Remove ads
อากาศยานไอพ่นลำตัวกว้างสี่เครื่องยนต์ของแอร์บัส จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอร์บัส เอ340 เป็นเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์แบบลำตัวกว้างสี่เครื่องยนต์ระยะไกลที่ผลิตโดยแอร์บัส บริษัทลูกของ EADS ดีไซน์คล้ายกับ A330 เครื่องยนต์คู่
แอร์บัส เอ340 | |
---|---|
แอร์บัส เอ340-500 ของกองทัพอากาศไทย | |
ข้อมูลทั่วไป | |
บทบาท | อากาศยานไอพ่นลำตัวกว้าง |
บริษัทผู้ผลิต | แอร์บัส |
สถานะ | ในประจำการ |
ผู้ใช้งานหลัก | ลุฟต์ฮันซา มาฮานแอร์ เซาท์แอฟริกันแอร์เวย์ สวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ |
จำนวนที่ผลิต | 380 (ส่งมอบทั้งหมด 377 ลำ) |
ประวัติ | |
สร้างเมื่อ | ค.ศ. 1991 - 2011[1] |
เริ่มใช้งาน | 15 มีนาคม ค.ศ. 1992 โดย ลุฟต์ฮันซาและแอร์ฟรานซ์ |
เที่ยวบินแรก | 25 ตุลาคม ค.ศ. 1991 |
พัฒนาจาก | แอร์บัส เอ300 |
รุ่นนี้มี 4 รุ่น: A340-200 (ซึ่งสั้นที่สุด), A340-300, A340-500 และรุ่นที่ยาวที่สุดใน A340-600 A340-600 เป็นเครื่องบินโดยสารที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
มีสี่เครื่องยนต์ ทำให้ A340 ใช้เชื้อเพลิงมากกว่าเครื่องบินรุ่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม นั่นก็หมายความว่าไม่ต้องผ่านการทดสอบ ETOPS (ปฏิบัติการแฝดช่วงขยาย) เพื่อบินระยะไกล
Airbus A340 เลิกผลิตแล้ว เนื่องจากถูกแทนที่ด้วย Airbus A350 XWB ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 A340-313 ของสายการบิน hi fly เที่ยวบิน 5M801ทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเคปทาวน์ลงจอดที่ Wolfs Fang Runway ควีนม็อดแลนด์ ทวีปแอนตาร์กติกา[2][3]ก่อนทำการบินกลับในเที่ยวบิน 5M802 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถนำเครื่อง A340 ลงจอดในที่ทวีปแอนตาร์กติกาได้สำเร็จ
ในช่วงที่แอร์บัสพัฒนาแอร์บัส เอ300 ในช่วงทศวรรษที่ 1970 แอร์บัสได้มีการเริ่มแผนที่จะพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ เพื่อแข่งขันกับโบอิงและแมคดอนเนลล์ดักลาส โดยได้เริ่มศึกษาแอร์บัส เอ300B4 เอนำมาพัฒนาต่อเป็นรุ่นใหม่[4] ซึ่งก่อนที่จะเปิดตัวเอ300 แอร์บัสได้ออกแบบรุ่นอื่นที่พัฒนาต่อถึงสิบรุ่น ใช้ชื่อตั้งแต่เอ300B1-B10[5][6] โดยรุ่น B10 เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก ที่ต่อมาจะพัฒนาเป็นแอร์บัส เอ310 จากนั้นแอร์บัสก็มุ่งไปที่ตลาดอากาศยานลำตัวแคบ โดยได้สร้างเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ320 ซึ่งเป็นเครื่องบินพาณิชย์แบบบินด้วยระบบฟลายบายไวร์ลำแรก[6]
เพื่อแยกความแตกต่างของโปรแกรมจากการศึกษาเอสเอ (เอสเอ หมายถึง "ทางเดินเดี่ยว") โครงการ B9 และ B11 ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น TA9 และ TA11 (TA หมายถึง "ทางเดินคู่") ตามลำดับ[7] ในความพยายามที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา แอร์บัสตัดสินใจที่จะใช้ปีกและโครงเครื่องบินเดียวกันร่วมกันทั้งสองรุ่น การใช้โครงสร้างปีกร่วมกันยังมีข้อได้เปรียบทางเทคนิคอย่างหนึ่ง: เครื่องยนต์ติดท้ายเรือของ TA11 สามารถรับน้ำหนักของรุ่นที่มีพิสัยบินยาวกว่าได้ด้วยการผ่อนแรงในการโค้งงอ อีกปัจจัยหนึ่งคือความชอบที่แตกต่างกันของผู้ที่อยู่ภายในแอร์บัสและความคาดหวังของสายการบิน
แอร์บัส เอ340 ลำแรก รุ่น −200 ได้ส่งมอบให้กับลุฟท์ฮันซ่าเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1993 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 15 มีนาคม[6] เครื่องบิน A340-300 ลำแรก ซึ่งเป็นเครื่องบินของแอร์บัสลำที่ 1,000 ได้ถูกส่งมอบให้กับแอร์ฟรานซ์เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์[6] แอร์ฟรานซ์ทดแทนเครื่องโบอิง 747 ด้วยเครื่องบิน เอ340 ในเส้นทางปารีส-วอชิงตัน ดี.ซี. โดยทำการบินสี่เที่ยวต่อสัปดาห์[6] ลุฟท์ฮันซาตั้งใจที่จะทดแทนดีซี-10 ที่เก่าแล้วด้วยแอร์บัส เอ340 ในเส้นทางแฟรงก์เฟิร์ต-นิวยอร์ก
แอร์บัส เอ340−200 เป็นหนึ่งในสองรุ่นเริ่มต้นของแอร์บัส เอ340 โดยมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 261 ที่นั่งในรูปแบบห้องโดยสารสามชั้น ที่มีพิสัยการบิน 13,800 กิโลเมตร (7,500 ไมล์ทะเล) หรือที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร 240 ที่นั่งในรูปแบบห้องโดยสารสามชั้นสำหรับพิสัยการบิน 15,000 กิโลเมตร (8,100 ไมล์ทะเล)[8] รุ่น -200 เป็นรุ่นที่สั้นที่สุดของตระกูลและเป็นรุ่นเดียวที่มีปีกกว้างกว่าความยาวลำตัว เอ340-200 ใช้เครื่องยนต์ ซีเอฟเอ็ม56-5C4 สี่เครื่อง[9] แอร์ฟรานซ์เริ่มให้บริการรุ่น -200 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1993 แอร์บัสได้ผลิตเอ340-200 เพียง 28 ลำเท่านั้น เพราะมีปีกขนาดใหญ่และมีสี่เครื่องยนต์ รวมถึงความจุของผู้โดยสารที่น้อยกว่ารุ่นอื่นๆ โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ โบอิง 767-400อีอาร์
แอร์บัส เอ340-300 สามารถจุผู้โดยสารได้ 295 คนในรูปแบบห้องโดยสารสามชั้นโดยทั่วไปด้วยพิสัยการบินกว่า 6,700 ไมล์ทะเล (12,400 กม.) เครื่องบินรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของตระกูล เริ่มบินเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1991 และเข้าประจำการกับลุฟท์ฮันซ่าและแอร์ฟรานซ์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1993 รุ่น -300 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ซีเอฟเอ็ม56-5C สี่เครื่อง และใช้เอพียูของฮันนี่เวลล์ คล้ายกัเรุ่น −200 ต่อมาเอ340-300 ถูกแทนที่ด้วยแอร์บัส เอ350-900[10] คู่แข่งหลักคือโบอิง 777-200อีอาร์[11] โดยมีการส่งมอบรุ่น -300 ทั้งหมด 218 ลำ
แอร์บัส เอ340-300E ซึ่งมักเขียนผิดเป็น เอ340-300X เป็นรุ่นที่เพิ่มน้ำหนักขึ้นบินสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 275 ตัน (606,000 ปอนด์) และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แรงขับ 34,000 ปอนด์ (150 กิโลนิวตัน) ในรุ่นนี้จะติดตั้งเครื่องยนต์ CFM56-5C4/P รุ่นใหม่และระบบการบินที่ดีขึ้น รวมถึงระบบฟลายบายไวร์ที่พัฒนาขึ้นสำหรับ เอ340-500 และ −600 ในการจัดเรียงที่นั่งปกติ จะสามารถจุผู้โดยสารได้ 295 คนในพิสัยการบิน 7,200 ถึง 7,400 ไมล์ทะเล (13,300 ถึง 13,700 กม.) ผู้ให้บริการรุ่นนี้ที่ใหญ่ที่สุดคือลุฟท์ฮันซ่า ซึ่งให้บริการจำนวน 30 ลำ และยังมีการส่งมอบให้กับเซาท์แอฟริกันแอร์เวย์ในปี 2003 และแอร์มอริเชียสในปี 2006
