จังหวัดนครพนม
จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นครพนม เป็นจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 นับเป็นเมืองชายแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทิวทัศน์ และมีความหลากหลายของวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ รวมทั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง พื้นที่ด้านเหนือและตะวันออกของจังหวัดติดกับแม่น้ำโขงโดยตลอด
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
จังหวัดนครพนม | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Nakhon Phanom |
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง:
| |
คำขวัญ: พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง | |
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดนครพนมเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | ว่าง (ตั้งแต่ พ.ศ. 2567) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 5,502.670 ตร.กม. (2,124.593 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 38 |
ประชากร (พ.ศ. 2566)[2] | |
• ทั้งหมด | 714,284 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 35 |
• ความหนาแน่น | 129.80 คน/ตร.กม. (336.2 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 36 |
รหัส ISO 3166 | TH-48 |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | กันเกรา |
• ดอกไม้ | กันเกรา |
• สัตว์น้ำ | ปลาเผาะ |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ถนนอภิบาลบัญชา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม 48000 |
• โทรศัพท์ | 0 4251 1287, 0 4251 1574, 0 4251 4262 |
• โทรสาร | 0 4251 1287, 0 4251 1574, 0 4251 4262 |
เว็บไซต์ | www |
สภาพโดยทั่วไปของจังหวัดนครพนมเป็นที่ราบลุ่ม มีที่ราบสูงและภูเขาอยู่บ้าง มีแม่น้ำสายสั้น ๆ เป็นสาขาย่อยแยกจากแม่น้ำโขงมาหล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่ พื้นที่ส่วนใหญ่มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน นครพนมจึงนับว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์มาก ด้านตะวันออกมีแม่น้ำโขงทอดยาวกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับลาว
จังหวัดนครพนมมีจุดผ่านแดนไปประเทศลาว รวม 6 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และจุดผ่อนปรน 4 จุด จุดผ่านแดนที่สำคัญและเป็นสากล คือ ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ซึ่งเป็นประตูไปสู่อินโดจีน
นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วนของประเทศลาว นครพนมเป็นจังหวัดที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ ซึ่งเป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สมณโคดม) และนับเป็นพระบรมธาตุคู่เมืองนครพนม เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยและชาวลาวทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงมาตั้งแต่บรรพกาลนานหลายพันปี พระธาตุพนมประดิษฐานอยู่ที่อำเภอธาตุพนม อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนม 52 กิโลเมตร จังหวัดนครพนมมีพื้นที่ประมาณ 5,502.670 ตารางกิโลเมตร ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 740 กิโลเมตร นอกจากนี้ ในตัวเมืองนครพนมยังมีพระธาตุนครประดิษฐานเป็นพระธาตุกลางเมืองด้วย พระธาตุนครนี้เดิมเป็นวัดที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองนครพนมในอดีต
นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล ในฐานะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูร (สมัยปัจจุบันมักสะกดผิดเป็น ศรีโคตรบูรณ์ ซึ่งบูรคำนี้มาจากศัพท์โบราณเป็นคำเดียวกับคำว่า ปุระ หรือบุรี ที่แปลว่าเมืองในภาษาถิ่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตรงกับคำว่าเบิร์กหรือโบโรห์ในภาษาฝรั่งตะวันตก ไม่ใช่คำว่า บูรณ์ หรือ บูรณ ที่เป็นคนละความหมาย) แต่เดิมนครพนมมีชื่อเต็มในจารึกสถาปนาวัดโอกาสศรีบัวบานว่า เมืองนครบุรีราชธานีศรีโคตรบูรหลวง เคยเป็นราชธานีที่มีกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครปกครองมาก่อนหลายสมัย เอกสารของล้านช้างส่วนใหญ่ออกนามว่าเมืองลครหรือเมืองนคร เดิมทีนั้นมีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงหรือเมืองเก่าท่าแขกบริเวณหมู่บ้านสีโคดรอบๆ วัดพระธาตุศรีโคตรบูร หรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่าพระธาตุศรีโคตรบอง ต่อมาปั 2321 ตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาที่เมืองเก่าหนองจันทน์ปัจจุบันยังเรียกบริเวณนี้ว่าบ้านเมืองเก่า จากนั้นย้ายขึ้นไปทางตอนเหนือที่บ้านโพธิ์คำ คือตัวเมืองนครพนมในปัจจุบันแต่เดิมเรียกว่าเมืองมรุกขนคร ซึ่งเป็นการกลับไปใช่ชื่อเก่าสมัยครั้งยังรุ่งเรืองมีราว พ.ศ. 500 เอกสารล้านช้างบ้างครั้งเรียก รุกขนคร หรือรุกขานคร เคยมีหัวเมืองในปกครองอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของจังหวัดนครพนม, มุกดาหาร, แขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต ส่วนใหญ่ของจังหวัดบึงกาฬ และบางอำเภอของจังหวัดสกลนครกับแขวงบอลิคำไซ ก่อนจะขึ้นตรงต่อไปยังเวียงจันทน์ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตีเมืองนครเวียงจันทน์ได้แล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2329-2333 เจ้าเมืองนครพนมหรือเมืองศรีโคตรบองได้ทูลเกล้าถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่สยามในฐานะนครประเทศราช ชื่อของดินแดนนี้จึงได้รับพระราชทานนามเป็น "นครพนม" สันนิษฐานว่านามนี้มาจากนครพนมเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมายทางฝั่งซ้ายซึ่งเดิมเคยเป็นพื้นที่หัวเมืองหรืออำเภอที่ขึ้นต่อนครพนม และเชื่อว่าการมีชื่อ "นคร" นำหน้านี้ทำให้เมืองอยู่ในระดับฐานะเมืองลูกหลวง หลังเสร็จสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลดฐานะเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองชั้นเอก ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถานจำนวนมาก และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนหลายครั้งจากการจัดระเบียบหัวเมือง ยกหัวเมืองใหญ่บางเมืองที่เคยให้ขึ้นต่อนครพนมไปขึ้นต่อมณฑลอุดรโดยตรงเช่นเมืองมุกดาหาร เมืองหนองสูงเป็นต้น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2436 ข้าหลวงฝรั่งเศสและกองทัพ ได้แบ่งเอาพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงไปทั้งหมดและภายหลังได้ผนวกรวมกับประเทศสหภาพอินโดจีนแห่งฝรั่งเศส (Union indochinoise) ได้แก่พื้นที่ปัจจุบันในแขวงคำม่วน, แขวงสุวรรณเขต และเมืองปากกระดิง เมืองคำเกิดที่ย้ายจากสังกัดแขวงคำม่วนไปขึ้นกับแขวงบอลิคำไซ(รวมทั้งเมืองเวียงทองและไซจำพอนที่แยกออกมาภายหลัง) ทำให้จังหวัดนครพนมเหลือเพียงพื้นที่ฝั่งขวา ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปและออก พ.ร.บ.การปกครองรูปแบบใหม่ ยกระดับหัวเมืองต่างๆ ขึ้นเป็นอำเภอและขึ้นต่อจังหวัดนครพนม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2437 จนถึงปี พ.ศ. 2450 จังหวัดนครพนมประกอบไปด้วยอำเภอดั้งเดิมดังนี้
ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2459 มีประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง โอนอำเภอไชยบุรีไปขึ้นจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ 22 มีนาคม 2459 มีความว่าทรงทราบฝ่าละอองธุรีพระบาทว่าอำเภอไชยบุรี ซึ่งเป็นอำเภอขึ้นจังหวัดนครพนมเวลานี้ ( พ.ศ. 2459) มีท้องที่และระยะทางห่างไกลจากจังหวัดนครพนมมาก เป็นการลำบากแก่ราษฎรที่อยู่ในแขวงอำเภอไชยบุรี ผู้มีกิจสุขทุกข์จะมายังจังหวัดนครพนมและทั้งไม่เหมาะแก่การปกครอง จึงทรงพระราชดำริว่าสมควรจะโอนอำเภอไชยบุรี มาขึ้นจังหวัดหนองคาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้โอนอำเภอไชยบุรีมาขึ้นจังหวัดหนองคาย ตั้งแต่บัดนี้ (พ.ศ. 2459) เป็นต้นไป (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 33 หน้า 320 – 321 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2459 ) โดยย้าย ต.บ้านแพงซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของที่ว่าการอำเภอไชยบุรีกลับไปขึ้นกับ อ.ท่าอุเทนและได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น อ.บ้านแพงในภายหลัง ส่วนอ.บึงกาฬก็ได้รับการจัดตั้งเป็น จ.บึงกาฬในปัจจุบัน
อำเภอใหญ่ต่างๆ แตกออกเป็นหลายอำเภอได้แก่ อำเภอท่าอุเทน แตกเป็นอ.อากาศอำนวยซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอ.ศรีสงคราม และแยกบ้านอากาศและพื้นที่บางส่วนไปขึ้นกับ อ.วานรนิวาสจนได้รับการยกฐานะกลับมาเป็น อ.อากาศอำนวยภายหลัง มีการจัดตั้งอ.นาหว้า อ.บ้านแพง อ.นาทม และ อ.โพนสวรรค์แยกออกมาอีกภายหลัง ที่อำเภอเมืองนครพนม ภายหลังแยก อ.ปลาปาก และคืนพื้นที่บางตำบลกลับไปรวมกับอีกหลายตำบลในจ.สกลนคร จัดตั้งเป็น อ.กุสุมาลย์ อำเภอเรณูนครภายหลังถูกยุบแล้วย้ายที่ว่าการไปตั้งที่ใหม่ใกล้วัดพระธาตุพนมจัดตั้งขึ้นเป็นอำเภอธาตุพนม จนผ่านไปหลายสิบปีจึงแยกตัวกลับมาเป็น อ.เรณูนคร ออกมาจาก อ.ธาตุพนม ทางด้านอำเภอหนองสูงถูกย้ายที่ทำการไปที่ใหม่และยุบอำเภอเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอนาแก แบ่งบางตำบลรวมถึงต.หนองสูงเดิมไปขึ้นกับ อ.มุกดาหาร ภายหลังการจัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร
ในปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. 2525 แยกอำเภอ มุกดาหารเป็นจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525 โดยมีอำเภอมุกดาหาร อำเภอดอนตาล และอำเภอต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอมุกดาหารได้แก่ อำเภอคำชะอี อำเภอหนองสูง อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอนิคมคำสร้อย รวมทั้งได้แยก ตำบลดงหลวง ออกจาก อำเภอนาแกไปรวมกับมุกดาหาร เป็นอำเภอดงหลวง
ในปี พ.ศ. 2561 มีการจัดงานเฉลิมฉลอง 232 ปี เมืองนครพนม ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ เพื่อฉลองครบรอบการจัดตั้งจังหวัดนครพนมในฐานะเมืองหนึ่งของสยาม ที่กลายเป็นประเทศไทยอย่างเต็มตัวเมื่อ 232 ปีก่อนหลังการเปลี่ยนผ่านจากเมืองมรุกขนครที่เป็นส่วนหนึ่งภายใต้อิทธิพลการปกครองของล้านช้างเวียงจันทน์ มาขึ้นเป็นนครประเทศราชต่อสยามและได้รับโปรดเกล้ารับรองและพระราชทานนาม นครพนม
ปัจจุบัน นครพนม เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมอิสานและชาวภูไท ภูมิประเทศที่มีความงดงาม การเดินทางสะดวก
การปกครองแบ่งออกเป็น 12 อำเภอ 99 ตำบล 1,130 หมู่บ้าน
เลข | ชื่ออำเภอ | จำนวนตำบล | พื้นที่ (ตร.กม.) |
---|---|---|---|
1 | อำเภอเมืองนครพนม | 15 | 853.206 |
2 | อำเภอปลาปาก | 8 | 547.096 |
3 | อำเภอท่าอุเทน | 9 | 467.983 |
4 | อำเภอบ้านแพง | 6 | 287.731 |
5 | อำเภอธาตุพนม | 12 | 367.884 |
6 | อำเภอเรณูนคร | 8 | 253.952 |
7 | อำเภอนาแก | 12 | 523.156 |
