Remove ads
สายการบินแห่งชาติของประเทศเยอรมนี จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ลุฟท์ฮันซ่า (เยอรมัน: Lufthansa) หรือชื่อเต็ม บมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่า (เยอรมัน: Deutsche Lufthansa AG) เป็นสายการบินประจำชาติและสายการบินใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี และถือเป็นสายการบินใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปในแง่จำนวนผู้โดยสาร ชื่อลุฟท์ฮันซ่ามาจากการประสมระหว่างคำว่า ลุฟท์ ที่แปลว่า "อากาศ" กับคำว่า ฮันซา ที่หมายถึง "สันนิบาตการค้า" บริษัทลุฟท์ฮันซ่าเป็นหนึ่งในห้าสายการบินผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์อัลไลแอนซ์ในปีค.ศ. 1997[3] ซึ่งเป็นเครือพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
| |||||||
ก่อตั้ง | 6 มกราคม ค.ศ. 1953 (71 ปี) | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มดำเนินงาน | 1 เมษายน ค.ศ. 1955 (69 ปี) | ||||||
ท่าหลัก | ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ท่าอากาศยานมิวนิก[note 1] | ||||||
สะสมไมล์ | Miles & More | ||||||
พันธมิตรการบิน | สตาร์อัลไลแอนซ์ | ||||||
บริษัทลูก |
| ||||||
ขนาดฝูงบิน | 295 | ||||||
จุดหมาย | 229 | ||||||
บริษัทแม่ | เครือลุฟท์ฮันซ่า | ||||||
การซื้อขาย | |||||||
ISIN | DE0008232125 | ||||||
สำนักงานใหญ่ | โคโลญ, ประเทศเยอรมนี | ||||||
บุคลากรหลัก | คาร์สเตน สปอร์ (ประธานและซีอีโอ) | ||||||
รายได้ | 32.8 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022) | ||||||
รายได้จากการดำเนินงาน | 1.5 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022) | ||||||
รายได้สุทธิ | 791 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022) | ||||||
สินทรัพย์ | 43.335 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022) | ||||||
ส่วนของผู้ถือหุ้น | 8.5 พันล้านยูโร (ค.ศ. 2022) | ||||||
พนักงาน | 109,509 คน (ค.ศ. 2022) [2] | ||||||
เว็บไซต์ | www |
นอกจากลุฟท์ฮันซ่าจะดำเนินกิจการสายการบินภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว ลุฟท์ฮันซ่ายังมีสายการบินในเครือได้แก่: ออสเตรียนแอร์ไลน์, สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์, บรัสเซลแอร์ไลน์ และยูโรวิงส์ นอกจากนี้ บริษัทลุฟท์ฮันซ่ายังมีบริษัทลูกในเครือ ได้แก่ ลุฟท์ฮันซ่าเทคนิค (ฝ่ายซ่อม) และ แอลเอสจีสกายเชฟ (ฝ่ายครัวการบิน) หากรวมจำนวนเครื่องบินของสายการบินทั้งหมดในเครือลุฟท์ฮันซ่าแล้ว จะมีเครื่องบินประจำการกว่า 700 ลำ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มสายการบินที่มีขนาดฝูงบินใหญ่ที่สุดในโลก[4]
ลุฟท์ฮันซ่ามีสำนักงานใหญ่ของเครือบริษัทในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โดยมีฐานการบินหลักในท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต[5] และมีฐานการบินรองในท่าอากาศยานมิวนิก
บมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่าก่อตั้งในกรุงเบอร์ลินเมื่อค.ศ. 1926[6] และกลายเป็นสายการบินประจำชาติเยอรมันนับแต่นั้น สายการบินแห่งนี้สิ้นสภาพไปโดยปริยายพร้อมกับความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อค.ศ. 1945[7] แต่ในเวลาต่อมา รัฐบาลเยอรมนีตะวันตกมีความพยายามฟื้นฟูสายการบินแห่งชาติขึ้นมาใหม่ มีการก่อตั้งบริษัทมหาชนที่ชื่อว่า ลุฟท์ทาค (Luftag)[8] ในนครโคโลญเมื่อปีค.ศ. 1953 พนักงานและผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นบุคลากรที่เคยทำงานให้กับสายการบินลุฟท์ฮันซ่าที่ล้มไป[9][10] ในปีนั้น ลุฟท์ทาคสั่งซื้อเครื่องบินคอนแวร์ 340 และ ล็อกฮีด แอล-1049 อย่างละสี่เครื่องจากสหรัฐ และกำหนดท่าอากาศยานฮัมบวร์คเป็นฐานปฏิบัติการใหญ่และฐานซ่อมบำรุง[8] ทั้งนี้เนื่องจาก กรุงเบอร์ลินในขณะนั้นมีสถานะพิเศษระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกและสหภาพโซเวียต จึงไม่มีสายการบินใดได้รับอนุญาตให้บินเหนือน่านฟ้ากรุงเบอร์ลิน
สิงหาคม ค.ศ. 1954 ลุฟท์ทาคซื้อสิทธิ์ในชื่อและโลโก้จากผู้พิทักษ์ทรัพย์ของอดีตบมจ.ด็อยท์เชอลุฟท์ฮันซ่าด้วยเงินจำนวน 30,000 มาร์ค และกลายเป็นสายการบินประจำชาติเยอรมันนับแต่นั้น ลุฟท์ฮันซ่าเริ่มให้บริการเดินอากาศอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1955 ในปีแรกให้บริการเที่ยวบินในประเทศระหว่างฮัมบวร์ค, ดึสเซิลดอร์ฟ, แฟรงก์เฟิร์ต, โคโลญ และมิวนิก เที่ยวบินระหว่างประเทศสู่ลอนดอน, ปารีส, มาดริด และนครนิวยอร์ก[11][12]
ในปีค.ศ. 1958 ลุฟต์ฮันซ่าสั่งซื้อโบอิง 707 จำนวน 4 ลำ และเริ่มบินเครื่องบินจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังนครนิวยอร์กในเดือนมีนาคม ค.ศ 1960 ต่อมาได้ซื้อโบอิง 720B เพื่อทดแทนฝูงบินโบอิง 707 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1961 ลุฟท์ฮันซ่าได้ขยายเส้นทางตะวันออกถึงกรุงเทพฯ ฮ่องกง โตเกียว เลกอส และโจฮันเนสเบิร์ก
ลุฟต์ฮันซ่าเปิดตัวเครื่องบินโบอิง 727 ในปี 1964 และเดือนพฤษภาคมเริ่มเส้นทางขั้วโลกจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังโตเกียวผ่านแองเคอเรจ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 บริษัทได้สั่งซื้อโบอิ้ง 737 จำนวน 21 ลำที่เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2511 ลุฟท์ฮันซาเป็นลูกค้ารายแรกของโบอิ้ง 737 และเป็นหนึ่งในสี่ของผู้ให้บริการโบอิง 737-100 (ผู้ให้ยริการรายอื่น ได้แก่นาซา มาเลเซีย-สิงคโปร์แอร์ไลน์ และอาเบียงกา) ลุฟท์ฮันซ่าเป็นลูกค้าต่างชาติรายแรกที่เปิดตัวเครื่องบินโบอิง
ยุคสมัยเครื่องบินลำตัวกว้างของลุฟท์ฮันซ่าเริ่มต้นด้วยการให้บริการโบอิง 747 เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1970, ดักลาส ดีซี-10-30 ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1973, และแอร์บัส เอ300 ในปี 1976 ลุฟท์ฮันซ่าเป็นลูกค้าเปิดตัวแอร์บัส เอ310 ในปี 1979 ร่วมกับสวิสแอร์ด้วยคำสั่งซื้อจำนวน 25 ลำ
ลุฟท์ฮันซ่าเริ่มดำเนินการโครงการปรับปรุงฝูงบินในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1985 โดยได้เพิ่มคำสั่งซื้อแอร์บัส เอ320 สิบห้าลำ และแอร์บัส เอ300-600 เจ็ดลำ โบอิง 737-300 สิบลำ ทั้งหมดถูกส่งมอบระหว่างปี 1987 ถึง 1992 ลุฟท์ฮันซ่ายังซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ321 แอร์บัส เอ340 และโบอิง 747-400
ในปี 1987 ลุฟท์ฮันซา ร่วมกับแอร์ฟรานซ์ ไอบีเรีย และสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ ก่อตั้งบริษัทอมาดีอุส ซึ่งเป็นบริษัทไอที (หรือเรียกว่า GDS) ที่พัฒนาระบบสื่อกลางการขายเที่ยวบินและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องของสายการบินต่างๆ
ลุฟท์ฮันซาออกแบบและเริ่มใช้เอกลักษณ์องค์กรใหม่ในปี 1988 โดยได้มีการปรับเปลี่ยนลวดลายอากาศยาน ห้องโดยสาร สำนักงาน และห้องรับรองในสนามบินทั้งหมด
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1990 หลังจากการรวมประเทศได้ 25 วัน เบอร์ลินกลายเป็นจุดหมายปลายทางของลุฟท์ฮันซาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 ลุฟท์ฮันซ่า, แอร์แคนาดา, สแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม, การบินไทย และ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ได้ก่อตั้งสตาร์อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรสายการบินแห่งแรกของโลก
ในตอนต้นของปีค.ศ. 1995 ลุฟท์ฮันซ่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางอย่างโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริษัทที่ดำเนินงานอิสระของกลุ่มการบิน เช่น ลุฟท์ฮันซ่า เทคนิค ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ และลุฟท์ฮันซ่า ซิสเต็มส์[13] หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ในปีค.ศ. 2001 สายการบินประสบกับการสูญเสียผลกำไรจำนวนมาก[14] แต่ยังคงสามารถรักษาฝูงบินแอร์บัส เอ380 ไว้สำหรับเที่ยวบินระยะไกลจากแฟรงก์เฟิร์ตโดยเฉพาะ ฝูงบินเอ380 จะใช้สำหรับเที่ยวบินระยะไกลจากแฟรงก์เฟิร์ตเท่านั้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2003 ลุฟต์ฮันซาเปิดอาคารผู้โดยสาร 2 ที่สท่าอากาศยานมิวนิก เพื่อบรรเทาศูนย์กลางหลักที่แฟรงก์เฟิร์ตซึ่งประสบปัญหาข้อจำกัดด้านความจุ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2005 สวิสอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์ถูกซื้อโดยลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป
ลุฟท์ฮันซ่าเป็นสายการบินในยุโรปแห่งที่สองที่ให้บริการแอร์บัส เอ380 (รองจากแอร์ฟรานซ์) เอ380 ลำแรกส่งมอบเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในขณะที่โบอิง 747-8 ลำแรกเข้าประจำการในปี 2012
ลุฟท์ฮันซ่าขาดทุน 381 ล้านยูโรในไตรมาสแรกของปี 2010 และอีก 13 ล้านยูโรในปี 2011[15] เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้นทุนการปรับโครงสร้าง ส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้าง บริษัทได้เริ่มโอนเที่ยวบินระยะใกล้ทั้งหมดนอกศูนย์กลางในแฟรงก์เฟิร์ต มิวนิก และดึสเซลดอร์ฟ ไปยังสายการบินต้นทุนต่ำใหม่อย่างเยอรมันวิงส์[16]
เครื่องบินโบอิง 737 ลำสุดท้ายของสายการบิน (737-300) ปลดประจำการเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2016 หลังจากเที่ยวบินจากมิลานไปยังแฟรงก์เฟิร์ต[17] สายการบินได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 787-9 จำนวน 20 ลำและเครื่องบินแอร์บัส เอ350-900 อีกจำนวน 20 ลำสำหรับการเปลี่ยนและขยายฝูงบินของบริษัทเองและในกลุ่ม
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2020 ลุฟท์ฮันซ่ายกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 95 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากการห้ามเดินทางเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายการบินขาดทุน 1 ล้านยูโรต่อชั่วโมงภายในเดือนเมษายน 2020 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ผู้ถือหุ้นของ Deutsche Lufthsa AG ยอมรับเงินช่วยเหลือ 9,000,000,000 ยูโรจากกระทรวงกิจการเศรษฐกิจและพลังงานแห่งสหพันธรัฐ
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 ลุฟต์ฮันซายืนยันว่าฝูงบินแอร์บัส เอ380 ทั้งหมดจะถูกปลดประจำการ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2020[18] ก่อนเปลี่ยนแปลงแผนการปลดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2022 โดยมีแผนที่จะส่งคืนเครื่องบินจำนวน 5 ลำจากที่เก็บภายในปี ค.ศ. 2023 นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการนำเครื่องบิน เอ380 ที่เหลือทั้งหมดแปดลำให้กลับมาให้บริการภายในปีค.ศ. 2024[19]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 สกายแทรกซ์ได้ลดลำดับสายการบินที่เดิมเป็นสายการบิน 5 ดาวลงเป็นสายการบิน 4 ดาว[20]
ในปี 2023 สายการบินเกิดปัญหาระบบขัดข้อง ทำให้ผู้โดยสารถูกทิ้งไว้ทั่วโลก หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศสัญชาติเยอรมันได้กล่าวว่าได้ทำการเปลี่ยนเส้นทางของเที่ยวบินลุฟท์ฮันซ่าออกจากแฟรงก์เฟิร์ต ปัญหาดังกล่าวคาดว่าเกิดจากเกิดการตัดสายเคเบิลจากงานก่อสร้างภายในเมือง[21][22]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 เครือลุฟท์ฮัน่าได้รายงานข้อตกลงกับกระทรวงการคลังของอิตาลีในการเข้าถือหุ้น 41% ในสายการบินอิตาแอร์เวย์ โดยข้อตกลงนี้อนุญาตให้ลุฟต์ฮันซ่าเข้าถือหุ้นเพิ่มได้ในอนาคต[23]
สำนักงานใหญ่ของลุฟท์ฮันซ่าตั้งอยู่ในโคโลญจน์ ในปีค.ศ. 1986 ได้มีผู้ก่อการร้ายฝ่ายซ้ายได้วางระเบิดอาคาร โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ[24][25] ในปีค.ศ. 2006 ผู้สร้างได้วางศิลาฤกษ์ก้อนแรกของสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของลุฟท์ฮันซ่าในเมืองโคโลญจน์ ภายในสิ้นปีค.ศ. 2007 ลุฟท์ฮันซ่าวางแผนที่จะย้ายพนักงาน 800 คนไปยังอาคารใหม่[26] อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีค.ศ. 2013 ลุฟต์ฮันซาได้เปิดเผยแผนการที่จะย้ายสำนักงานใหญ่จากโคโลญไปยังแฟรงก์เฟิร์ตภายในปี ค.ศ. 2017[27]
แผนกต่างๆ ของลุฟท์ฮันซ่าไม่ได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ในโคโลญ แต่จะตั้งอยู่ในศูนย์การบินลุฟท์ฮันซ่าที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตแทน[28][29]
ลุฟท์ฮันซ่ามีบริษัทลูก ดังนี้:[30]
ลักษณะของโลโก้ลุฟท์ฮันซ่าจะเป็นรูปนกกระเรียนขณะบิน โดยถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1918 โดยออตโต เฟิร์ล โลโก้นี้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายเครื่องบินของ Deutsche Luft-Reederei (ตัวย่อ DLR) สายการบินเยอรมันแห่งแรก ซึ่งเริ่มให้บริการทางอากาศเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 ในปีค.ศ. 1926 สายการบินด็อยท์เชอ ลุฟท์ ฮันซาได้นำสัญลักษณ์นี้มาใช้ และลุฟท์ฮันซ่าก็ได้นำโลโก้นี้ไปใช้ในปีค.ศ.1963
นักออกแบบชาวเยอรมัน Otl Aicher ได้สร้างโลโก้ลวดลายสำหรับสายการบินในปีค.ศ. 1967 คือโลโก้นกกระเรียนแสดงในวงกลม
