คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง)
สถานีรถไฟของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) หรือ สถานีรถไฟกรุงเทพ เป็นอดีตสถานีกลางของประเทศไทย และเป็นสถานีที่เก่าแก่ที่สุด เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างเสร็จและเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ได้บริเวณถนนพระรามที่ 4 โดยมีรูปแบบของทางเชื่อมต่อทางสถาปัตยกรรมที่กลมกลืนกับรถไฟฟ้ามหานคร
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
Remove ads
สถานีกรุงเทพก่อสร้างในลักษณะโดมแบบอย่างอิตาลีผสมกับศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา คล้ายกับสถานีรถไฟฟรังค์ฟวร์ทในประเทศเยอรมนี ประดับด้วยหินอ่อนและเพดานมีการสลักลายนูนต่าง ๆ เป็นหลัก โดยมีนาฬิกาขนาดใหญ่รัศมี 80 เซนติเมตร ตั้งอยู่กลางสถานีรถไฟเป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่ง
ก่อนปี พ.ศ. 2566 สถานีกรุงเทพเคยมีรถไฟกว่า 100 ขบวนต่อวัน โดยมีผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สถานีกรุงเทพหลายหมื่นคน (ข้อมูลใน พ.ศ. 2561) และโดยเฉพาะช่วงวันสำคัญและวันหยุดเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ ของไทย เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ จะมีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันมีเพียงรถไฟขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และรถนำเที่ยวจำนวน 62 ขบวนเท่านั้น ที่ยังคงเริ่มต้นให้บริการที่สถานีกรุงเทพ ส่วนขบวนรถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ รวมจำนวน 52 ขบวน ได้ย้ายไปเริ่มต้นให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566[1]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
สถานีนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2453 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างเสร็จและเริ่มใช้งานเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สถานีรถไฟกรุงเทพ เดิมเป็นสถานีที่ให้บริการทั้งด้านการขนส่งสินค้าและขนส่งมวลชน ต่อมาการขยายตัวในด้านการโดยสารและขนส่งสินค้ามีมากขึ้น แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดเพียง 120 ไร่ จึงทำให้ต้องย้ายกิจการขนส่งสินค้าไปอยู่ที่ย่านสินค้าพหลโยธิน ตั้งแต่ พ.ศ. 2503 และทำการปรับปรุงสถานีรถไฟกรุงเทพให้เป็นสถานีรถไฟสำหรับบริการด้านขนส่งมวลชนเพียงอย่างเดียว เพื่อสามารถรองรับผู้โดยสารจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ
การเปิดใช้งานสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

เมื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เปิดใช้งานใน พ.ศ. 2564 และกลายเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้สถานีกรุงเทพต้องลดสถานะเป็นสถานีรองแทน ซึ่งในอนาคตสถานีกรุงเทพจะเป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มช่วง บางซื่อ-หัวลำโพง และจะพัฒนาพื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟไทยและศูนย์การเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มคนบางส่วนที่คัดค้าน เช่น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เนื่องจากการยกเลิกสถานีกรุงเทพนั้นจะทำให้คนที่ต้องเดินทางเข้ามาทำงานในเมืองโดยใช้รถไฟทุกวันได้รับความเดือดร้อน สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะกรรมการนักศึกษาคณะโบราณคดี ได้ร่วมแถลงการณ์คัดค้านนโยบายการปิดสถานีกรุงเทพ ขอให้มีการจัดมรดกทางวัฒนธรรมของสถานีกรุงเทพให้ชัดเจน เป็นต้น
โดยในช่วงแรกที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เปิดใช้ จะมีเพียงรถไฟทางไกลบางขบวนเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปใช้ได้ เช่น ขบวนรถนั่งและนอนปรับอากาศรุ่น JR-West Blue train (บนท.ป.JR) ที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งจะพ่วงกับรถไฟฟ้ากำลังปรับอากาศ (บฟก.ป.Power Car), ขบวนรถนั่งและนอนปรับอากาศรุ่น CNR ชุด 115 คันซึ่งมีห้องน้ำเป็นระบบปิดและมีรถไฟฟ้ากำลังปรับอากาศ (บฟก.ป.Power Car) อยู่ในริ้วขบวน ส่วนรถไฟทางไกลขบวนอื่น ๆ จะยังคงใช้สถานีกรุงเทพต่อไปจนกว่าจะปรับปรุงห้องน้ำในตู้โดยสารเป็นระบบปิดจนเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะทยอยไปรวมที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ต่อไป
