Loading AI tools
สายการบินสัญชาติอเมริกัน หนึ่งในสายการบิน "บิ๊กธรี" ของสหรัฐ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อเมริกันแอร์ไลน์ (อังกฤษ: American Airlines) เป็นสายการบินหลักของสหรัฐ และเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามขนาดฝูงบิน[2] โดยมีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ[3] อเมริกันแอร์ไลน์ให้บริการเที่ยวบินไปยัง 350 จุดหมายปลายทางใน 50 ประเทศ อเมริกันแอร์ไลน์เป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งพันธมิตรทางสายการบินวันเวิล์ด
| |||||||
ก่อตั้ง | 15 เมษายน ค.ศ. 1926 (98 ปี) (ในชื่อ อเมริกันแอร์เวย์) | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มดำเนินงาน | 25 มิถุนายน ค.ศ. 1936 (88 ปี) | ||||||
AOC # | AALA025A[1] | ||||||
ท่าหลัก | ชาร์ลอต ชิคาโก ลอสแอนเจลิส ดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ ไมอามี นิวยอร์ก-เจเอฟเค นิวยอร์ก-ลากวาร์เดีย ฟิลาเดลเฟีย ฟีนิกซ์-สกายฮาร์เบอร์ วอชิงตัน-เรแกน | ||||||
สะสมไมล์ | AAdvantage | ||||||
พันธมิตรการบิน | วันเวิลด์ | ||||||
ขนาดฝูงบิน | 967 | ||||||
จุดหมาย | 349 | ||||||
บริษัทแม่ | อเมริกันแอร์ไลน์กรุ๊ป | ||||||
สำนักงานใหญ่ | ฟอร์ตเวิร์ธ, รัฐเท็กซัส, สหรัฐอเมริกา | ||||||
บุคลากรหลัก | Robert Isom (ซีอีโอ) Doug Parker (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) | ||||||
พนักงาน | 129,700 (2023) | ||||||
เว็บไซต์ | www.aa.com |
อเมริกันแอร์ไลน์ได้มีการก่อตั้งขึ้นในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1926 จากการรวมตัวการของสายการบินเล็กๆ กว่า 82 สายการบิน[4] โดยเริ่มแรกใช้ชื่อว่า อเมริกันแอร์เวย์ ในช่วงแรก อเมริกันแอร์เวย์จะให้บริการเที่ยวบินไปรษณีย์และภายในปีค.ศ. 1933 อเมริกันแอร์เวย์ก็ได้ให้บริการเที่ยวบินไปยัง 72 เมืองในสหรัฐ
อเมริกันแอร์ไลน์ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเครื่องบินใบพัดอย่างดักลาส ดีซี-3 ซึ่งเป็นการร่วมพัฒนากันระหว่าง ซี.อาร์. สมิธ ผู้ดูแลอเมริกันแอร์ไลน์ และโดนัลด์ ดักลาส เจ้าของดักลาสแอร์คราฟต์คอมพานี หลังจากสมิธขอให้ดักลาสผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ที่พัฒนามาจากดักลาส ดีซี-2 เพื่อนำมาทดแทนเครื่องบินใบพัดเคอร์ติส คอนดอร์ II โดยอเมริกันได้รับดีซี-3 มาทดลองใช้เป็นสายการบินแรก เที่ยวบินแรกคือจากนวร์ก, รัฐนิวเจอร์ซีย์ ไปยังชิคาโก, รัฐอิลลินอย
หลังจากช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อเมริกันแอร์ไลน์ได้สั่งซื้อเครื่องบินมาประจำการเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโบอิง 707, โบอิง 747, บีเอซี 1-11 รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาแมคดอนเนลล์ ดักลาส ดีซี-10 เครื่องบินลำตัวกว้างสามเครื่องยนต์ ซึ่งจะนำมาใช้กับเที่ยวบินระยะไกลที่สนามบินปลายทางมีทางวิ่งขนาดเล็กเกินกว่าที่โบอิง 747 สามารถลงจอดได้ ซึ่งดีซี-10 นี้เป็นแข่งขันกับล็อกฮีด แอล-1011 ไทรสตาร์ นอกจากนี้อเมริกันแอร์ไลน์ยังได้เพิ่มบริการหลายๆ อย่างให้กับผู้โดยสาร เช่น การจองตั๋วผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์, เซเบอร์ ซึ่งเป็นบริการการจอง ซึ่งร่วมพัฒนากับไอบีเอ็ม และยังมีการสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคเนดี[5]
ในช่วงที่อเมริกันแอร์ไลน์ย้ายสำนักงานใหญ่มาที่ฟอร์ตเวิร์ธ, รัฐเท็กซัส ในปีค.ศ. 1979[6] อเมริกันแอร์ไลน์ได้เปลี่ยนแผนปฏิบัติการเป็น "ฮับ-แอนด์-สโปค" ในปีค.ศ. 1981 และเปิดฐานการบินแห่งแรกที่ท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส/ฟอร์ตเวิร์ธ เปิดฐานที่สองในชิคาโกในปีค.ศ. 1982 พร้อมกับเปิดเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเส้นทางแรกไปยังลอนดอนในปีเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานการบินไปอีกมากมาย
หลังจากได้มีฐานในไมอามีจากการเข้าซื้อเส้นทางบินจากอีสเทิร์นแอร์ไลน์ อเมริกันแอร์ไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในลาตินอเมริกาและอเมริกาใต้ จนเป็นหนึ่งในสายการบินที่มีบทบาทมากที่สุดในพื้นที่
ในปีค.ศ. 1999 อเมริกันแอร์ไลน์ ร่วมกับบริติชแอร์เวย์, คาเธ่ย์แปซิฟิค, แคนาเดียนแอร์ไลน์, และควอนตัส ได้ก่อตั้งพันธมิตรทางการบินวันเวิลด์
อเมริกันแอร์ไลน์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหลังจากเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน นอกจากจะสูญเสียเครื่องบินแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินของสายการบินในช่วงนั้น หลายๆ สายการบินจึงต้องยุบตัวหรือผนวกกิจการไปเช่น ทรานส์เวิลด์แอร์ไลน์ที่ผนวกกิจการเข้ากับอเมริกันแอร์ไลน์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001[7] และได้แย่ลงไปอีกครั้งในวิกฤตการณ์การเงิน ค.ศ. 2008 ส่งผลให้อเมริกันต้องปิดฐานการบินที่แคนซัสซิตีที่ได้รับต่อมาจากทีดับเบิลยูเอ
นอกจากนี้อเมริกันแอร์ไลน์ยังมีบทบาทในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเจแปนแอร์ไลน์ จนมีการทำกิจการร่วมค้าระหว่างสายการบินทั้งสอง[8]
ในปีค.ศ. 2012 เอเอ็มอาร์คอร์ปอเรชั่น (อังกฤษ: AMR Corporation) บริษัทแม่ของอเมริกันแอร์ไลน์ ได้ประกาศล้มละลาย จึงได้มีการย่อธุรกิจลง สายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินบางเที่ยวบิน[9], ยกเลิกการบริการบางชนิด, รวมถึงอเมริกันอีเกิล สายการบินลูกของอเมริกัน ต้องปลดประจำการเครื่องบิน 35-40 ลำ
ในปีค.ศ. 2013 ยูเอสแอร์เวย์ได้ผนวกกิจการเข้ากับอเมริกันแอร์ไลน์ เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจของสายการบิน ทำให้อเมริกันเป็นสายการบินที่มีขนาดฝูงบินใหญ่มากที่สุดในโลก[2]
ในช่วงแรกของการระบาดทั่วของโควิด-19 อเมริกันแอร์ไลน์ได้ลดพนักงานฝ่ายธุรกิจและบริหารลงกว่า 30% ก่อนที่ต้นปีค.ศ. 2020 จะลดพนักงานลงอีกจำนวนหนึ่ง [10] นอกจากนี้ อเมริกันแอร์ไลน์ได้ปลดประจำการเครื่องบินกว่า 100 ลำ ไม่ว่าจะเป็นแอร์บัส เอ330, เอ็มบราเออร์ อี-190, โบอิง 757, โบอิง 767, หรือซีอาร์เจ-200[11] และหลังจากนั้นก็ได้มีการฟื้นตัวมากขึ้น
อเมริกันแอร์ไลน์มีการซื้อขายต่อสาธารณะผ่านบริษัทแม่ อเมริกันแอร์ไลน์กรุ๊ป ภายใต้ NASDAQ: AAL Nasdaq: AAL โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 12 พันล้านดอลลาร์ ณ ปี 2019[12]
