เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก (อังกฤษ : The Most Exalted Order of the White Elephant ) เป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย หนึ่งใน 8 ตระกูลที่สำหรับพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ , ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการ หรือประชาชน โดยการพิจารณาเสนอขอพระราชทานของรัฐบาล เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูงแก่ผู้ได้รับพระราชทาน พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แล้ว ให้ประกาศรายนามในราชกิจจานุเบกษา ปกติแล้ว ในรัชกาลนี้ จะประกาศในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ของทุกปี
ข้อมูลเบื้องต้น เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ช้างเผือก, มอบโดย พระมหากษัตริย์ไทย ...
ปิด
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2404 แต่มิได้กำหนดให้มีสายสะพาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกำหนดชั้นและสายสะพายประกอบ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้มีทั้งหมด 8 ชั้น
ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาวอยู่บนพื้นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีชมพูสลับแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังทองลงยาสีเขียวสี่ทิศ มีรัศมีเปลวเงินตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีอุณาโลม เงินและพระมหามงกุฎ ทองมีรัศมี
สายสะพาย เป็นแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียว มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดเล็กควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่ขนาดย่อมกว่า ซ้อนอยู่บนรัศมีสีเงิน จำหลักเป็นเพชรสร่ง 4 แฉก รัศมีทอง 4 แฉก ประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย
ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาว
หมายเหตุ : สำหรับพระมหากษัตริย์ ดาราประดับเพชรตรงขอบสร่งเงิน
ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างเผือก ทรงเครื่องยืนแท่นอยู่บนพื้นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังเงิน 8 ทิศ มีกระจังแทรกตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีพระมหามงกุฎทองมีรัศมี
สายสะพาย เป็นแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียวใหญ่ มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดใหญ่ควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สำหรับสะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่กระจังยาวกว่า ด้านหลังเป็นทอง สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย
ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดงสลับเขียว เกสรเงิน
ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
ดวงตรา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ แต่ขนาดย่อมกว่า และที่พระมหามงกุฎไม่มีรัศมี ด้านหลังเป็นทองเกลี้ยง ใช้ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร สำหรับบุรุษใช้สวมคอ ส่วนดวงตราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า ใช้ห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ สำหรับประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
ดารา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย ส่วนดาราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบานทอง เกสรเงิน
ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบสวมคอ สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูก เป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย
ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับสตรีห้อย แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย ดวงตราชั้นที่ 4 เล็กกว่าดวงตราชั้นที่ 3 และมีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีดอกไม้จีบติดบน แพรแถบวิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
ชั้นที่ 6 เหรียญทอง (ร.ท.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
ชั้นที่ 7 เหรียญเงิน (ร.ง.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
ต่อมาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ข้าราชการสตรีต้องประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญแพรแถบในลักษณะเดียวกับบุรุษทุกประการ[5]
สายสะพาย ดวงตรา และดารามหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตรามหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
สายสะพาย ดวงตรา และดารามหาวราภรณ์ (ประถมาภรณ์ช้างเผือก) แบบที่ใช้ก่อน พ.ศ. 2454 ภาพจากบานประตูลายมุกพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
สายสะพาย ดวงตรา และดาราประถมาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราประถมาภรณ์ช้างเผือก
ดาราประถมาภรณ์ช้างเผือกและทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
กล่องเก็บเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราและดาราทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราทวีติยาภรณ์ช้างเผือกและตริตาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราภูษนาภรณ์ (จตุรถาภรณ์ช้างเผือก) แบบที่ใช้ก่อน พ.ศ. 2454
ดวงตราเบญจมาภรณ์ช้างเผือก
เหรียญเงินช้างเผือก สำหรับสตรี
เหรียญเงินช้างเผือก
ตัวอย่างแพรแถบย่อชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ร่วมกับแพรแถบย่ออื่นๆ
ตัวอย่างแพรแถบย่อชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ชั้นสูงสุดของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้) ร่วมกับแพรแถบย่ออื่นๆ
พระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลช้างเผือกนี้ กำหนดให้พิจารณาถึงตำแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ กำหนดระยะเวลา และความดีความชอบ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2564[6] การขอพระราชทานในครั้งแรกในกรณีข้าราชการ จะต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับแต่วันเริ่มเข้ารับราชการจนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม ของปี โดยให้เริ่มจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกสลับกัน ดังนี้