ใน พ.ศ. 2565 การรถไฟแห่งประเทศไทยมีแผนที่จะย้ายจุดเริ่มต้นของรถไฟทางไกล 28 ขบวนไปที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์อีกครั้งในวันที่ 1 กันยายน[2] แต่สุดท้ายแผนก็ได้เลื่อนออกไป จนกระทั่งในวันที่ 27 ธันวาคม การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ประกาศย้ายจุดเริ่มต้นของรถไฟทางไกลกลุ่มขบวนรถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ ของสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ รวมจำนวน 52 ขบวนไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566[3] ส่วนขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และรถนำเที่ยวจำนวน 62 ขบวน ยังคงให้บริการที่สถานีรถไฟกรุงเทพตามเดิม[1] ทั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการของ สถานีรถไฟกรุงเทพ เป็น สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อป้องกันการสับสน
Remove ads
ลักษณะของสถานี
สรุป
มุมมอง
ตัวสถานีแบ่งเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ อาคารมุขหน้า มีลักษณะเหมือนระเบียงยาว และอาคารโถงสถานีเป็นอาคารหลังคาโค้งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก คือ เป็นงานเลียนแบบสถาปัตยกรรมโบราณของกรีก - โรมัน จุดเด่นของสถานีกรุงเทพอีกอย่างหนึ่งคือ กระจกสีที่ช่องระบายอากาศ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งประดับไว้อย่างผสมผสานกลมกลืนกับตัวอาคาร เช่นเดียวกับนาฬิกาบอกเวลาซึ่งติดตั้งไว้กลางส่วนโค้งของอาคารด้านในและด้านนอก โดยเป็นนาฬิกาที่สั่งทำขึ้นพิเศษเป็นการเฉพาะ ไม่ระบุชื่อบริษัทผู้ผลิตเหมือนนาฬิกาทั่ว ๆ ไป
เมื่อก่อสร้างเสร็จใหม่ ๆ ใน พ.ศ. 2459 ในช่วงแรก ๆ บริเวณอาคารมุขหน้าของสถานีจะเขียนว่า "สถานีรถไฟหลวง สายเหนือ" ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นคำว่า "สถานีกรุงเทพ" ในภายหลัง
บริเวณที่พักผู้โดยสารเป็นห้องโถงชั้นครึ่ง ชั้นล่างซึ่งมีที่นั่งจำนวนมาก มีร้านค้าหลากหลาย ได้แก่ ร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปัง ไอศกรีม หนังสือ ร้านขายยา ฯลฯ ก่อนถึงห้องจำหน่ายตั๋วล่วงหน้ายังมีห้องละหมาดอีกด้วย เหนือห้องประชาสัมพันธ์มีจอภาพขนาด 300 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบดอลบีดิจิทัล ฉายเรื่องราวเกี่ยวกับการรถไฟ ส่วนชั้นลอยมีที่นั่งไม่มากนัก มีบริษัททัวร์ บริษัทรับจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบิน บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา และร้านกาแฟ
ที่ผนังด้านซ้ายและขวาของสถานีกรุงเทพมีภาพเขียนสีน้ำ เป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ของประเทศ อาทิ พระบรมมหาราชวัง ตลาดน้ำ เขาวัง ภูกระดึง หาดสมิหลา ฯลฯ นอกจากนี้ที่ด้านหน้าสถานีมีสวนหย่อมและน้ำพุสำหรับประชาชน โดยข้าราชการรถไฟได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างอนุสาวรีย์น้อมเกล้าฯ อุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระพุทธเจ้าหลวง อนุสาวรีย์ที่ว่านี้เป็นรูป “ช้างสามเศียร” มีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แกะสลักเป็นภาพนูนสูงประดิษฐานอยู่ด้านบน
ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2565 มีการจัดงาน Clash de Cartier ซึ่งเป็นงานปาร์ตี้พร้อมการจัดแสดงเครื่องเพชรของคาร์เทียร์ ที่สถานีกรุงเทพ[4]
Remove ads
การให้บริการ
สรุป
มุมมอง
กิจการรถไฟ ข้อมูลเมื่อ 19 มกราคม 2566[update] มีเส้นทางที่ออกจากสถานีกรุงเทพ จำนวน 4 สาย ได้แก่
- ทางรถไฟสายเหนือ จำนวน 16 ขบวน
- ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 6 ขบวน
- ทางรถไฟสายตะวันออก จำนวน 22 ขบวน
- ทางรถไฟสายใต้ จำนวน 4 ขบวน
เที่ยวขึ้น
เที่ยวล่อง
การเชื่อมต่อ
ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพจะมีทางเดินเชื่อมไปยังสถานีหัวลำโพง ในเส้นทางของรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล อยู่ภายในชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟ
Remove ads
แผนผังสถานี
G ชานชาลารถไฟทางไกล |
|||||
ชานชาลา 14 | |||||
ชานชาลา 13 | |||||
ชานชาลา 12 | |||||
ชานชาลา 11 | |||||
ชานชาลา 10 | |||||
ชานชาลา 9 | |||||
ชานชาลา 8 | |||||
ชานชาลา 7 | |||||
ชานชาลา 6 | |||||
ชานชาลา 5 | |||||
ชานชาลา 4 | |||||
ชานชาลา 3 | |||||
ชานชาลา 2 | |||||
ชานชาลา 1 | |||||
G ชั้นขายบัตรโดยสาร |
ชั้นขายบัตรโดยสาร | โถงพักคอยและรับผู้โดยสาร, ห้องขายบัตรโดยสาร, เครื่องขายบัตรโดยสาร, ร้านค้า, ทางออก | |||
B1-B2 ส่วนของสถานีรถไฟฟ้ามหานคร |
ชั้นขายบัตรโดยสาร | ทางเดินเชื่อมไปยัง ![]() |
Remove ads
อุบัติเหตุ
- พ.ศ. 2529 – เหตุหัวรถจักรจีอี 6 คันไร้คนขับ ชนสถานีรถไฟกรุงเทพ
