของพม่า
ครั้นต่อมาเมื่อล้านนาตกไปอยู่ในปกครองของพม่า ในปี พ.ศ. 2101 พม่าได้ตั้งขุนนางปกครองเมืองเชียงรายเรื่อยมา หลังจากนั้น พ.ศ. 2317 พระเจ้ากาวิละแห่งลำปางได้สวามิภักดิ์ต่อกรุงเทพฯ ทำให้หัวเมืองล้านนาฝ่ายใต้ตกเป็นประเทศราชของสยาม ขณะที่เชียงรายและหัวเมืองล้านนาฝ่านเหนืออื่น ๆ ยังคงอยู่ใต้อำนาจพม่า ล้านนากลายเป็นพื้นที่แย่งชิงอำนาจระหว่างสยามกับพม่า ในช่วงเวลาดังกล่าวเมืองเชียงรายเริ่มร้างผู้คน ประชาชนอพยพหนีภัยสงครามไปอยู่เมืองอื่น บ้างก็ถูกกวาดต้อนลงไปทางใต้ พ.ศ. 2247 เมืองเชียงแสนฐานที่มั่นสุดท้ายของพม่า ถูกกองทัพเชียงใหม่ ลำปาง และน่าน ตีแตก เมืองเชียงรายจึงกลายสภาพเป็นเมืองร้างตามเมืองเชียงแสน
สมัยล้านนาภายใต้การปกครองของสยาม
ในปี พ.ศ. 2386 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าหลวงเชียงใหม่ฟื้นฟูเชียงรายขึ้นใหม่ ภายหลังเมืองเชียงรายได้เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลพายัพ กระทั่งปี พ.ศ. 2453 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีประกาศกระทรวงมหาดไทย ยกฐานะเมืองเชียงรายเป็นเมืองจัตวามณฑลพายัพ ใน พ.ศ. 2453 เมืองเชียงแสน เมืองเชียงราย เมืองฝาง เวียงป่าเป้า เมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอแม่สรวย อำเภอเชียงคำ อำเภอเชียงของ ตั้งเป็นเมืองจัตวาเรียกว่าเมืองเชียงราย อยู่ในมณฑลพายัพ และจัดแบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเมืองเชียงแสน อำเภอเมืองฝาง อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอเมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอแม่สรวย อำเภอเชียงคำ และอำเภอเชียงของ เหมือนอย่างหัวเมืองชั้นในที่ขึ้นกับกรุงเทพมหานครทั้งปวง [9] ภายหลังเมืองเชียงรายได้เปลี่ยนเป็นจังหวัดเชียงราย[10]
การเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด
ตั้งแต่มีการตั้งจังหวัดเชียงราย อาณาเขตของจังหวัดเชียงรายมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ โดยมีการโอนพื้นที่บางส่วน ไปขึ้นกับจังหวัดข้างเคียง และโอนพื้นที่จังหวัดข้างเคียง เข้ามารวมกับจังหวัดเชียงราย รวมถึงการแบ่งพื้นที่บางส่วน ตั้งเป็นจังหวัดใหม่ ดังนี้
การโอนอำเภอเมืองฝาง ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่
มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โอนอำเภอเมืองฝาง จังหวัดเชียงรายไปขึ้นจังหวัดเชียงใหม่[11] ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากความลำบากในการเดินทางติดต่อราชการ ปัจจุบันคือ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
การโอนหมู่ 7 ตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสน ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่
พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด พุทธศักราช 2479 ได้มีการโอนพื้นที่เหนือลำน้ำแม่งามในเขตตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสนในขณะนั้น (อำเภอแม่จันในปัจจุบัน)ไปขึ้นตำบลแม่อาย อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ในเขต ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่[12]
การโอนอำเภอปง จังหวัดน่าน มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย
ตามพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแพร่ พ.ศ. 2495 ได้มีการโอนอำเภอปง จังหวัดน่าน ยกเว้น ตำบลสวด ซึ่งขึ้นกับอำเภอเมืองน่านในขณะนั้น (ปัจจุบันคืออำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน) มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย (สีเขียว) และโอนตำบลสะเอียบ (สีส้ม) อำเภอปง ไปขึ้นกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่[13]
การโอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 137 ซึ่งมีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติซึ่งออกตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 กำหนดให้เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน โดยโอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน (ปัจจุบันอยู่ในเขต อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน) [14]
การแบ่งพื้นที่บางส่วนตั้งเป็นจังหวัดพะเยา
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ได้แบ่งแยกพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของจังหวัดจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา[15]
แผนที่ | ปีที่เปลี่ยนแปลง (พ.ศ.) | การเปลี่ยนแปลง |
---|---|---|
![]() | 2453-2468 | แผนที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2453-2468 |
![]() | 2468 | การโอนพื้นที่อำเภอเมืองฝาง (สีแดง) จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่ |
![]() | 2479 | การโอนพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในขณะนั้น (สีแดง) ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่ |
![]() | 2495 | การโอนพื้นที่อำเภอปง จังหวัดน่าน ยกเว้น ตำบลสวด(สีเขียว) มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย และโอนตำบลสะเอียบ (สีส้ม) ไปขึ้นกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่ |
![]() | 2515 | โอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง (สีฟ้า) จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด (สีแดง) อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน |
![]() | 2520 | การแบ่งพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน และอำเภอเชียงคำ ไปตั้งเป็นจังหวัดพะเยา |
ภูมิศาสตร์
สรุป
มุมมอง
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศไทย อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 19 องศาเหนือ ถึง 20 องศา 30 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศา 15 ลิปดา ถึง 100 องศา 45 ลิปดาตะวันออก
- ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเมืองสาดและจังหวัดท่าขี้เหล็กของรัฐฉาน ประเทศพม่า และแขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงบ่อแก้ว และแขวงไชยบุรี ประเทศลาว
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอภูซาง อำเภอเชียงคำ อำเภอจุน อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว อำเภอเมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา อำเภอเมืองปาน อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
- ทิศตะวันตก ติดกับอำเภอดอยสะเก็ด อำเภอพร้าว อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเมืองสาด รัฐฉาน ประเทศพม่า
จังหวัดเชียงรายมีชายแดนติดกับประเทศพม่าประมาณ 130 กิโลเมตร และมีชายแดนติดต่อกับประเทศลาวประมาณ 180 กิโลเมตร เป็นเพียงหนึ่งในสองจังหวัดของประเทศไทยที่มีอาณาเขตชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันถึงสองประเทศในจังหวัดเดียว (เช่นเดียวกันกับจังหวัดอุบลราชธานี ที่มีเขตชายแดนติดกันกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา โดยมีสามเหลี่ยมมรกตที่อำเภอน้ำยืน) ทั้งนี้เป็นจังหวัดเดียวในภาคเหนือที่มีชายแดนติดกันสองประเทศโดยจุดแบ่งเขตชายแดนที่ติดกันทั้งสองประเทศอยู่ที่สามเหลี่ยมทองคำในเขตอำเภอเชียงแสน นอกจากนี้สามเหลี่ยมทองคำเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายด้วย
โดยอำเภอที่อยู่สุดเขตในจังหวัดเชียงรายมีดังนี้
- อำเภอแม่สาย ตั้งอยู่ทิศเหนือสุดของจังหวัดเชียงราย และประเทศไทย ซึ่งจุดเหนือสุดอยู่ที่ ตำบลเกาะช้าง
- อำเภอแม่สรวย เป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และตั้งอยู่ทิศตะวันตกสุดของจังหวัดเชียงราย ซึ่งจุดตะวันตกสุดอยู่ที่ ตำบลศรีถ้อย
- อำเภอเวียงป่าเป้า ตั้งอยู่ทิศใต้สุดของจังหวัดเชียงราย ซึ่งจุดใต้สุดอยู่ที่ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่
- อำเภอเวียงแก่น ตั้งอยู่ทิศตะวันออกสุดของจังหวัดเชียงราย ซึ่งจุดตะวันออกสุดอยู่ที่ ตำบลม่วงยาย
ส่วนอำเภอดอยหลวงนั้นเป็นอำเภอที่มีขนาดเล็กที่สุดของจังหวัดเชียงราย
ภูมิประเทศ
จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ 11,678.369 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,290,000 ไร่ มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงในทวีปตอนเหนือ (North Continental Highland) มีพื้นที่ราบสูงเป็นหย่อม ๆ ในเขตอำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอเชียงของ บริเวณเทือกเขาจะมีความสูงประมาณ 1,500-2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมีดอยลังกาหลวง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด มีความสูง 2,031 เมตร[16]บริเวณส่วนที่ราบตามลุ่มแม่น้ำสำคัญในตอนกลางของพื้นที่ ได้แก่ อำเภอพาน อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ มีความสูงประมาณ 410-580 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีป่าไม้ปกคลุม บริเวณเทือกเขามีชั้นความสูง 1,500-2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีที่ราบเป็นหย่อม ๆ ในระหว่างหุบเขา และตามลุ่มน้ำสำคัญ จังหวัดเชียงรายมีภูเขาล้อมรอบโดยเฉพาะทางทิศตะวันตกเป็นแนวเทือกเขาผีปันน้ำ ติดต่อกันไปเป็นพืดตลอดเขตจังหวัด
ภูมิอากาศ
จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 24 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน เริ่มจากกลางเดือนกุมภาพันธ์–กลางเดือนพฤษภาคม มีอุณหภูมิเฉลียประมาณ 32 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เริ่มจากกลางเดือนพฤษภาคม–กลางเดือนตุลาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ 1,768 มิลลิเมตร มากที่สุดในปี 2544 จำนวน 2,287.60 มิลลิเมตรน้อยที่สุดในปี 2546 จำนวน 1,404.10 มิลลิเมตร จำนวนวันที่มีฝนตกเฉลี่ย 143 วันต่อปี ฤดูหนาว เริ่มจากพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15.0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 0.9 - 1.0 องศาเซลเซียส 2542 สภาพอากาศของจังหวัดเชียงราย ถือว่าหนาวจัดในพื้นที่ราบ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 7-9 องศาเซลเซียส ส่วนบนยอดดอย อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ 0-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ -1.5 องศาที่ภูชี้ฟ้า ปลายปี 2556 จึงทำให้อากาศที่เชียงรายในช่วงฤดูหนาว เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเป็นอย่างมาก
ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดเชียงราย | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 27.6 (81.7) |
30.9 (87.6) |
33.5 (92.3) |
34.9 (94.8) |
33.2 (91.8) |
31.7 (89.1) |
30.9 (87.6) |
30.6 (87.1) |
30.6 (87.1) |
29.8 (85.6) |
28.2 (82.8) |
26.5 (79.7) |
30.7 (87.3) |
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) | 18.9 (66) |
21.1 (70) |
24.1 (75.4) |
26.8 (80.2) |
27.0 (80.6) |
26.8 (80.2) |
26.4 (79.5) |
26.1 (79) |
25.8 (78.4) |
24.5 (76.1) |
22.0 (71.6) |
18.8 (65.8) |
24.0 (75.2) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 11.9 (53.4) |
12.9 (55.2) |
15.9 (60.6) |
19.7 (67.5) |
22.0 (71.6) |
22.9 (73.2) |
22.8 (73) |
22.6 (72.7) |
22.0 (71.6) |
20.3 (68.5) |
17.0 (62.6) |
12.8 (55) |
18.6 (65.5) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 12.2 (0.48) |
7.8 (0.307) |
19.1 (0.752) |
89.8 (3.535) |
203.9 (8.028) |
211.2 (8.315) |
308.2 (12.134) |
385.4 (15.173) |
268.4 (10.567) |
142.4 (5.606) |
60.5 (2.382) |
24.6 (0.969) |
1,733.5 (68.248) |
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย | 2 | 1 | 3 | 10 | 17 | 19 | 22 | 24 | 18 | 12 | 6 | 3 | 137 |
แหล่งที่มา 1: Thai Meteorological Department[17] | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: Hong Kong Observatory [18] |
ทรัพยากรป่าไม้
พื้นที่จังหวัดเชียงรายมีทั้งสิ้น 11.678.369 ตารางกิโลเมตร หรือ 7,298,981 ไร่ ในปี 2542 มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน 2,365,967 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 32.42 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

อุทยานแห่งชาติ
- อุทยานแห่งชาติดอยหลวง เนื้อที่ 731,250 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอพาน อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อำเภอแม่ใจ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา อำเภอวังเหนือ และอำเภองาว จังหวัดลำปาง
- อุทยานแห่งชาติขุนแจ มีเนื้อที่ 177,177 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
- อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก มีเนื้อที่ 396,794 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ลาว อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
- อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีเนื้อที่ 12,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
- อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า มีเนื้อที่ 201,082 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
- อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา มีเนื้อที่ 284,937.5 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
วนอุทยาน
จังหวัดเชียงราย มีวนอุทยาน (Forest Park) ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด จำนวน 27 แห่ง ดังนี้
|
|
|
|
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ป่าไม้รูปแบบอื่นอีก ดังต่อไปนี้
- สวนรุกขชาติ (Arboretum) - มีเพียงแห่งเดียว คือสวนรุกชาติโป่งสลี เทศบาลตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย มีพื้นที่ 668.75 ไร่ พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้สักขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นป่าเดิมที่เหลืออยู่และมีการปลูกต้นไม้อื่น ๆ แทรกบ้าง
- ป่าสงวนแห่งชาติ (National Reserved Forest) - มีทั้งหมด 30 แห่ง มีพื้นที่รวม 4,485,966 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 61.46 ของพื้นที่จังหวัด แบ่งเป็นพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ จำนวน 3,525,896 ไร่ พื้นที่มอบ สปก. จำนวน 960,070 ไร่ แยกออกเป็นพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ 513,683 ไร่ ป่าเพื่อการเกษตร 425,832 ไร่ และพื้นที่กันคืนกรมป่าไม้ 20,555 ไร่
- ป่าชุมชน (Community Forest) - เป็นป่าธรรมชาติ ที่ชาวบ้านช่วยกันป้องกันรักษาเอาไว้ สำหรับเป็นแหล่งซับน้ำและใช้สอย ปัจจุบันมีการสร้างป่าชุมชนขึ้นในพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้ประโยชน์ของชุมชน
- เขตห้ามล่าสัตว์ป่า - มีเพียงแห่งเดียวคือ พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย อำเภอเชียงแสน มีพื้นที่ 2,711 ไร่
ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งแร่
- ทังสเตน หรือ วุลแฟรม แร่ทังสเตนเป็นแร่ที่พบในเทือกเขาด้านตะวันตกของจังหวัด ในเขตอำเภอแม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า ซึ่งอาจเกิดเป็นแหล่งแร่อิสระเช่นซีไลท์และวุลแฟรม หรืออาจเกิดรวมกับแร่อื่น ๆ เช่น ดีบุก และพลวง
- ดีบุกและพลวง แร่ทั้งสองประเภทเป็นแร่ในกลุ่มโลหะพื้นฐาน อาจเกิดร่วมกับแร่ทังสเตนมีอยู่มากในเทือกเขาด้านตะวันตก เช่นกัน แต่มีปริมาณและการผลิตน้อยกว่าทังสเตน
