จอมพล ประภาส จารุเสถียร (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 – 18 สิงหาคม พ.ศ. 2540) นามเดิม ตุ๊ จารุเสถียร เป็นนายทหารและนักการเมืองชาวไทย ดำรงตำแหน่งจอมพลแห่งกองทัพบกไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และจอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตกรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
ประภาส จารุเสถียร | |
---|---|
รองนายกรัฐมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 1 มกราคม พ.ศ. 2501 – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 | |
นายกรัฐมนตรี | ถนอม กิตติขจร |
ก่อนหน้า | ประยูร ยุทธศาสตร์โกศล ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี |
ถัดไป | ถนอม กิตติขจร พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ |
ดำรงตำแหน่ง 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | |
นายกรัฐมนตรี | ถนอม กิตติขจร |
ก่อนหน้า | ถนอม กิตติขจร พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ |
ถัดไป | สุกิจ นิมมานเหมินทร์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | |
ดำรงตำแหน่ง 23 กันยายน พ.ศ. 2500 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | |
นายกรัฐมนตรี | พจน์ สารสิน ถนอม กิตติขจร สฤษดิ์ ธนะรัชต์ |
ก่อนหน้า | เผ่า ศรียานนท์ |
ถัดไป | กมล วรรณประภา |
ผู้บัญชาการทหารบก | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2507 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | |
ก่อนหน้า | ถนอม กิตติขจร |
ถัดไป | กฤษณ์ สีวะรา |
รักษาราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจ | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515 – 16 ตุลาคม พ.ศ. 2516 | |
ก่อนหน้า | ประเสริฐ รุจิรวงศ์ |
ถัดไป | ประจวบ สุนทรางกูร |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 จังหวัดอุดรธานี ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 18 สิงหาคม พ.ศ. 2540 (84 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
ศาสนา | เถรวาท |
พรรคการเมือง | เสรีมนังคศิลา (2498–2500) ชาติสังคม (2500–2501) สหประชาไทย (2511–2514) |
คู่สมรส | ไสว ปานประสิทธิ์ |
บุตร | 6 คน; รวมถึง สุภาพร กิตติขจร |
บุพการี |
|
ลายมือชื่อ | |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | 2476–2516 |
ยศ | จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ พลตำรวจเอก |
บังคับบัญชา | กองทัพบก และกรมตำรวจ |
ชีวิตส่วนตัวและการศึกษา
จอมพล ประภาสจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและรับราชการเป็นทหารบก เหล่าทหารราบ เขาได้รับการสนับสนุนจากจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เขาได้เลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2500 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้แต่งตั้งเขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเขายังดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปหลังจากการถึงแก่อสัญกรรมของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี พ.ศ. 2506 นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ จอมพล ถนอม กิตติขจร ซึ่งลูกชายของเขาแต่งงานกับลูกสาวของจอมพล ประภาส จากปี พ.ศ. 2506 ถึง 2516 เขาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบกควบคู่กันไป เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องธุรกรรมทางการเงินที่ซับซ้อนและการวางกลยุทธ์ทางการเมืองที่แยบยล[1]
การรับราชการ
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2476 : ได้รับพระราชทานยศเป็น "ร้อยตรี"[2]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2478 : เลื่อนยศเป็น "ร้อยโท"[3]
- 27 ตุลาคม พ.ศ. 2479 : โอนเป็นตำรวจปรับยศเป็น "ร้อยตำรวจเอก"[4]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2480 : โอนกลับเป็นทหารปรับยศเป็น "ร้อยเอก"[5]
- 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 : รับพระราชทานยศ "พันโท"[6]
- 1 มกราคม พ.ศ. 2491 : รับพระราชทานยศเป็น "พันเอก"[7]
- 1 มกราคม พ.ศ. 2500 : ได้รับพระราชทานยศเป็น"พลโท"[8]
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2500 : เป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1[9]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2502 : ได้รับพระราชทานเป็น "พลเอก"[10]
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2507 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก[11]
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2515 : รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจอีกตำแหน่งหนึ่ง[12] และพระราชทานยศให้เป็นพลตำรวจเอก[13]
- 1 มิถุนายน พ.ศ. 2516 : ได้รับพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ[14]
ตำแหน่งและหน้าที่ราชการพิเศษ
- โปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชองครักษ์เวร และเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
- เป็นสมาชิกสภาผู้แทนประเภท 2
- พ.ศ. 2499 : เข้ารับการศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร กรมเสนาธิการกลาโหม ชุดที่ 1
- 31 มีนาคม พ.ศ. 2500 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย[15]
- 23 กันยายน พ.ศ. 2500 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในคณะรัฐบาลที่พจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
- 1 มกราคม พ.ศ. 2501 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในคณะรัฐบาลที่มีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี
- 7 กันยายน พ.ศ. 2504 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[16]
- 11 ธันวาคม พ.ศ. 2506 : โปรดเกล้าฯ ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในคณะรัฐบาลที่มีจอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี[17]
- 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 : โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลทหารสูงสุด[18]
- 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 : พ้นตำแหน่งและสิ้นสุดสภาพรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- 27 ธันวาคม พ.ศ. 2515 : โปรดเกล้าฯให้เป็น นายตำรวจราชสำนักพิเศษ[19]