แอร์บัส เอ340-500 เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเริ่มบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 และได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม โดยมีแผนจะเปิดตัวกับแอร์แคนาดา แต่ถูกฟ้องล้มละลายในเดือนมกราคม ค.ศ. 2003 เอมิเรตส์จึงเปิดตัวรุ่น -500 ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน[12] เอ340-300 สามารถจุผู้โดยสารได้ 313 คนในรูปแบบห้องโดยสารสามชั้นด้วยพิสัยการบินกว่า 16,020 กม. (8650 ไมล์ทะเล) เมื่อเปรียบเทียบกับ เอ340-300 เอ340−500 มีลำตัวที่ยาวกว่า 4.3 เมตร (14.1 ฟุต) ปีกที่ขยายใหญ่ขึ้น ความจุเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น (มากกว่ารุ่น −300 ประมาณ 50%) ความเร็วใระหว่างบินที่สูงขึ้นเล็กน้อย มีขนาดใหญ่ขึ้น ระบบกันโคลงในแนวนอนและระนาบท้ายแนวตั้งที่ใหญ่ขึ้น ล้อหลักกลางเปลี่ยนเป็นโบกี้สี่ล้อเพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น รุ่น -500 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 553 แรงขับ 240 กิโลนิวตัน (54,000 ปอนด์) และใช้เอพียูของฮันนี่เวลล์[9]
ออกแบบมาเพื่อแทนที่โบอิง 747 รุ่นแรก แอร์บัส เอ340-600 สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 379 คนในรูปแบบห้องโดยสารสามชั้นด้วยพิสัยการบิน 13,900 กม. (7,500 ไมล์ทะเล) สามารถรองรับผู้โดยสารได้ใกล้เคียงกับโบอิง 747 แต่มีปริมาณการบรรทุกเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่นั่งที่ต่ำกว่า เอ340-600 ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2001[6] เวอร์จิน แอตแลนติกเปิดตัวรุ่น -600 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2002[13] โดยมีคู่แข่งหลักคือ โบอิง 777-300อีอาร์ ในเวลาต่อมา เอ340-600 ถูกแทนที่ด้วยเอ350-1000
เอ340-600 ยาวกว่ารุ่น −300 อยู่ประมาณ12 ม. (39 ฟุต 4.4 นิ้ว) ซึ่งยาวกว่าโบอิง 747-400 มากกว่า 4 ม. (13 ฟุต 1.5 นิ้ว) และยาวกว่า เอ380 2.3 ม. (7 ฟุต 6.6 นิ้ว) และมีประตูทางออกฉุกเฉินเพิ่มอีก 2 บาน โดย ณ เวลาที่ปล่อนตัว แอร์บัส เอ340-600 เป็นอากาศยานที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ก่อนที่จะเปิดตัวโบอิง 747-8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 แอร์บัส เอ340-600 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์ - รอยซ์ 250 กิโลนิวตัน (56,000 ปอนด์) สี่ตัวและใช้เอพียูฮันนี่เวลล์ 331 –600[A][9] ในช่วงต้นปี 2007 มีรายงานว่าแอร์บัสแนะนำให้สายการบินลดการบรรทุกสินค้าในส่วนข้างหน้าลง 5.0 ตัน (11,000 ปอนด์) เพื่อชดเชยน้ำหนักส่วนเกินของชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องบินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพการบินลดลง สายการบินที่ได้รับผลกระทบพิจารณายื่นคำร้องขอชดเชยกับแอร์บัส[14]
แอร์บัส เอ340-600HGW (น้ำหนักรวมสูง) บินครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005[15] และได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2006[16] โดยมีน้ำหนักขึ้นบินสุงสุด 380 ตัน (840,000 ปอนด์) และพิสัยการบิน 14,630 กม. (7,900 ไมล์ทะเล) โดยมีการเสิรมโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น เพิ่มความจุเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และเทคนิคการผลิตใหม่ๆ เช่น การเชื่อมลำแสงเลเซอร์ เอ340-600HGW ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนต์ 560 แรงขับ 61,900 ปอนด์ (275 กิโลนิวตัน) สี่ตัว เอมิเรตส์เป็นลูกค้าเปิดตัวรุ่น −600HGW โดยสั่งซื้อ 18 ลำที่งานปารีสแอร์โชว์ ปี 2003[17] แต่ก็ได้เลื่อนการสั่งซื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนดและยกเลิกในภายหลัง กาตาร์แอร์เวย์ คู่แข่งหลักของเอมิเรตส์ ได้สั่งซื้อในงาน และได้รับมอบเครื่องบินเพียงสี่ลำ โดยเครื่องบินลำแรกเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2006[18] ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สายการบินได้ปล่อยให้ตัวเลือกการซื้อของตนหมดอายุ เพื่อที่จะรองรับการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 777-300อีอาร์[19]