- แมงกานีส เป็นแหล่งแร่ที่มีขนาดเล็ก เคยมีการผลิตในเขตอำเภอเทิง ปัจจุบันมีแปลงประทานในเขตอำเภอพญาเม็งราย แต่ไม่มีการผลิต
- ไพโรฟิลไลต์ และกัลก์ เป็นแร่ที่พบกระจายในเขตอำเภอเทิงและอำเภอเชียงของ แต่ไม่มีการผลิต
- ดินขาว และบอลเคลย์ เป็นแร่ที่พบกระจายในอำเภอเวียงป่าเป้า มีผลผลิตจำนวนน้อย ปัจจุบันยังคงมีการผลิตบอลเคลย์จากเหมือง
- หินปูนอุตสาหกรรม เป็นหินปูนที่ใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ใช้ทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง และอุตสาหกรรมน้ำตาล มีการผลิตหินปูนในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอป่าแดด และอำเภอเวียงชัย
ทรัพยากรน้ำ


จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดเดียวในภาคเหนือที่มีแม่น้ำสายสำคัญส่วนใหญ่จะไหลไปทางทิศเหนือ โดยจะไปรวมกับแม่น้ำโขงทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งมีแม่น้ำสายสำคัญดังนี้
- น้ำแม่กก มีต้นกำเนิดในประเทศพม่า ไหลเข้าสู่ประเทศไทยในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ไหลผ่านอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอแม่จัน อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงแสน แล้วไหลไปบรรจบแม่น้ำโขงที่หมู่ที่ 7 บ้านสบกก ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน มีความยาวประมาณ 145 กิโลเมตร
- น้ำแม่ลาว ต้นกำเนิดจากภูเขาในเขตอำเภอเวียงป่าเป้า แล้วไหลผ่านอำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอแม่ลาว อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย ไปบรรจบกับ น้ำแม่กกที่อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย มีความยาวประมาณ 137 กิโลเมตร
- น้ำแม่อิง ต้นน้ำเกิดจากหนองเล็งทรายก่อนเข้ากว๊านพะเยา ไหลผ่านอำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล แล้วไหลไปบรรจบแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงของ ส่วนที่ไหลผ่าน จังหวัดเชียงราย ยาวประมาณ 136 กิโลเมตร
- น้ำแม่จัน ต้นน้ำเกิดจากภูเขาสามเส้า ทางด้านทิศตะวันตกของอำเภอแม่จันติดกับรัฐชาน (ประเทศพม่า) แล้วไหลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับแม่น้ำคำไหลไปบรรจบแม่น้ำโขง มีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร
- แม่น้ำโขง มีต้นกำเนิดจากภูเขาหิมาลัย ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่สามเหลี่ยมทองคำ หมู่ที่ 1 บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย แล้วไหลผ่านอำเภอเชียงของ และอำเภอเวียงแก่น รวมความยาวที่ผ่านจังหวัดเชียงราย ประมาณ 94 กิโลเมตร
- น้ำแม่คำ ต้นน้ำเกิดจากภูเขาในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง แล้วไหลผ่านอำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย แล้วไหลไปบรรจบแม่น้ำโขงที่หมู่ที่ 5 บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีความยาวทั้งสิ้น ประมาณ 85 กิโลเมตร
- แม่น้ำสาย ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า ในเขตจังหวัดเชียงราย เป็นแม่น้ำสายสั้น ๆ ประมาณ 31 กิโลเมตรมีน้ำไหลตลอดปี ทั้งนี้แม่น้ำสายจะไปรวมกับแม่น้ำรวกที่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สายอีกด้วย
- แม่น้ำรวก ต้นน้ำเกิดในประเทศพม่า ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่ อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน แล้วไหลไปบรรจบแม่น้ำโขงที่หมู่ที่ 1 บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดน ระหว่างประเทศไทย และประเทศพม่า ในระหว่างนี้แม่น้ำรวกจะไปรวมกับแม่น้ำสายที่ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย อีกด้วย
เศรษฐกิจ

โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายมาจากการเกษตร ป่าไม้ และการประมงเป็นหลัก พืชสำคัญทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวโพด ชา เลี้ยงสัตว์ สัปปะรด มันสำปะหลัง ส้มโอ ลำไย และลิ้นจี่ ซึ่งทั้งคู่เป็นผลไม้สำคัญที่สามารถปลูกได้ในทุกอำเภอของจังหวัด นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังขึ้นชื่อสำหรับการเพาะปลูกชา อันเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดเชียงรายในปี พ.ศ. 2561[6] นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในเชิงการท่องเที่ยว มีจำนวนผู้เยี่ยมเยียนจังหวัดเชียงรายทั้งหมดราว 3,600,000 คนในปี 2561 มากเป็นอันดับที่สองในภาคเหนือ รองจากจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับจังหวัดมากกว่า 28,500 บาท[5]
สัญลักษณ์

- ตราประจำจังหวัด : รูปช้างสีขาวใต้เมฆ หมายถึง นิมิตของความรุ่งเรืองในอดีต เพราะพญามังรายเคยใช้ช้างเป็นกำลังสำคัญในการทำศึกปราบศัตรูจนได้ชัยชนะ นอกจากนี้ ช้างยังเป็นชนวนให้พญามังรายมาก่อร่างสร้างเมืองนี้ขึ้นอีกด้วย โดยว่ากันว่า หายไปจากหลักที่ผูกไว้ พญามังรายติดตามไปจนถึงภูมิประเทศอันบริบูรณ์ริมน้ำกก จึงโปรดให้ตั้งเมืองเชียงรายขึ้น ณ ที่นั้น[19]
- ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกพวงแสด (Pyrostegia venusta)
- ต้นไม้ประจำจังหวัด: กาซะลองคำ (Radermachera ignea) โดยเป็นไม้ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานให้เป็นไม้ประจำจังหวัดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี[19]
การเมืองการปกครอง
สรุป
มุมมอง
หน่วยการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
การปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็นระดับอำเภอ จำนวน 18 อำเภอ ระดับตำบล จำนวน 124 ตำบล และระดับหมู่บ้าน จำนวน 1,753 หมู่บ้าน ได้แก่

ที่ | ชื่ออำเภอ | ตัวเมือง | อักษรโรมัน | จำนวนตำบล | จำนวนประชากร[20] | ระยะห่างจาก ศาลากลางจังหวัด (กม.) |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | เมืองเชียงราย | ![]() | Mueang Chiang Rai | 16 | 223,725 | - |
2. | เวียงชัย | ![]() | Wiang Chai | 5 | 44,036 | 13 |
3. | เชียงของ | ![]() | Chiang Khong | 7 | 62,328 | 101 |
4. | เทิง | ![]() | Thoeng | 10 | 84,018 | 69 |
5. | พาน | ![]() | Phan | 15 | 124,364 | 45 |
6. | ป่าแดด | ![]() | Pa Daet | 5 | 26,362 | 56 |
7. | แม่จัน | ![]() | Mae Chan | 11 | 99,273 | 28 |
8. | เชียงแสน | ![]() | Chiang Saen | 6 | 50,323 | 61 |
9. | แม่สาย | ![]() | Mae Sai | 8 | 85,266 | 61 |
10. | แม่สรวย | ![]() | Mae Suai | 7 | 79,938 | 49 |
11. | เวียงป่าเป้า | ![]() | Wiang Pa Pao | 7 | 67,092 | 93 |
12. | พญาเม็งราย | ![]() | Phaya Mengrai | 5 | 41,952 | 46 |
13. | เวียงแก่น | ![]() | Wiang Kaen | 4 | 31,254 | 116 |
14. | ขุนตาล | ![]() | Khun Tan | 3 | 32,341 | 59 |
15. | แม่ฟ้าหลวง | ![]() | Mae Fa Luang | 4 | 69,567 | 50 |
16. | แม่ลาว | ![]() | Mae Lao | 5 | 30,631 | 23 |
17. | เวียงเชียงรุ้ง | ![]() | Wiang Chiang Rung | 3 | 26,740 | 31 |
18. | ดอยหลวง | ![]() | Doi Luang | 3 | 19,008 | 48 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดเชียงรายมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 144 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มีเทศบาล 73 แห่ง เป็นเทศบาลนคร 1 แห่ง และเทศบาลตำบล 72 แห่ง ที่เหลือเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 70 แห่ง โดยเทศบาลทั้งหมดแบ่งตามอำเภอในจังหวัดเชียงราย มีดังนี้
ลำดับ | ชื่อเทศบาล | อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร (คน) (ณ สิ้นปี 2567) [21] | ||
---|---|---|---|---|---|---|
ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||
เทศบาลนคร | ||||||
