คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เอเอฟซีเอเชียนคัพ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
เอเอฟซีเอเชียนคัพ (อังกฤษ: AFC Asian Cup) หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย เป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติของทวีปเอเชีย จัดโดย สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปที่เก่าแก่เป็นอันดับสองถัดจากการแข่งขันฟุตบอลรายการโกปาอาเมริกา ซึ่งผู้ชนะการแข่งขันจะถือว่าเป็นแชมป์ของภูมิภาคทวีปเอเชีย และจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมในการแข่งขันฟุตบอลรายการฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
Remove ads
โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นทุก 4 ปี เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1956 ที่ฮ่องกง และจัดต่อเนื่องทุก 4 ปี จนกระทั่ง ค.ศ. 2004 ที่ประเทศจีน ซึ่งในปีเดียวกันนั้นมีการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนและการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ทำให้ทางสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตัดสินใจเลื่อนการจัดการแข่งขันครั้งต่อไปเป็น ค.ศ. 2007 ซึ่งครั้งนั้นมีเจ้าภาพร่วมจาก 4 ประเทศคืออินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม และจัดการแข่งขันครั้งต่อไปทุก 4 ปีเป็นปกติหลังจากนั้น
ผู้ชนะเลิศการแข่งขันเอเชียนคัพส่วนใหญ่จะเป็นทีมชาติที่มาจากกลุ่มประเทศชั้นนำทางด้านวงการฟุตบอล ซึ่งได้แก่เกาหลีใต้และอิหร่าน จนกระทั่งหลังจาก ค.ศ. 1984 ที่มีแชมป์เป็นทีมชาติญี่ปุ่นและซาอุดิอาระเบีย นอกจากนี้ยังมีแชมป์จากทีมชาติออสเตรเลีย อิรัก คูเวต และอิสราเอล (ซึ่งภายหลังถูกขับออกและได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า)
ประเทศออสเตรเลียเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียใน ค.ศ. 2005 และได้เป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2015 สำหรับเอเชียนคัพ 2019 ซึงจัดขึ้นที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นเอเชียนคัพครั้งแรกที่ขยายจำนวนทีมในรอบสุดท้ายจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม นอกจากนี้ยังถือเป็นการคัดเลือกตัวแทนโซนเอเชียในการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายอีกด้วย
ต่างจากการแข่งขันรายการอื่น ๆ การแข่งขันเอเชียนคัพมักมีการเลื่อนวันจัดการแข่งขันในแต่ละครั้งให้สอดคล้องกับสภ่าพภูมิอากาศของประเทศเจ้าภาพ เช่นใน ค.ศ. 2007 มีจัดการแข่งขันในเดือนกรกฎาคม แต่การแข่งขันทั้ง 3 ครั้งหลังจากนั้นจะจัดการแข่งขันในเดือนมกราคม[1][2]
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
หลังการจัดตั้งสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียในปี 1954 ได้มีการจัดการแข่งขันเอเชียนคัพขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1956 ที่ฮ่องกง โดยทีมที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมในการแข่งขันจะมีทีมจากชาติเจ้าภาพและการคัดทีมผู้ชนะจากโซนต่างๆ (เอเชียกลาง เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันตก) ซึ่งเป็นการชิงชัยเพียง 4 ทีมเท่านั้น ระบบการคัดเลือกนี้ถูกใช้จนกระทั่งการแข่งขันในปี 1964
ทีมชาติญี่ปุ่นทำสถิติแชมป์ในการแข่งขันเอเชียนคัพมากที่สุดถึง 4 ครั้งจากการแข่งขันใน ค.ศ. 1992, 2000, 2004 และ 2011
ทีมชาติออสเตรเลียได้เข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนคัพ 2007 และสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ต้องพ่ายให้กับทีมชาติอิรัก ซึ่งภายหลังสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันในครั้งนั้น และถือเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรายการนี้ แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศก็ตาม
การแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ครั้งล่าสุด ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาหลายอย่าง เช่น การใช้ระบบผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอหรือวีเออาร์ และการเพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม อีกทั้งยังแก้ไขกติกาให้สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นคนที่ 4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษได้ นอกจากนี้ทีมชาติกาตาร์ยังสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยการเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นในรอบชิงชนะเลิศ ถือเป็นแชมป์รายการเอเชียนคัพครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพ
Remove ads
ถ้วยรางวัล
สรุป
มุมมอง

ถ้วยรางวัลในการแข่งขันเอเชียนคัพแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบแรกถูกใช้ในการแข่งขันระหว่างปี 1956 จนถึงปี 2015 ส่วนแบบที่สองเริ่มใช้ตั้งแต่การแข่งขันเอเชียนคัพ 2019
ถ้วยรางวัลแบบแรกจะเป็นลักษณะคล้ายถ้วยบนฐานทรงกระบอก มีความสูง 42 เซนติเมตร และหนัก 15 กิโลกรัม จนในการแข่งขันในปี 2000 ได้มีการบรรจุหินสลักชื่อประเทศที่ชนะเลิศในการแข่งขันทุกครั้งลงไปในฐานของถ้วยรางวัล ซึ่งภายหลังได้ถูกออกแบบใหม่ด้วยการเพิ่มเนื้อโลหะเงินและลดความหนาของฐานสีดำด้านล่าง อีกทั้งมีการเปลี่ยนเป็นการสลักชื่อลงรอบฐานของถ้วยรางวัลแทน

วันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ระหว่างการแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 รอบแบ่งกลุ่มในเมืองดูไบ มีการเผยถ้วยรางวัลแบบใหม่ซึ่งสร้างและออกแบบโดย Thomas Lyte แบรนด์ออกแบบถ้วยรางวัลชั้นนำจากอังกฤษ ตัวถ้วยรางวัลมีความสูงถึง 78 เซนติเมตร กว้าง 42 เซนติเมตร วัสดุทำจากเงิน โดยน้ำหนักรวมอยู่ที่ 15 กิโลกรัม ถ้วยรางวัลถูกออกแบบให้คล้ายดอกบัวหลวงซึ่งเป็นพืชน้ำที่สื่อถึงทวีปเอเชีย กลีบดอกบัวทั้งห้าเป็นตัวแทนของ 5 สหพันธ์ฟุตบอลภายใต้การกำกับดูแลของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ยังคงมีสลักรายชื่อแชมป์ทุกครั้งจนถึงปัจจุบันลงบนฐานเหมือนแบบแรก แต่ส่วนของฐานกับตัวถ้วยรางวัลจะแยกเป็นคนละส่วน นอกจากนี้ถ้วยรางวัลแบบใหม่จะมีด้ามจับทั้งสองข้าง ต่างจากถ้วยรางวัลแบบแรก
Remove ads
รูปแบบการแข่งขัน
การแข่งขันรอบสุดท้าย
การแข่งขันเอเชียนคัพรอบสุดท้ายจะมีทีมเข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 24 ทีม การคัดเลือกแบ่งออกเป็น 2 รอบคือ รอบแบ่งกลุ่ม และรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยรอบแบ่งกลุ่มจะทำการแข่งขันแบบพบกันหมดจากทั้งหมด 6 กลุ่ม สำหรับทีมที่ดีที่สุด 2 ทีมในแต่ละสายจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย อีก 4 ทีมที่เหลือจะคัดจากทีมอันดับ 3 ของแต่ละสายที่ดีที่สุด 4 ทีม สำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเป็นการแข่งขันแบบแพ้คัดออกจนไปถึงรอบชิงชนะเลิศ
ผลการแข่งขัน
สรุป
มุมมอง

2
1
ความสำเร็จในการแข่งขัน
ตัวหนา คือทีมที่เป็นเจ้าภาพ
Remove ads
ความสำเร็จแบ่งตามภูมิภาค
Remove ads
ทีมที่ผ่านเข้ารอบ
- สัญลักษณ์
- 1st – แชมป์
- 2nd – รองแชมป์
- 3rd – ที่ 3
- 4th – ที่ 4
- QF – รอบก่อนชิงชนะเลิศ
- GS – รอบคัดเลือก
- q – เข้ารอบแต่ยังไม่ได้แข่ง
- — เจ้าภาพ

Remove ads
ทีมที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในการแข่งขันแต่ละครั้ง
Remove ads
ความขัดแย้ง
สรุป
มุมมอง
แม้ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ระดับทวีป แต่การแข่งขันเอเชียนคัพก็ต้องประสบกับปัญหาหลายครั้ง ทั้งการไม่สามารถโน้มน้าวให้หลายชาติเข้าร่วมการแข่งขันได้ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ค่าใช้จ่ายการเดินทางของชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันที่มหาศาล ตลอดจนความปัญหาจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ความขัดแย้งทางการเมือง
การแข่งขันเอเชียนคัพมักตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาติสมาชิกอยู่บ่อยครั้ง เช่น กรณีของอิสราเอลซึ่งเคยเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ภายหลังสงครามยมคิปปูร์ได้ทวีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับชาติสมาชิกในคาบสมุทรอาหรับ อิสราเอลถอนตัวออกจากสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียในปี 1974 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนีย (โอเอซี) ซึ่งภายหลังได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิกของสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ใน ค.ศ. 1990
กรณีคล้ายกันคือความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียกับอิหร่านภายหลังการเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในกรุงเตหะรานในปี 2016 ซึ่งทีมชาติอิหร่านปฏิเสธที่จะทำการแข่งขันกับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย และขู่จะถอนตัวออกจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียหากไม่ทำตามคำขอ ซึ่งได้ลุกลามเป็นความขัดแย้งในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ยังมีกรณีของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนเอเชียที่จะจัดขึ้นในกรุงเปียงยาง จนเป็นเหตุทำให้ต้องมีการเปลียนไปทำการแข่งขันที่เซี่ยงไฮ้แทน
ปัญหาจำนวนผู้เข้าชมการแข่งขัน
จำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันแป็นอีกปัญหาของการแข่งขันเอเชียนคัพ เช่น ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2011 ที่ประเทศกาตาร์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชมการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีผู้เข้าชมการแข่งขันในสนามมีไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการอ้างว่าทางกาตาร์เองถึงกับต้องนำกำลังทหารมานั่งแทนผู้ชมในสนามเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีอีกด้วย
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads