ประเทศแอฟริกาใต้
ประเทศในทวีปแอฟริกา / From Wikipedia, the free encyclopedia
แอฟริกาใต้[15] หรือ เซาท์แอฟริกา[15] (อังกฤษ: South Africa) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ หรือ สาธารณรัฐเซาท์แอฟริกา (อังกฤษ: Republic of South Africa: RSA) เป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา ล้อมรอบด้วยแนวชายฝั่งยาว 2,798 กิโลเมตร (1,739 ไมล์) ทอดยาวไปตามมหาสมุทรแอตแลนติกใต้และมหาสมุทรอินเดีย อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศนามิเบีย, บอตสวานา และ ซิมบับเว ทางทิศตะวันออกติดกับโมซัมบิก และ เอสวาตินี และยังมีประเทศเลโซโทตั้งอยู่ภายในประเทศในฐานะดินแดนแทรกและดินแดนส่วนแยก แอฟริกาใต้ถือเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้มากที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ของโลกเก่า และเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันสองรองจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีชีวนิเวศ พืช และสัตว์ป่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ Republic of South Africa (อังกฤษ) ชื่อทางการของประเทศใน 10 ภาษาอื่น ๆ[1]
| |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เมืองหลวง | |||||||||||||||||||||
เมืองใหญ่สุด | โจฮันเนสเบิร์ก[4] | ||||||||||||||||||||
ภาษาราชการ | 11 ภาษา[1]
| ||||||||||||||||||||
กลุ่มชาติพันธุ์ (2019[6]) |
| ||||||||||||||||||||
ศาสนา (2016)[7] |
| ||||||||||||||||||||
เดมะนิม | ชาวแอฟริกาใต้ | ||||||||||||||||||||
การปกครอง | รัฐเดี่ยวสาธารณรัฐระบบรัฐสภาโดยมีประธานาธิบดีที่มีอำนาจบริหาร | ||||||||||||||||||||
ไซริล รามาโฟซา | |||||||||||||||||||||
• รองประธานาธิบดี | ว่าง | ||||||||||||||||||||
• ประธานสภาแห่งชาติ | Refilwe Mtsweni-Tsipane | ||||||||||||||||||||
• ประธานสมัชชาแห่งชาติ | Thoko Didiza | ||||||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา | ||||||||||||||||||||
• สภาสูง | สภาแห่งชาติ | ||||||||||||||||||||
• สภาล่าง | สมัชชาแห่งชาติ | ||||||||||||||||||||
เอกราช | |||||||||||||||||||||
• สหภาพ | 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1910 | ||||||||||||||||||||
11 ธันวาคม ค.ศ. 1931 | |||||||||||||||||||||
• สาธารณรัฐ | 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1961 | ||||||||||||||||||||
17 มิถุนายน ค.ศ. 1991 | |||||||||||||||||||||
• เป็นประชาธิปไตย | 27 เมษายน ค.ศ. 1994 | ||||||||||||||||||||
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 | ||||||||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||||||||
• รวม | 1,221,037 ตารางกิโลเมตร (471,445 ตารางไมล์) (อันดับที่ 24) | ||||||||||||||||||||
0.380 | |||||||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||||||
• 2021 ประมาณ | 60,142,978[8] (อันดับที่ 23) | ||||||||||||||||||||
• สำมะโนประชากร 2011 | 51,770,560[9]: 18 | ||||||||||||||||||||
42.4 ต่อตารางกิโลเมตร (109.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 169) | |||||||||||||||||||||
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2021 (ประมาณ) | ||||||||||||||||||||
• รวม | 862 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 32) | ||||||||||||||||||||
• ต่อหัว | 14,239 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 96) | ||||||||||||||||||||
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2021 (ประมาณ) | ||||||||||||||||||||
• รวม | 415 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 33) | ||||||||||||||||||||
• ต่อหัว | 6,861 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 89) | ||||||||||||||||||||
จีนี (2014) | 63.0[11] สูงมาก | ||||||||||||||||||||
เอชดีไอ (2019) | 0.709[12] สูง · อันดับที่ 114 | ||||||||||||||||||||
สกุลเงิน | แรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) | ||||||||||||||||||||
เขตเวลา | UTC+2 (SAST) | ||||||||||||||||||||
รูปแบบวันที่ | รูปแบบสั้น: | ||||||||||||||||||||
ขับรถด้าน | ซ้าย | ||||||||||||||||||||
รหัสโทรศัพท์ | +27 | ||||||||||||||||||||
รหัส ISO 3166 | ZA | ||||||||||||||||||||
โดเมนบนสุด | .za |
ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 62 ล้านคน ทำให้เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 23 ของโลก แผ่นดินของประเทศครอบคลุมพื้นที่ 1,221,037 ตารางกิโลเมตร (471,445 ตารางไมล์) ประเทศแอฟริกาใต้ได้แบ่งเมืองหลวงออกเป็นสามเมืองได้แก่ พริทอเรียซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางในการบริหาร, เคปทาวน์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางนิติบัญญัติและที่ตั้งของรัฐสภา และบลูมฟอนเทน ในขณะที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือโจฮันเนสเบิร์กซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลสูงสุด กว่า 80% ของประชากรเป็นชาวแอฟริกาผิวดำ[16] ประชากรที่เหลือประกอบด้วยชุมชนชาวยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา (ชาวแอฟริกาผิวขาว), ชาวเอเชีย (ชาวแอฟริกาใต้จากอินเดียและจีน) และประชากรที่สืบจากบรรพบุรุษหลากหลายเชื้อชาติ แอฟริกาใต้เป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ซึ่งครอบคลุมวัฒนธรรม ภาษา และศาสนาที่หลากหลาย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากการที่รัฐธรรมนูญของประเทศยอมรับภาษามากถึง 12 ภาษาในฐานะภาษาราชการ ซึ่งมากเป็นอันดับสี่ของโลก[17] จากรายงานใน ค.ศ. 2011 ภาษาที่ถูกใช้มากที่สุดคือ ภาษาซูลู (22.7%) และ ภาษาโคซา (16.0%)[18] ตามมาด้วยภาษาอาฟรีกานส์ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากภาษาดัตซ์ และภาษาอังกฤษซึ่งเป็นผลมาจากลัทธิอาณานิคม โดยภาษาอังกฤษมีบทบาทสำคัญในการค้าและสถานที่สาธารณะ
มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษ อย่างไรก็ตาม พลเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวจนถึง ค.ศ. 1994 นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 การเรียกร้องสิทธิทางสังคมของประชากรผิวสีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา พรรคการเมืองแห่งชาติมีนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างชัดเจนในทศวรรษ 1940 การเรียกร้องสิทธิและนโยบายโดยพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา รวมถึงนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวทั้งในและนอกประเทศ เป็นผลให้มีการยกเลิกกฎหมายการเลือกปฏิบัติในทศวรรษ 1980 นับตั้งแต่ ค.ศ. 1994 มีการยอมรับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ให้เป็นตัวแทนทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมมากขึ้น และประเทศได้กลายเป็นสาธารณรัฐระบบรัฐสภาเต็มรูปแบบ และแบ่งจังหวัดออกเป็นเก้าจังหวัด แอฟริกาใต้มักถูกเรียกว่า "ประเทศสีรุ้ง" เพื่ออธิบายความหลากหลายทางวัฒนธรรมในประเทศ โดยเฉพาะภายหลังจากการแบ่งแยกสีผิวและเชื้อชาติ[19] จากการรายงานโดยดัชนีประชาธิปไตย แอฟริกาใต้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 51 ของโลก และอันดับ 3 ในทวีปแอฟริกาในแง่คุณภาพของระบบประชาธิปไตยในประเทศ และความเท่าเทียมกันทางสังคม
แอฟริกาใต้เป็นประเทศอำนาจปานกลางของโลก และถือเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคโดยเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งประชาชาติและกลุ่ม 20[20] แอฟริกาใต้เป็นประเทศกำลังพัฒนา อยู่ในอันดับที่ 109 ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ และอันดับ 7 ในทวีป และยังเป็นประเทศเดียวในทวีปแอฟริกาที่ยอมรับกฎหมายการสมรสเพศเดียวกัน[21] แอฟริกาใต้ได้รับการจัดอันดับโดยธนาคารโลกให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามในทวีปหากวัดตามอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และมีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากที่สุดในทวีป รวมทั้งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 39 ของโลก[22][23] รายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมแร่ธาตุ และการท่องเที่ยว แอฟริกาใต้มีแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกมากที่สุดในทวีป ภายหลังยุคแห่งการถือผิว การพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตประชากรดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด[24] อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมยังเป็นปัญหาสำคัญโดยมีอัตราการว่างงานสูงถึง 40% ใน ค.ศ. 2021[25] ในขณะที่ประชากรกว่า 60% ยังมีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน และกว่าหนึ่งในสี่มีรายได้ต่ำกว่า 2.15 ดอลลาร์ต่อวัน[26][27]