Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฟีลีปี โกชิญญู โกเรย์ยา (โปรตุเกส: Philippe Coutinho Correia, ออกเสียง: [fiˈlipi ko(w)ˈtʃĩɲu]; เกิดวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นให้สโมสรกีฬา วัชกู ดา กามา โดยยืมตัวจากแอสตันวิลลา และเล่นให้ทีมชาติบราซิล โดยสามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองกลางตัวรุกและปีกซ้าย
ข้อมูลส่วนตัว | |||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | ฟีลีปี โกชิญญู โกเรย์ยา[1] | ||||||||||||||||||||||||||||
วันเกิด | [2] | 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992||||||||||||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | รีโอเดจาเนโร บราซิล | ||||||||||||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.72 m (5 ft 7 1⁄2 in)[3] | ||||||||||||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองกลางตัวรุก / ปีก | ||||||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | |||||||||||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน |
วัชกู ดา กามา (ยืมจาก แอสตันวิลลา) | ||||||||||||||||||||||||||||
หมายเลข | 11 | ||||||||||||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | |||||||||||||||||||||||||||||
–2008 | วัสกู ดา กามา | ||||||||||||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | |||||||||||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | ||||||||||||||||||||||||||
2008–2013 | อินเตอร์มิลาน | 28 | (3) | ||||||||||||||||||||||||||
2008–2010 | → วัสกู ดา กามา (ยืม) | 36 | (4) | ||||||||||||||||||||||||||
2012 | → อัสปัญญ็อล (ยืม) | 16 | (5) | ||||||||||||||||||||||||||
2013–2018 | ลิเวอร์พูล | 152 | (41) | ||||||||||||||||||||||||||
2018–2022 | บาร์เซโลนา | 76 | (17) | ||||||||||||||||||||||||||
2019–2020 | → ไบเอิร์นมิวนิก (ยืม) | 23 | (8) | ||||||||||||||||||||||||||
2022 | → แอสตันวิลลา (ยืม) | 19 | (5) | ||||||||||||||||||||||||||
2022– | แอสตันวิลลา | 22 | (1) | ||||||||||||||||||||||||||
2023– | → อัดดุฮัยล์ (ยืม) | 16 | (3) | ||||||||||||||||||||||||||
2024– | → วัสกู ดา กามา (ยืม) | 2 | (0) | ||||||||||||||||||||||||||
ทีมชาติ | |||||||||||||||||||||||||||||
2009 | บราซิล อายุไม่เกิน 17 ปี | 3 | (0) | ||||||||||||||||||||||||||
2011–2012 | บราซิล อายุไม่เกิน 20 ปี | 7 | (3) | ||||||||||||||||||||||||||
2010–2022 | บราซิล | 68 | (21) | ||||||||||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| |||||||||||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 21:10, 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 (UTC) |
โกชิญญูถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่และลงเล่นนัดแรกในปี ค.ศ. 2010 ก่อนที่จะถูกเรียกตัวชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015
โกชิญญูเป็นบุตรชายคนที่สามและคนสุดท้องของ Esmeralda Coutinho กับ José Carlos Correia สถาปนิก โดยเกิดในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1992 ที่ริโอเดจาเนโร[4] เขาเติบโตในย่าน Rocha ทางตอนเหนือของริโอระหว่างชุมชนแออัดเก่าและโกดังสินค้าอุตสาหกรรม[5][6]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2012 โกชิญญูได้ย้ายไปร่วมทีมอัสปัญญ็อลด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล 2011-12 ต่อมา ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โกชิญญูลงเล่นนัดแรกให้กับอัสปัญญ็อล ในนัดที่ อัสปัญญ็อล เสมอกับ อัตเลติกเดบิลบาโอ 3-3
ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ย้ายจากอินเตอร์มิลานมาอยู่กับลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ โดยโกชิญญูได้สวมเสื้อหมายเลข 10[7]
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก โดยโกชิญญูถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ พ่ายแพ้ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน คาบ้าน 0-2[8] ต่อมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[9] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วีแกนแอธเลติก ที่ ดีดับเบิลยูสเตเดียม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ เซาแทมป์ตัน มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1-0 จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 3 ประตู จาก 13 นัด และได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู ได้ถึง 7 ลูก ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ โกชิญญู ได้รางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสโมสรลิเวอร์พูลประจำฤดูกาล 2012-13 ไปครอง ทำให้ โกชิญญูได้เป็นขวัญใจของสาวกเดอะค็อปได้อย่างเต็มตัว