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ลุฟท์ฮันซ่ายังคงใช้สีน้ำเงินและสีเหลืองเป็นสีหลักและโลโก้นกกระเรียน ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา ลุฟท์ฮันซ่าใช้แบบอักษรเฮลเวติกาบนชื่อของสายการบิน ลวดลายของปี 1970 มีจุดเด่นที่ครึ่งบนของลำตัวที่ทาด้วยสีขาวล้วนที่ด้านบน และลำตัวด้านล่าง (ครึ่งล่าง รวมถึงเครื่องยนต์) เป็นอะลูมิเนียมสีเทา/เงิน ด้านล่างแถบหน้าต่างสีน้ำเงินและจมูกที่ทาสีดำ โลโก้เครนถูกทาสีฟ้าบนเครื่องยนต์ ที่ครึ่งล่างของลำตัวด้านล่างหน้าต่างห้องนักบิน และวงกลมสีเหลืองในแถบสีน้ำเงินที่ส่วนหาง
ในปีค.ศ. 1967 นักออกแบบชาวเยอรมัน ออตล์ ไอเชอร์ ได้ออกแบบลวดลายให้ลุฟท์ฮันซ่า โดยลวดลายนี้จะเป็นสีเหลืองบนครีบหางสีน้ำเงิน เฮลเวติกาถูกใช้เป็นแบบอักษรหลักสำหรับทั้งการตกแต่งและสิ่งพิมพ์ แถบสีน้ำเงินและโครงร่างสีทั่วไปของเครื่องบินยังคงอยู่จากการตกแต่งก่อนหน้า แนวคิดของไอเชอร์ยังคงอยู่ในลวดลายปี 1988 แต่แถบหน้าต่างถูกนำออกและทาลำตัวด้วยสีเทาด้านล่าง
ในปีค.ศ. 2018 ลุฟท์ฮันซ่าเปลี่ยนลวดลายใหม่ โดยมีโลโก้นกกระเรียนเดิม แต่พื้นหลังเป็นสีน้ำเงินเข้ม แพนหางดิ่งและลำตัวด้านหลังทาด้วยสีน้ำเงินเข้ม และโคนหางยังคงเป็นสีขาว ลำตัวเครื่องบินหลักถูกทาด้วยสีขาวทั้งหมด และมีการทาสีชื่อแบรนด์ "ลุฟท์ฮันซ่า" เหนือหน้าต่างด้วยสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน
ลุฟต์ฮันซาเป็นผู้สนับสนุนสโมสรไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท ในรายการบุนเดิสลีกา[32] ลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปยังสนับสนุนมูลนิธิช่วยเหลือด้านกีฬาของเยอรมันเพื่อส่งเสริมเป้าหมายทางสังคมการเมืองและนักกีฬาที่องค์กรให้การสนับสนุน[33]
ณ เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 ลุฟท์ฮันซ่าได้มีข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินดังต่อไปนี้:[34][35]
LH เป็นส่วนหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 ลุฟท์ฮันซ่ามีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:[43][44][45]
เครื่องบิน | ประจำการ | คำสั่งซื้อ | ผู้โดยสาร | หมายเหตุ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
F | C | W | Y | รวม | อ้างอิง | ||||
แอร์บัส เอ319-100 | 23 | — | — | 24 | — | 102 | 138 | [46] | |
แอร์บัส เอ320-200 | 52 | — | — | 28 | — | 140 | 168 | [47] | |
แอร์บัส เอ320นีโอ | 35 | 38[48] | — | 28 | — | 152 | 180 | [49] | ลูกค้าเปิดตัว[50] คำสั่งซื้อบางส่วนจะโอนย้ายให้กับสายการบินในเครือ[51] |
แอร์บัส เอ321-100 | 20 | — | — | 26 | — | 174 | 200 | [52] | ลูกค้าเปิดตัว[53] |
แอร์บัส เอ321-200 | 37 | — | — | 26 | — | 174 | 200 | [52] | |
แอร์บัส เอ321นีโอ | 17 | 22[48] | — | 28 | — | 187 | 215 | [54][55] | |
แอร์บัส เอ330-300 | 10 | — | — | 42 | 28 | 185 | 255 | [56] | |
แอร์บัส เอ340-300 | 17 | — | — | 30 | 28 | 221 | 279 | [57] | ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น[58] จะทดแทนด้วยแอร์บัส เอ350-900[59] |
แอร์บัส เอ340-600 | 10 | — | 8 | 56 | 28 | 189 | 281 | [60] | นำกลับมาให้บริการหลังการจัดเก็บในปี 2022[61] จะทดแทนด้วยแอร์บัส เอ350-1000[62] |
แอร์บัส เอ350-900 | 23 | 32[48] | 4 | 38 | 24 | 201 | 267 | เริ่มส่งมอบในต้นปี 2024 ด้วยห้องโดยสารลุฟท์ฮันซ่าอัลเลกริส | |
