คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

จังหวัดอุตรดิตถ์

จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จังหวัดอุตรดิตถ์map
Remove ads

อุตรดิตถ์ (ไทยถิ่นเหนือ: ᩏᨲ᩠ᨲᩁᨯᩥᨲ᩠ᨳ᩺, อุตฺตรดิตฺถ์) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเมืองท่าแห่งทิศเหนือ ในอดีตเป็นหัวเมืองชุมนุมการค้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ อุตรดิตถ์นั้นเป็นเมืองที่เรียกว่าเป็นเมืองรอยต่อทางวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมสยาม วัฒนธรรมล้านนา และวัฒนธรรมล้านช้าง มีเมืองโบราณในพื้นที่ 12 เมือง อันได้แก่ เมืองพิชัย เมืองทุ่งยั้ง เมืองตรอน เมืองน้ำปาด เมืองลับแล เมืองด่านนางพูน เมืองบางโพ เมืองพิพัต เมืองปัตตาบูร เมืองพิมูน เมืองฝาง และเมืองขุนกัน เมืองโบราณเหล่านี้ล้วนมีเอกสารเก่าแก่รองรับ เอกสารที่สำคัญที่สุดคือ เอกสารทูตตอบในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2224 และแผนที่โบราณของชาวต่างชาติหลายฉบับ

ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อภาษาไทย, อักษรไทย ...
Remove ads
ข้อมูลเบื้องต้น จังหวัดอุตรดิตถ์, การถอดเสียงอักษรโรมัน ...

เดิมทีตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้เป็นเพียงตำบลชื่อ "บางโพธิ์ท่าอิฐ" แต่เพราะบางโพธิ์ท่าอิฐซึ่งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำน่านมีความเจริญรวดเร็ว เพราะเป็นท่าเรือขนถ่ายสินค้าสำคัญในหัวเมืองฝ่ายเหนือ ดังนั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเมืองหลักมาจากเมืองพิชัยมายังตำบลบางโพธิ์ท่าอิฐ และยกฐานะขึ้นเป็นเมือง "อุตรดิตถ์" ซึ่งมีความหมายว่า ท่าน้ำแห่งทิศเหนือของสยามประเทศ [5] ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองอุตรดิตถ์มีความเจริญขึ้น เมืองอุตรดิตถ์จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด

จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ทางใต้สุดของภาคเหนือ โดยสภาพภูมิศาสตร์จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่สูงสลับซับซ้อน ซึ่งจะอยู่ทางตอนเหนือและทางตะวันออกของจังหวัด เนื่องจากทำเลที่ตั้งดังกล่าวจึงทำให้จังหวัดอุตรดิตถ์มีอากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน มีอากาศฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดูฝน และมีช่วงฤดูแล้งคั่นอยู่อย่างชัดเจนตั้งแต่ประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน จังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงใต้ปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลอันดามัน ทำให้จังหวัดอุตรดิตถ์มีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกันยายน โดยเดือนกันยายนเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูงที่สุด

ประชากรส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 99.66 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท[6] โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 26.70 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ รวมทั้งมีการทำพืชไร่ปลูกผลไม้นานาชนิด โดยผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์คือลางสาด

ส่วนการเดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง ทั้งทางรถไฟ ทางรถโดยสารประจำทาง และทางรถยนต์ส่วนบุคคล สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน จังหวัดอุตรดิตถ์เคยมีท่าอากาศยาน 1 แห่ง สำหรับการเดินทางพาณิชย์ แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว

สถานที่สำคัญภายในจังหวัดนั้น มีทั้งแหล่งโบราณสถาน เช่น วัดพระแท่นศิลาอาสน์ วัดพระฝางสว่างคบุรีมุนีนาถ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรสุโขทัย แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งน้ำตก เขื่อนสิริกิติ์ วัด พระพุทธรูปสำคัญของจังหวัด เป็นต้น

Remove ads

ศัพทมูลวิทยา

ชื่อของจังหวัดมาจากคำว่า อุตร (อ่านว่า อุดดอน) หรือ อุตดร (อ่านว่า อุดตะระ) มาจากภาษาบาลี: อุตฺตร หมายถึง "ทิศเหนือ" รวมกับคำว่า ดิตถ์ บางทีเขียนเป็น ดิษฐ์ หรือ ดิฐ มาจากภาษาบาลี: ติตฺถ หรือภาษาสันสกฤต: ตีรฺถ หมายถึง "ท่าน้ำ" ทำให้มีความหมายเป็น "เมืองท่าแห่งทิศเหนือ" หรือ "ท่าเรือด้านทิศเหนือของสยามประเทศ"

ประวัติศาสตร์

สรุป
มุมมอง

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

Thumb
ซ้าย: กลองมโหระทึกสำริดในวัฒนธรรมดองซอน ขุดพบที่ม่อนวัดศัลยพงษ์ ตำบลบางโพ ในปี พ.ศ. 2470[7]
กลาง: ซากกระดูกที่กลายเป็นหินและโบราณวัตถุของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พบที่บ้านบุ่งวังงิ้ว (สองหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและการตั้งถิ่นฐานของแหล่งชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ในจังหวัดอุตรดิตถ์)
ขวา: ถ้วยกระเบื้องแบบจีน พบบนเนินทรายกลางแม่น้ำน่านบริเวณบ้านท่าเสา-บ้านคุ้งตะเภา (หลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเส้นทางคมนาคมและชุมนุมการค้าสำคัญของท่าอิดช่วงต่อมา ก่อนจะหมดความสำคัญลงสิ้นเชิงในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา)

พื้นที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในอดีต เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบลุ่มอันเกิดจากดินตะกอนแม่น้ำพัดของแม่น้ำน่านที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานและประกอบกสิกรรมมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานบริเวณรอบที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและการตั้งถิ่นฐานของแหล่งชุมชนมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ดังการค้นพบเครื่องมือหินขัดและซากกระดูกมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่บ้านบุ่งวังงิ้วซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตำบลบางโพ-ท่าอิฐ และการค้นพบกลองมโหระทึกสำริด กาน้ำและภาชนะสำริดที่ม่อนศัลยพงษ์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพใน พ.ศ. 24701[8]

สมัยประวัติศาสตร์

พื้นที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ในทำเลที่ตั้งอันเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังนั้นในบริเวณแถบนี้จึงมีการเคลื่อนไหวและย้ายถิ่นฐานของผู้คนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีท่าน้ำที่สำคัญ 3 ท่า คือ ท่าเซา ท่าอิด และท่าโพธิ์ ซึ่งมีความสำคัญและเจริญรุ่งเรืองมาแต่สมัยขอมปกครองท่าอิด ตั้งแต่ พ.ศ. 1400[9]

เมืองท่าการค้าขายสำคัญ

ที่ตั้งของตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันมีที่มาจาก 3 ท่าน้ำสำคัญที่มีความสำคัญเป็นชุมทางค้าขายมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรขอม คือ

