Loading AI tools
สายการบินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (อาหรับ: طيران الإمارات) เป็นสายการบินประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้บริการไปยัง 152 จุดหมายปลายทางใน 80 ประเทศทั่วโลก และยังให้บริการขนส่งสินค้าภายใต้ชื่อเอมิเรตส์ สกายคาร์โก โดยมีฐานการบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ
| |||||||
ก่อตั้ง | 25 มีนาคม ค.ศ. 1985 (39 ปี) | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มดำเนินงาน | 25 ตุลาคม ค.ศ. 1985 (38 ปี) | ||||||
ท่าหลัก | ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ | ||||||
สะสมไมล์ | เอมิเรตส์ สกายวาร์ด | ||||||
บริษัทลูก |
| ||||||
ขนาดฝูงบิน | 247 | ||||||
จุดหมาย | 152 | ||||||
บริษัทแม่ | เดอะเอมิเรตส์กรุ๊ป | ||||||
สำนักงานใหญ่ | ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | ||||||
บุคลากรหลัก | รอชิด บิน ซะอีด อาล มักตูม (ผู้ก่อตั้ง) ทิม คลาร์ก (ประธาน) | ||||||
รายได้ | 33 พันล้านเหรียญ (ค.ศ. 2024)[1] | ||||||
รายได้สุทธิ | 4.68 พันล้านเหรียญ (ค.ศ. 2024)[1] | ||||||
พนักงาน | 108,996 คน (กันยายน ค.ศ. 2023)[1] | ||||||
เว็บไซต์ | www |
ฝูงบินเอมิเรตส์จะประกอบด้วยเครื่องบินลำตัวกว้างของแอร์บัสและโบอิง และเป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบินที่ให้บริการเครื่องบินลำตัวกว้างทั้งหมด (ไม่รวมเอมิเรตส์ เอกซ์คลูทีฟ[2]) โดย ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 เอมิเรตส์แอร์ไลน์เป็นผู้ให้บริการเครื่องบินแอร์บัส เอ380 รายใหญ่ที่สุด โดยมีเครื่องบินให้บริการ 119 ลำ[3] นับตั้งแต่เปิดตัว แอร์บัส เอ380 ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของฝูงบินเอมิเรตส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางระยะไกลที่มีความหนาแน่นสูง เอมิเรตส์ยังเป็นผู้ให้บริการเครื่องบินโบอิง 777 รายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเครื่องบิน 134 ลำที่ให้บริการ[4]
สายการบินเอมิเรตส์ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1985 โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองดูไบ มุฮัมมัด บิน รอชิด อาล มักตูม เอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินแรกจากดูไบไปยังการาจี ประเทศปากีสถานในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1985 เอมิเรตส์ได้มีปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ในการก่อตั้งสายการบินในช่วงแรก โดยให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการบริหาร ตลอดจนจัดหาเครื่องบินโบอิง 737-300 และแอร์บัส เอ300บี4-200
ในช่วงปีแรกๆ เอมิเรตส์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยอัตราการโตเฉลี่ย 30% ต่อปี โดยได้มีสงครามอ่าว ซึ่งช่วยส่งเสริมธุรกิจของสายการบินเนื่องจากเอมิเรตส์เป็นสายการบินเดียวที่ยังให้บริการในช่วงสิบวันสุดท้ายของสงคราม ในปี 2000 เอมิเรตส์ได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิง 777-300 และแอร์บัส เอ380 เป็นจำนวนมาก และยังเปิดตัวโปรแกรมสะสมไมล์สกายวาร์ดอีกด้วย[5]
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เอมิเรตส์ได้ขยายฝูงบินและเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่การเชื่อมต่อเอเชียใต้ไปยังอเมริกาเหนือ และแข่งขันกับสายการบินหลักอื่นๆ ในเส้นทางระหว่างประเทศ การเติบโตของสายการบินได้ดึงดูดคำวิจารณ์จากสายการบินอื่นๆ ซึ่งอ้างว่าสายการบินมีข้อได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมและได้เรียกร้องให้ยุตินโยบายเปิดน่านฟ้ากับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[6][7] ในปี 2017 สายการบินเอมิเรตส์ต่ออายุการซื้อเครื่องบินและตกลงที่จะซื้อเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ จำนวนหนึ่งในราคา 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์ เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล อธิบายว่าข้อตกลงนี้เป็นการสูญเสียสำหรับแอร์บัส[8]
สำนักงานใหญ่ของสายการบินอยู่ในอาคารเอมิเรตส์กรุ๊ปในอาล การ์ฮูด ดูไบ[9][10] อาคารตั้งอยู่บนถนนสนามบิน ตรงข้ามกับที่ตั้งของศูนย์วิศวกรรมเอมิเรตส์ ในปี 2007 มีอุโมงค์เชื่อมระหว่างอาคารกับท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ การก่อสร้างอาคารเริ่มต้นในปี 2004[11] และมีกำหนดสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2007[12] โดยเอมิเรตส์ออกทุนก่อสร้างเอง[11] พนักงานกว่า 6,000 คนทำงานในอาคาร[10] ก่อนหน้านี้สำนักงานใหญ่ของสายการบินอยู่ที่ศูนย์ฃการบินบริเวณวงเวียนหอนาฬิกาในดูไบ[13]
สายการบินเอมิเรตส์มีสายการบินลูก ดังนี้:
ในช่วงปี 1990 เอมิเรตส์ได้เปิดตัวโฆษณาชุดแรกที่มีสโลแกนว่า "So be good to yourself, Fly Emirates" ในปี ค.ศ. 1999 บริษัทได้เปิดตัวโฆษณาเปิดตัวเครื่องบินแอร์บัส เอ330-200 ที่หายาก โดยมีรูปภาพต่างๆ ที่แสดงเครื่องบินที่มีโลโก้เดิมและโลโก้ปัจจุบัน (ซึ่งเปิดตัวไม่กี่เดือนก่อนหน้า)
โฆษณาได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในปี 2002 และได้นำสโลแกน "Fly Emirates. Keep Discovering" มาใช้ในปี 2004 ต่อมาในปี 2008 สายการบินเอมิเรตส์ได้เปิดตัวสโลแกนหลักภายใต้แนวคิดเครือข่ายเส้นทางบินของจุดหมายปลายทาง 100 แห่งใน 59+ ประเทศทั่วทั้งหกทวีป – "Fly Emirates. Keep Discovering", "Fly Emirates. To over Six Continents", and "Hello Tomorrow"[20] ปัจจุบันเอมิเรตส์ใช้สโลแกน "Fly Better"
เอมิเรตส์เปิดตัวเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินใหม่ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 สำหรับพนักงาน 16,000 คน ซึ่งออกแบบโดยไซมอน เจอร์ซีย์ เครื่องแบบนอกเครื่องประกอบด้วยหมวกของสายการบินเอมิเรตส์ กระโปรงจับจีบสีแดง เสื้อเบลาส์ที่เข้ารูปมากขึ้น และการกลับมาของรองเท้าหนังและกระเป๋าถือสีแดง สำหรับเครื่องแบบบนเครื่อง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชายและหญิงจะสวมเสื้อกั๊กบริการแทนแจ็กเก็ตและแถบคาดสำหรับบริการที่สวมใส่ก่อนหน้านี้ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชายสวมสูทสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่มีลายทาง เสื้อเชิ้ตสีครีมและเน็กไทสีคาราเมล น้ำผึ้งและสีแดง กระเป๋าทั้งชายและหญิงสวมสีน้ำตาลช็อกโกแลตนี้ แต่ไม่มีสีแดงเด่น
ในปี 2022 เอมิเรตส์ได้เปิดตัวโฆษณา 2 ชิ้นที่มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินยืนอยู่บนยอดตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ โฆษณาชิ้นแรกเกี่ยวกับการที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ได้ถูกเลือกให้อยู่ในรายชื่อสีเหลืองตามมาตรการจำกัดการเดินทางของโควิด-19 ของสหราชอาณาจักร โฆษณาชิ้นที่ 2 เป็นการโปรโมตงานเอ็กซ์โป 2020 ด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ380 ที่สวมลวดลานพิเศษ บินวนรอบอาคาร ผู้หญิงในวิดีโอเป็นนักแสดงผาดโผนที่แต่งตัวเหมือนพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเอมิเรตส์[21]
ลวดลายรูปแบบปัจจุบันจะมีธงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์บริเวณแพนหางของเครื่องบิน ที่มีความลื่นไหลมากขึ้นจากการแสดงธงแบบสามมิติ และปลายปีกได้มีสีแดงพร้อมโลโก้ภาษาอาหรับของเอมิเรตส์ในสีขาว ผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องเมื่อมองจากหน้าต่างจะเห็นสีธงชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ปลายปีกซึ่งหันเข้าหาลำตัวเครื่องบิน ลวดลายใหม่นี้เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2023 บนแอร์บัส เอ380-800[22][23] โดยเอมิเรตส์มีแผนที่จะเปลี่ยนลวดลายบนเครื่องบินทุกลำในฝูงบินภายในปี 2023[24] และเครื่องบินใหม่ที่จะเข้ามาประจำการกับเอมิเรตส์ทุกลำจะมีลวดลายนี้ทั้งหมด[25]
ลักษณะของลวดลายที่ 2 จะมีลวดลายของธงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์บริเวณท้ายลำ และมีข้อความ "Emirates" และ "www.emirates.com" บริเวณส่วนหน้าของลำตัวเครื่อง ลวดลายนี้ถูกนำมาใช้ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1999 บนเครื่องบินโบอิง 777-300 และแอร์บัส เอ330/เอ340 ทุกลำ ที่ส่งมอบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1999 ลวดลายนี้เริ่มใช้ไม่นานหลังจากนั้นในปี 2000 บนฝูงบินที่เหลือของสายการบินเอมิเรตส์ และได้เปลี่ยนลวดลายบนเครื่องบินทุกลำในฝูงบินจนหมดปี 2005
ลวดลายอากาศยานเดิมของเอมิเรตส์มีความคล้ายคลึงกับปัจจุบัน ยกเว้นว่าชื่อสายการบิน "Emirates" เขียนด้วยแบบอักษรอื่น และจะมีขนาดค่อนข้างเล็กตั้งอยู่ที่ด้านบนของหน้าต่าง และตามด้วยชื่อภาษาอาหรับ เครื่องบินทุกลำที่สวมเครื่องแบบเก่าได้รับการทาสีใหม่หรือปลดระวางแล้ว เครื่องแบบเก่าถูกปลดระวางในปี 2005
ตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2022 สายการบินเอมิเรตส์ได้สนับสนุนกระเช้าลอยฟ้าเอมิเรตส์ แอร์ ไลน์ เหนือแม่น้ำเทมส์ในลอนดอนตะวันออก[26]
ตั้งแต่ปี 2015 สายการบินเอมิเรตส์ได้ให้การสนับสนุนอาคารสปินเนเกอร์ทาวเวอร์ ในเมืองพอร์ตสมัธท ทางชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ[27] สายการบินมีแผนมูลค่า 3.5 ล้านปอนด์ที่จะทาสีอาคารหลักเป็นสีแดง แต่หลังจากหารือกับชาวเมืองพอร์ตสมัธและทะเลใต้แล้ว สายการบินเอมิเรตส์เห็นพ้องต้องกันว่าอาคารจะใช้สีฟ้าและสีทอง โดยมีตัวอักษรสีแดงเป็นสปอนเซอร์ของสายการบินเอมิเรตส์[28]
สายการบินเอมิเรตส์สนับสนุนคริกเกตออสเตรเลีย,[29] ลอร์ดสทาเวิร์นเนอร์,[30] และการแข่งขันโปรอาร์ช[31] อัตลักษณ์องค์กรของเอมิเรตส์นี้ยังปรากฏอยู่บนเสื้อผู้ตัดสินคริกเก็ตระดับนานาชาติอีกด้วย[32] สายการบินเอมิเรตส์ยังได้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของสภาคริกเกตนานาชาติจนถึงปัจจุบัน ข้อตกลงนี้ทำให้สายการบินเอมิเรตส์เชื่อมโยงกับการแข่งขัน ICC ที่สำคัญทั้งหมด รวมถึงการแข่งขันริกเกตชิงแชมป์โลก ปี 2011, 2015 และ 2019, ไอซีซีแชมเปียนโทรฟี และ ไอซีซีเวิ์ดทเวนตี้20[33]
สายการบินเอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และ การแข่งขันฟุตบอลโลกแต่หยุดการเป็นผู้สนับสนุนในต้นปี 2015 เนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและการติดสินบนภายใน FIFA รวมถึงความขัดแย้งของการเลือกให้กาตาร์เป็นเจ้าภาพของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022
เอมิเรตส์เป็นสปอนเซอร์หลักของอาร์เซนอลตั้งแต่ฤดูกาล 2006–07ม เข้าสนับสนุนเอซี มิลานในฤดูกาล 2010–11, เรอัลมาดริด ในฤดูกาล 2013–14, เบนฟิก้าในฤดูกาล 2015–16 และออแล็งปิกลียอแนตั้งแต่ ฤดูกาล 2020–2021[34] นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนเสื้อหลักของนิวยอร์กคอสมอส สายการบินเอมิเรตส์ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันรายการเอฟเอคัพ, เอมิเรตส์คัพและ เอมิเรตส์สเตเดียมของอาร์เซนอล เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนให้กับเชลซีตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2001 จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2003,[35] สนับสนุนปารีสแซ็ง-แฌร์แม็ง (จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2019) และฮัมบูร์ก เอสวี จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2020
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009 สมาคมฟุตบอลจูเนียร์แห่งสกอตแลนด์ประกาศว่าเอมิเรตส์จะสนับสนุนการแข่งขันรายการสกอตติชคัพ[36] เอมิเรตส์แอร์ไลน์ก็ยังเป็นผู้สนับสนุนการเดินทางและการเล่นของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียในการแข่งขันรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
ตั้งแต่ปี 2014 เอมิเรตส์แอร์ไลน์เป็นผู้สนับสนุนทีมซุปเปอร์ลีกอย่างทีมวอร์ริงตัน วูล์ฟส์ โดยเป็นสปอนเซอร์หลายปีและค่าตัวประมาณ 5 ล้านปอนด์ และตั้งแต่ปี 2015 เอมิเรตส์แอร์ไลน์ยังเป็นผู้สนับสนุนทีมซุปเปอร์ลีกสัญชาติแอฟริกาใต้อย่าง เดอะไลอ้อน ตลอดจนมีสิทธิ์ในการตั้งชื่อทีมและสนามรักบี้เอลลิสพาร์ค นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของยูเอสเอรักบี้ นอกจากนี้ เอมิเรตส์ยังเป็นผู้สนับสนุนคณะกรรมการผู้ตัดสินระดับนานาชาติของเวิล์ดรักบี้
ในการแข่งม้า เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนสนับสนุนงานดูไบอินเตอร์เนชั่นแนลเรซซิ่งคาร์นิวัล, เป็นผู้สนับสนุนงานคาร์นิวัลฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิของออสเตรเลียนเทิร์ฟคลับจนถึงปี 2011 และงานเมลเบิร์นคัพคาร์นิวัลตั้งแต่ปี 2003 ถึงปี 2017[37][38]
เอมิเรตส์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันออสเตรเลียนและเฟรนช์โอเพ่นช่วงต้นฤดูกาล 2021 หลังจากที่กลับมาจากการเซ็นสัญญาครั้งแรกในปี 2016
เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนหลักของทีมเอมิเรตส์ในนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ชนะการแข่งขันเรือใบในอเมริกาคัพครั้งที่ 35
เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนทีมแม็คลาเรนในรายการแข่งขันบริติชฟอร์มูลาวัน (F1) ในฤดูกาล 2006 นอกจากนี้ยังเป็นสายการบินอย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการฟอร์มูลาร์วันตั้งแต่ฤดูกาล 2013 จนถึงฤดูกาล 2022
ตั้งแต่ฤดูกาล 2012 สายการบินเอมิเรตส์ได้สนับสนุนการแข่งขันยูเอสโอเพ่นซีรีย์ ซึ่งเป็นฤดูกาลเทนนิสฤดูร้อนที่มีระยะเวลา 6 สัปดาห์ โดยเอมิเรตส์จะสนับสนุนถึงปี 2019[39]
เอมิเรตส์ยังให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลคอลลิงวูดในลีกฟุตบอลออสเตรเลีย และเอฟซี ดัลลัสในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์
ตั้งแต่ฤดูกาล 2016 เป็นต้นมา เอมิเรตส์เป็นสายการบินอย่างเป็นทางการของ ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส ในเมเจอร์ลีกเบสบอล
ตั้งแต่ปี 2017 เอมิเรตส์เป็นผู้สนับสนุนทีม ยูเออีเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นทีมจักรยานยูซีไอเวิลด์ทัวร์
สายการบินเอมิเรตส์ได้เป็นหนึ่งในพันธมิตรชั้นนำอย่างเป็นทางการของงาน เอ็กซ์โป 2020 ซึ่งจัดในดูไบ เอมิเรตส์ได้เปิดตัวลวดลายเครื่องบินพิเศษสามสีในสามสี (ส้ม เขียว และน้ำเงิน) เพื่อแสดงถึงสามธีมของงาน ได้แก่ โอกาส ความยั่งยืน และความคล่องตัว ตามลำดับ แอร์บัส เอ380 ลำหนึ่งได้สวมลวดลาย "เข้าร่วมการสร้างโลกใหม่" เอมิเรตส์ได้มีข้อตกลงการสนับสนุนงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2021 จนถึงงานปิดในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2022
