Loading AI tools
ขุนนางชาวสยาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ร.ว. ป.จ. ป.ช. ป.ม. ว.ม.ล. นามเดิม สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา (1 มกราคม พ.ศ. 2419 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486) นามปากกา ครูเทพ เป็นขุนนางชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก ผู้วางรากฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา ทั้งได้ร่วมดำริให้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนช่างก่อสร้างแห่งแรกของประเทศไทย คือ โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย และยังเป็นผู้แปลกติกาฟุตบอลมาเผยแพร่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นนักประพันธ์ งานประพันธ์เลื่องชื่อ คือ เพลงกราวกีฬา และเพลงชาติไทยฉบับก่อนปัจจุบัน
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี | |
---|---|
ประธานรัฐสภาไทย และ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 – 1 กันยายน พ.ศ. 2475 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | เจ้าพระยาพิชัยญาติ |
ดำรงตำแหน่ง 15 ธันวาคม พ.ศ. 2476 – 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาพิชัยญาติ |
ถัดไป | พระยาศรยุทธเสนี |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ | |
ดำรงตำแหน่ง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2476 | |
นายกรัฐมนตรี | พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาพหลพลพยุหเสนา |
ก่อนหน้า | ตนเอง (ในฐานะเสนาบดี) |
ถัดไป | พระยาพหลพลพยุหเสนา |
เสนาบดีกระทรวงธรรมการ | |
ดำรงตำแหน่ง 19 เมษายน พ.ศ. 2459 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2469 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี |
ถัดไป | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต |
ดำรงตำแหน่ง 1 กันยายน พ.ศ. 2475 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต |
ถัดไป | ตนเอง (ในฐานะรัฐมนตรี) |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบประเภทที่ 2 [a] | |
ดำรงตำแหน่ง 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 [1] – 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | สนั่น 1 มกราคม พ.ศ. 2419 จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 (67 ปี) จังหวัดพระนคร ประเทศไทย |
คู่สมรส | ถวิล สาลักษณ |
บุตร | 18 คน รวมถึงปรียา ฉิมโฉม |
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เกิดที่บ้านหลังศาลเจ้าหัวเม็ด ตำบลสะพานหัน จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2419 (นับแบบปัจจุบันคือปี 2420)[ต้องการอ้างอิง] ตรงกับวันจันทร์ เดือนยี่ แรม 2 ค่ำ ปีชวดเป็นบุตรคนที่ 18 จากบุตร-ธิดา 32 คนของพระยาไชยสุรินทร์ (หม่อมหลวงเจียม เทพหัสดิน) กับคุณหญิงอยู่ เทพหัสดิน ณ อยุธยา โดยพระยาไชยสุรินทร์ (หม่อมหลวงเจียม เทพหัสดิน) สืบสายตระกูลจากพระยาราชภักดี (หม่อมราชวงศ์ช้าง เทพหัสดิน) โอรสหม่อมเจ้าฉิม ในสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์
เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ท่านบิดาก็ถึงแก่อนิจกรรม ชีวิตของท่านจึงผกผันจากการเป็นครอบครัวคนชั้นสูง จากการเป็นบุตรขุนนางชั้นผู้ใหญ่ (พระยาไชยสุรินทร์ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมพระคลังข้างที่ในต้นรัชกาลที่ 5) ต้องมาช่วยมารดาทำสวน ค้าขายและรับจ้างเย็บรังดุมตั้งแต่ยังเด็ก ความยากลำบากทำให้ท่านมีความอดทนไม่ท้อถอยและมีอุปนิสัยอ่อนโยน มัธยัสถ์ ซึ่งเป็นสิ่งเกื้อหนุนให้ท่านมีความเจริญรุ่งเรืองในการศึกษาและการทำงาน
เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนวัดบพิตรพิมุข พระตำหนักสวนกุหลาบ และโรงเรียนสุนันทาลัย แล้วเข้าศึกษาต่อ ณ โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ระหว่างปี พ.ศ. 2435 - 2437 ได้รับประกาศนียบัตรครู และสอบไล่ได้เป็นที่ 1 ของผู้สำเร็จวิชาครูชุดแรกและทำหน้าที่สอนประมาณ 2 ปี
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้ประกอบกิจการทางการศึกษาอันเป็นคุณูปการไว้แก่ประเทศไว้มากมาย โดยเฉพาะในการวางรากฐานอย่างสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่การเป็นครู ผู้ตรวจการศึกษา เป็นเจ้ากรมราชบัณฑิต เจ้ากรมตรวจ ปลัดทูลฉลองจนถึงเสนาบดี โดยเริ่มนำเอาความรู้แผนใหม่เข้ามาในวงการครู เริ่มพัฒนาด้านพุทธิศึกษาอย่างจริงจัง เขียนตำรา เริ่มตั้งแต่ด้านสุขาภิบาลและสุขศึกษาสำหรับครอบครัว รวมทั้งเน้นด้านปลูกฝังธรรมจรรยาอย่างแท้จริง อบรมสั่งสอนให้คนมีคุณธรรมและจรรยามรรยาท จัดทำแบบสอน-อ่าน-เขียนด้านธรรมจริยาขึ้นใช้ในโรงเรียนทั่วประเทศ นำพลศึกษาและการกีฬาเข้ามาในโรงเรียนเพื่อสร้างลักษณะนิสัยให้เยาวชนรู้จักรู้แพ้ รู้ชนะ รู้จักอภัยซึ่งกันและกัน
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้จัดให้มีการศึกษาภาคบังคับ เพื่อให้ประชาชนได้รับการศึกษาทั่วถึงกันโดยท่านเชื่อว่า เมื่อให้มวลชนได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางแล้ว บุคคลที่มีความสามารถก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นเอง ได้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นทั่วประเทศรวมทั้งโรงเรียนประชาบาลเพื่อรองรับการจัดการศึกษาภาคบังคับ มีการเริ่มงานด้านหัตถศึกษา คือ นำเอาวิชาอาชีพต่าง ๆ เข้ามาสอนในโรงเรียน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทั้งด้านวิชาความรู้เพื่อไปรับราชการ และทางด้านวิชาชีพสำหรับผู้ที่ต้องการนำไปประกอบอาชีพทั่วไป ผลงานของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี อาจสรุปเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
นอกจากปราชญ์ด้านการศึกษาแล้ว เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้รับการยกย่องเป็นนักประพันธ์คนสำคัญท่านหนึ่งของประเทศไทย ท่านได้แต่งตำราและหนังสือเป็นจำนวนมากซึ่งมีทั้งความเรียงร้อยแก้ว และบทร้อยกรอง ซึ่งอาจแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้
ได้เป็นผู้ประพันธ์ “เพลงกราวกีฬา” ในนาม “ครูเทพ” เพื่อจูงใจให้นักกีฬารู้จักการแพ้ชนะและรู้จักการให้อภัย ทั้งนี้สืบเนื่องจากการการรณรงค์ให้มีการออกกำลังกายและการแข่งขันกีฬาในโรงเรียนทั่วประเทศ รวมทั้งการริเริ่มให้มีการแข่งขันฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่รุนแรง ซึ่งในเวลาต่อมาที่มักเกิดการวิวาทกันอยู่เนือง ๆ
“สยามอยู่คู่ฟ้าอย่าสงสัย เพราะชาติไทยเป็นไทยไปทุกเมื่อ
ชาวสยามนำสยามเหมือนนำเรือ ผ่านแก่งเกาะเพราะเพื่อชาติพ้นภัย
เราร่วมใจร่วมรักสมัครหนุน วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม่
ยกสยามยิ่งยงธำรงชัย ให้คงไทยตราบสิ้นดินฟ้า”
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีมีพี่น้องร่วมและต่างมารดาที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองหลายท่านและหลายด้าน มีที่ทำคุณประโยชน์ด้านการศึกษาสองท่านคือ มหาอำมาตย์ตรี พระยาอนุกิจวิธูร (สันทัด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และพระยาวิทยาปรีชามาตย์ (ศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รวมทั้งผู้มีศักดิ์เป็นหลานแต่อ่อนอายุกว่าเพียงปีเดียว ที่ทำคุณประโยชน์ด้านการทหารคือ พลเอก พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) หัวหน้าคณะทูตทหารไทยที่เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1
ท่านได้สมรสกับท่านผู้หญิงถวิล ธิดาของมหาเสวกโท พระยาศรีภูริปรีชา (กมล สาลักษณ) กับคุณหญิงพึ่ง ศรีภูริปรีชา และมีภริยาอีก 4 คน มีบุตร-ธิดารวม 20 คน ได้อบรมสั่งสอนให้บุตร-ธิดาทุกคนให้มีความอดทนและมัธยัสถ์ สนับสนุนให้ทุกคนเรียนถึงชั้นสูงสุดเท่าที่มีความสามารถ และด้วยการมีส่วนผลักดันการศึกษาด้านการช่างและได้สนับสนุนให้มีการเปิดสอนวิชาสถาปัตยกรรมขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านจึงแนะนำให้บุตรี 2 คน สอบเข้าเรียนเป็นนิสิตรุ่นแรกในคณะนี้เป็นรุ่นแรกเพื่อแสดงให้เห็นว่าสตรีก็สามารถเป็นช่างได้
หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้ถวายบังคมลาออกจากราชการเมื่อ พ.ศ. 2469 มาอยู่ที่บ้านพักตำบลนางเลิ้ง หลานหลวง ถนนนครสวรรค์ กรุงเทพมหานคร และช่วยบุตรีคือ คุณไฉไลเปิดโรงเรียนสตรีจุลนาค และได้ช่วยสอนโดยวิธีใหม่ที่ท่านพยายามเผยแพร่ด้วย ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนบทความ หนังสือและบทประพันธ์ต่าง ๆ รวมทั้งบทเพลงดังที่กล่าวมาแล้ว บ้านพักของท่านที่ถนนนครสวรรค์สร้างขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับพระที่นั่งอนันตสมาคม แม้จะมีขนาดเล็กและเรียบง่ายแต่ก็มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจวายเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ที่บ้านพัก ณ ถนนนครสวรรค์ จังหวัดพระนคร[ต้องการอ้างอิง]
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเขียนไว้ใน สาส์นสมเด็จ ว่า สาเหตุที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีหัวใจวาย คือ กิน "ยาฝรั่ง" มากเกินไป[4]
ธรรมเนียมยศของ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี | |
---|---|
การเรียน | ใต้เท้ากรุณา |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/ดิฉัน |
การขานรับ | ขอรับกระผม/เจ้าค่ะ |
ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.