  • ท่าอิด คือ บริเวณท่าอิฐบนและท่าอิฐล่างปัจจุบัน
  • ท่าโพธิ์ คือ บริเวณวัดท่าถนน ตลาดบางโพ เนื่องจากมีต้นโพธิ์มาก มีคลองไหลผ่าน เรียกว่า คลองบางโพธิ์ (เพี้ยนมาเป็นบางโพ)
  • ท่าเสา คือ บริเวณตลาดท่าเสา

วิบูลย์ บูรณารมย์ ผู้แต่งหนังสือตำนานเมืองอุตรดิษฐ์ ได้อธิบายว่าความหมายของชื่อ "ท่าอิด" และ "ท่าเสา" ไว้ว่า คำว่า "อิด" หรือ "อิฐ" ในชื่อท่าอิดเพี้ยนมาจากคำว่า "อิ๊ด" ในภาษาล้านนา แปลว่า "เหนื่อย" ส่วนคำว่า "เสา" ในชื่อท่าเสามาจากคำว่า "เซา" ในภาษาล้านนา แปลว่า "พักผ่อน" ทั้งสองคำนี้มีที่มาจากการเดินทางมาค้าขายที่ท่าอิดทางเรือ และทางบกของจังหวัดภาคเหนือ และภาคกลางสมัยโบราณ กว่าจะถึงก็เหนื่อยและต้องพักผ่อน[9]

สำหรับความหมายของท่าอิฐและท่าเสาในอีกความเห็นหนึ่งนั้น พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมศิลปากร กล่าวไว้ในหนังสือของท่านคัดค้านการสันนิษฐานความหมายตามภาษาคำเมืองดังกล่าว โดยกล่าวว่า คำว่าท่าอิฐและท่าเสานั้นเป็นคำในภาษาไทยกลาง เพราะคนท่าอิฐและท่าเสาเป็นกลุ่มชนสุโขทัยดั้งเดิมที่ใช้กลุ่มภาษาไทยกลุ่มเมืองในแคว้นสุโขทัย เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร และเช่นเดียวกับกลุ่มคนในตำบลทุ่งยั้ง บ้านพระฝาง เมืองพิชัย บ้านแก่ง และบ้านคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นกลุ่มคนแคว้นสุโขทัยเดิมในจังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกัน โดยคำว่าท่าเสานั้น มีความหมายโดยตรงเกี่ยวข้องกับการล่องซุงหมอนไม้ในสมัยโบราณเช่นเดียวกับชื่อนามหมู่บ้านหมอนไม้ (หมอนไม้ซุง) ซึ่งอยู่ทางใต้ของบ้านท่าอิฐ[10]

อย่างไรก็ดี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แสดงให้เห็นว่าทั้งท่าอิฐและท่าเสานับเป็นท่าที่มีความเจริญทางการค้ามากกว่าทุกท่าในภาคเหนือ เป็นทั้งท่าจอดเรือ ค้าขายจากมณฑลภาคเหนือและภาคกลางรวมถึงเชียงตุง เชียงแสน หัวพันทั้งห้าทั้งหก สิบสองปันนา สิบสองจุไทย จนต่อมาแควน่านได้เปลี่ยนทางเดิน ทำให้หาดท่าอิดงอกออกไปทางตะวันออกมากทุก ๆ ปี ท่าอิดจึงเลื่อนตามลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าหาดท่าอิดล่าง ท่าอิดเดิมเรียกว่าท่าอิดบน ท่าอิดล่างก็ยังคงเป็นศูนย์การค้าสำคัญของภาคเหนือมาตลอดจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว[9]

ปลายกรุงศรีอยุธยา-ต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ในช่วงสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมืองฝาง ซึ่งอยู่เหนือน้ำเมืองอุตรดิตถ์ได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมสำคัญของประชาชน เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการสงครามระหว่างไทย-พม่า ทำให้เกิดชุมนุมเจ้าพระฝางเป็นใหญ่เหนือหัวเมืองแถบนี้ ก่อนจะถูกปราบปรามลงได้ในภายหลัง

ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เมืองท่าอิดเคยเป็นที่พักทัพเมื่อกรีธาทัพผ่านมา[11] และใช้เป็นที่รวบรวมทัพก่อนขึ้นตีหัวเมืองฝ่ายเหนือและล้านนา สมัยก่อนนั้น การเดินทางและการขนส่งสินค้าเพื่อนำมาขายทางตอนเหนือมีสะดวกอยู่ทางเดียวคือ ทางน้ำ แม่น้ำที่สามารถให้เรือสินค้ารวมทั้งเรือสำเภาขึ้นลงได้สะดวกถึงภาคเหนือตอนล่างก็มีแม่น้ำน่านเท่านั้น เรือสินค้าที่มาจากกรุงเทพฯ หรือกรุงศรีอยุธยาก็จะขึ้นมาได้ถึงบางโพท่าอิฐเท่านั้น เพราะเหนือขึ้นไปแม่น้ำจะตื้นเขินและมีเกาะแก่งมาก ฉะนั้นตำบลบางโพท่าอิฐจึงเป็นย่านการค้าที่สำคัญ [9]

Thumb
ภาพถ่ายวิถีชีวิตริมน้ำแม่น้ำน่านสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพนี้ถ่ายจากฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออกอันเป็นที่ตั้งของบ้านท่าเสา ฝั่งตรงข้ามคือแถบย่านทุ่งบ้านคุ้งตะเภา[12]

กำเนิดนามเมืองอุตรดิตถ์

โดยในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อุตรดิตถ์เป็นหัวเมืองชุมนุมการค้าที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในภาคเหนือ ทำให้ในปี พ.ศ. 2395 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญของเมืองแห่งนี้ในฐานะศูนย์กลางการค้าขายของแถบภาคเหนือตอนล่าง หรือเมืองท่าที่ตั้งอยู่ปลายเหนือสุดของการควบคุมด้วยอำนาจโดยตรงของ อาณาจักร จึงพระราชทานนามเมืองท่าอิดไว้ว่า "อุตรดิฐ"[13] (อุตร-ทิศเหนือ, ดิตถ์-ท่าน้ำ) แปลว่า "ท่าน้ำแห่งทิศเหนือ" (คำนี้ต่อมาเขียนเป็น "อุตตรดิตถ์ "[14] และ "อุตรดิตถ์" ดังที่ใช้ในปัจจุบัน)

Thumb
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์หน้าพลับพลารับเสด็จหน้าวัดวังเตาหม้อ (วัดท่าถนน) จังหวัดอุตรดิฐ พ.ศ. 2444[15]

พ.ศ. 2442 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองพิชัย ท่าอิด เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล ทรงเล็งเห็นว่าท่าอิดมีความเจริญ เป็นศูนย์ทางการค้า เป็นเมืองท่าสำคัญ รับสินค้าจากมณฑลพายัพ และหัวเมืองลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบกับมีเมืองลับแลอยู่ใกล้ ๆ เป็นเมืองรองลงไป การชำระคดีและการเรียกเก็บภาษีอากรสะดวกกว่าที่เมืองพิชัย แต่ท่าอิดในขณะนั้นยังคงมีฐานะเป็นเมืองท่าขึ้นต่อเมืองพิชัย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขั้นรวมทั้งการเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าอิด ราษฎรต้องลงไปเมืองพิชัยติดต่อกับส่วนราชการเป็นการไม่สะดวก จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศูนย์ราชการจากเมืองพิชัยมาตั้งที่บริเวณท่าอิด เมือวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2442

ที่พักทัพปราบกบฏเงี้ยว

พ.ศ. 2446 พวกเงี้ยวก่อการจลาจลที่เมืองแพร่ โดยมีประกาหม่องหัวหน้าเงี้ยวตั้งตนเป็นใหญ่[16][17][18] จับพระยาสุรราชฤทธานนท์ข้าหลวงประจำมณฑลกับข้าราชการไทย 38 คนฆ่าแล้วยกทัพลงมาจะยึดท่าอิด กองทัพเมืองอุตรดิตถ์โดยการนำของพระยาศรีสุริยราชวรานุวัติ เป็นผู้บัญชาทัพ พระยาพิศาลคีรี (ทัพ) ข้าราชการเกษียณอายุแล้วเป็นผู้คุมกองเสบียงส่ง โดยยกทัพไปตั้งรับพวกเงี้ยวที่ปางอ้อ ปางต้นผึ้ง พระยาศรีสุริยราชฯ จึงมอบหมายพระยาพิศาลคีรี เป็นผู้บัญชาการทัพแทน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นผู้มีอาวุโสและกรำศึกปราบฮ่อที่หลวงพระบางมามาก พระยาพิศาลคีรีได้สร้างเกียรติคุณให้กองทัพไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยการปราบทัพพวกเงี้ยวราบคาบ ฝ่ายไทยเสียชาวบ้านที่อาสารบเพียงคนเดียว กอปรกับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นแม่ทัพจากกรุงเทพฯ ยกมาช่วยเหลือ[19]

ยุคทางรถไฟถึงเมืองอุตรดิตถ์

Thumb
สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน

พ.ศ. 2448-2451 ทางรถไฟได้เริ่มสร้างทางผ่านท่าโพธิ์และท่าเซา ซึ่งขณะนั้นบริเวณนี้ยังเป็นป่าไผ่อยู่ ไม่เจริญเหมือนท่าอิด กรมรถไฟจึงได้สร้างทางรถไฟแยกไปที่หาดท่าอิดล่าง ในปี พ.ศ. 2450 สมัยพระยาสุจริตรักษา (เชื้อ) เป็นเจ้าเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2454 กรมรถไฟได้สร้างสถานีรถไฟถึงบางโพธิ์และท่าเซา ทำให้ท่าโพธิ์และท่าเซาเจริญทางการค้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับที่ท่าอิดน้ำท่วมบ่อย การคมนาคมทางน้ำเริ่มลดความสำคัญลง การค้าที่ท่าอิดเริ่มซบเซา พ่อค้าเริ่มอพยพมาตั่งที่ท่าโพธิ์และท่าเซาเพิ่มมากขึ้น ท่าอิดเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ พ.ศ. 1400 ก็เสื่อมความนิยมลง และได้ย้ายศูนย์กลางการค้ามาที่ตลาดท่าโพธิ์และตลาดท่าเสาในเวลาต่อมา

พ.ศ.2458 มีการเปลี่ยนนามเมือง "พิไชย" เป็นเมือง "อุตรดิฐ" ส่วนเมืองพิชัยเดิมว่าเรียกว่า เมืองพิชัยเก่า ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2458 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 32 หน้า 178 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2458)

พ.ศ.2495 เมืองอุตรดิตถ์ได้รับการยกฐานะจาก "เมืองอุตรดิตถ์ " ขึ้นเป็น "จังหวัดอุตรดิตถ์ " (ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2495 เป็นต้นมา)

ต่อมาหลังจากการตัดเส้นทางรถไฟผ่านเมืองอุตรดิตถ์สำเร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทำให้แหล่งชุมนุมการค้าย่านท่าเสาและท่าอิฐเริ่มหมดความสำคัญลง เพราะรถไฟสามารถวิ่งขึ้นเมืองเหนือได้โดยไม่ต้องหยุดขนถ่ายเสบียงที่เมืองอุตรดิตถ์ และประกอบกับการที่ทางราชการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ปิดกั้นแม่น้ำน่านในเขตอำเภอท่าปลาในปี พ.ศ. 2510 ทำให้การคมนาคมทางน้ำยุติลงสิ้นเชิง โดยในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 นั้น เส้นทางคมนาคมทางถนนในจังหวัดอุตรดิตถ์มีเพียงไม่กี่เส้นทาง และด้วยทำเลที่ตั้งและความไม่สะดวกในการคมนาคมทางถนนในช่วงนั้นดังกล่าว ทำให้ตัวเมืองอุตรดิตถ์ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภาคเหนือกลายเป็นเมืองในมุมปิด ไม่เหมือนเมื่อครั้งการคมนาคมทางน้ำรุ่งเรือง และด้วยภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว จึงทำให้ในช่วงต่อมารัฐบาลได้หันมาพัฒนาเมืองพิษณุโลกให้เป็นศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างแทน[20]

อุตรดิตถ์ในปัจจุบัน

จนในปี พ.ศ. 2522 ทางการได้ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ทำให้เมืองอุตรดิตถ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนามากขึ้นตามลำดับ เพราะทางเส้นนี้เป็นเส้นทางส่วนหนึ่งของถนนสายเอเชียที่ตัดผ่านมาจากจังหวัดพิษณุโลกผ่านนอกเมืองอุตรดิตถ์เข้าสู่จังหวัดแพร่ ทำให้เส้นทางนี้กลายเป็นเส้นทางคมนาคมทางบกสายหลักของจังหวัดอุตรดิตถ์ และกลายเป็นทางผ่านสำคัญเพื่อเข้าสู่ภาคเหนือ

Remove ads

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

สรุป
มุมมอง
ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
Thumb
"มณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์" ภายในวัดพระแท่นศิลาอาสน์

ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ออกแบบโดย พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) ในปี พ.ศ. 2483 ตามนโยบายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น พระพรหมพิจิตรได้สนองนโยบายที่ให้นำปูชนียวัตถุสถานสำคัญของจังหวัดมาผูกเป็นตรา ท่านจึงได้นำรูปมณฑปประดิษฐานพระแท่นศิลาอาสน์ โบราณสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ มาประกอบผูกเข้าไว้เป็นตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ตราที่ผูกขึ้นใหม่นี้เขียนลายเส้นโดย นายอุณห์ เศวตมาลย์ ไม่มีรูปครุฑ, นามจังหวัดและลายกนกประกอบ ต่อมาทางราชการจึงได้เพิ่มรายละเอียดทั้งสามเข้าไว้ในตราจังหวัด ซึ่งตรานี้ยังคงใช้มาจนปัจจุบัน[21]

คำขวัญประจำจังหวัด

เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก

คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์

คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์แต่งขึ้นในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ในสมัยนั้นได้นำนโยบายนี้เข้าสู่ที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและมีการคิดประกอบคำขวัญจังหวัดอุตรดิตถ์ขึ้นเป็นตัวอย่าง เพื่อมอบให้วิทยาลัยครูอุตรดิตถ์กำหนดกรอบแนวคิดการประกวดคำขวัญประจำจังหวัดต่อไป อย่างไรก็ดี คำขวัญที่คิดในที่ประชุมส่วนราชการได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางและเป็นที่รู้จักทั่วไป จึงไม่ได้มีการคิดประกวดคำขวัญใหม่ ทำให้คำขวัญดังกล่าวยังคงใช้เป็นคำขวัญประจำจังหวัดมาจนปัจจุบัน[21]

วิสัยทัศน์ประจำจังหวัด
เมืองแห่งคุณภาพชีวิต ผลผลิตปลอดภัย สืบสานวัฒนธรรมไทย ก้าวไกลสัมพันธ์เพื่อนบ้านยั่งยืน
ต้นไม้ประจำจังหวัด

ต้นสัก

ดอกไม้ประจำจังหวัด

ดอกประดู่บ้าน ดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ในราวปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรก ได้มีโครงการพัฒนาท้องถิ่นหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เน้นเรื่องเศรษฐกิจในชุมชนเป็นหลักเพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาส่วนหนึ่ง จังหวัดจึงมีนโยบายให้หน่วยงานราชการทุกแห่งปลูกไม้ประดับและไม้ยืนต้นในพื้นที่ของส่วนราชการทุกแห่ง และเสนอแนะให้ปลูกพันธุ์ไม้กัลปพฤกษ์และพันธุ์ไม้ประดู่บ้าน แต่พันธุ์ไม้ที่ปลูกทั้งสองชนิดมีเพียงดอกประดู่บ้านที่บานสะพรั่ง ทางจังหวัดจึงกำหนดให้ดอกประดู่บ้านเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์

สัตว์น้ำประจำจังหวัด

ปลาตะโกก (Cyclocheilichthys enoplos)

เพลงประจำจังหวัด

เพลงประจำจังหวัดคือ "อุตรดิตถ์เมืองงาม"

อุตรดิตถ์เมืองงาม
ตัวอย่างบทเพลง อุตรดิตถ์เมืองงาม
  • หากไม่ได้ยินเสียง โปรดดูเพิ่มที่ วิกิพีเดีย:วิธีใช้สื่อ
  • Remove ads

    ภูมิศาสตร์

    สรุป
    มุมมอง

    ที่ตั้งและอาณาเขต

    จังหวัดอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ใต้สุดของภาคเหนือ โดยมีพื้นที่ประมาณ 7,854 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 25 ของประเทศ มีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้

    ภูมิประเทศทางตอนเหนือและทางตะวันออกของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่สูง ทิวเขาเหล่านี้ต่อเนื่องมาจากจังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน

    ภูมิประเทศและภูมิอากาศ

    ข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดอุตรดิตถ์, เดือน ...

    ทรัพยากรธรรมชาติ

    จังหวัดอุตรดิตถ์มีทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีทรัพยากรแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แร่พลวง เหล็ก ทองแดง ยิปซัม แร่ใยหิน ดินขาว ทัลก์ แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ในทางเศรษฐกิจ และมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำน่าน ไหลผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะความยาวถึง 160 กิโลเมตร แม่น้ำปาด ห้วยพูล คลองแม่พร่อง ห้วยน้ำพี้ คลองตรอน ห้วยน้ำลอก นอกจากนั้นมีเขื่อนและฝายกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน คือ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินช่องเขาขาดหรือแซดเดิล ฝายสมเด็จฯ และฝายหลวงลับแลซึ่งเป็นฝายแรกของประเทศไทย ในปี 2563 มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน 3,300,045 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 67.36 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

    อุทยานแห่งชาติ

    วนอุทยาน

    จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวนอุทยาน (Forest Park) ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด จำนวน 5 แห่ง ดังนี้

    • วนอุทยานถ้ำจัน
    • วนอุทยานเขาพลึง - บ้านด่าน
    • วนอุทยานน้ำตกแม่เฉย
    • วนอุทยานห้วยน้ำลี
    • วนอุทยานวังยาว

    นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ป่าไม้รูปแบบอื่นอีก ดังต่อไปนี้

    • สวนรุกขชาติ (Arboretum) - มีเพียงแห่งเดียว คือ สวนรุกชาติบ้านแพะ อำเภอทองแสนขัน
    • ป่าสงวนแห่งชาติ (National Reserved Forest) มีทั้งหมด 15 แห่ง
    • ป่าชุมชน (Community Forest) - เป็นป่าธรรมชาติ ที่ชาวบ้านช่วยกันป้องกันรักษาเอาไว้ สำหรับเป็นแหล่งซับน้ำและใช้สอย ปัจจุบันมีการสร้างป่าชุมชนขึ้นในพื้นที่สาธารณะ เพื่อใช้ประโยชน์ของชุมชน
    • เขตห้ามล่าสัตว์ป่า - มี 3 แห่ง คือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาใหญ่ - เขาหน้าผาตั้ง และเขาตาพรม, เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูสันเขียว และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยผึ้ง-วังยาว
    • เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า - มี 4 แห่งคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่จริม, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยง-ภูทอง, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน้ำปาด และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา
    Remove ads

    การเมืองการปกครอง

    สรุป
    มุมมอง

    การปกครองส่วนภูมิภาค

    การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 67 ตำบล 613 หมู่บ้าน

    Thumb
    แผนที่อำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์
    ข้อมูลเพิ่มเติม ที่, ชื่ออำเภอ ...

    รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด

    สมัยกรุงศรีอยุธยา

    ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 1893–2310 ขึ้นกับอาณาจักรอยุธยา มีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี

    ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...

    สมัยกรุงธนบุรี

    ทำเนียบเจ้าเมืองพิชัย ระหว่างปี พ.ศ. 2310–2325 มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี และเมืองหน้าด่าน

    ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...

    สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

    ทำเนียบผู้สำเร็จราชการเมือง และผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างปี พ.ศ. 2325–ปัจจุบัน

    ทำเนียบผู้สำเร็จราชการเมือง

    เมืองพิชัยมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการยกฐานะเป็นหัวเมืองชั้นโท พ.ศ. 2325–2437

    ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...
    ทำเนียบผู้ว่าราชการเมือง

    สิ้นสุดตำแหน่งผู้สำเร็จราชการเมืองพิชัยเปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองขึ้นกับเป็นมณฑลพิษณุโลก ตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2437–2442

    ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...

    รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์

    พ.ศ. 2442 ย้ายศาลากลางจังหวัดจากเมืองพิชัยมาอยู่ที่เมืองอุตรดิตถ์ และได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2459–ปัจจุบัน

    ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับ, รายชื่อ ...

    การปกครองส่วนท้องถิ่น

    องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีเขตพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ และภายในจังหวัดยังแบ่งออกเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับพื้นฐานจำนวน 89 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 25 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 63 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ดังนี้

    Remove ads

    ความมั่นคง

    • ค่ายพิชัยดาบหัก มณฑลทหารบกที่ 35, กองพันทหารม้าที่ 7, กรมทหารม้าที่ 2 อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
    • ค่ายพระศรีพนมมาศ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 อำเภอลับแล

    เศรษฐกิจ

    จังหวัดอุตรดิตถ์มีผลผลิตสาขาที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดคือ สาขาการเกษตร รองลงไปคือการอุตสาหกรรม การประมง และการพาณิชย์

    • พืชเศรษฐกิจของจังหวัดที่สำคัญคือ ลางสาดมีการปลูกมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ก็มีทุเรียน เงาะ มังคุด สับปะรด ลำไย ส่วนพืชไร่ที่เป็นพืชเศรษฐกิจคือ ข้าว อ้อย ข้าวโพด กระเทียม ถั่วต่าง ๆ และยาสูบ เป็นต้น
    • มีพื้นที่ปลูกอ้อยมากเพราะมีโรงงานน้ำตาลถึง 2 แห่ง มีโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง โรงงานผลิตไวน์ลางสาด โรงงานผลิตเส้นหมี่ โรงงานผลิตดินขาว โรงงานถลุงแร่ขนาดเล็ก เป็นต้น
    • มีการทำอุตสาหกรรมในครัวเรือนหลายอย่างเช่น การทำไม้กวาดตองกง การทอผ้า การจักสานเครื่องใช้ไม้ไผ่ การทำเครื่องปั้นดินเผา การตีเหล็กทำเครื่องใช้เกษตรกรรมและทำมีด เป็นต้น
    • สภาพความคล่องตัวของเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อำเภอพิชัย มีธนาคารพาณิชย์คอยให้บริการอยู่หลายแห่ง จากสภาพทั่วไปแล้วจังหวัดอุตรดิตถ์มีค่าครองชีพของประชากรอยู่ในระดับปานกลาง

    ทางด้านอุตสาหกรรมของจังหวัดอุตรดิตถ์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน คือ อุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้ อุตสาหกรรมน้ำตาล อุตสาหกรรมทอผ้า และอุตสาหกรรมน้ำปลา ส่วนในเรื่องของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่น เหมืองแร่ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ยังไม่เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงแม้อุตรดิตถ์จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ต่าง ๆ ก็ตาม

    Remove ads

    ประชากร

    สรุป
    มุมมอง

    ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด คือชนพื้นถิ่นไทยสยามและไทยวน ผู้เป็นเจ้าของซากโครงกระดูกและเครื่องมือหินและสำริดสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในจังหวัด ต่อมาพื้นที่ตั้งเมืองอุตรดิตถ์เป็นทางผ่านสำคัญมาตั้งแต่สมัยอารยธรรมดองซอน ทำให้มีการเคลื่อนย้ายผู้คนมาจากที่ต่าง ๆ มากขึ้น เรื่อยมาในสมัยทวารวดีและอาณาจักรขอมดังปรากฏหลักฐานเมืองโบราณที่เวียงเจ้าเงาะ จนมาในสมัยสมัยสุโขทัยได้มีเมืองเกิดขึ้นมากมาย เช่น เมืองฝาง เมืองทุ่งยั้ง เมืองตาชูชก และเมืองพิชัย และด้วยการเป็นเส้นทางการค้าทางน้ำ ทำให้ชาวเมืองอุตรดิตถ์ในสมัยโบราณมีที่มาจากหลายเผ่าพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรมสืบเนื่องมาจนปัจจุบันคือไทยสยามจากอาณาจักรสุโขทัยที่อาศัยอยู่ในแถบอำเภอพิชัย และไทยวนจากอาณาจักรล้านนาที่อพยพจากเชียงแสนมาอาศัยอยู่ในแถบอำเภอลับแล ชนสองกลุ่มนี้ตั้งถิ่นฐานขึ้นเป็นเมืองอย่างมั่นคงมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย

    จนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการกวาดต้อนผู้คนและการอพยพย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ล้านช้าง (ลาว) จากทั้งเมืองเวียงจันทน์และเมืองหลวงพระบาง ลงมาตั้งถิ่นฐานในเขตอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดมากขึ้น ได้แก่บริเวณอำเภอน้ำปาก อำเภอฟากท่า และอำเภอบ้านโคกในปัจจุบัน และได้มีชาวจีนโพ้นทะเลอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งหลักแหล่งทำมาค้าขายในแถบเมืองท่ามากเป็นลำดับ จึงทำให้เมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองที่มีกลุ่มชนมากถึง 3 วัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข[20]

    ข้อมูลเพิ่มเติม จำนวนประชากรในอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ (ปี 2551 จังหวัดอุตรดิตถ์มีประชากรทั้งสิ้น 464,205 คน ประชากรชาย 229,207 คน ประชากรหญิง 234,998 คน), อันดับ ...

    ศาสนา

    Thumb
    พระมหาสถูป วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ เมืองสวางคบุรี พุทธศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์

    ประชากรท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัด นับถือผีที่เป็นความเชื่อแบบโบราณเป็นหลัก สังเกตได้จากร่องรอยการใส่ภาชนะและข้าวของเครื่องใช้ลงในหลุมฝังศพตามความเชื่อในเรื่องโลกหน้าของคนโบราณในหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านบุ่งวังงิ้ว

    Thumb
    ประชากรอุตรดิตถ์กว่าร้อยละ 99.66 นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
    (ภาพ:สามเณรในวัดคุ้งตะเภา)

    อย่างไรก็ตามศาสนาแรกที่ชาวอุตรดิตถ์รับมานับถือสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธศาสนา เพราะปรากฏหลักฐานโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดที่ พระมหาสถูปแห่งเมืองฝาง จากตำนานที่กล่าวว่าเป็นพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุพระทันตธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระสมณทูตคือพระโสณะและพระอุตตระมาประกาศพระศาสนาที่สุวรรณภูมิ และแม้ว่าตำนานนี้อาจจะเป็นเรื่องที่แต่งเสริมความศรัทธาในภายหลัง แต่พระมหาสถูปแห่งเมืองฝางก็คงสร้างมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พร้อม ๆ กับการสถาปนาเมืองฝางสวางคบุรีให้เป็นเมืองหน้าด่านทิศตะวันออกสุดแห่งอาณาจักรสุโขทัย (สวางคบุรี-เมืองที่รับแสงอรุณแห่งแรกของอาณาจักรสุโขทัย) [20]

    ปัจจุบัน ประชากรของจังหวัดอุตรดิตถ์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทลังกาวงศ์ประมาณร้อยละ 99.66 มีจำนวนวัดในพระพุทธศาสนาถึง 312 วัด พระสงฆ์สามเณรกว่าพันรูป[23] นอกจากนั้นยังมีศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ในภายหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ ที่อพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดอุตรดิตถ์ในช่วงไม่ถึงร้อยปีที่ผ่านมา

    การศึกษา

    จังหวัดอุตรดิตถ์นับได้ว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา ในระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษานั้น ดูแลโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ แบ่งออกเป็น 2 เขต โดยแต่ละเขตจะรับผิดชอบการศึกษาของแต่ละอำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ดูแลโดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์

    นอกจากนี้ ยังมีการจัดการเรียนในระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ดังต่อไปนี้

    Thumb
    บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยรัฐเพียงแห่งเดียวที่มีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์
    ระดับอุดมศึกษา
    อาชีวศึกษา
    • วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์
    • วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์
    • วิทยาลัยสารพัดช่างอุตรดิตถ์
    • วิทยาลัยการอาชีพพิชัย
    • วิทยาลัยการอาชีพรัตนประสิทธิ์วิทย์
    • วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตรดิตถ์
    • โรงเรียนอุตรดิตถ์บริรักษ์
    มัธยมศึกษา
    สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ (เฉพาะในจังหวัดอุตรดิตถ์) และ โรงเรียนเอกชน
    • อำเภอพิชัย
      • โรงเรียนพิชัย
      • โรงเรียนบ้านโคนพิทยา
      • โรงเรียนดาราพิทยาคม
    • อำเภอลับแล
      • โรงเรียนลับแลพิทยาคม
      • โรงเรียนลับแลศรีวิทยา
      • โรงเรียนด่านแม่คำมันพิทยาคม

    ประถมศึกษา

    โรงพยาบาล

    จังหวัดอุตรดิตถ์มีสถานบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชน คลินิก โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลทหาร และโรงพยาบาลเอกชน โดยมีโรงพยาบาลศูนย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัด คือ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม คือ โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก โรงพยาบาลเอกชนในเครือ Principal Capital คือ โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ และมีโรงพยาบาลประจำอำเภอ ดังต่อไปนี้

    Remove ads

    ประเพณีและวัฒนธรรม

    สรุป
    มุมมอง

    สภาพพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ในเขตรอยต่อ 3 วัฒนธรรม คือล้านนา ล้านช้าง และไทยกลาง เป็นผลให้ลักษณะวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ภาษาถิ่นและงานประเพณีพื้นบ้านต่าง ๆ มีลักษณะผสมผสาน บางส่วนพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) [ต้องการอ้างอิง] บางส่วนพูดภาษาไทยภาคกลาง บางส่วนพูดภาษาลาว และบางส่วนพูดภาษาท้องถิ่นของตน เช่น บ้านทุ่งยั้ง เป็นต้น

    งานเทศกาล และงานประจำปี

    อำเภอลับแล
    ไฟล์:ประเพณีวันอัฐมีบูชา.jpg
    งานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (วันอัฐมีบูชา) วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
    • งานเทศกาลแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร จัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี
    • งานเทศกาล "มหัศจรรย์ทุเรียนหลง-หลิน ลับแล"
    • งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ จัดในระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
    • งานประเพณี “อัฏฐมีบูชา” วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง จัดในระหว่างวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ถึง วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6
    • งานประเพณีสงกรานต์เมืองลับแล ระหว่างวันที่ 12 - 15 เมษายน ของทุกปี
    • งานลานวัฒนธรรม 8 วิถี
    อำเภอเมือง
    • งานเทศกาล "พระยาพิชัยดาบหัก และงานกาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์" ระหว่างวันที่ 7 - 16 มกราคม ของทุกปี
    • งานเทศกาล "ลางสาดลองกองหวาน เมืองมหัศจรรย์แห่งผลไม้ และสินค้า OTOP จังหวัดอุตรดิตถ์"
    • งานนมัสการหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน
    • งานนมัสการพระฝางทรงเครื่องจำลอง วัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถ
    • งานนมัสการหลวงพ่อสัมฤทธิ์ และงานประจำปีวัดหมอนไม้
    • งานหอการค้าแฟร์ จังหวัดอุตรดิตถ์
    • งานเทศกาลดนตรี "ม่วนเน๊อะ เฟสติวัล "
    • งานประเพณี "วันสงกรานต์" และ Uttaradit Songkran Music Festival
    อำเภอตรอน
    • งานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติฯ และพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี
    • งานย้อนรำลึกเส้นทางประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เสด็จเมืองตรอนตรีสินธุ์ วัดหาดสองแคว
    • งานฮ่วมแอ่วงาน เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ไท-ยวน บ้านน้ำอ่าง สืบสานวิถีไทย ระหว่างวันที่ 12 - 14 เมษายน ของทุกปี
    อำเภอน้ำปาด
    • งานพญาปาด เทศกาล หอม กระเทียม และของดีอำเภอน้ำปาด
    อำเภอบ้านโคก
    • งานสืบสานวัฒนธรรมประเพณี ก่อเจดีย์บุญกองข้าวใหญ่
    อำเภอพิชัย
    • งานนมัสการหลวงพ่อโต และของดีเมืองพิชัย
    อำเภอฟากท่า
    • งานประเพณีมะขามหวานและของดีอำเภอฟากท่า
    อำเภอท่าปลา
    • งานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีและของดีอำเภอท่าปลา

    การละเล่นพื้นบ้าน

    จังหวัดอุตรดิตถ์ ยังมีการละเล่นดนตรีพื้นบ้านที่ยังคงมีผู้สืบต่อมาจนปัจจุบัน ถึงสามวัฒนธรรม ทั้งภูมิปัญญาในการทำเครื่องดนตรีและการละเล่น เช่น ดนตรีมังคละ (มีการละเล่นกันอยู่ในอำเภอพิชัย (กองโค) อำเภอเมือง (พระฝาง หมอนไม้ คุ้งตะเภา) และอำเภอลับแล (ทุ่งยั้ง ไผ่ล้อม)) กลองยาวทุ่งยั้ง และวงปี่พาทย์ไทยเดิม และมีการละเล่นตามแบบวัฒนธรรมล้านช้าง เช่น ตับเต่า รวมถึงการละเล่นซะล้อ ซอ ซึง จ๊อย ค่าว ตามแบบวัฒนธรรมล้านนา เช่น ซอล่องน่าน มวยเจิง (อำเภอท่าปลา) และฟ้อนนางโยน ฟ้อนดอกเจิง ซอลับแลง (อำเภอลับแล)