ในช่วงระยะเวลาของโครงการ มีการส่งมอบเครื่องบินตระกูล เอ340 ทั้งหมด 377 ลำ โดยในเดือนมิถุนายน 2022 มีเอ340 ให้บริการ 207 ลำ ผู้ให้บริการนรายใหญ่ที่สุดได้แก่ ลุฟท์ฮันซ่า (34), มาฮานแอร์ (12), เซาท์แอฟริกันแอร์เวย์ (10 ), และสวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (5)[20]
2007 | 2006 | 2005 | 2004 | 2003 | 2002 | 2001 | 2000 | 1999 | 1998 | 1997 | 1996 | 1995 | 1994 | 1993 | 1992 | 1991 |
2 | 24 | 24 | 28 | 33 | 16 | 22 | 19 | 20 | 24 | 33 | 28 | 19 | 25 | 22 | 0 | 0 |
รุ่น | เอ340-200[21] | เอ340-300[21] | เอ340-500[22] | เอ340-600[22] |
---|---|---|---|---|
นักบิน | 2 | |||
ทีนั่ง (3 ชั้น)[23] | 210–250 | 250–290 | 270–310 | 320–370 |
ความยาว | 59.39 m / 194 ft 10 in | 63.66 m / 208 ft 10 in | 67.33 m / 220 ft 11 in | 74.77 m / 245 ft 3 in |
ความยาวปีก | 60.3 m / 197.83 ft | 63.45 m / 208.17 ft | ||
ปีก[24] | 363.1 m2 (3,908 sq ft), 29.7° sweep, 10 AR | 437.3 m2 (4,707 sq ft), 31.1° sweep, 9.2 AR | ||
ความสูง | 17.03 m / 55.86 ft | 16.99 m / 55.72 ft | 17.53 m / 57.51 ft | 17.93 m / 58.84 ft |
ห้องโดยสาร | 5.287 m / 208.15 in cabin width, 5.64 m / 18.5 ft outside width | |||
ความจุสินค้า | 132.4 m3 (4,680 cu ft) | 158.4 m3 (5,590 cu ft) | 149.7 m3 (5,290 cu ft) | 201.7 m3 (7,120 cu ft) |
น้ำหนักขึ้นบินสูงสุด | 275 t (606,000 lb) | 276.5 t (610,000 lb) | 380 t (840,000 lb) | |
น้ำหนักเครื่องเปล่า | 118 t (260,000 lb) | 131 t (289,000 lb) | 168 t (370,000 lb) | 174 t (384,000 lb) |
ความจุเชื้อเพลิง | 110.4 t / 243,395 lb | 175.2 t / 386,292 lb | 155.5 t / 342,905 lb | |
เครื่องยนต์ (×4) | ซีเอฟเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล ซีเอฟเอ็ม 56-5C | เทรนต์ 553 | เทรนต์ 556 | |
แรงผลักดัน (×4) | 138.78–151.24 kN (31,200–34,000 lbf) | 248.12–275.35 kN (55,780–61,902 lbf) | ||
ความแร็ว | มัค 0.86 (1.054 กม./ชม.) (สูงสุด),[23]มัค 0.82 (1,005 กม.ชม.) (ขณะบิน) | |||
พิสัยการบิน[23] | 12,400กม. / 6,700 ไมล์ทะเล | 13,500กม. / 7,300 ไมล์ทะเล | 16,670กม. / 9,000 ไมล์ทะเล | 14,450กม. / 7,800 ไมล์ทะเล |
ระยะทางขึ้นบิน | 2900ม. | 3000ม. | 3350ม. | 3400ม. |
เพดานบิน | 41 100 ft (12 527 m) | 41 450 ft (12 634 m) |
รุ่น | เครื่อยนต์ |
---|---|
เอ340-211 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C2 |
เอ340-212 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C3 |
เอ340-213 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C4 |
เอ340-311 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C2 |
เอ340-312 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C3 |
เอ340-313 | ซีเอฟเอ็ม 56-5C4 |
เอ340-541 | อาร์อาร์ เทรนต์ 553-61 / 553A2-61 |
เอ340-542 | อาร์อาร์ เทรนต์ 556A2-61 |
เอ340-642 | อาร์อาร์ เทรนต์ 556-61 / 556A2-61 |
เอ340-643 | อาร์อาร์ เทรนต์ 560A2-61 |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.