อเมริกันอีเกิลเป็นเครือข่ายของผู้ให้บริการระดับภูมิภาค 6 แห่งที่ดำเนินการภายใต้ข้อตกลงร่วมและข้อตกลงการบริการกับอเมริกัน ซึ่งให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางในสหรัฐอเมริกา แคนาดา แคริบเบียน และเม็กซิโก สามสายการบินเหล่านี้เป็นอิสระและสามรายเป็นบริษัทในเครือของอเมริกันแอร์ไลน์กรุ๊ป: เอ็นวอยแอร์, เพียดมอนต์แอร์ไลน์, และ พีเอสเอแอร์ไลน์
กูดริช เมอร์ฟี พนักงานของอเมริกันแอร์ไลน์ได้ออกแบบโลโก้ของสายการบินในปีค.ศ. 1931 ในการประกวดออกแบบโลโก้ แล้วในปีค.ศ. 1967 มาซิโม วิกเนลลี ได้ออกแบบโลโก้ให้อเมริกันใหม่ รวมถึงลวดลายของสายการบินด้วย[13][14]
ในปีค.ศ. 2013 อเมริกันแอร์ไลน์ได้มีการรีแบรนด์ใหม่ จึงมีการออกแบบโลโก้และลวดลายใหม่ในหัวข้อ "A New American" โดยโลโก้มีส่วนมากจากโลโก้เก่าในปีค.ศ. 1967[15]
ในช่วงแรก ลวดลายอากาศยานของอเมริกันแอร์ไลน์ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว แต่ยังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ก่อนที่รูปแบบอย่างเป็นทางการจะถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในปีค.ศ. 1930 โดยมีเหยี่ยวบนลำตัวเครื่อง[16] เหยี่ยวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของสายการบินในเวลาต่อมา บนลำตัวเครื่องจะมีแถบสายฟ้าสีส้มพาดอยู่บนลำตัวเครื่อง แต่ถูกเปลี่ยนเป็นเส้นธรรมดาหลังจากมีการประจำการของเครื่องบินเจ็ต
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ได้มีการให้มาซิโม วิกเนลลีออกแบบลวดลายใหม่ โดยจะมีเส้นสีแดง ขาว และน้ำเงินพาดอยู่ตามลำตัวเครื่อง และโลโก้ AA บริเวณหางของเครื่องบิน โดยลวดลายนี้จะถูกใช้จนถึงปีค.ศ. 2013
ช่วงต้นปีค.ศ. 2013 อเมริกันแอร์ไลน์ได้เปิดตัวลวดลายใหม่[17] ในหัวข้อ "The New American"[18] โดยได้มีการประกาศในเบื้องต้นว่าโลโก้และลวดลายใหม่นี้อาจได้ใช้เพียงระยะสั้น ก่อนที่จะให้พนักงานลงเสียง[19] แล้วในที่สุดอเมริกันแอร์ไลน์ก็ได้คงลวดลายและโลโก้นี้ไว้ต่อไป และยังได้มีการคงลวดลายคงสายการบินต่างๆ ที่ควบรวมกิจการกับอเมริกันไว้ ได้แก่ เพียดมอนต์แอร์ไลน์, พีเอสเอ, อเมริกาเวสต์แอร์ไลน์, ยูเอสแอร์เวย์, รีโนแอร์, ทีดับเบิลยูเอ, และแอร์คาล[20]
อเมริกันแอร์ไลน์ให้บริการเที่ยวบินไปยัง 350 จุดหมายปลายทางใน 48 ประเทศ
อเมริกันแอร์ไลน์มีฐานการบินทั้งหมด 10 ฐาน ดังนี้:
อเมริกันแอร์ไลน์เป็นสมาชิกของพันธมิตรการบินวันเวิลด์และได้มีข้อตกลงการบินร่วมกับสายการบินดังต่อไปนี้:[31]
นอกจากข้อตกลงการบินร่วมแล้ว อเมริกันแอร์ไลน์ได้ทำกิจการร่วมค้าระหว่างสายการบินดังต่อไปนี้:[42]
ณ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2023 อเมริกันแอร์ไลน์มีเครื่องบินประจำการในฝูงบิน ดังนี้:[45][46]
เครื่องบิน | ประจำการ | คำสั่งซื้อ | ผู้โดยสาร | หมายเหตุ | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
F | J | W | Y+ | Y | รวม | ||||
แอร์บัส เอ319-100 | 133 | — | 8 | — | — | 24 | 96 | 128 | |
12 | — | — | 24 | 96 | 132 | 32 ลำจะเปลี่ยนการจัดเรียงห้องโดยสาร[47] | |||
แอร์บัส เอ320-200 | 48 | — | 12 | — | — | 18 | 120 | 150 | |
แอร์บัส เอ321-200 | 202 | — | 20 | — | — | 35 | 135 | 190 | |
16 | — | 10 | 20 | — | 36 | 36 | 102 | การจัดเรียงแบบภายในประเทศ[48]
จะเปลี่ยนการจัดเรียงห้องโดยสารเป็นรูปแบบปกติ[49] | |
แอร์บัส เอ321นีโอ | 80 | 85 | 20 | — | — | 35 | 141 | 196 | |
แอร์บัส เอ321เอกซ์แอลอาร์ | — | 50 | — | 20 | 12 | 123 | 155 | เริ่มส่งมอบในปี 2024[49][50] | |
โบอิง 737-800 | 303 | — | 16 | — | — | 24 | 132 | 172 | |
โบอิง 737 แมกซ์ 8 | 59 | 41 | |||||||
โบอิง 737 แมกซ์ 10 | — | 115 | รอประกาศ | ||||||
โบอิง 777-200อีอาร์ | 47 | — | — | 37 | 24 | 66 | 146 | 273 | |
โบอิง 777-300อีอาร์ | 20 | — | 8 | 52 | 28 | 28 | 188 | 304 | |
— | 70 | 44 | รอประกาศ | จะเปลี่ยนการจัดเรียงห้องโดยสารในปี 2024[51] | |||||
โบอิง 787-8 | 37 | — | — | 20 | 28 | 48 | 138 | 234 | ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด[52] |
โบอิง 787-9 | 22 | — | — | 30 | 21 | 27 | 207 | 285 | |
— | 30 | — | 51 | 32 | 18 | 143 | 244 | เริ่มส่งมอบในปี 2024[51] | |
รวม | 967 | 321 |
อเมริกันแอร์ไลน์มีอายุฝูงบินเฉลี่ย 13.3 ปี
ณ เดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 อเมริกันแอร์ไลน์ได้สูญเสียเครื่องบินเกือบหกสิบลำ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินขับเคลื่อนด้วยใบพัด รวมทั้งเครื่องบินใบพัดเครื่องบินล็อกฮีด แอล-188 อีเลคตร้า 3 ลำ (หนึ่งในนั้น อุบัติเหตุเครื่องบินตกในปี 2502 ของเที่ยวบิน 320 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต) อุบัติเหตุสองครั้งที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์การบินของสายการบินและสหรัฐ ได้แก่ เที่ยวบินที่ 191 ในปีค.ศ. 1979 และเที่ยวบินที่ 587 ในปีค.ศ. 2001[53]
การโจมตี 11 กันยายน (เรียกอีกอย่างว่า 9/11) เป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายโดยกลุ่มก่อการร้ายอิสลามอัลกออิดะฮ์[54][55][56] ซึ่งได้ทำการปล้นจี้เครื่องบินทั้งหมดสี่ลำ โดยอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 11 พุ่งเข้าชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 77 พุ่งเข้าชนอาคารเพนตากอน และยังมีเครื่องบินของยูไนเต็ดแอร์ไลน์อีกสองลำที่ถูกสลัดอากาศจี้ คือ ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 175 ซึ่งชนตึกเวิลด์เทรดหลังเที่ยวบินที่ 11 และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 ที่ได้ตกลงในทุ่งหญ้าในเพนซิลเวเนีย หลังจากการต่อสู้ระหว่างผู้โดยสารกับสลัดอากาศจนทำให้สลัดอากาศไม่บรรลุเป้าหมาย เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเช้าวันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 การโจมตีครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 3,000 คน รวมทั้งผู้ก่อการร้ายทั้ง 19 คน[57] โดยได้มีความเสียหายให้กับมากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์[58][59]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.