8 | อำเภอศรีสงคราม | 9 | 671.317 |
9 | อำเภอนาหว้า | 6 | 288.448 |
10 | อำเภอโพนสวรรค์ | 7 | 718.835 |
11 | อำเภอนาทม | 3 | 398.129 |
12 | อำเภอวังยาง | 4 | 137.931 |
รวม | 99 | 5,502.670 |
แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด 81 องค์การบริหารส่วนตำบล 1 เทศบาลเมือง 21 เทศบาลตำบล
อำเภอเมืองนครพนม
อำเภอปลาปาก
อำเภอท่าอุเทน
อำเภอบ้านแพง
|
อำเภอธาตุพนม
อำเภอเรณูนคร
อำเภอนาแก
|
อำเภอศรีสงคราม
อำเภอนาหว้า
อำเภอโพนสวรรค์
|
รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลำดับ | รายชื่อ | ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง | |||||||
1 | พระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรพ) | พ.ศ. 2453-2468 | |||||||
2 | พระยาสมุทรศักดารักษ์ (เจิม วิเศษรัตน์) | พ.ศ. 2468-2472 | |||||||
3 | พระพนมนครานุรักษ์ (ฮกไถ่ พิศาลบุตร) | พ.ศ. 2472-2477 | |||||||
4 | พระประสงค์เกษมราษฎร์ (ชุ่ม สุวรรณคุปต์) | พ.ศ. 2477-2483 | |||||||
5 | พันตรี ขุนทะยานราญรอน (วัชระ วัชรบูล) | พ.ศ. 2483-2484 | |||||||
6 | นายสุข ฉายาชวลิต | พ.ศ. 2484-2485 | |||||||
7 | หลวงปริวรรตวรจิตร (จันทร์ เจริญชัย) | พ.ศ. 2485-2486 | |||||||
8 | นายถวิล สุนทรศารทูล | พ.ศ. 2486-2490 | |||||||
9 | นายพรหม สูตรสุคนธ์ | พ.ศ. 2490-2490 | |||||||
10 | ขุนคำณวนวิจิตร (เชย บุนนาค) | พ.ศ. 2490-2495 | |||||||
11 | นายชำนาญ ยุวบูรณ์ | พ.ศ. 2495-2495 | |||||||
12 | นายพินิจ โพธิ์พันธ์ | พ.ศ. 2495-2496 | |||||||
13 | นายฉลอง รมิตานนท์ | พ.ศ. 2496-2500 | |||||||
14 | นายสวัสดิ์วงศ์ ปฏิทัศน์ | พ.ศ. 2500-2501 | |||||||
15 | นายสง่า จันทรสาขา | พ.ศ. 2501-2508 | |||||||
16 | นายสวัสดิ มีเพียร | พ.ศ. 2508-2510 | |||||||
17 | นายจรัส สิทธิพงษ์ | พ.ศ. 2510-2513 | |||||||
18 | พลตรี ยง ณ นคร | พ.ศ. 2513-2514 | |||||||
19 | นายสุนันท์ ขันอาสา | พ.ศ. 2515-2516 | |||||||
20 | นายวิเชียร เวชสวรรค์ | พ.ศ. 2516-2517 | |||||||
21 | นายพิศาล มูลศาสตรสาทร | พ.ศ. 2518-2520 | |||||||
22 | นายสมพร กลิ่นพงษา | พ.ศ. 2520-2527 | |||||||
23 | นายสมพร ธนสถิต | พ.ศ. 2523-2524 | |||||||
24 | นายวิโรจน์ อำมรัตน์ | พ.ศ. 2524 - 30 กันยายน 2527 | |||||||
25 | นายอุทัย นาคปรีชา | 1 ตุลาคม 2527 - 30 กันยายน 2531 | |||||||
26 | นายมังกร กองสุวรรณ | 1 ตุลาคม 2531 - 30 กันยายน 2533 | |||||||
27 | พันตรีปรีดา นิสสัยเจริญ | 1 ตุลาคม 2533 - 30 กันยายน 2536 | |||||||
28 | นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ | 5 ตุลาคม 2536 - 30 กันยายน 2537 | |||||||
29 | นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช | 2 ตุลาคม 2537 - 19 กันยายน 2540 | |||||||
30 | นายนาวิน ขันธหิรัญ | 20 ตุลาคม 2540 - 19 กันยายน 2541 | |||||||
31 | นายศักดิ์ เกียรติก้อง | 1 ตุลาคม 2540 - 30 กันยายน 2543 | |||||||
32 | นายธงชัย อนันตกูล | 1 ตุลาคม 2543 - 30 กันยายน 2544 | |||||||
33 | นายวิทย์ ลิมานนท์วราไชย | 1 ตุลาคม 2544 - 30 กันยายน 2546 | |||||||
34 | นายนิคม เกิดขันหมาก | 1 ตุลาคม 2546 - 30 กันยายน 2549 | |||||||
35 | นายบุญสนอง บุญมี | 13 พฤศจิกายน 2549 - 15 มีนาคม 2552 | |||||||
36 | นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ | 16 มีนาคม 2552 - 30 กันยายน 2553 | |||||||
37 | นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี | 1 ตุลาคม 2553 - 25 พฤศจิกายน 2554 | |||||||
38 | นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย | 29 ธันวาคม 2554 - 30 กันยายน 2556 | |||||||