— | 48 | 21 | 224 | 293 | [63][64] | ส่งมอบตั้งแต่ปี 2016[65][66] | |||
30 | 26 | 262 | 318 | [63] | |||||
30 | — | 309 | 339 | เช่าสองลำ - ใช้ผังที่นั่งเดิมจากเซาท์แอฟริกันแอร์เวส์ | |||||
เช่าสี่ลำ - ใช้ผังที่นั่งเดิมจากลาตัม บราซิล[67] | |||||||||
แอร์บัส เอ350-1000 | — | 10 | รอประกาศ | ทดแทนแอร์บัส เอ340-600[64] | |||||
แอร์บัส เอ380-800 | 8 | — | 8 | 78 | 52 | 371 | 509 | [68] | สี่ลำนำกลับมาให้บริการหลังการจัดเก็บ[69][70][71] อีกสี่ลำจะนำกลับมาให้บริการในปี 2024. |
โบอิง 747-400 | 8 | — | — | 67 | 32 | 272 | 371 | [72] | จะทดแทนด้วยโบอิง 777-9[73] |
โบอิง 747-8ไอ | 19 | — | 8 | 80 | 32 | 244 | 364 | [74] | ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น[75] รวม D-ABYP โบอิง 747 ลำที่ 1,500[76] |
โบอิง 777-9 | — | 20 | รอประกาศ | เริ่มส่งมอบในปี 2025[77] ทดแทนโบอิง 747-400 และแอร์บัส เอ380-800 หกลำ[78] | |||||
โบอิง 787-9 | 5 | 34[79] | — | 28 | 28 | 231 | 287 | เริ่มส่งมอบในปี 2024 ด้วยห้องโดยสารลุฟท์ฮันซ่าอัลเลกริส | |
26 | 21 | 247 | 294 | [64] | เริ่มส่งมอบตั้งแต่สิงหาคม ค.ศ. 2022[80][81][82] ห้าคำสั่งซื้อโอนย้ายมาจากไห่หนานแอร์ไลน์โดยใช้ผังที่นั่งเดิม[83] ห้าลำจะโอนย้ายไปยังออสเตรียนแอร์ไลน์[84] | ||||
รวม | 295 | 156 |
ลุฟท์ฮันซ่ามีอายุฝูงบินเฉลี่ย 13.7 ปี
โปรแกรมสะสมไมล์ Miles & More ของลุฟท์ฮันซ่าจะใช้ร่วมกันระหว่างสายการบินในยุโรปหลายแห่ง ได้แก่ สายการบินในเครือทั้งหมดของลุฟท์ฮันซ่า (ไม่รวมกิจการร่วมค้าของซันเอกซ์เพรส), ค็อนดอร์ (เดิมเป็นของลุฟท์ฮันซ่า), โครเอเชียแอร์ไลน์, ล็อตโปแลนด์, และลักซ์แอร์ (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่า)[85] สมาชิก Miles & More จะได้รับไมล์สะสมจากเที่ยวบินของลุฟท์ฮันซ่าและเที่ยวบินพันธมิตรของสตาร์อัลไลแอนซ์ ตลอดจนผ่านบัตรเครดิตของลุฟท์ฮันซ่าและการซื้อสินค้าผ่านร้านค้าของสายการบิน สถานะภายใน Miles & More จะพิจารณาจากไมล์ที่บินระหว่างหนึ่งปีปฏิทินกับพันธมิตรเฉพาะราย ระดับสมาชิกประกอบด้วย: สมาชิก Miles & More (ไม่มีเกณฑ์ขั้นต่ำ), ผู้เดินทางบ่อย (ระดับเงิน 35,000 ไมล์ (56,000 กม.) หรือ 30 เที่ยวบินส่วนบุคคล), วุฒิสมาชิก (ระดับทอง 100,000 ไมล์ (160,000 กม.)), และ HON Circle (สีดำ 600,000 ไมล์ (970,000 กม.) เกณฑ์ในสองปีปฏิทิน) ระดับสถานะของ Miles & More ทั้งหมดที่สูงกว่าสมาชิก Miles & More มอบสิทธิ์การเข้าใช้ห้องรับรองและไมล์โบนัส โดยระดับที่สูงขึ้นจะมอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากกว่า[86]
ที่นั่งชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่าจะมีให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลส่วนใหญ่ (แอร์บัส เอ340-600 ทุกลำ ส่วนหน้าของชั้นบนของแอร์บัส เอ380 ทุกลำ และส่วนจมูกของดาดฟ้าหลักของโบอิง 747-8 ทุกลำ) แต่ละที่นั่งปรับเป็นเตียงขนาด 2 เมตร (6 ฟุต 7 นิ้ว) พร้อมปลั๊กไฟสำหรับอุปกรณ์ตั้งโต๊ะ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิง มีบริการอาหารตามความต้องการ ลุฟท์ฮันซามีเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในสนามบินส่วนใหญ่ และมีห้องรับรองชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในแฟรงก์เฟิร์ตและมิวนิก รวมถึงอาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้โดยสารขาเข้ามีตัวเลือกในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารขาเข้าชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่า