- 10 ตุลาคม พ.ศ. 2516 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 : ผู้อำนวยการศูนย์ปราบจลาจลที่กองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ สวนรื่นฤดี[20]
บทบาททางการเมือง
ประภาสมีบทบาทอย่างมากในการเมืองในแต่ละยุค แต่ละสมัย ในฐานะของนายทหาร ตั้งแต่ยังเป็นนายทหารยศ "ร้อยโท" ในเหตุการณ์กบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 เป็นผู้ใช้ปืนยิงพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) เสนาธิการของฝ่ายกบฏ ถึงแก่ชีวิต พระยาศรีสิทธิสงครามนั้นตั้งใจเดินมาเพื่อขอเจรจาด้วย ณ สถานีรถไฟหินลับ จังหวัดสระบุรี ประภาสยังเข้าร่วมในรัฐประหาร พ.ศ. 2490 และปราบกบฏวังหลวง พ.ศ. 2492 เคียงข้างจอมพล ถนอม กิตติขจร มาตลอด[21] [22]
ตั้งแต่ยังมีสถานะเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกชั้นปีที่ 4 ในคราวเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ประภาสก็เป็นหนึ่งในคณะนักเรียนนายร้อยทหารบกจำนวน 111 นายที่บุกวังบางขุนพรหมร่วมกับคณะนายทหารและพลเรือนบางส่วนของคณะราษฎร เพื่อควบคุมสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเข้าควบคุมกระทรวงพระคลังมหาสมบัติอีกด้วย[23]
ภายหลังการอสัญกรรมของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใน พ.ศ. 2506 แล้ว จอมพล ถนอม กิตติขจร จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อ บทบาทของประภาสเปรียบเสมือนมือขวาคนสำคัญของถนอม โดยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แม้ถนอมพูดน้อย มีภาพลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ซึ่งทำให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนในระยะแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนได้รับฉายาว่า "นายกฯ คนซื่อ" แต่ประภาสกลับไม่ได้รับความไว้วางใจเฉกเช่นถนอม เนื่องจากปัญหาการทุจริตและการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่มิชอบหลายประการ ประภาสเป็นเสมือนปากกระบอกเสียงให้แก่ ถนอม เพราะ "พูดเก่ง มีลีลาแพรวพราว และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทั้งคู่ก็แน่บแน่น" เพราะพันเอก ณรงค์ กิตติขจร บุตรชายของถนอม สมรสกับบุตรสาวของประภาส
ในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา มีข้อมูลระบุว่า หลังจากเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแล้ว ถนอมต้องการลาออก แต่ทั้งประภาสและณรงค์ไม่ยินยอม และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ถนอมเปลี่ยนความคิด แต่ท้ายที่สุดถนอมก็ลาออก และทั้ง 3 ก็เดินทางออกนอกประเทศทันที ประภาสไปอยู่ที่ไทเป ประเทศไต้หวัน พร้อมกับณรงค์ บุตรเขย จากนั้น ถนอมหวนกลับคืนมาสู่ประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2519 แต่ถูกต่อต้านอย่างหนัก จึงเดินทางกลับ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา ไม่นาน[24]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2507 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[25]
- พ.ศ. 2516 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)[26]
- พ.ศ. 2502 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[27]
- พ.ศ. 2500 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[28]
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[29]
- พ.ศ. 2477 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มกล้าหาญ (ร.ด.ม.(ห))[30]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)[31]
- พ.ศ. 2505 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)[32]
- พ.ศ. 2512 – เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[33]
- พ.ศ. 2477 – เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)[34]
- พ.ศ. 2501 – เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[35]
- พ.ศ. 2488 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[36]
- พ.ศ. 2493 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 3 (อ.ป.ร.3)[37]
- พ.ศ. 2502 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2 (ภ.ป.ร.2)[38]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2493 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2475 – เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- พม่า :
- พ.ศ. 2499 - เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งสหภาพพม่า ชั้นมหาสเรสิตู (ฝ่ายทหาร)[39]
- สเปน :
- พ.ศ. 2500 - เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณทหารแห่งสเปน ชั้นอัศวินมหากางเขน[40]
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2504 - เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้นที่ 1[41]
- ไต้หวัน :
- พ.ศ. 2505 - เครื่องอิสริยาภรณ์ยุนฮุย ชั้นพิเศษ[42]
- เนเธอร์แลนด์ :
- พ.ศ. 2505 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซา ชั้นนายทัพ
- เยอรมนีตะวันตก :
- พ.ศ. 2506 - เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นประถมาภรณ์[43]
- กรีซ :
- พ.ศ. 2506 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จอร์จที่ 1 ชั้นที่ 1[44]
- สหรัฐ :
- พ.ศ. 2507 - ลีเจียนออฟเมอริต ชั้นผู้บังคับบัญชา[45][46]
- มาเลเซีย :
- ออสเตรีย :
- พ.ศ. 2507 - เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาอิสริยาภรณ์ทอง[49]
- เบลเยียม :
- พ.ศ. 2507 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลออปอล ชั้นที่ 1[50]
- เกาหลีใต้ :
- ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2509 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1[51]
- นอร์เวย์ :
- พ.ศ. 2510 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ ชั้นประถมาภรณ์[53]
- สวีเดน :
- พ.ศ. 2510 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาบ ชั้นที่ 1[53]
- ลาว :
- พ.ศ. 2510 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ล้านช้างร่มขาว ชั้นประถมาภรณ์[53]
- ฟิลิปปินส์ :
- พ.ศ. 2511 - เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นประถมาภรณ์[54]
- เอธิโอเปีย :
- พ.ศ. 2511 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์เมเนลิกที่ 2 ชั้นประถมาภรณ์[55]
ลำดับสาแหรก
พงศาวลีของประภาส จารุเสถียร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
Wikiwand in your browser!
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.