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-14 โกชิญญูช่วยให้ ลิเวอร์พูล ชนะ 3 นัดติดต่อกัน (ชนะ สโตกซิตี 1-0, ชนะ แอสตันวิลลา 1-0 และชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0) ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้มีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ จากการปะทะกับ แอชลีย์ วิลเลียมส์ กองหลังของ สวอนซีซิตี ทำให้ โกชิญญูต้องพักยาวถึงสิ้นเดือนตุลาคม ต่อมา ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 0-2 ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฟูลัม 4-0 ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูแรก ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 3-3 ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2013 โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2
ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟูลัม ที่เครเวนคอตทิจ 3-2 ต่อมา ในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4-0[10] [11] ต่อมา ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจ่าฝูงและลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อไป[12] [13] [14] ต่อมา ในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด และต้องลุ้นให้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 33 นัด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้อันดับ 2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ได้กลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ในปี 2009
ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามนัดแรกในพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2014-15 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 2-1[15] ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2014 ลีกคัพ รอบสี่ โกชิญญูได้เปิดบอลให้ เดยัน ลอฟเรน ทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 2-1[16] ต่อมา ในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ลงสนามเป็นตัวสำรอง และได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ ที่ลอฟตัสโรด 2-1 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะเอาชนะไป 3-2[17] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ อาร์เซนอล 2-2[18]
ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้จ่ายบอลให้เพื่อนทำ 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 2-0[19] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล[20] ต่อมา ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โบลตันวอนเดอเรอส์ ที่มาครอน สเตเดียม 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[22] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-1[23] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบหก นัดรีเพลย์ โกชิญญูได้ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แบล็กเบิร์นโรเวอส์ ที่อีวู้ด ปาร์ค 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[24] [25] ต่อมา ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2015 เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ โกชิญญูได้ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ แอสตันวิลลา 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[26] ต่อมา โกชิญญู ได้ติด 1 ใน 6 เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ รวมถึงเข้าชิงราวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู นักเตะของลิเวอร์พูลคนเดียวที่ได้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ต่อมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูได้ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 2-1[27] ต่อมา ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี จากลูกยิงไกล ในเกมกับ เซาแทมป์ตัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2015 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ เอ็คโค่ อารีน่า[28] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 5 ประตูจาก 35 นัด
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2015–16 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่บริแทนเนียสเตเดียม เจอกับ สโตกซิตี หลังจากนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลมาพ่ายแพ้สโตกซิตีที่นี่ 1-6 โดยโกชิญญูทำประตูชัยซัดไกลด้วยขวาประมาณ 25 หลาโค้งแฉลบปลายมือบัตแลนด์เสียบคานตุงตาข่ายสุดงามให้ลิเวอร์พูลเอาชนะ สโตกซิตี 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ล้างแค้นสำเร็จ[29] [30] ต่อมา ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญูโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกในฟุตบอลอาชีพ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0-3 ทำให้ โกชิญญู โดนแบน 1 นัด[31]
ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 3-1[32] [33] ต่อมา ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[34] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกและจ่ายบอลให้ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 4-1[35] [36]
ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เอฟเอคัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ โกชิญญูทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-1 แต่สุดท้ายในช่วงต่อเวลาพิเศษก็แพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[37] ต่อมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ โกชิญญูทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วง 90 นาที ทำให้ต้องตัดสินในการยิงจุดโทษ โกชิญญู ยิงจุดโทษพลาดโดน วีลลี กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ซิตี เซฟเอาไว้ได้ สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ในการยิงจุดโทษ 1-3 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพ อย่างน่าเสียดาย[38] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-3[40] ในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 1-1[41]
ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง โกชิญญู ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่ายูโรปาลีกได้สำเร็จ[42] ต่อมา ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-0[43] ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูคว้า 4 รางวัลของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล, รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี จากการโหวตของแฟนๆ, รางวัลประตูยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมีนาคม และ รางวัลฟอร์มยอดเยี่ยมแห่งปี ในเกมกับ แมนเชสเตอร์ซิตี จากงานประกาศรางวัล Players' Awards 2016 โดยงานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่ Exhibition Centre[44]
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่เอมิเรตส์สเตเดียม เจอกับ อาร์เซนอล โกชิญญู ยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล 4-3[45] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 3 โกชิญญูทำประตูแรกในอีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2016–17 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ดาร์บีเคาน์ตี ที่ไพรด์พาร์ก 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ[46] ต่อมา ในวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัลล์ซิตี 5-1[47] ต่อมา ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-1[48] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1[49]
ในวันที่ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 โกชิญญูมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 โดยผลสแกนจากเจ้าหน้าที่ทีมหงส์แดงเผยว่า โกชิญญูต้องพักยาว 5-6 สัปดาห์ ต่อมา ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2017 อีเอฟแอลคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก โกชิญญูกลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 0-1 ต่อมา ในวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล ไปจนถึงปี 2022[50] [51] ต่อมา ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 1-3[52] ต่อมา ในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1[53] ต่อมา ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ บอร์นมัท 2-2[54] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 2-1 ทำให้ โกชิญญูเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูรวมมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 30 ประตู[55] ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ คริสตัลพาเลซ 1-2[56] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูยิง 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ลอนดอนสเตเดียม 4-0[57] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โกชิญญูทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ[58] จบฤดูกาล โกชิญญูยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 13 ประตูจาก 31 นัด
ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูจ่ายบอลให้ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูและทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ด้วยลูกฟรีคิก นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 3-2[59] ต่อมา ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 1-1[60] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 1-1[61] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[62] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[63] ต่อมา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 3-0[64] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 5-1[65] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[66] ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[67] ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3[68] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลในการลงสนามนัดที่ 200 ให้กับลิเวอร์พูลและทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[69]
ในวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โกชิญญูลงสนามนัดสุดท้ายของเขาให้กับลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 2-1 โดย โกชิญญูยิง 12 ประตูจาก 20 นัดในฤดูกาล 2017-18 เขาช่วยพาทีมชนะไว้ได้มากก่อนที่จะจากไป
ในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2018 ลิเวอร์พูลยืนยันว่าโกชิญญูได้บรรลุข้อตกลงกับสโมสรบาร์เซโลนาเพื่อย้ายไปร่วมทีม ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในลาลิกา ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ คิโรนา 6-1 ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ มาลากา 2-0 ต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2018 โกปาเดลเรย์ รอบชิงชนะเลิศ 2018 โกชิญญูยิงประตูด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เซบิยา ที่เอสตาดีโอเมโตรโปลีตาโน 5-0 คว้าแชมป์โกปาเดลเรย์ สมัยที่ 30 มาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 3 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เอาชนะ เดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา 4-2 ช่วยให้ บาร์เซโลนา คว้าแชมป์ลาลิกามาครองได้สำเร็จ ต่อมา ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 4 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ บิยาร์เรอัล 5-1 ต่อมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับบาร์เซโลนา ในนัดที่ บาร์เซโลนา พ่ายแพ้ เลบันเต 4-5 ต่อมา ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ลาลิกา นัดปิดฤดูกาล 2017-18 โกชิญญูทำประตูที่ 8 ในลาลิกา ในนัดที่ บาร์เซโลนา เปิดสนามกัมนอว์เอาชนะ เรอัลโซเซียดัด 1-0
ในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2014 โกชิญญู ถูกเรียกติดทีมชาติโดย ดุงกา หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีมชาติบราซิลและได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตรกับ โคลอมเบีย และ เอกวาดอร์ ในเดือนกันยายน ที่สหรัฐอเมริกา ต่อมา ในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2015 โกชิญญู ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดที่ บราซิล เอาชนะ ชิลี 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมา ในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2015 โกชิญญู ทำประตูแรกให้กับทีมชาติ ในนัดที่เอาชนะ เม็กซิโก 2-0
ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ทีมชาติบราซิลได้เรียกตัว ฟีลีปี โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 ลงเล่น 3 นัด พาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่มซี โดยบราซิลชนะ 2 แพ้ 1 (ชนะ เปรู 2-1, แพ้ โคลอมเบีย 0-1 และ ชนะ เวเนซุเอลา 2-1) ช่วยให้ บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ ปารากวัย แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ 3-4 หลังเสมอ 1-1 ใน 90 นาที
ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 2016 โกชิญญู ทำแฮตทริกให้กับ บราซิล ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เฮติ 7-1
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัว โกชิญญู ติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย บราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย ต่อมา ในวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2018 โกชิญญูทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ คอสตาริกา 2-0 สุดท้าย บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายแพ้ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้
เมื่อโกชิญญูย้ายไปอิตาลีตอนอายุ 18 ปีเพื่อเข้าเล่นกับอินเตอร์มิลาน เขาไปที่นั่นกับพ่อแม่และ Ainê แฟนของเขาที่พบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงของเพื่อน เมื่อเขาย้ายไปเล่นให้กับอัสปัญญ็อล พ่อแม่เดินทางกลับบราซิล เขาแต่งงานกับ Ainê ที่บราซิลใน ค.ศ. 2012[70] ทั้งคู่ให้กำเนิดลูกสาวสองคนและลูกชายคนเดียว[71][72] โกชิญญูมีรอยสักที่แขน ซึ่งเป็นการแสดงความผูกพันต่อครอบครัวและภรรยาของเขา[70] เขานับถือศาสนาคริสต์[73]
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 โกชิญญูได้รับหนังสือเดินทางโปรตุเกสผ่านทางภรรยา ทำให้เขาไม่ได้เป็นผู้เล่นนอกยุโรปอีกต่อไป[74]
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เนชันนอลคัพ[a] | ถ้วยลีก[b] | ทวีป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
วัสกู ดา กามา (ยืม) | 2009[75] | แซรียีเบ | 12 | 0 | 0 | 0 | — | — | 0 | 0 | 12 | 0 | ||
2010[75] | แซรียีอา | 7 | 1 | 7 | 1 | — | — | 17[c] | 3 | 31 | 5 | |||
รวม | 19 | 1 | 7 | 1 | — | — | 17 | 3 | 43 | 5 | ||||
อินเตอร์มิลาน | 2010–11[75] | เซเรียอา | 13 | 1 | 0 | 0 | — | 6[d] | 0 | 1[e] | 0 | 20 | 1 | |
2011–12[75] | เซเรียอา | 5 | 1 | 0 | 0 | — | 3[d] | 0 | 0 | 0 | 8 | 1 | ||
2012–13[75] | เซเรียอา | 10 | 1 | 0 | 0 | — | 9[f] | 2 | — | 19 | 3 | |||
รวม | 28 | 3 | 0 | 0 | — | 18 | 2 | 1 | 0 | 47 | 5 | |||
อัสปัญญ็อล (ยืม) | 2011–12[75] | ลาลิกา | 16 | 5 | — | — | — | — | 16 | 5 | ||||
ลิเวอร์พูล | 2012–13[76] | พรีเมียร์ลีก | 13 | 3 | — | — | — | — | 13 | 3 | ||||
2013–14[77] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 5 | 3 | 0 | 1 | 0 | — | — | 37 | 5 | |||
2014–15[78] | พรีเมียร์ลีก | 35 | 5 | 7 | 3 | 4 | 0 | 6[g] | 0 | — | 52 | 8 | ||
2015–16[79] | พรีเมียร์ลีก | 26 | 8 | 1 | 1 | 3 | 1 | 13[f] | 2 | — | 43 | 12 | ||
2016–17[80] | พรีเมียร์ลีก | 31 | 13 | 2 | 0 | 3 | 1 | — | — | 36 | 14 | |||
2017–18[81] | พรีเมียร์ลีก | 14 | 7 | 0 | 0 | 1 | 0 | 5[d] | 5 | — | 20 | 12 | ||
รวม | 152 | 41 | 13 | 4 | 12 | 2 | 24 | 7 | — | 201 | 54 | |||
บาร์เซโลนา | 2017–18[75] | ลาลิกา | 18 | 8 | 4 | 2 | — | — | — | 22 | 10 | |||
2018–19[75] | ลาลิกา | 34 | 5 | 7 | 3 | — | 12[d] | 3 | 1[h] | 0 | 54 | 11 | ||
2020–21[75] | ลาลิกา | 12 | 2 | 0 | 0 | — | 2[d] | 1 | 0 | 0 | 14 | 3 | ||
2021–22[75] | ลาลิกา | 12 | 2 | 0 | 0 | — | 4[d] | 0 | 0 | 0 | 16 | 2 | ||
รวม | 76 | 17 | 11 | 5 | — | 18 | 4 | 1 | 0 | 106 | 26 | |||
ไบเอิร์นมิวนิก (ยืม) | 2019–20[75] | บุนเดิสลีกา | 23 | 8 | 4 | 0 | — | 11[d] | 3 | — | 38 | 11 | ||
แอสตันวิลลา (ยืม) | 2021–22[82] | พรีเมียร์ลีก | 19 | 5 | — | — | — | — | 19 | 5 | ||||
แอสตันวิลลา | 2022–23[83] | พรีเมียร์ลีก | 20 | 1 | 1 | 0 | 1 | 0 | — | — | 22 | 1 | ||
2023–24[84] | พรีเมียร์ลีก | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | 2 | 0 | ||
รวม | 41 | 6 | 1 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | — | 43 | 6 | |||
อัดดุฮัยล์ (ยืม) | 2023–24[85] | กาตาร์สตาร์สลีก | 16 | 3 | 3 | 2 | 1 | 1 | 3[i] | 2 | — | 23 | 8 | |
วัสกู ดา กามา (ยืม) | 2024 | แซรียีอา | 2 | 0 | 1 | 0 | — | — | — | 3 | 0 | |||
รวมทั้งหมด | 373 | 84 | 40 | 12 | 14 | 3 | 74 | 18 | 19 | 3 | 520 | 120 |
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
บราซิล | 2010 | 1 | 0 |
2011 | 0 | 0 | |
2012 | 0 | 0 | |
2013 | 0 | 0 | |
2014 | 4 | 0 | |
2015 | 7 | 1 | |
2016 | 11 | 5 | |
2017 | 9 | 2 | |
2018 | 13 | 5 | |
2019 | 16 | 4 | |
2020 | 2 | 1 | |
2021 | 0 | 0 | |
2022 | 5 | 3 | |
รวม | 68 | 21 |
Goal | วันที่ | สนาม | คู่แข่งขัน | ประตู | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 7 มิถุนายน 2015 | Allianz Parque, เซาเปาลู, บราซิล | เม็กซิโก | 1–0 | 2–0 | เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร |
2. | 8 มิถุนายน 2016 | Camping World Stadium, Orlando, United States | เฮติ | 1–0 | 7–1 | โกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ |
3. | 2–0 | |||||
4. | 7–1 | |||||
5 | 6 ตุลาคม 2016 | Arena das Dunas, Natal, Brazil | โบลิเวีย | 2–0 | 5–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
6. | 10 พฤศจิกายน 2016 | Estádio Mineirão, Belo Horizonte, Brazil | อาร์เจนตินา | 1–0 | 3–0 | |
7. | 27 มีนาคม 2017 | Arena Corinthians, São Paulo, Brazil | ปารากวัย | 1–0 | 3–0 | |
8. | 31 สิงหาคม 2017 | Arena do Grêmio, Porto Alegre, Brazil | เอกวาดอร์ | 2–0 | 2–0 | |
9. | 23 มีนาคม 2018 | Luzhniki Stadium, Moscow, Russia | รัสเซีย | 2–0 | 3–0 | เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร |
10. | 10 มิถุนายน 2018 | Ernst-Happel-Stadion, Vienna, Austria | ออสเตรีย | 3–0 | 3–0 | |
11. | 17 มิถุนายน 2018 | Rostov Arena, Rostov-on-Don, Russia | สวิตเซอร์แลนด์ | 1–0 | 1–1 | ฟุตบอลโลก 2018 |
12. | 22 มิถุนายน 2018 | Krestovsky Stadium, Saint Petersburg, Russia | คอสตาริกา | 1–0 | 2–0 |
วัสกู ดา กามา
อินเตอร์มิลาน
บาร์เซโลนา
บราซิล
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.