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก
ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย
ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก
ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ในกรณีข้าราชการเริ่มที่
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นสายสะพาย หรือ ข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ สามารถขอรับพระราชทานโกศ ประดับเมื่อสิ้นชีวิต
ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย 1)
ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 2)
ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (สายสะพาย 3)
ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 4)
ตัวอย่างของประกาศนียบัตรสำหรับผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกในอดีต ในที่นี้ เป็นประกาศนียบัตรของศาสตรจารย์กาลิเลโอ คินี จิตรกรชาวอิตาลีผู้วาดภาพจิตรกรรมประดับโดมเพดานของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 นิภาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2456
การเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีทั้งหมด 32 บัญชี
บัญชี 1 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่รัฐมนตรี
บัญชี 2 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการการเมือง ผู้ช่วยรัฐมนตรี ผู้แทนการค้าไทย กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการประสานงานวุฒิสภา
บัญชี 3 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภา
บัญชี 4 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
บัญชี 5 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
บัญชี 6 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามกฎหมายจัดตั้งองค์กรส่วนท้องถิ่น
บัญชี 7 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
บัญชี 8 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการการเลือกตั้ง
บัญชี 9 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดิน
บัญชี 10 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
บัญชี 11 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
บัญชี 12 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
บัญชี 13 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
บัญชี 14 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ราชบัณฑิต และกรรมการตามกฎหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
บัญชี 15 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
บัญชี 16 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
บัญชี 17 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น
บัญชี 18 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการทหาร
บัญชี 19 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตำรวจ
บัญชี 20 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม
บัญชี 21 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการตุลาการศาลปกครอง
บัญชี 22 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ดะโต๊ะยุติธรรม และผู้พิพากษาสมทบ
บัญชี 23 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการอัยการ
บัญชี 24 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
บัญชี 25 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
บัญชี 26 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่พนักงานราชการ
บัญชี 27 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน พนักงานองค์การของรัฐ หรือพนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
บัญชี 28 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยธุรการขององค์กรอิสระตามกฎหมายที่ไม่เป็นข้าราขการ
บัญชี 29 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นข้าราชการ
บัญชี 30 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย
บัญชี 31 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้มีผลงานความดีความชอบอย่างยิ่ง
บัญชี 32 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้แทนทางการทูตของต่างประเทศ และชาวต่างประเทศ
ตัวอย่างการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
กรณีข้าราชการพลเรือน
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ต้องมีระยะเวลาในการรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยมีแนวทางยึดตามระดับตำแหน่ง ดังนี้
ประเภททั่วไป
ระดับปฏิบัติงาน เริ่มขอ บ.ม. ถึง จ.ช.
ระดับชำนาญงาน เริ่มขอ ต.ม. ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ต.ช.
ระดับอาวุโส เริ่มขอ ท.ม. ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ท.ช.
ระดับทักษะพิเศษ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช.
ประเภทวิชาการ
ระดับปฏิบัติการ เริ่มขอ ต.ม.
ระดับชำนาญการ เริ่มขอ ต.ช. ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ขอ ท.ม.- ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ท.ช.
ระดับชำนาญการพิเศษ เริ่มขอ ท.ช. ได้รับเงินเดือนขั้นสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม.
ระดับเชี่ยวชาญ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช.
ระดับทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 13,000 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
ระดับทรงคุณวุฒิ ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 15,600 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
ประเภทอำนวยการ
ระดับต้น เริ่มขอ ท.ช. ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม.
ระดับสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
ประเภทบริหาร
ระดับต้น ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อย 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 14,500 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
ระดับสูง ที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง, หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งเทียบเท่า เริ่มต้นขอพระราชทาน ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.