1 | เมืองเชียงราย | เวียง | รอบเวียง สันทราย ริมกก | 4 | 78,488 | |
เทศบาลตำบล | ||||||
1 | เทศบาลตำบลนางแล | เมืองเชียงราย | นางแล | – | 1 | 12,792 |
2 | เทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย | เมืองเชียงราย | ป่าอ้อดอนชัย | – | 1 | 11,590 |
3 | เทศบาลตำบลบ้านดู่ | เมืองเชียงราย | บ้านดู่ | – | 1 | 22,494 |
4 | เทศบาลตำบลแม่ยาว | เมืองเชียงราย | แม่ยาว | – | 1 | 22,092 |
5 | เทศบาลตำบลสันทราย | เมืองเชียงราย | – | สันทราย | 1 | 10,412 |
6 | เทศบาลตำบลท่าสุด | เมืองเชียงราย | ท่าสุด | – | 1 | 11,846 |
7 | เทศบาลตำบลท่าสาย | เมืองเชียงราย | ท่าสาย | – | 1 | 11,190 |
8 | เทศบาลตำบลห้วยสัก | เมืองเชียงราย | ห้วยสัก | – | 1 | 17,116 |
9 | เทศบาลตำบลดอยลาน | เมืองเชียงราย | ดอยลาน | – | 1 | 10,232 |
10 | เทศบาลตำบลดอยฮาง | เมืองเชียงราย | ดอยฮาง | – | 1 | 5,195 |
11 | เทศบาลตำบลเวียงชัย | เวียงชัย | – | เวียงชัย เมืองชุม | 2 | 6,729 |
12 | เทศบาลตำบลเวียงเหนือ | เวียงชัย | เวียงเหนือ | – | 1 | 6,721 |
13 | เทศบาลตำบลเมืองชุม | เวียงชัย | – | เมืองชุม | 1 | 4,709 |
14 | เทศบาลตำบลดอนศิลา | เวียงชัย | ดอนศิลา | – | 1 | 9,709 |
15 | เทศบาลตำบลสิริเวียงชัย | เวียงชัย | – | เวียงชัย | 1 | 8,648 |
16 | เทศบาลตำบลบุญเรือง | เชียงของ | บุญเรือง | – | 1 | 5,714 |
17 | เชียงของ | – | เวียง | 1 | 3,585 | |
18 | เทศบาลตำบลครึ่ง | เชียงของ | ครึ่ง | – | 1 | 6,139 |
19 | เชียงของ | – | เวียง | 1 | 9,886 | |
20 | เทศบาลตำบลห้วยซ้อ | เชียงของ | ห้วยซ้อ | – | 1 | 12,065 |
21 | เทศบาลตำบลศรีดอนชัย | เชียงของ | ศรีดอนชัย | – | 1 | 8,681 |
22 | เทศบาลตำบลสถาน | เชียงของ | สถาน | – | 1 | 9,004 |
23 | เทศบาลตำบลบ้านปล้อง | เทิง | – | ปล้อง | 1 | 3,814 |
24 | เทศบาลตำบลเวียงเทิง | เทิง | – | เวียง | 1 | 4,911 |
25 | เทศบาลตำบลงิ้ว | เทิง | งิ้ว | – | 1 | 11,297 |
26 | เทศบาลตำบลสันทรายงาม | เทิง | สันทรายงาม | – | 1 | 4,106 |
27 | เทศบาลตำบลเชียงเคี่ยน | เทิง | เชียงเคี่ยน | – | 1 | 4,133 |
28 | เทิง | หงาว | – | 1 | 9,150 | |
29 | พาน | – | เมืองพาน | 1 | 6,129 | |
30 | พาน | สันมะเค็ด | – | 1 | 9,718 | |
31 | เทศบาลตำบลสันมะค่า | ป่าแดด | สันมะค่า | – | 1 | 5,092 |
32 | เทศบาลตำบลศรีโพธิ์เงิน | ป่าแดด | ศรีโพธิ์เงิน | – | 1 | 1,921 |
33 | ป่าแดด | ป่าแงะ | – | 1 | 7,344 | |
34 | ป่าแดด | ป่าแดด | – | 1 | 6,162 | |
35 | เทศบาลตำบลโรงช้าง | ป่าแดด | โรงช้าง | – | 1 | 4,565 |
36 | – | – | 1 | |||
37 | – | – | 1 | |||
38 | – | – | 1 | |||
39 | – | – | 1 | |||
40 | – | – | 1 | กำลังแก้ไข |
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลำดับ | รายชื่อ | ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง | |||||||
1 | พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าหนานธรรมลังกา) | พ.ศ. 2386-2407 | |||||||
2 | พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าอุ่นเรือน) | พ.ศ. 2407-2419 | |||||||
3 | พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าหนานสุริยะ) | พ.ศ. 2419-2433 | |||||||
4 | พระยารัตนาณาเขตร์ (เจ้าน้อยเมืองไชย) | พ.ศ. 2433-2442 | |||||||
5 | พระพลอาษา | พ.ศ. 2442-2445 | |||||||
6 | หลวงอาษาภูธร | พ.ศ. 2445-2446 | |||||||
7 | พระยารามราชภักดี | พ.ศ. 2447-2450 | |||||||
8 | พระยาอุดรกิจพิจารณ์ | พ.ศ. 2450-2453 | |||||||
9 | พระยารามราชเดช (ศุข ดิษยบุตร) | พ.ศ. 2453-2458 | |||||||
10 | พระราชโยธา (เจิม ปันยารชุน) | พ.ศ. 2458-2460 | |||||||
11 | พระยาราชเดชดำรง (ผล ศรุตานนท์) | พ.ศ. 2460-2479 | |||||||
12 | พระพนมนครานุรักษ์ (ฮกไถ่ พิศาลบุตร) | พ.ศ. 2479-2482 | |||||||
13 | พันตำรวจเอก พระนรากรบริรักษ์ (เจิม ปิณฑะรุจิ) | พ.ศ. 2482-2485 | |||||||
14 | หลวงรักษ์นราธร (โชค ชมธวัช) | พ.ศ. 2485-2487 | |||||||
15 | ขุนไตรกิตยานุกูล (อัมพร กิตยานุกุล) | พ.ศ. 2487-2489 | |||||||
16 | นายชลอ จารุจินดา | พ.ศ. 2489-2490 | |||||||
17 | ขุนวิสิฐอุดรการ (กรี วิสิฐอุดรการ) | พ.ศ. 2490-2491 | |||||||
18 | ขุนสนิทประชาราษฏร์ (สนิท จันทรศัพท์) | พ.ศ. 2491-2491 | |||||||
19 | นายชลอ จารุจินดา | พ.ศ. 2491-2492 | |||||||
20 | พันตำรวจโท ขุนวีรเดชกำแหง (ชม จารุสิทธิ์) | พ.ศ. 2492-2493 | |||||||
21 | พันตรี เล็ก ทองสุนทร | พ.ศ. 2493-2497 | |||||||
22 | พันเอก จำรูญ จำรูญรณสิทธิ์ | พ.ศ. 2497-2498 | |||||||
23 | พันตำรวจเอก เลื่อน กฤษณามระ | พ.ศ. 2498-2500 | |||||||
24 | พันตำรวจเอก เนื่อง รายะนาค | พ.ศ. 2500-2501 | |||||||
25 | นายเครือ สุวรรณสิงห์ | พ.ศ. 2501-2504 | |||||||
26 | นายชูสง่า ไชยพันธุ์ (ฤทธิประศาสน์) | พ.ศ. 2504-2512 | |||||||
27 | นายสิทธิ์ สงวนน้อย | 20 พฤษภาคม 2512 - 30 เมษายน 2513 | |||||||
28 | นายประหยัด สมานมิตร | 1 พฤษภาคม 2513 - 20 กันยายน 2513 | |||||||
29 | นายศรศักดิ์ สุวรรณเทศ | 1 ตุลาคม 2513 - 30 กันยายน 2514 | |||||||
30 | พลตรี วิทย์ นิ่มนวล | 1 ตุลาคม 2514 - 30 กันยายน 2516 | |||||||
31 | นายชุ่ม บุญเรือง | 1 ตุลาคม 2516 - 27 สิงหาคม 2522 | |||||||
32 | นายศักดา อ้อพงษ์ | 1 ตุลาคม 2522 - 30 กรกฎาคม 2525 | |||||||
33 | นายมนตรี ตระหง่าน | 1 ตุลาคม 2525 - 30 กันยายน 2528 | |||||||
34 | นายอร่าม เอี่ยมอรุณ | 1 ตุลาคม 2528 - 30 กันยายน 2531 | |||||||
35 | นายบรรณสิทธิ์ สลับแสง | 1 ตุลาคม 2531 - 30 เมษายน 2534 | |||||||
36 | นายคำรณ บุณเชิด | 1 ตุลาคม 2534 - 30 กันยายน 2539 | |||||||
37 | นายวิจารณ์ ไชยนันทน์ | 1 ตุลาคม 2539 - 30 กันยายน 2542 | |||||||
38 | นายสำเริง ปุณโยปกรณ์ | 1 ตุลาคม 2542 - 30 กันยายน 2544 | |||||||
39 | นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ | 1 ตุลาคม 2544 - 27 ตุลาคม 2545 | |||||||
40 | นายนรินทร์ พานิชกิจ | 28 ตุลาคม 2545 - 30 กันยายน 2547 | |||||||
41 | นายวรเกียรติ สมสร้อย | 1 ตุลาคม 2547 - 28 กุมภาพันธ์ 2549 | |||||||
42 | นายอุดม พัวสกุล | 5 มิถุนายน 2549 - 12 พฤศจิกายน 2549 | |||||||
43 | นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ | 13 พฤศจิกายน 2549 - 30 กันยายน 2550 | |||||||
44 | นายปรีชา กมลบุตร | 1 ตุลาคม 2550 - 5 พฤษภาคม 2551 | |||||||
45 | นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง | 6 พฤษภาคม 2551 - 15 มีนาคม 2552 | |||||||
46 | นายสุเมธ แสงนิ่มนวล | 16 มีนาคม 2552 - 30 กันยายน 2553 | |||||||
47 | นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ | 1 ตุลาคม 2553 - 27 พฤศจิกายน 2554 | |||||||
48 | นายธานินทร์ สุภาแสน | 29 ธันวาคม 2554 - 7 ตุลาคม 2555 | |||||||
49 | นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ | 8 ตุลาคม 2555 - 30 กันยายน 2558 | |||||||
50 | นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ | 1 ตุลาคม 2558 - 4 เมษายน 2560 | |||||||
51 | นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร | 4 เมษายน 2560 - 29 มิถุนายน 2561 | |||||||
52 | นายประจญ ปรัชญ์สกุล | 29 มิถุนายน 2561 - 30 กันยายน 2564 | |||||||
53 | นายภาสกร บุญญลักษม์ | 1 ตุลาคม 2564 - 2 ธันวาคม 2565 | |||||||
54 | นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ | 2 ธันวาคม 2565 - 30 กันยายน 2567 | |||||||
- | นายโชตินรินทร์ เกิดสม (รักษาการ) | 2 ตุลาคม 2567 - 17 พฤศจิกายน 2567 | |||||||
55 | นายชรินทร์ ทองสุข | 17 พฤศจิกายน 2567 - ปัจจุบัน |
การเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดเชียงรายแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 7 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 7 คน โดยแต่ละเขตแบ่งออกดังนี้
- เขต 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองเชียงราย (เฉพาะตำบลเวียง ตำบลรอบเวียง ตำบลสันทราย ตำบลท่าสาย ตำบลป่าอ้อดอนชัย ตำบลแม่กรณ์ ตำบลห้วยชมภู ตำบลดอยฮาง ตำบลแม่ยาว ตำบลบ้านดู่ และตำบลริมกก)
- เขต 2 ประกอบด้วย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอเมืองเชียงราย (เฉพาะตำบลแม่ข้าวต้ม ตำบลนางแล และตำบลท่าสุด) และอำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลแม่จัน ตำบลป่าตึง ตำบลป่าซาง ตำบลสันทราย และตำบลท่าข้าวเปลือก)
- เขต 3 ประกอบด้วย อำเภอแม่ลาว อำเภอแม่สรวย และอำเภอเวียงป่าเป้า
- เขต 4 ประกอบด้วย อำเภอพาน อำเภอป่าแดด และอำเภอเมืองเชียงราย (เฉพาะตำบลดอยลานและตำบลห้วยสัก)
- เขต 5 ประกอบด้วย อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาลและอำเภอเชียงของ(เฉพาะตำบลบุญเรือง)
- เขต 6 ประกอบด้วย อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่จัน ( เฉพาะตำบลแม่ไร่ ตำบลแม่คำ ตำบลศรีค้ำ และตำบลจอมสวรรค์)
- เขต 7 ประกอบด้วย อำเภอเชียงแสน อำเภอดอยหลวง อำเภอเวียงแก่น อำเภอเชียงของ (ยกเว้นตำบลบุญเรือง) และอำเภอแม่จัน (เฉพาะตำบลจันจว้าและตำบลจันจว้าใต้)
ประชากร
สรุป
มุมมอง
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
2522[22] | 922,850 | — |
2525[23] | 946,188 | +2.5% |
2528[24] | 981,124 | +3.7% |
2531[25] | 1,009,608 | +2.9% |
2534[26] | 1,048,299 | +3.8% |
2537[27] | 1,251,581 | +19.4% |
2540 | 1,261,138 | +0.8% |
2543 | 1,259,988 | −0.1% |
2546 | 1,214,981 | −3.6% |
2549 | 1,225,713 | +0.9% |
2552 | 1,194,933 | −2.5% |
2555 | 1,200,423 | +0.5% |
2558 | 1,277,950 | +6.5% |
2561 | 1,292,130 | +1.1% |
2564 | 1,298,425 | +0.5% |
ที่มา: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[28] |

จังหวัดเชียงรายมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ[29] ประชากรในเขตจังหวัดเชียงราย แบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม อาทิ
- คนไทยพื้นราบ ประกอบด้วยชาวไทยวน ไทลื้อ ไทเขิน ไทใหญ่ ดังนี้
- ชาวไทยภูเขา ประกอบด้วย อาข่า มูเซอ เย้า กะเหรี่ยง ลีซอ ม้ง ลั๊วะ โดยส่วนมากอาศัยอยู่ตามภูเขาและพื้นราบ
- ชาวไทยเชื้อสายจีน โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นอดีตทหาร พรรคก๊กมินตั๋ง ได้เข้ามาตั้งรกราก ได้แก่ หมู่บ้านสันติคีรี นอกจากนี้ยังชาวจีนอื่น ๆ อีก เช่น จีนแต้จิ๋ว มีอยู่ในแทบทุกอำเภอโดยเฉพาะในอำเภอเมือง อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย, ชาวจีนแคะ ในอำเภอเมือง อำเภอพาน อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ, ชาวจีนมณฑลยูนนานหรือฮ่อ ในอำเภอเมือง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่สรวย อำเภอแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น
ภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาที่มีอิทธิพลในจังหวัดเชียงราย - ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า บุคคลหลายสัญชาติที่อพยพมาจากพม่าเข้าอยู่ในประเทศไทยก่อนวันที่ 9 มีนาคม 2519 การออกนอกเขตจังหวัดที่อยู่อาศัยต้องขออนุญาตจากปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ชาวไทยภาคอีสานอพยพ เป็นประชากรที่อพยพมาจากภาคอีสานเพื่อมาตั้งถิ่นฐานในเชียงรายโดยส่วนมากอาศัยอยู่เขตชานเมืองในอำเภอเมืองจังหวัดเชียงรายและอำเภออื่นๆ เช่น อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอเวียงชัย อำเภอเทิง(อยู่ตามแม่น้ำอิง) อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอพาน เป็นต้น
- ชาวลาวอพยพ คนลาวที่อาศัยอยู่กับญาติพี่น้องตามแนวชายแดนของประเทศไทย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองของลาวในปี พ.ศ. 2517 ขณะนี้ทางการของไทยยังไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกเขตจังหวัดที่อยู่อาศัย
- ชาวไทยภาคกลางอพยพ
วัฒนธรรมและประเพณี
- แห่พระแวดเวียง ประเพณีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเชียงราย ซึ่งมีพื้นฐานความคิดมาจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก ด้วยมีจุดมุ่งหมาย ให้ประชาชนได้มีโอกาสสักการบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามวัดวาอารามต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงราย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวาระของการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยการอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงราย มาประดิษฐานบนบุษบกที่ได้สร้างขึ้นโดยช่างศิลปินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย จัดตั้งเป็นขบวนอัญเชิญไปรอบเมืองเชียงราย ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสกราบไหว้สักการบูชาด้วย ข้าวตอก ดอกไม้ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่เป็นสิริมงคลยิ่งนัก
- ปอยหลวง งานบุญปอยหลวงเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาซึ่งเป็นผลดีต่อสภาพทางสังคมหลายประการ นับตั้งแต่ชาวบ้านได้มาทำบุญร่วมกัน ร่วมกันจัดงานทำให้เกิดความสามัคคีในการทำงาน งานทำบุญปอยหลวงยังเป็นการรวมญาติพี่น้องที่อยู่ต่างถิ่นได้มีโอกาสทำบุญร่วมกัน และมีการสืบทอดประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาครั้งแต่บรรพชนไม่ให้สูญหายไปจากสังคม ช่วงเวลา จากเดือน 5 จนถึงเดือน 7 เหนือ (ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคมของทุกปี) ระยะเวลาประมาณ 3-7 วัน
- ป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมือง งานประเพณีสงกรานต์ จัดขึ้นประมาณกลางเดือนเมษายน ในงานมีขบวนแห่และสรงน้ำพระเจ้าล้านทอง การแข่งเรือ และการละเล่นพื้นเมืองและมหรสพ จัดบริเวณตัวเมืองเชียงราย และอำเภอเชียงแสน
- ป๋าเวณียี่เป็ง งานลอยกระทง จัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ทั้งนี้จะมีการจัดในตัวเมืองเชียงรายที่บริเวณริมแม่น้ำกก แต่ในบางพื้นที่นั้นอาจจะมีการตานต้นเกี๊ยะหลวง หรือบางครั้งอาจจะมีการลอยประทีปด้วย หากถ้าเป็นชาติพันธุ์ไทเขินและไทลื้อมักจะเรียกเทศกาลนี้ว่าเกี๋ยงเป็งด้วย
- งานเทศกาลลิ้นจี่และของดีเมืองเชียงราย เทศกาลที่ชาวเกษตรกรต่างนำผลผลิตทางการเกษตรของตนมาออกร้าน โดยเฉพาะลิ้นจี่ที่มีชื่อเสียงมากของเชียงราย จัดขึ้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี ภายในงานมีการประกวดขบวนรถและธิดาลิ้นจี่ และการออกร้าน บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย
- งานไหว้สาพญามังราย จัดให้มีพิธีบวงสรวงพญามังราย มีการออกร้าน จัดนิทรรศการของส่วนราชการและเอกชน และงานรื่นเริงอื่น ๆ จัดวันที่ 23 มกราคม-1 กุมภาพันธ์
- เป็งปุ๊ด หรือ เพ็ญพุธ เป็นประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนค่อนรุ่งเข้าสู่วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ตามวัฒนธรรมและความเชื่อของบรรพบุรุษล้านนาไทย ที่เชื่อกันว่าพระอุปคุตซึ่งพระอรหันต์องค์หนึ่งแปลงกายเป็นสามเณรน้อยมาบิณฑบาตโปรดสัตว์โลกในยามเที่ยงคืน และชาวล้านนาในอดีตเชื่อว่าการทำบุญตักบาตรถวายพระอุปคุตในวันเป็งปุ๊ดก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญ มีโชคลาภและร่ำรวย บังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยบรรพบุรุษชาวล้านนาเชื่อว่า ทุกคืนที่ย่างเข้าสู่วันพุธขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันเป็งปุ๊ด และจะมีประชาชนชาวล้านนาจำนวนมากมารอเพื่อประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระภิกษุสามเณร
- งานอนุรักษ์มรดกไทยล้านนา จัดในเดือนเมษายน มีการจัดนิทรรศการและการแสดงแบบไทยล้านนา มีการสาธิตงานศิลปะ บริเวณหอวัฒนธรรมนิทัศน์ อำเภอเมือง
- งานประเพณีขึ้นพระธาตุดอยตุง จัดขึ้นในวันขึ้น 14-15 ค่ำ เดือนหกเหนือ หรือเดือนมีนาคม เป็นประเพณีของชาว ล้านนา รวมทั้งชาวไทยใหญ่ในพม่าที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยชาวบ้านและพระสงฆ์ จะเดินขึ้นพระธาตุในตอนกลางคืน เมื่อมาถึงก็จะพากันนมัสการองค์พระธาตุก่อน จากนั้นจึงหาพื้นที่ประกอบอาหารเพื่อตักบาตรในตอนเช้า หลังจากตักบาตรแล้วจะ ช่วยกันบูรณะบริเวณองค์พระธาตุ เมื่อถึงยามค่ำคืนก็มารวมกันที่ปะรำพิธีเพื่อฟังเทศน์
กะเหรี่ยงคอยาว
- ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก เป็นประเพณีเกี่ยวกับความเชื่อของผู้คนที่อยู่ริมแม่น้ำโขง โดยเฉพาะชาวประมง ในเขตบ้านหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ เกี่ยวกับปลาบึกซึ่งเป็นปลาขนาด ใหญ่อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงว่า เป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ มีเทพเจ้าคุ้มครอง ก่อนที่ชาวประมง จะจับปลาบึกต้องมีการบวงสรวงก่อน ฤดูกาลจับปลาบึกระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม
- ประเพณีโล้ชิงช้าของชาวอีก้อ หรือที่เรียกตนเองว่า "อาข่า" มีเชื้อสายจากจีน-ทิเบต เดินทางอพยพมาอยู่บริเวณ ชายแดนไทย-พม่า แถบตอนเหนือของลำน้ำกก โดยเฉพาะอำเภอแม่จัน และแม่สาย การโล้ชิงช้าเป็นการขึ้นไปขอพรและแสดงความรำลึกถึงพระคุณของเทพธิดาแห่ง สรวงสวรรค์ ผู้ประทานความชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์ให้กับพืชพันธุ์ธัญญาหารและ ยังเป็นการเซ่นไหว้บรรพบุรุษอีกด้วย จัดในช่วงเดือนสิงหาคม
- ประเพณีปีใหม่ม้ง (น่อเป๊เจ่า) จัดขึ้นทุกปี ในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 1 หรือขึ้น 1 ค่ำเดือน 2 (ช่วงเดือน พฤศจิกายน-มกราคม) ตามปฏิทินจันทรคติ ของทุกปี มีการละเล่น การแข่งขัน และการแสดงมากมาย เช่น การโยนลูกช่วง (ป๋อป๊อ) ของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ยังโสด การแข่งขันยิงหน้าไม้ การแข่งขันตีลูกข่าง การแข่งรถฟอร์มูล่าม้ง ฯลฯ
ภาษา
- ภาษาพูด ใช้พูดจากันเรียกว่า คำเมือง เนื่องจากเชียงรายเคยเป็นเมืองร้างผู้คนนานเกือบร้อยปี ได้มีการฟื้นฟูบ้านเมืองขึ้นมาใหม่เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2384 โดยได้เกณฑ์ราษฎรจากเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ และชนเผ่าไตใหญ่ ไตลื้อ ไตยอง และไตขืน (เขิน) ซึ่งอพยพจากเชียงตุง และสิบสองปันนา รวมทั้งชาวลาวจากประเทศลาว ได้เข้ามาอาศัยอยู่รวมกัน ดังนั้นสำเนียงพูดของชาวเชียงรายจึงมีความหลากหลายทางสำเนียงในพื้นที่ต่าง ๆ
การจัดตั้งอำเภอและจังหวัด
สรุป
มุมมอง
การแบ่งพื้นที่บางอำเภอในอดีต เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอ และอำเภอต่าง ๆ

แบ่งพื้นที่อำเภอแม่จันตั้งเป็นอำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอดอยหลวง
อำเภอแม่จัน เดิมชื่อว่าอำเภอเชียงแสน[30] มีพื้นที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงราย (พื้นที่สีเขียวในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาถูกแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอและอำเภอต่าง ๆ ได้แก่ อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอดอยหลวง ตามลำดับ
- เดิมมีการแยกพื้นที่ตำบลในเวียง ตำบลบ้านแซว และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน (หมายเลข 1 ในรูป 2) [31] เพื่อตั้งเป็น กิ่งเชียงแสน เนื่องจากการคมนาคมระหว่างพื้นที่ดังกล่าวกับตัวอำเภอยากลำบาก แต่ภายหลัง เมื่อการคมนาคมสะดวกมากขึ้นกิ่งเชียงแสนจึงถูกยุบรวมเข้ากับอำเภอเชียงแสนตามเดิมในปี พ.ศ. 2468 [32] แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 เมื่อประชากรมากขึ้นเพื่อเป็นการสะดวกแก่การติดต่อราชการจึงมีการประกาศตั้งกิ่งอำเภออีกครั้ง โดยชื่อว่า กิ่งอำเภอเชียงแสนหลวง ในปี พ.ศ. 2470 [33] ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อ กิ่งอำเภอเชียงแสนหลวง เป็นกิ่งอำเภอเชียงแสน พร้อมกับเปลี่ยนชื่ออำเภอเชียงแสน เป็นอำเภอแม่จัน เพื่อให้สอดคลองกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2480 [34] และอีก 30 ปีต่อมา กิ่งอำเภอเชียงแสนได้ยกฐานะเป็นอำเภอเชียงแสน ในปี พ.ศ. 2500
- ในปี พ.ศ. 2481 มีการแยกตำบลแม่สายและตำบลโป่งผา เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอแม่สาย (หมายเลข 2 ในรูป 2)[35] เนื่องจากมีประชากรหนาแน่นและเป็นทำเลค้าขาย ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอแม่สายในปี พ.ศ. 2493[36]
- ในปี พ.ศ. 2535 ได้มีการแยกตำบลเทอดไทย ตำบลแม่สลองนอก และตำบลแม่สลองใน เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง (หมายเลข 7 ในรูป 2)[37] เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลและเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จึงตั้งชื่ออำเภอว่า แม่ฟ้าหลวง ตามพระสมัญญานาม ต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอแม่ฟ้าหลวง ในปี พ.ศ. 2539[38]
- ในปี พ.ศ. 2539 ได้แยกตำบลปงน้อย ตำบลโชคชัย และตำบลหนองป่าก่อ เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอดอยหลวง (หมายเลข 11 ในรูป 2)[39]และต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอดอยหลวงในปี พ.ศ. 2550[40]
แบ่งพื้นที่อำเภอเมืองเชียงรายเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงชัยและอำเภอแม่ลาว
อำเภอเมืองเชียงรายเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการของจังหวัดเดิมมีพื้นที่ครอบคลุมลุ่มน้ำแม่กกส่วนใหญ่ (พื้นที่สีส้มในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาแยกเป็น อำเภอเวียงชัย และอำเภอแม่ลาว และต่อมาอำเภอเวียงชัยได้แยกพื้นที่บางส่วนเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงเชียงรุ้งตามลำดับ
- ในปี พ.ศ. 2517 ได้มีการแบ่งพื้นที่ตำบลเวียงชัย ตำบลทุ่งก่อ และตำบลผางาม ออกจากอำเภอเมืองเชียงราย เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเวียงชัย (หมายเลข 3 และ 10 ในรูป 2)[41] และต่อมายกฐานะเป็นอำเภอเวียงชัยในปี พ.ศ. 2522[42]
- ในปี พ.ศ. 2536 มีการแบ่งพื้นที่ตำบลดงมะดะ ตำบลจอมหมอกแก้ว ตำบลโป่งแพร่ ตำบลป่าก่อดำ และตำบลบัวสลี ออกจากอำเภอเมืองเชียงรายเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอแม่ลาว (หมายเลข 9 ในรูป 2)[43] และยกฐานะเป็นอำเภอแม่ลาวในปี พ.ศ. 2539[44]
แบ่งพื้นที่อำเภอเวียงชัยเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
- ในปี พ.ศ. 2538 มีการแบ่งพื้นที่ตำบลป่าซาง ตำบลดงมหาวัณ และตำบลทุ่งก่อ ออกจากอำเภอเวียงชัยเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเชียงรุ้ง (หมายเลข 10 ในรูป 2)[45] แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นกิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และยกฐานะเป็นอำเภอเวียงเชียงรุ้งในปี พ.ศ. 2550[46]
แบ่งพื้นที่อำเภอพานเพื่อตั้งอำเภอป่าแดด
อำเภอพาน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเขียงราย (พื้นที่สีฟ้าในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาได้แยกพื้นที่ตำบลป่าแดดเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอป่าแดด (หมายเลข 4 ในรูป 2)ในปี พ.ศ. 2512[47] และยกฐานะเป็นอำเภอป่าแดดในปี พ.ศ. 2518[48]
แบ่งพื้นที่อำเภอเชียงของเพื่อตั้งอำเภอเวียงแก่น