- พ.ศ. 2559
- และรวมถึงเหตุการณ์รถไฟตกรางในย่าน หลายครั้ง
สมุดภาพ
- สถานีรถไฟกรุงเทพใน พ.ศ. 2566
- ชานชาลาที่ 8 สำหรับขบวนรถเร็วที่ 109 กรุงเทพ - เชียงใหม่
- รูปปั้นช้างเอราวัณ ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ
- ระหว่างชานชาลาที่ 4-5
- ขบวนรถด่วนที่ 83 กรุงเทพ - ตรัง จอดเทียบชานชาลาที่ 10 ใน พ.ศ. 2549
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 714 (C56 16) (C5616) ที่ย่านสถานีรถไฟกรุงเทพ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 714 (C56 16) (C5616) ที่ย่านสถานีรถไฟกรุงเทพ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2555
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 714 (C56 16) (C5616) ที่ย่านสถานีรถไฟกรุงเทพ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558
- ชานชาลาสถานีรถไฟกรุงเทพ มองจากย่านสถานี
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 713 (C56 15) (C5615) จอดแสดงในงาน Unfolding Bangkok ซึ่งงานจะจัดวันที่ 18 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 713 (C56 15) (C5615) จอดแสดงในงาน Unfolding Bangkok ซึ่งงานจะจัดวันที่ 18 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 713 (C56 15) (C5615) จอดแสดงในงาน Unfolding Bangkok ซึ่งงานจะจัดวันที่ 18 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 715 (C56 17) (C5617) จอดแสดงในงาน Unfolding Bangkok ซึ่งงานจะจัดวันที่ 18 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 4 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 715 (C56 17) (C5617) จอดแสดงในงาน Unfolding Bangkok ซึ่งงานจะจัดวันที่ 18 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2566 ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 4 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 356 กำลังออกจากสถานีกรุงเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2480
- ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ บริเวณจุดจำหน่ายตั๋ว ใน พ.ศ. 2562
- ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ บริเวณที่นั่งพักคอยและร้านค้าเช่า ใน พ.ศ. 2562
- ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ บริเวณชานชาลา ใน พ.ศ. 2562
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 จอดแสดงในงาน Hua Lamphong in Your Eye ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 จอดแสดงในงาน Hua Lamphong in Your Eye ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 จอดแสดงในงาน Hua Lamphong in Your Eye ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 4 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 จอดคู่กับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 จอดแสดงในงาน Hua Lamphong in Your Eye ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 4 และ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 จอดคู่กับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 จอดแสดงในงาน Hua Lamphong in Your Eye ขณะจอดเทียบอยู่ในชานชลาที่ 4 และ 5 สถานีรถไฟกรุงเทพ
- ภายในสถานีรถไฟกรุงเทพ บริเวณชานชาลา ใน พ.ศ. 2566
Remove ads
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
การคมนาคม
- รถไฟฟ้ามหานคร
- เรือโดยสารคลองผดุงกรุงเกษม
- ท่าหัวลำโพง
- ท่านพวงศ์
- ท่ายศเส
- เรือด่วนเจ้าพระยาและไทย สมายล์ โบ้ท
- ท่ากรมเจ้าท่า
- เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา
- ท่าสวัสดี
- สะพาน
|
|
หน่วยงานราชการ
|
|
รัฐวิสาหกิจ
- การรถไฟแห่งประเทศไทย
- ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพ
สถานศึกษา
|
|
|
|
สถานพยาบาล
- โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ
- โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์
- โรงพยาบาลกว๋องสิวมูลนิธิ
สถานพยาบาลสัตว์
- โรงพยาบาลสัตว์ศิริเวช
ศาสนสถานและสุสาน
- ศาสนาพุทธ
|
|
- ศาสนาอิสลาม
- มัสยิดหลวงโกชาอิศหาก
- ศาสนาคริสต์
- โบสถ์กาลหว่าร์
- คริสตจักรสะพานเหลือง
- ความเชื่ออื่น ๆ
อนุสรณ์สถาน
พิพิธภัณฑ์
- พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย
- พิพิธตลาดน้อย
สวนสาธารณะ
สนามกีฬา
ธุรกิจ
ตลาดและศูนย์การค้า
- ตลาดน้อย
- คลองถม
- เยาวราช
- ริเวอร์ซิตี
องค์กรไม่แสวงหากำไร
สถานที่ทางธรรมชาติ
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads