Remove ads
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นายพลตรี เจ้าแก้วนวรัฐ (ไทยถิ่นเหนือ: ) (29 กันยายน พ.ศ. 2405 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร[1] องค์สุดท้ายแห่งนครเชียงใหม่ และเป็นต้นราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ที่สืบสายตรงจากเจ้าผู้ครองนคร
เจ้าแก้วนวรัฐ | |
---|---|
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ | |
ครองราชย์ | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482 |
ราชาภิเษก | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 |
รัชกาล | 29 ปี 131 วัน |
ก่อนหน้า | เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ |
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง |
ประสูติ | 29 กันยายน พ.ศ. 2405 |
พิราลัย | 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482 (76 ปี) |
ชายา | แม่เจ้าจามรีวงศ์ แม่เจ้าไผ่ หม่อมบัวเขียว หม่อมแส |
พระบุตร | 6 พระองค์ |
ราชสกุล | ณ เชียงใหม่ |
ราชวงศ์ | ทิพย์จักร |
พระบิดา | พระเจ้าอินทวิชยานนท์ |
พระมารดา | แม่เจ้าเขียว |
ลายพระอภิไธย |
เจ้าแก้วนวรัฐ มีนามเดิมว่าเจ้าแก้ว ประสูติที่คุ้มหลวงนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2405 เป็นโอรสในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 ประสูติแต่หม่อมเขียว เจ้าแก้วนวรัฐมีเจ้าพี่น้อง 10 องค์ ตามลำดับดังนี้
โดยเจ้าจอมจันทร์เป็นเจ้าน้องร่วมหม่อมมารดาเพียงองค์เดียว[2]
เจ้าแก้วได้เลื่อนอิสริยยศและตำแหน่งตามลำดับดังนี้
เมื่อเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ถึงแก่พิราลัย เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงทราบความที่ เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ถวายบังคมลาไปประทับที่นครเชียงใหม่ก่อนแล้ว จึงมีพระราชดำรัสกับเจ้าดารารัศมีให้เลือกผู้แทนเจ้าอินทวโรรส ที่ว่า
ในการเลือกเจ้านครเชียงใหม่แทนเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ตามกฎต้องให้ทายาทผู้สืบตระกูลรับตำแหน่งนี้ ซึ่งควรจะต้องได้แก่เจ้าราชบุตร (เลาแก้ว) ทายาทแต่ผู้เดียว แต่ในตำแหน่งนี้จะต้องเป็นพระอภิบาลเจ้าดารารัศมี พระราชยายาในรัชกาลที่ 5 ด้วย ในขณะนี้เจ้าราชบุตรยังอายุน้อยอยู่ ฉะนั้นพระราชชายาเจ้าดารารัศมีจึงขอเลือกเจ้าอุปราชแก้ว รับหน้าที่นี้ก่อน...
— วชิราวุธ ป.ร.
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนอิสริยยศ เจ้าอุปราช (เจ้าแก้ว) เจ้าอุปราชเมืองนครเชียงใหม่ [8] ขึ้นเป็น "เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่" และได้รับการเฉลิมพระนามตามตำแหน่งว่า ... " เจ้าแก้วนวรัฐ ประพัทธ์อินทนันทพงษ์ ดำรงนพิสีนครเขตร ทศลักษณเกษตรอุดม บรมราชสวามิภักดิ์ บริรักษ์ปัจฉิมานุทิศ สุจริตธรรมธาดา มหาโยนางคราชวงษาธิบดี เจ้านครเชียงใหม่ " ... [9]
ถึง พ.ศ. 2462 เป็นนายพลตรี ราชองครักษ์พิเศษ[10] และนายทหารพิเศษประจำกองทัพบกไทย
เจ้าแก้วนวรัฐ เริ่มประชวรตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2481 แต่ก็ยังเสด็จไปยังกรุงเทพมหานครเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เมื่อครั้งเสด็จนิวัติพระนคร ต่อมาปรากฏว่าพระอาการพระวักกะ (ไต) และพระยกนะ (ตับ) อักเสบที่ประชวรอยู่ยังไม่ทันจะหายดี ก็พบพระอาการพระปับผาสะ (ปอด) บวมขึ้นอีก จนพิราลัย เมื่อเวลา 21.40 น. ของวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482 รวมระยะเวลาที่ทรงครองนคร 28 ปี สิริชันษา 76 ปี
ข่าวการพิราลัยแพร่ออกไป บรรดาบุคคลสำคัญก็ได้มีโทรเลขและจดหมายถวายความอาลัยมาเป็นจำนวนมาก เช่น คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ส่งมาถวายเจ้าราชบุตร ดังความว่า
เจ้าราชบุตร
เชียงใหม่
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทราบข่าวด้วยความเศร้าสลดใจว่า เจ้าแก้วนวรัฐฯ ได้ถึงแก่พิราลัยเสียแล้ว จึงขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งมายังบรรดาบุตรและธิดาโดยทั่วกัน..
— อาทิตย์ทิพอาภา
พล.อ.พิชเยนทร์โยธิน
เรียน พ.ท.เจ้าราชบุตร
เชียงใหม่
ผมได้รับโทรเลขของเจ้า แจ้งว่า พล.ต.เจ้าแก้วนวรัฐฯ ได้ถึงแก่พิราลัยแล้ว ในนามของรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในนามของผมเอง ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งมายังเจ้าและญาติทั้งหลายด้วย..
— พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
ในการพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ มีนาวาอากาศเอกถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้แทนของรัฐบาลและได้มาเป็นประธานในงานพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ โดยรถไฟกระบวนพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าพนักงานกรมพระราชพิธี มีพระยาราชโกษา เป็นหัวหน้านำโกศ ฉัตร แตร และกลองชนะ พระราชทานเป็นพระเกียรติยศ แต่พระราชทานลองมณฑปมีเฟืองประกอบโกศเป็นเกียรติยศพิเศษ และโปรดเกล้าฯ ให้มีการประโคม
สำหรับการพระราชกุศล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสดับปกรณ์และพระสวดพระอภิธรรมกำหนด 7 วัน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการแต่งเครื่องแบบครึ่งยศไว้ทุกข์ถวาย และทางราชการได้สั่งให้ข้าราชการฝ่ายเหนือ ไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด 7 วัน
เจ้าแก้วนวรัฐ มีชายา 4 องค์ คือ
ภรรยาเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ | ||||
ภาพ | นาม | ชาติตระกูล | โอรสธิดา | |
---|---|---|---|---|
1. แม่เจ้าจามรีวงศ์ | พระธิดาของเจ้าราชภาคินัย (แผ่นฟ้า ณ เชียงใหม่) กับเจ้าเรือนคำ สิโรรส | · เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม ณ เชียงใหม่) · เจ้าบัวทิพย์ ณ เชียงใหม่ · เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) | ||
2. แม่เจ้าไผ่ ณ เชียงใหม่ (เจ้าหญิงไผ่) |
ไม่ปรากฏ | ไม่มี | ||
3. หม่อมบัวเขียว ณ เชียงใหม่ | ไม่ปรากฏ | · เจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่ · เจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ · เจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ | ||
4. หม่อมแส ณ เชียงใหม่ | ไม่ปรากฏ | ไม่มี | ||
เจ้าแก้วนวรัฐมีโอรสและธิดารวม 6 องค์ อยู่ในสกุล ณ เชียงใหม่ มีนามตามลำดับ ดังนี้
โอรสและธิดา | ||||||
ภาพ | ชื่อ | เจ้ามารดา | เกิด | เสียชีวิต | สถานภาพ | |
---|---|---|---|---|---|---|
1. เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม ณ เชียงใหม่) | เจ้าจามรีวงศ์ | พ.ศ. 2423 | 20 มีนาคม พ.ศ. 2456 (33 ปี) | สมรสกับ เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ ไม่มีโอรส-ธิดา | ||
2. เจ้าบัวทิพย์ ณ เชียงใหม่ | เจ้าจามรีวงศ์ | ไม่ปรากฏ | ไม่ปรากฏ |
| ||
3. เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) | เจ้าจามรีวงศ์ | 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2429 | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 (86 ปี) |
| ||
4. เจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่ | หม่อมบัวเขียว ณ เชียงใหม่ | 13 มีนาคม พ.ศ. 2447 | 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 (85 ปี) |
| ||
5. เจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ | หม่อมบัวเขียว ณ เชียงใหม่ | 23 ธันวาคม พ.ศ. 2444 | 25 มกราคม พ.ศ. 2482 (37 ปี) | สมรสกับเจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ มีโอรส-ธิดา 3 องค์
| ||
6. เจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ | หม่อมบัวเขียว ณ เชียงใหม่ | พ.ศ. 2453 | พ.ศ. 2534 (81 ปี) | สมรสกับเจ้าสุคันธา ณ เชียงตุง มีโอรส-ธิดา 5 องค์
| ||
เจ้าแก้วนวรัฐ เริ่มเข้ารับราชการเมื่อ พ.ศ. 2420 ขณะมีพระชันษาได้ 15 ปี ในสมัยที่พระบิดาของท่าน คือ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 ซึ่งมีสิทธิ์ในการปกครองอย่างเจ้าประเทศราชที่ต้องถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองเป็นเครื่องราชบรรณาการทุก 3 ปี
ผลงานที่สำคัญ ได้แก่
เจ้าแก้วนวรัฐ มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านได้สนับสนุนให้เจ้าน้อยศุขเกษมไปบวชในพระพุทธศาสนา และได้ทะนุบำรุงศาสนาอีกจำนวนมาก เช่น
เจ้าแก้วนวรัฐ ได้รับพระราชทานนามสกุล ณ เชียงใหม่ (อักษรโรมัน: na Chiengmai) ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ 1,161 จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2457[14] โดยพระราชทานให้แก่ผู้สืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่มีนิวาสถานตั้งอยู่ในที่แห่งนั้นเป็นเวลานานมาก มีผู้คนรู้จัก และนับถือโดยมาก โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตใช้คำว่า "ณ" นำหน้าสกุลเป็นอันขาด[15] ต่อมาภายหลังตระกูล ณ เชียงใหม่ ยังคงเป็นตระกูลที่มีบทบาทและได้รับการยกย่องจากระบบราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีบทบาทสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของพิธีการต่าง ๆ เพื่อรับรองนโบายการปกครองที่ดำเนินมานับแต่ พ.ศ. 2442[16] อาทิ เป็นหนึ่งในสิบตระกูลที่ได้เข้าเฝ้าในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2493[17] การเตรียมการรับเสด็จราชอาคันตุกะทุก ๆ คราว[18] และการถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี
ภายหลังการการพิราลัยของเจ้าหลวงแก้วนวรัฐ เหล่าทายาท ณ เชียงใหม่ สายตรงในเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ผู้เป็นบุตรหลาน ยังคงมีบทบาททางสังคมอย่างต่อเนื่องในการสืบสานภารกิจของราชตระกูลในด้านสาธารณกุศลต่าง ๆ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีผู้สืบเครื่องราชย์ฯ สืบตระกูล ได้แก่ เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่), เจ้าพงษ์อินทร์ ณ เชียงใหม่ และปัจจุบันคือ เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ (หลานชาย) ตามลำดับ ซึ่งต่อมามีการดำเนินกิจกรรมในนามมูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือและมูลนิธิกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ (วัดสวนดอก) อันเป็น 2 มูลนิธิหลักของเจ้านายฝ่ายเหนือที่ดำเนินกิจกรรมสาธารณกุศลมากว่า 30 ปี
ในปี พ.ศ. 2561 วัดศรีนวรัฐ ได้จัดสร้างรูปหล่อเหมือนเจ้าแก้วนวรัฐ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระคุณของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ธรรมเนียมพระยศของ เจ้าแก้วนวรัฐ | |
---|---|
การทูล | ฝ่าบาท |
การแทนตน | ข้าบาทเจ้า |
การขานรับ | บาทเจ้า |
ลำดับโปเจียม | 1 |
พงศาวลีของเจ้าแก้วนวรัฐ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.