อำเภอเชียงของ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย (พื้นที่สีม่วงอ่อนในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาได้แยกตำบลปอ ตำบลหล่ายงาว และตำบลม่วงยายเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเวียงแก่น(หมายเลข 6) ในปี พ.ศ. 2530[49] และยกฐานะเป็นอำเภอเวียงแก่นในปี พ.ศ. 2538[50]
แบ่งพื้นที่อำเภอเทิงเพื่อตั้งอำเภอพญาเม็งรายและอำเภอขุนตาล
อำเภอเทิงเป็นอำเภอที่มีพื้นที่กว้างขวางตั้งอยู่ทิศตะวัตออกเฉียงใต้ของตัวจังหวัด (สีแดง ในรูป 2) ต่อมาได้แบ่งพื้นที่บางส่วนตั้งเป็นอำเภอพญาเม็งราย และอำเภอขุนตาล ตามลำดับ
- ในปี พ.ศ. 2524 ได้แยกตำบลแม่เปา ตำบลแม่ต๋ำ และตำบลไม้ยา ออกจากอำเภอเทิงเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอพญาเม็งราย (หมายเลข 5 ในรูป 2)[51] และยกฐานะเป็นอำเภอพญาเม็งรายในปี พ.ศ. 2530 [52]
- ในปี พ.ศ. 2524 ได้แยกตำบลป่าตาล ตำบลต้า และตำบลยางฮอม ออกจากอำเภอเทิง เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอขุนตาล (หมายเลข 8 ในรูป 2)[53] และยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอขุนตาลในปี พ.ศ. 2539[54]
การเสนอโครงการจัดตั้งกิ่งอำเภอต่าง ๆ ในช่วงปี พ.ศ. 2539-ปัจจุบัน

เนื่องจากบางอำเภอของจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่กว้างใหญ่ แม้ว่าการคมนาคมจะสะดวกง่ายดายแต่ก็ใช้เวลานานในการเดินทางติดต่อราชการ รวมถึงบางพื้นที่ได้มีมีประชากรหนาแน่นขึ้นและมีความเจริญมากขึ้นเป็นลำดับ จึงมีการเสนอโครงการจัดตั้งกิ่งอำเภอต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 (ดังรูป 3) ดังนี้
- เสนอให้แยกตำบลแม่เจดีย์ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ และตำบลเวียงกาหลง ออกจากอำเภอเวียงป่าเป้าในปี พ.ศ. 2539 เพื่อตั้งเป็น กิ่งอำเภอแม่ขะจาน อำเภอเวียงป่าเป้า เนื่องจากแม่ขะจานไกลจากตัวเมืองเวียงป่าเป้าแต่มีความเจริญและประชากรเริ่มหนาแน่นกว่า อย่างไรก็ตาม ชื่อกิ่งอำเภอแม่ขะจานยังปรากฏตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อย่างไม่เป็นทางการอาจสร้างความสับสนกับผู้อ่านได้ [55] [56]
- เสนอให้แยกตำบลวาวี ออกจากอำเภอแม่สรวยในปี พ.ศ. 2539 เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอวาวี แต่โครงการได้ถูกระงับเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ได้มีการรื้นฟื้นอีกครั้งหลังจากมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดฝางขึ้นโดยมีการอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชนในตำบลวาวีเนื่องจากเดินทางติดต่อกับตัวอำเภอฝางสะดวกมากกว่าติดต่อกับจังหวัดเชียงราย [57][58]
- เสนอให้แยกตำบลห้วยสักและตำบลดอยลานออกจากอำเภอเมืองเชียงรายเพื่อตั้งกิ่งอำเภอดอยสัก ในปี พ.ศ. 2539 แต่โครงการได้ถูกระงับเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณเช่นกัน แต่เนื่องจากมีการเตรียมสถานที่สำหรับเป็นที่ว่าการกิ่งอำเภอชั่วคราวและมีการขึ้นป้ายแล้ว จึงทำให้เกิดข้อสงสัยสำหรับผู้ที่พบเห็นป้ายในสมัยหลัง[59]
- เสนอให้แยกตำบลปล้อง ตำบลแม่ลอย ตำบลศรีดอนชัย และตำบลเชียงเคี่ยน ออกจากอำเภอเทิง เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอปล้อง
- เสนอให้แยกตำบลแม่อ้อและตำบลสันมะเค็ด ออกจากอำเภอพาน เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอแม่อ้อ ในปี พ.ศ. 2539 แต่ก็ได้ถูกระงับไปเช่นกัน จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 ก็ได้มีข่าวการทำประชาคมเพื่อเสนอโครงการจัดตั้งกิ่งอำเภออีกครั้งโดยใช้ชื่อกิ่งอำเภอพัชรกิติยาภา โดยพบว่าเกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ตำบลในการเสนอพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งศูนย์ราชการของอำเภอใหม่[60] ทั้งยังก่อให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับความเหมาะสมของชื่ออำเภอว่าจะเป็นชื่อท้องถิ่นหรือเป็นชื่อพระราชทานอีกด้วย [61]
- เสนอให้แยกตำบลครึ่ง ตำบลห้วยซ้อ และตำบลบุญเรือง ออกจากอำเภอเชียงของเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเรืองนคร แต่โครงการนี้ได้ถูกระงับไปเช่นกัน
การเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงนคร
ในช่วงปี พ.ศ. 2540-2545 หลังจากได้มีการจัดตั้งหน่วยงานราชการระดับจังหวัด เช่น เรือนจำจังหวัดเทิง [62] ศาลจังหวัดเทิง[63] สำนักงานอัยการจังหวัดเทิง สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย สาขาเทิง จึงได้มีกระแสการเสนอรณรงค์เพื่อเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงขึ้นโดยนักการเมืองในเขตอำเภอเทิง โดยใช้ชื่อที่ใช้ในการรณรงค์ในขณะนั้นว่า จังหวัดเทิงนคร โดยเสนอที่จะแยก อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ อำเภอป่าแดด อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ แต่โครงการนี้ได้เงียบไปและเป็นที่กล่าวถึงใหม่เป็นระยะ ๆ บนกระดานสนทนาต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต[64]
การเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของ
หลังจากมีการก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ขึ้นที่อำเภอเชียงของ [65] ในปี พ.ศ. 2554 และมีโครงการเชียงของเมืองใหม่ขึ้นมารับการพัฒนาที่จะตามมาตามทางหลวงเอเชียสาย 3 (AH3) หรือเส้นทาง R3A [66] [67] [68] จึงมีแนวคิดที่จะเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของ โดยแยกอำเภอเชียงแสน อำเภอดอยหลวง อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ อำเภอป่าแดด อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ [69] และก่อให้เกิดข้อถกเถียงบนกระดานข่าวในอินเทอร์เน็ตอยู่ระยะหนึ่งหลังจากมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2554 อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวได้เงียบไปหลังจากนั้นไม่นาน
แผนที่ | โครงการจัดตั้งจังหวัดใหม่ |
---|---|
![]() | แผนที่แสดง 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล อำเภอเวียงแก่น และ อำเภอเชียงของ ที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงนคร |
![]() | แผนที่แสดง 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล อำเภอเวียงแก่น อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงแสน และ อำเภอเชียงของที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของแผนที่แสดง 8 อำเภอ ที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของ |
การศึกษา
สรุป
มุมมอง
จังหวัดเชียงรายรับรองระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา มีจำนวนสถานศึกษาทั้งสิ้น 916 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐาน 590 แห่ง ตามมาด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน 201 แห่ง และมีสถาบันอุดมศึกษา 8 แห่ง มีครู/อาจารย์ 18,178 คน และนักเรียน นักศึกษา 259,571 คน ซึ่งอัตราส่วนครู/อาจารย์ ต่อนักเรียน นักศึกษาเป็น 1:21 นักเรียนในสังกัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา 90,007 คน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 45,221 คน[70]

โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย
- โรงเรียนสหศึกษาประจำจังหวัด: โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย
สถาบันอุดมศึกษา

- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติเชียงราย
- มหาวิทยาลัยพะเยา วิทยาเขตเชียงราย
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย
- สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 2 เชียงราย
- สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคเหนือ เชียงราย
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สาธารณสุข
จังหวัดเชียงรายมีโรงพยาบาลแผนปัจจุบัน 26 แห่ง มีเตียงจำนวนทั้งหมด 2,614 เตียง มีบุคลากรแพทย์ 521 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 4.44) พยาบาล 2,729 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 2.33) ทันตแพทย์ 141 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 1.20) และเภสัชกร 141 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 2.08)[71]
โรงพยาบาลของรัฐ
- โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
- โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช
- โรงพยาบาลแม่สาย
- โรงพยาบาลพาน
- โรงพยาบาลแม่จัน
- โรงพยาบาลเทิง
- โรงพยาบาลเวียงป่าเป้า
- โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ
- โรงพยาบาลแม่สรวย
- โรงพยาบาลแม่ลาว
- โรงพยาบาลพญาเม็งราย
- โรงพยาบาลเชียงแสน
- โรงพยาบาลเวียงชัย
- โรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง
- โรงพยาบาลป่าแดด
- โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
- โรงพยาบาลเวียงแก่น
- โรงพยาบาลขุนตาล
- โรงพยาบาลดอยหลวง
โรงพยาบาลเอกชน
- โรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์
- โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงราย
- โรงพยาบาลเชียงรายราม
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ แม่สาย
- สถานพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ เชียงแสน
- สถานพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค แม่สาย
- สถานพยาบาลกรุงเทพเชียงราย แม่สาย
- สถานพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค เชียงของ
การขนส่ง

จังหวัดเชียงรายมีระบบขนส่งที่หลากหลายทั้งทางบก ทางอากาศ และทางรถไฟในอนาคต โดยเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางการบินที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และจังหวัดเชียงรายมีสถานีรถโดยสารประจำทาง 2 แห่ง สำหรับการขนส่งผู้โดยสารไปยังต่างอำเภอ และจังหวัดอื่น ๆ
ทางด้านระบบขนส่งมวลชน มี รถสองแถว ตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ แท็กซี่มิเตอร์ ให้บริการในพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย และอำเภอใกล้เคียง
สาธารณูปโภค
- ไฟฟ้า การไฟฟ้าของจังหวัดอยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ รับซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ แหล่งผลิตแม่เมาะ จังหวัดลำปาง สามารถให้บริการไฟฟ้าได้ครอบคลุม 18 อำเภอ สำหรับหมู่บ้าน ที่ไม่สามารถขยายเขตระบบจำหน่ายได้เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ เป็นหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แหล่งต้นน้ำลำธาร ลุ่มน้ำ เขตป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งหลายแห่งมีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
- ประปา การประปาในจังหวัดเชียงราย มีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ การประปาเชียงราย การประปาพาน การประปาเทิง การประปาเวียงเชียงของ และการประปาแม่สาย
- โทรศัพท์ จังหวัดเชียงรายมีชุมสายโทรศัพท์
- ไปรษณีย์ มีสำนักงานไปรษณีย์ จำนวน 22 แห่ง
กีฬา
จังหวัดเชียงรายมีการจัดการแข่งขันกีฬาในระดับประเทศหลายครั้ง ได้แก่ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 2 ครั้ง กีฬาเยาวชนแห่งชาติ 1 ครั้ง และกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย 2 ครั้ง
เชียงรายมีสโมสรฟุตบอลอาชีพ 3 สโมสร ได้แก่
สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
- ดอยแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง
- ดอยตุง อำเภอแม่สาย
- ทะเลสาบเชียงแสน อำเภอเชียงแสน
- น้ำพุร้อนโป่งพระบาท อำเภอเมือง
- น้ำพุร้อนแม่ขะจาน อำเภอเวียงป่าเป้า
- ปางช้างกระเหรี่ยงรวมมิตร อำเภอเมือง
- ดอยผาตั้ง อำเภอเวียงแก่น
- ดอยช้าง อำเภอแม่สรวย
- อุทยานแห่งชาติดอยหลวง อำเภอพาน
- อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย
- อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก อำเภอเมือง
- อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า อำเภอเทิง
- อุทยานแห่งชาติขุนแจ อำเภอเวียงป่าเป้า
- เขื่อนแม่สรวย อำเภอแม่สรวย
สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
- อำเภอเมืองเชียงราย

- วัดร่องขุ่น
- สิงห์ปาร์คเชียงราย
- วัดร่องเสือเต้น
- บ้านดำ
- วัดห้วยปลากั้ง
- ถนนคนเดิน - ที่สำคัญมีสองแห่งคือ
- กาดเจียงฮายรำลึก บริเวณถนนธนาลัยสุดสาย ใจกลางเมือง (วันเสาร์)
- ถนนคนม่วน ช่วงบริเวณถนนสันโค้งสุดสาย (วันอาทิตย์)
- เชียงรายไนท์บาซาร์
- อำเภออื่น ๆ

- ไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จัน
- เมืองเก่าโบราณเชียงแสน อำเภอเชียงแสน
- สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน อำเภอเชียงแสน
- ตลาดชายแดนแม่สาย อำเภอแม่สาย
- ผาหมี ผาฮี้ อำเภอแม่สาย
- ชุมชนปางห้า อำเภอแม่สาย
- ภูชี้ดาว อำเภอเทิง
- ริมโขง อำเภอเชียงของ
- วัดแสงแก้วโพธิญาณ อำเภอแม่สรวย
บุคคลที่มีชื่อเสียง
- วิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- สถิตย์ ไชยปัญญา นักวิชาการด้านภาษาสันสกฤตและฮินดี
- สฤษฏ์ อึ้งอภินันท์ นักการเมือง
- พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน นักการเมือง
- รัตนา จงสุทธานามณี นักการเมือง
- ยงยุทธ ติยะไพรัช นักการเมือง
- สามารถ แก้วมีชัย นักการเมือง
- วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ นักการเมือง
- จูหลิง ปงกันมูล ข้าราชการครู
- ถวัลย์ ดัชนี จิตรกร
- เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกร
- มาลา คำจันทร์ นักเขียน
- วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร นักแสดง
- สายธาร นิยมการณ์ นักแสดง
- ภูริตา สุปินชมภู นักแสดง
- ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดง
- ณัฐวุฒิ ศรีหมอก นักร้อง
- ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา นักร้อง
- อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี นักร้อง
- อุเทน พรหมมินทร์ นักร้อง
- ปู่จ๋าน ลองไมค์ นักร้อง
- คนึงพิมพ์ ธนพิชชากรณ์ นักร้อง
- ชาตรี เพชรเม็งราย นักร้อง
- กรรฐกรฐ์ หล่อเสถียรธารี นักร้อง
- จิรายุทธ ผโลประการ นักร้อง
- กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์ นักร้อง/นักแสดง
- วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส ผู้ประกาศข่าว
- ปริม อินทวงศ์ อดีตนักวอลเลย์ทีมชาติไทย
- โสรยา พรมหล้า นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง
- วิภาวี ศรีทอง นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
- วัชรกร มะโนวร นักฟุตบอล
- มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด
- วัชรกร ไกลถิ่น อดีตนักฟุตบอลทีมเชียงราย ยูไนเต็ด
- กฤษฎี ประกอบของ อดีตนักฟุตบอลทีมเชียงราย ยูไนเต็ด
- โสพิชา อังคะไวมงคล นักร้อง
- พงศภัทร์ กันคำ นักแสดง
- วรรษพร วัฒนากุล นักแสดง
- จิณณ์ณิตา บุดดี นางงาม
- บัวบาน ผามั่ง อดีตนักกรีฑาทีมชาติไทย
- แองจี้ เพชรรุ่งเรือง นักมวยไทย
- สมศักดิ์ รินนายรักษ์ นักร้อง
- ปัญจพล ธรรมสอน นักร้อง
- ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช นักการเมือง
- จิรดาภา อินทจักร นักร้อง
- ปรางทิพย์ แถลง นักร้อง
- รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น นักแสดง/พิธีกร
- ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ผู้ประกาศข่าว
- อัฐริญญา อึ้งศิลป์ศรีกุล นักแสดง
- ธีรศานติ์ ปวงกันทะ นักร้อง
- อานันท์ หว่อง นักแสดง
- พฤกษ์ พานิช นักแสดง
- วรวรรธน์ บุญชื่น นักแสดง
บ้านพี่เมืองน้อง
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.