Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาลีซง รังเซส แบเกร์ (โปรตุเกส: Alisson Ramsés Becker; เกิด 2 ตุลาคม ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก[4] ด้วยสถิติการเก็บคลีนชีต การจ่ายบอล การแอสซิสต์ การเข้าสกัดบอล การพุ่งตัวเข้าหาบอล และยังเป็นผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลที่สามารถทำประตูได้
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | อาลีซง รังเซส แบเกร์[1] | |||||||||||||||||||
วันเกิด | [2] | 2 ตุลาคม ค.ศ. 1992|||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | โนวูอัมบูร์กู ประเทศบราซิล | |||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.93 เมตร (6 ฟุต 4 นิ้ว)[3] | |||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | ผู้รักษาประตู | |||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | |||||||||||||||||||
หมายเลข | 1 | |||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||||||
2002–2013 | อิงเตร์นาซีโยนัล | |||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||||||
2013–2016 | อิงเตร์นาซีโยนัล | 80 | (0) | |||||||||||||||||
2016–2018 | โรมา | 37 | (0) | |||||||||||||||||
2018– | ลิเวอร์พูล | 201 | (1) | |||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||||||
2009 | บราซิล อายุไม่เกิน 17 ปี | 3 | (0) | |||||||||||||||||
2013 | บราซิล อายุไม่เกิน 21 ปี | 5 | (0) | |||||||||||||||||
2015– | บราซิล | 69 | (0) | |||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 18:10, 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 03:43, 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 (UTC) |
อาลีซงเริ่มอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสรอิงเตร์นาซียอนัล เขาลงเล่นเกินกว่า 100 นัด และเป็นผู้ชนะเลิศกังเปโอนาตูกาอูชู (การแข่งขันระหว่างสโมสรในรัฐฮิวกรังจีดูซูว) ในทุกฤดูกาลที่เขาอยู่กับสโมสร ใน ค.ศ. 2016 เขาย้ายไปยังสโมสรโรมาด้วยค่าตัว 7.5 ล้านยูโร ในช่วงแรกเขาเป็นผู้เล่นสำรองให้กับวอยแชค ชแชนส์นือ เป็นส่วนใหญ่[5] และได้เป็นผู้รักษาประตูหลักหลังจากชแชนส์นือย้ายออกไป ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018 อาลีซงเซ็นสัญญาเล่นให้กับสโมสรลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 66.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติโลกสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู[6]
อาลีซงเคยเป็นผู้เล่นทีมชาติบราซิลในระดับเยาวชนหลายระดับ ก่อนจะเปิดตัวในฐานะผู้เล่นทีมชาติชุดใหญ่เมื่อ ค.ศ. 2015 หลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนประเทศในการแข่งขันโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ เมื่อ ค.ศ. 2016
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ลิเวอร์พูลประกาศคว้าตัวอาลีซงจากโรมา ด้วยค่าตัว 66.8 ล้านปอนด์ ซึ่งกลายเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในตำแหน่งผู้รักษาประตูสวมเบอร์13[7] ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 อาลีซงได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล นัดแรกเป็นทางการในนัดที่ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-0[8] ต่อมา อาลีซงก็ช่วยให้ลิเวอร์พูลไม่เสียประตูอีก 2 นัดกับคริสตัลพาเลซและไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ทำให้อาลีซงเป็นผู้รักษาประตูคนที่ 4 ของลิเวอร์พูลที่สร้างสถิติเก็บคลีนชีตไว้ได้ ต่อมา ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2018 อาลีซงก็เสียประตูพรีเมียร์ลีกจากความผิดพลาดของเขาเอง ในนัดที่ลิเวอร์พูลชนะเลสเตอร์ซิตีที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 2-1[9] จบฤดูกาล อาลีซงเก็บคลีนชีตส์ในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 21 นัด ทำให้ อาลีซงคว้ารางวัลถุงมือทองคำของพรีเมียร์ลีกไปครอง
ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน อาลีซงเก็บคลีนชีตส์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[10]
อาลีซงจะสวมเสื้อหมายเลข 1 สำหรับฤดูกาล 2019-20 หลังจากใช้หมายเลข 13 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2019–20 อาลีซงลงเล่นแค่ 38 นาทีเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ โดยอาเดรียน ผู้รักษาประตูมือสองลงมาเฝ้าเสาแทนในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ นอริชซิตี 4-1[11] และอาลีซงจะต้องได้รับการสแกนเพื่อตรวจต่อไป[12]
ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2019 อาลีซงหายเจ็บกลับมาลงสนามอีกครั้ง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด 1-1[13] ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 อาลีซงโดนใบแดงไล่ออกจากสนามเป็นครั้งแรกในฟุตบอลอาชีพ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-1 ทำให้ อาลีซง โดนแบน 1 นัด[14] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ อาลีซงเก็บคลีนชีตส์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[15] ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2020 อาลีซงเปิดบอลให้ มุฮัมมัด เศาะลาห์ ทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[16] จบฤดูกาล อาลีซงช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[17]
ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 อาลีซงเซฟลูกจุดโทษครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[18]
ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เขาสามารถทำประตูได้ในนัดที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1 โดยเขาขึ้นมาทำประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ทำให้เขาเป็นผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลคนแรกที่สามารถทำประตูได้ และเป็นผู้รักษาประตูคนแรกที่ทำประตูด้วยลูกโหม่ง[19]
ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2021 อาลีซงตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลถึงปี 2027[20] วันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 อาลีซงทำเข้าประตูตัวเองในนัดแรก ในนัดที่ลิเวอร์พูลแพ้เวสต์แฮม ที่ลอนดอนสเตเดียม 3-2
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[22] จบฤดูกาล อาลีซงเก็บคลีนชีตส์ในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 20 นัด ทำให้ อาลีซงคว้ารางวัลถุงมือทองคำของพรีเมียร์ลีกสมัยที่ 2 ไปครอง[23]
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัวอาลีซงติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยบราซิลได้อยู่กลุ่มอีร่วมกับสวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และเซอร์เบีย อาลีซงได้ลงสนามเป็นตัวจริงในฐานะมือ 1 สุดท้าย บราซิลผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมาในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิลพ่ายแพ้เบลเยียม 1-2 ทำให้บราซิลต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลกที่รัสเซียเพียงเท่านี้
มูริเอล พี่ชายของอาลีซง ก็เป็นผู้เฝ้าประตูและพัฒนาตนเองที่อิงเตร์นาซีโยนัล[24] ครอบครัวฝั่งพ่อของอาลีซงมีเชื้อสายเยอรมัน โดยพ่อและย่าพูดภาษาเยอรมันได้คล่อง และตอนที่เล่นให้กับโรมา อาลีซงได้รับชื่อเล่นว่า "คนเยอรมัน"[25][26] เขายังถือหนังสือเดินทางเยอรมนี[27] นอกจากพูดภาษาโปรตุเกสที่เป็นภาษาแม่ได้แล้ว เขายังพูดภาษาอิตาลี[28] สเปน และอังกฤษได้ด้วย[29] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2019 เขาได้รับเลือกเป็นทูตสันถวไมตรีโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)[30]
ใน ค.ศ. 2015 อาลีซงแต่งงานกับ Natália Loewe หมอจากบราซิล ทั้งคู่มีลูกสาวชื่อ Helena (เกิดวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2017) และลูกชายชื่อ Matteo (เกิดวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2019)[31][32] ลูกชายคนที่สองเกิดในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[33] เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 José Agostinho พ่อของอาลีซง จมน้ำในทะเลสาบใกล้บ้านพักวันหยุดที่ Lavras do Sul เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเชื่อว่าไม่มีผู้ทำผิดกฎหมายในเหตุการณ์นี้[34]
อาลีซงเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์แบบเพนเทคอสต์แบบเคร่งครัด[35]
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ลีกรัฐ[lower-alpha 1] | ฟุตบอลถ้วย | ลีกคัพ | ทวีป | อื่นๆ[lower-alpha 2] | รวม | ||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
อิงเตร์นาซีโยนัล | 2013[36] | แซรียีอา | 6 | 0 | 1 | 0 | 2[lower-alpha 3] | 0 | — | — | — | 9 | 0 | |||
2014[36] | แซรียีอา | 11 | 0 | 3 | 0 | 0 | 0 | — | — | 14 | 0 | 28 | 0 | |||
2015[36] | แซรียีอา | 26 | 0 | 15 | 0 | 4[lower-alpha 3] | 0 | — | 12[lower-alpha 4] | 0 | — | 57 | 0 | |||
2016[36] | แซรียีอา | 1 | 0 | 17 | 0 | 0 | 0 | — | — | 3 | 0 | 21 | 0 | |||
รวม | 44 | 0 | 36 | 0 | 6 | 0 | — | 12 | 0 | 17 | 0 | 115 | 0 | |||
โรมา | 2016–17[36] | เซเรียอา | 0 | 0 | — | 4[lower-alpha 5] | 0 | — | 11[lower-alpha 6] | 0 | — | 15 | 0 | |||
2017–18[36] | เซเรียอา | 37 | 0 | — | 0 | 0 | — | 12[lower-alpha 7] | 0 | — | 49 | 0 | ||||
รวม | 37 | 0 | — | 4 | 0 | — | 23 | 0 | — | 64 | 0 | |||||
ลิเวอร์พูล | 2018–19[37] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 13[lower-alpha 7] | 0 | — | 51 | 0 | ||
2019–20[38] | พรีเมียร์ลีก | 29 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | 5[lower-alpha 7] | 0 | 3[lower-alpha 8] | 0 | 37 | 0 | ||
2020–21[39] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 1 | — | 1 | 0 | 0 | 0 | 7[lower-alpha 7] | 0 | 1[lower-alpha 9] | 0 | 42 | 1 | ||
2021–22[40] | พรีเมียร์ลีก | 36 | 0 | — | 4 | 0 | 1 | 0 | 13[lower-alpha 7] | 0 | — | 54 | 0 | |||
2022–23[41] | พรีเมียร์ลีก | 37 | 0 | — | 2 | 0 | 0 | 0 | 8[lower-alpha 7] | 0 | 0 | 0 | 47 | 0 | ||
2023–24[42] | พรีเมียร์ลีก | 28 | 0 | — | 2 | 0 | 0 | 0 | 2[lower-alpha 10] | 0 | — | 32 | 0 | |||
รวม | 201 | 1 | — | 9 | 0 | 1 | 0 | 48 | 0 | 4 | 0 | 263 | 1 | |||
รวมทั้งหมด | 282 | 1 | 37 | 0 | 19 | 0 | 1 | 0 | 83 | 0 | 7 | 0 | 428 | 1 |
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
บราซิล | 2015 | 3 | 0 |
2016 | 12 | 0 | |
2017 | 7 | 0 | |
2018 | 12 | 0 | |
2019 | 10 | 0 | |
2021 | 7 | 0 | |
2022 | 10 | 0 | |
2023 | 2 | 0 | |
2024 | 6 | 0 | |
รวม | 69 | 0 |
อิงเตร์นาซียอนัล
ลิเวอร์พูล
บราซิล อายุไม่เกิน 23 ปี
บราซิล
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.