    การขนส่ง

    สรุป
    มุมมอง

    ทางราง

    ไฟล์:Uttarad station new.jpg
    สถานีรถไฟอุตรดิตถ์

    จังหวัดอุตรดิตถ์มีทางรถไฟผ่านจำนวน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอพิชัย และอำเภอตรอน อีกทั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ยังเป็นที่ตั้งของย่านสถานีรถไฟที่สำคัญในภาคเหนือ ได้แก่ สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ และสถานีรถไฟศิลาอาสน์ ที่มีขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพ สถานีรถไฟพิษณุโลก และสถานีรถไฟเชียงใหม่มายังจังหวัดอุตรดิตถ์ทุกวัน วันละ 22 ขบวน(เที่ยวขึ้นและเที่ยวล่อง) ทั้งรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว และรถท้องถิ่น

    ทางถนน

    ทางรถโดยสารประจำทาง

    Thumb
    สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุตรดิตถ์

    จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) มีรถยนต์โดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศจากกรุงเทพฯ สู่อุตรดิตถ์ทุกวัน วันละหลายเที่ยว เช่น บ.เชิดชัยทัวร์ จ.บ. สุโขทัย วินทัวร์ (วินทัวร์) บ. นครชัยแอร์ บ. นครชัยทัวร์ และของบขส. เป็นต้น บริษัทที่ให้บริการเดินทางรถประจำทางทั้งรถปรับอากาศชั้นที่ 1 ชั้น 2 ทั้งรถมาตราฐานชั้นที่ 4 ก, ข (รถสองชั้น) และรถโดยสารธรรมดา นอกจากนี้จากสถานีขนส่งอุตรดิตถ์ สามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย ดังนี้

    ภาคเหนือตอนบน
    • ปลายทาง เชียงใหม่ ผ่าน เด่นชัย ลำปาง ลำพูน
    • ปลายทาง แม่สาย ผ่าน เด่นชัย แพร่ พะเยา เชียงราย
    • ปลายทาง เชียงของ ผ่าน แพร่ เชียงคำ เทิง
    • ปลายทาง ทุ่งช้าง น่าน ผ่าน แพร่
    • "ปลายทาง" เชียงราย ผ่าน เด่นชัย งาว ดอกคำใต้
    ภาคเหนือตอนล่าง
    • ปลายทาง ตาก กำแพงเพชร ผ่าน ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก สุโขทัย
    • ปลายทาง นครสวรรค์ ผ่าน พิษณุโลก พิจิตร
    • ปลายทาง พิษณุโลก
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    • ปลายทาง หนองคาย นครพนม บึงกาฬ ผ่าน เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร
    • ปลายทาง ขอนแก่น ผ่าน หล่มสัก ชุมแพ
    • ปลายทาง นครราชสีมา ผ่าน อ.สากเหล็ก อ.เขาทราย(พิจิตร) โคกสำโรง(ลพบุรี) สีคิ้ว(นครราชสีมา)
    • ปลายทาง อุบลราชธานี ผ่าน ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร
    ภาคตะวันออก
    • ปลายทาง พัทยา ระยอง ผ่าน สระบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา
    ภาคใต้
    • ปลายทาง ภูเก็ต ผ่าน สิงห์บุรี บางบัวทอง เพชรบุรี ชะอำ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา
    • ปลายทาง ด่านนอก ชายแดนมาเลเซีย ผ่าน หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ทุ่งสง พัทลุง หาดใหญ่

    ทางรถยนต์ส่วนบุคคล

    Thumb
    ป้ายต้อนรับสู่เมืองอุตรดิตถ์ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 11

    ระบบขนส่งมวลชนภายในจังหวัดอุตรดิตถ์

    • ท่ารถประจำทาง
      • รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ตรอน-พิชัย (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถนนฝั่งริมน้ำน่าน)
      • รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ฟากท่า-บ้านโคก (ท่ารถหน้าสถานีรถไฟอุตรดิตถ์เก่า)
      • รถประจำทางสายอุตรดิตถ์-ทองแสนขัน-น้ำปาด (ท่ารถอยู่ข้างวัดท่าถนนฝั่งริมน้ำน่าน)
    • คิวรถสองแถว
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ลับแล (คิวรถอยู่หน้าร้านอุตรดิตถ์เมืองทอง และร้านเพชรนพเก้า)
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-หาดงิ้ว (คิวรถอยู่ฝั่งตรงข้ามนาซ่าแลนด์)
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ห้วยฉลอง (คิวรถอยู่ตึกแถวข้างตลาดเทศบาล 3)
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-น้ำปาด (คิวรถอยู่หน้าสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตลาดโต้รุ่ง))
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-น้ำหมัน-วังดิน (คิวรถอยู่หน้าสนามแบดมินตันเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์(ตลาดโต้รุ่ง))
      • รถสองแถวสายอุตรดิตถ์-ท่าปลา (คิวรถอยู่ข้างวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์)
    • รถแท๊กซี่ มีจุดจอดรับส่งอยู่ที่ สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ และสถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์
    • รถสองแถวรอบเมือง มีจุดจอดรับส่งอยู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ,โลตัสอุตรดิตถ์ ตลาด และเกาะกลาง
    • รถตุ๊กตุ๊กรับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์
    • รถจักรยานยนต์รับจ้าง มีจุดจอดรับส่งที่ ตรงข้ามตลาดโต้รุ่ง หน้าห้างฟรายเดย์ หน้าวัดท่าถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์
    • รถสามล้อรับจ้าง

    ทางอากาศ

    Thumb
    สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุตรดิตถ์

    จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่มีสนามบินเปิดให้บริการ แต่สามารถใช้บริการสนามบินใกล้เคียงเพื่อเดินทางทางอากาศมาจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่ สนามบินพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และสนามบินสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย

    การเดินทางสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

    Thumb
    อุตรดิตถ์เป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุดในการเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่หลวงพระบาง

    จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพรมแดนติดกับเมืองปากลาย แขวงไชยบุรี ประเทศลาว ทางอำเภอบ้านโคกและน้ำปาด เมือปี 2552 ทางคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกระดับช่องภูดู่ ตำบลม่วงเจ็ดต้น อำเภอบ้านโคก เป็นด่านชายแดนสากล ดังนั้นในปัจจุบัน การเดินทางผ่านแดนเข้าออกสู่ประเทศลาวสามารถทำได้อย่างสะดวก ณ ที่ทำการด่าน ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศลาว

    การเดินทางสู่ประเทศลาวเริ่มจาก จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงเมืองหลวงพระบาง เป็นระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง

    • ด่านภูดู่ -ปากลาย 30 กิโลเมตร
    • ปากลาย-ไชยบุรี 168 กิโลเมตร
    • ไชยบุรี-ท่าเรือเฟอร์รี 30 กิโลเมตร (ข้ามแม่น้ำโขง)
    • ท่าเรือเฟอร์รี-เชียงเงิน 60 กิโลเมตร
    • เชียงเงิน-หลวงพระบาง 27 กิโลเมตร

    ในปัจจุบันทางส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตที่สามารถเดินทางได้ทุกฤดูกาลจนถึงเชียงเงิน จากนั้นเป็นทางลาดยางจนถึงหลวงพระบาง ในปีพ.ศ. 2555 เส้นทางดังกล่าวได้ถูกพัฒนาเป็นถนนระหว่างประเทศระดับมาตรฐาน (R4 Highway) เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเดินทางจากพรมแดนประเทศไทยสู่หลวงพระบาง

    สถานที่สำคัญ

    Thumb
    หลวงพ่อเพ็ชร วัดท่าถนน พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ (ศิลปะเชียงแสน)
    โบราณสถาน
    พระอารามหลวง
    พระพุทธรูปสำคัญในจังหวัดอุตรดิตถ์
    เขื่อน

    สถานที่ท่องเที่ยว

    สรุป
    มุมมอง
    อำเภอเมืองอุตรดิตถ์
    Thumb
    พระฝาง องค์จำลอง
    อำเภอลับแล
    Thumb
    เวียงเจ้าเงาะ
    อำเภอพิชัย
    ไฟล์:หลวงพ่อโต วัดหน้าพระธาตุ อุตรดิตถ์.jpg
    หลวงพ่อโต วัดหน้าพระธาตุ
    • วัดหน้าพระธาตุ
    • วัดมหาธาตุ
    • วัดขวางชัยภูมิ
    • วัดนายาง
    • กำแพงเมืองพิชัย
    • ศาลเจ้าพ่อพระยาพิชัยดาบหัก
    • ศาลเจ้าแม่ทับทิม
    • พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก
    • สะพานปรมินทร์
    อำเภอตรอน
    • วัดบ้านแก่งใต้
    • วัดหาดสองแคว
    • วัดศรีพุทธโคดม
    • บ้านหมื่นมณีมโนปการ
    • สะพานแขวนบ้านแก่ง
    อำเภอน้ำปาด
    Thumb
    อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
    อำเภอท่าปลา
    อำเภอทองแสนขัน
    อำเภอฟากท่า
    • โคกธาตุ
    • วัดโพนธาตุ
    • วัดกกต้อง
    • วัดโพธิ์เตี้ย
    • สุสานหอยล้านปี
    อำเภอบ้านโคก

    ดูเพิ่มได้ที่ รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์

    บุคคลที่มีชื่อเสียง

    Thumb
    อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก
    เกจิคณาจารย์ชื่อดังของจังหวัดอุตรดิตถ์
    • พระครูธรรมกิจจาภิบาล (กลม สุวณฺโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดดอยท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
    • พระนิมมานโกวิท (ทองดำ ฐิตวณฺโณ) พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
    • หลวงพ่อกล่อม พรหมสโร พระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่ากะพี้ ต้นตำรับพระปิดตาสายภาคเหนือ ที่โด่งดังระดับประเทศ
    • หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต
    • พระครูนิกรธรรมรักษ์ ติสฺสโร (หลวงพ่อไซร์​ วัดช่องลม)
    • พระครูพิชัยธรรมคุณ (หลวงพ่อจรูญ จนฺทสโร) พระสุปฏิปันโนแห่งเมืองพิชัย
    ด้านการเมืองการปกครอง
    • เจ้าพระฝาง
    • พระยาพิชัยดาบหัก
    • พระยาราชฤทธานนท์พหลพลภักดี (ทองอยู่ สุวรรณบาตร) อดีตข้าหลวงเมืองแพร่
    • พระยาพิศาลคีรี (ทัพ สุขะเนนท์) ผู้พิชิตทัพเงี้ยวเมืองแพร่
    ด้านการศึกษา
    • ศาตราจารย์พิเศษ นาวาเอก ดร.เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ นักวิทยาศาสตร์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา
    • ดร.อรรจ์ สีหะอำไพ - นักวิชาการ ที่ปรึกษา และวิทยากรอิสระ
    ด้านกีฬา
    • นางหงส์ เลี้ยงประเสริฐ นักกีฬามวยไทยอาชีพ
    • เสมาเพชร ส.เชาวลิต นักกีฬามวยไทยอาชีพ
    • พันตำรวจโท นที ทองสุขแก้ว อดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย อดีตกัปตันทีมชาติไทย
    ด้านสื่อมวลชน/ดารา/นักแสดง/ศิลปิน
    นางงาม/นางแบบ
    • วาณิสรา เพิ่มอุดมทรัพย์ รองอันดับ 1 Miss Universe Thailand ปี 2011 และนักแสดงช่อง 7
    • วรวลัญช์ พุฒกลาง รองอันดับ 3 Miss Universe Thailand ปี 2023 และชนะเลิศ Miss Planet International ปี 2023 คนแรกของประเทศไทย
    • พิชญา ลักษณา ชนะเลิศนางสาวอุตรดิตถ์ ปี 2560 และนักแสดงละคร กล่อมรัก ทางช่อง 5
    • น้ำหนึ่ง แวนเดอเวน รองอันดับ 4 Miss Thailand 2024

    ของดีจังหวัดอุตรดิตถ์

    อำเภอเมือง

    • ขนมเทียนเสวย
    • กล้วยกวน
    • ผลิตภัณฑ์ลูกตาวเชื่อม

    อำเภอลับแล

    • ข้าวแคบ
    • ข้าวพันผัก
    • หมี่พัน
    • ลอดช่องเค็ม
    • ข้าวเกรียบว่าว
    • ข้าวหลามทุ่งยั้ง
    • ทุเรียนหลงลับแล ทุเรียนหลินลับแล
    • ลางสาด ลางกอง
    • ผ้าซิ่นตีนจกลับแล
    • ไม้กวาดตองกง

    อำเภอพิชัย

    • ไส้กรอกใหญ่รสเด็ดโบราณพิชัย
    • แกงหอยขม

    อำเภอตรอน

    • ขนมสาลี่มะพร้าว
    • อั่วบักเผ็ด

    อำเภอท่าปลา

    • ผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์
    • ปลาซิวแก้ว

    อำเภอน้ำปาด

    • สับปะรดห้วยมุ่น
    • กระเทียมน้ำปาด
    • มะขามหวาน

    อำเภอทองแสนขัน

    • ผลิตภัณฑ์จากแร่เหล็กน้ำพี้

    อำเภอฟากท่า

    • มะขามหวาน

    อำเภอบ้านโคก

    • มะขามหวาน

    เชิงอรรถ

    หมายเหตุ 1: นายแจ้ง เลิศวิลัย เป็นผู้พบกลองมโหระทึกสมัยก่อนประวัติศาสตร์ดังกล่าว โดยได้ขุดพบที่ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ. 2470 และได้ส่งมอบให้แก่ทางราชการ ปัจจุบันกลองมโหระทึกดังกล่าวตั้งแสดงอยู่ในพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร[24]

    อ้างอิง

    หนังสืออ่านเพิ่มเติม

    ดูเพิ่ม

    แหล่งข้อมูลอื่น

    Loading related searches...

    Wikiwand - on

    Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

    Remove ads