39 | นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ | 1 ตุลาคม 2556 - 30 กันยายน 2558 | |||||||
40 | นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ | 1 ตุลาคม 2558 - 30 กันยายน 2561 | |||||||
41 | นายสยาม ศิริมงคล | 1 ตุลาคม 2561 - 30 กันยายน 2563 | |||||||
42 | นายไกรสร กองฉลาด | 1 ตุลาคม 2563 - 30 กันยายน 2564 | |||||||
43 | นายชาธิป รุจนเสรี | 1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565 | |||||||
44 | นายวันชัย จันทร์พร | 2 ธันวาคม 2565 - 30 กันยายน 2567 |
ระยะทางจากจังหวัดนครพนมไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
|
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง โดยประมาณ คือ
|
จากกรุงเทพมหานคร ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรีบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านเข้าสู่จังหวัดมหาสารคาม จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 213 ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ จนถึงจังหวัดสกลนคร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 22 ตรงเข้าสู่จังหวัดนครพนม รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 740 กิโลเมตร
สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนม มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถโดยสารธรรมดาและปรับอากาศ ทั้งรถที่มาจากกรุงเทพฯ และรถที่ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น
ในอดีตเคยมีความนิยมในการใช้เรือเดินทางระหว่างหมู่บ้าน ระหว่างอำเภอ และการเดินทางข้ามจังหวัดติดแม่น้ำด้วยกัน โดยมีแม่น้ำสายสำคัญในจังหวัดนครพนมได้แก่ แม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม ลำน้ำก่ำ ลำน้ำอูน ลำน้ำบัง ลำน้ำยาม แต่เมื่อมีการพัฒนาเส้นทางถนน ความนิยมก็ลดลงไปเปลี่ยนไปใช้พาหนะอื่นๆ บนบกแทน ปัจจุบันชาวไทยและชาวลาวในพื้นที่นิยมใช้เรือข้ามฟากแม่น้ำโขง ในการเดินทางและขนส่งสินค้า มีเรือด่วนข้ามฟากที่บริเวณท่าเรือจุดผ่านแดนถาวรในตัวเมืองนครพนม และมีเรือข้ามฟากและเรือเล็กที่จุดผ่อนปรนต่างๆ เพื่อทำการค้า มีย่านการค้าที่สำคัญคือตลาดนัดไทย-ลาว อ.ธาตุพนม, ตลาดนัดไทย-ลาว อ.ท่าอุเทน, ตลาดนัดไทย-ลาว บ้านหนาด อ.เมืองนครพนม นอกจากนั้นยังมีเรือสำราญและเรือล่องชมวิวให้บริการในอำเภอเมืองนครพนม และอำเภอธาตุพนม เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงและแนวเทือกเขาหินปูนที่สวยงามทางฝั่งประเทศลาว
ท่าอากาศยานนครพนม เคยเป็นที่ตั้งฐานทัพสหรัฐอเมริกา หลังจากถอนทหารออกไปในปี พ.ศ. 2518 จึงเริ่มเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2521 เคยมีสายการบินที่ให้บริการได้แก่ บริษัท เดินอากาศไทย/บริษัท การบินไทย, สายการบินพีบีแอร์, สายการบินนกแอร์ และปัจจุบันมีเที่ยวบินที่ยังคงเปิดให้บริการได้แก่
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเดินทางได้จากท่าอากาศยานสกลนคร ซึ่งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานนครพนม เพียง 70 กิโลเมตร โดยเฉพาะอำเภอที่อยู่ใกล้เคียงตัวจังหวัดสกลนคร
นครพนมเคยอยู่ในแผ่นพัฒนาเส้นทางขนส่งทางรางตั้งแต่อดีตสมัยรัชกาลที่ 5 มาจนถึงโครงการใหม่ในปัจจุบันได้แก่
เทศกาลและงานประเพณีประจำปีในจังหวัดนครพนม เช่น
|
|
|
ปูชนียสถานที่สำคัญในจังหวัดนครพนม คือ พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่น ๆ ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่ พระธาตุนคร พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.