ที่นั่งชั้นธุรกิจจะมีให้ให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลทุกลำ ที่นั่งแปลงเป็นเตียงนอนราบขนาด 2 เมตร (6 ฟุต 7 นิ้ว) และมีปลั๊กไฟสำหรับแล็ปท็อปและเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อความบันเทิง[87] ลุฟท์ฮันซ่ามีเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับชั้นธุรกิจโดยเฉพาะที่สนามบินทุกแห่ง รวมถึงห้องรับรองสำหรับชั้นธุรกิจโดยเฉพาะที่สนามบินส่วนใหญ่ หรือห้องรับรองพิเศษที่สนามบินอื่นๆ รวมถึงห้องรับรองต้อนรับของลุฟท์ฮันซ่าเมื่อเดินทางมาถึงแฟรงก์เฟิร์ต ในปีค.ศ. 2014 ชั้นธุรกิจของเครื่องบินลำตัวกว้างทุกลำมีที่นั่งแบบปรับนอนราบได้[88]
เปิดตัวใน ค.ศ. 2014 ที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมของลุฟท์ฮันซาจะมีให้บริการบนเครื่องบินระยะไกลทุกลำ โดยเริ่มด้วยโบอิง 747-8I การออกแบบที่นั่งจะคล้ายกับห้องโดยสารชั้นประหยัดพรีเมียมของแอร์แคนาดา หรือชั้นโดยสารเวิลด์เทรเวลเลอร์พลัส ของบริติชแอร์เวย์ ชั้นประหยัดพรีเมียมมีระยะห่าง 38 นิ้ว (970 มม.) และความกว้างมากกว่าชั้นประหยัดสูงสุด 3 นิ้ว (76 มม.) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องบิน เบาะนั่งยังมีจอความบันเทิงด้านหลังเบาะนั่งส่วนตัวขนาด 11 หรือ 12 นิ้ว (280 หรือ 300 มม.) และที่วางแขนแยกที่นั่งขนาดใหญ่ขึ้น
ที่นั่งชั้นประหยัดของลุฟท์ฮันซ่าที่ให้บริการบนเครื่องบินระยะไกล จะมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 31 นิ้ว (790 มม.) ยกเว้นบนแอร์บัส เอ380 ที่จะมีระยะห่างระหว่างที่นั่ง 33 นิ้ว (840 มม.) ผู้โดยสารจะได้รับอาหารและเครื่องดื่มฟรี ทุกที่นั่งจะมีหน้าจอระบบความบันเทิง (Audio-Video-On-Demand; AVOD) ให้บริการ
ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการห้องรับรองสี่ประเภทภายในเครือข่าย: ชั้นหนึ่ง, วุฒิสมาชิก, ธุรกิจ และห้องรับรองต้อนรับ ห้องรับรองผู้โดยสารขาออกแต่ละแห่งสามารถเข้าถึงได้ทั้งผ่านชั้นโดยสาร หรือสถานะ Miles and More/Star Alliance; ห้องรับรองถูกจำกัดไว้สำหรับผู้โดยสารระดับพรีเมียมขาเข้าของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ปและยูไนเต็ดแอร์ไลน์[89]
ลุฟท์ฮันซ่ายังให้บริการอาคารผู้โดยสารชั้นหนึ่งโดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต อาคารผู้โดยสารแห่งนี้มีจำกัดเฉพาะผู้โดยสารชั้นหนึ่ง, ชั้นหนึ่งของลุฟท์ฮันซ่ากรุ๊ป และสมาชิก HON Circle ในอาคารผู้โดยสารจะมีร้านอาหารบริการเต็มรูปแบบ บาร์เต็มรูปแบบ ห้องรับรองซิการ์ ห้องพักผ่อน และสำนักงาน รวมทั้งห้องอาบน้ำ ผู้เข้าพักจะถูกขับตรงไปยังเที่ยวบินที่ออกเดินทางโดยรถเมอร์เซเดส เอส-คลาสหรือ วี-คลาส หรือรถพอร์เชอ คาเยนน์ หรือ พานาเมร่า
ลุฟท์ฮันซ่าให้บริการรถบัสจากท่าอากาศยานนูเรมเบิร์กไปยังท่าอากาศยานมิวนิก ซึ่งได้กลับมาให้บริการในค.ศ. 2021 เพื่อแทนที่เที่ยวบินระยะสั้นระหว่างทั้งสองเมือง[90] ลุฟท์ฮันซาเคยให้บริการรถโดยสารจากนูเรมเบิร์กไปยังมิวนิกในปลายทศวรรษ 1990[91]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.