สายการบินเอมิเรตส์ดำเนินการเที่ยวบินกว่า 3,000 เที่ยวบินทุกสัปดาห์ผ่านเครือข่ายปลายทางกว่า 157แห่งในกว่า 83 ประเทศในหกทวีปจากฐานการบินในดูไบ[40] ก่อนการระงับเนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19
เอมิเรตส์ได้ร่วมมือกับสายการบินอื่นๆ แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกของพันธมิตรสายการบินระดับโลกทั้งสามแห่ง ได้แก่ วันเวิล์ด, สกายทีม หรือ สตาร์อัลไลแอนซ์ โดยในปี 2000 สายการบินพิจารณาเข้าร่วมสตาร์อัลไลแอนซ์ในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะดำเนินการอย่างอิสระ[41]
สายการบินเอมิเรตส์ได้ทำข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินต่างๆ ดังต่อไปนี้:
ณ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2024 เอมิเรตส์มีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:[55][56][57]
เครื่องบิน | ประจำการ | คำสั่งซื้อ | ผู้โดยสาร | หมายเหตุ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
F | C | W | Y | รวม | ||||
แอร์บัส เอ350-900 | — | 65[57] | รอประกาศ | เริ่มส่งมอบในปี 2024[58][59] | ||||
แอร์บัส เอ380-800 | 116[57] | — | 14 | 76 | — | 399 | 489 | ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด[60] 67 ลำจะมีการติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมใหม่[61] รวม A6-EVS (MSN 272) เอ380 ลำสุดท้าย |
14 | 76 | — | 401 | 491 | ||||
14 | 76 | — | 426 | 516 | ||||
14 | 76 | — | 427 | 517 | ||||
14 | 76 | — | 429 | 519 | ||||
— | 58 | — | 557 | 615 | ||||
14 | 76 | 56 | 338 | 484 | ||||
โบอิง 777-200แอลอาร์ | 10[57] | — | — | 38 | — | 264 | 302 | ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด[62][63] 53 ลำจะมีการติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมใหม่[61] |
โบอิง 777-300อีอาร์ | 121[57] | — | 8 | 42 | — | 304 | 354 | |
8 | 42 | — | 306 | 356 | ||||
8 | 42 | — | 310 | 360 | ||||
6 | 42 | — | 306 | 354 | ||||
— | 42 | — | 386 | 428 | ||||
โบอิง 777-8 | — | 35[57] | รอประกาศ | เริ่มส่งมอบในปี 2030[64] | ||||
โบอิง 777-9 | — | 170[57] | เริ่มส่งมอบในปี 2025[65][66] | |||||
โบอิง 787-8 | — | 20[57] | เริ่มส่งมอบในช่วงกลางปี 2025[67] | |||||
โบอิง 787-10 | — | 15[57] | ||||||
รวม | 247 | 305 |
เอมิเรตส์มีอายุฝูงบินเฉลี่ย 10.8 ปี
ณ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2024 เอมิเรตส์ เอ็กซ์คลูทีฟมีเครื่องบินประจำกรในฝูงบินดังนี้:[68]
เครื่องบิน | ประจำการ | คำสั่งซื้อ | ผู้โดยสาร |
---|---|---|---|
แอร์บัส เอซีเจ319 | 1 | — | 10 (ห้องสวีต) 5 (เตียง) |
รวม | 1 |
เอมิเรตส์ สกายวาร์ดเป็นโปรแกรมสะสมไมล์สี่ระดับที่ดำเนินการโดยสายการบินเอมิเรตส์ ได้มีการใช้งานโดยลูกค้ากว่า 8.4 ล้านราย[69] ระดับทั้งสี่ระดับคือน้ำเงิน, เงิน ซึ่งต้องใช้ไมล์ระดับชั้น 25,000 ไมล์เพื่อเข้า, ทองซึ่งต้องใช้ไมล์ระดับ 50,000 ไมล์, และแพลทินัม ซึ่งต้องใช้ไมล์ระดับ 150,000 ไมล์ สกายวาร์ดยังมีระดับสมาชิกเพิ่มเติมที่ได้ด้วยเชิญเท่านั้นหรือ "IO" ซึ่งคุณต้องได้รับเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มนี้[70] สิทธิประโยชน์ที่มอบให้นั้นเหนือกว่าสิทธิประโยชน์ระดับแพลตตินัม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ (มีนาคม 2023) |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.