คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สุรยุทธ์ จุลานนท์
ประธานองคมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ร.ม. ว.ป.ร. ๓ (เกิด 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486) เป็นทหารบกและนักการเมืองชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี[2] นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 24 จากการแต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, องคมนตรี และเคยเป็นนายทหารคนสนิทของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
Remove ads
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ชีวิตส่วนตัว
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ในค่ายจักรพงษ์ที่จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตรของ พ.ท. พโยม จุลานนท์ บุตรของ พ.อ. พระยาวิเศษสิงหนาถ (ยิ่ง จุลานนท์) ต้นตระกูลจุลานนท์ บิดาเคยดำรงตำแหน่งสูงระดับแกนนำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และเป็นที่รู้จักกันในนาม "สหายคำตัน" กับมารดาชื่ออัมโภช จุลานนท์ (สกุลเดิม ท่าราบ) บุตร พ.อ. พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ)
ชีวิตครอบครัว พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ สมรสครั้งแรกกับนางสาวดวงพร รัตนกรี มีบุตรชาย 1 คนคือ พ.ท. นนท์ จุลานนท์ ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 กองทัพภาคที่ 1[3] สมรสครั้งที่สองกับ พันเอกหญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ (สันทัดเวช)[4] มีบุตรชาย 2 คน คือ
- นายสันต์ จุลานนท์ (ข้าว)
- นายจุล จุลานนท์ (น้ำ)
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้นิยมการเดินป่าชมธรรมชาติ เป็นประธาน "มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" และเป็นที่ปรึกษาของเยาวชนกลุ่ม "รักษ์เขาใหญ่" ตั้งแต่ พ.ศ. 2535
การศึกษา
จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์, โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เลขประจำตัว ส.ก.12129 ก่อนเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นแรก และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 12 โดยสำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2508
เมื่อเข้ารับราชการแล้วยังผ่านการอบรมในหลายหลักสูตรคือ
- พ.ศ. 2509 :หลักสูตรชั้นนายร้อย เหล่าทหารราบ
- พ.ศ. 2509 : หลักสูตรส่งกำลังทางอากาศจู่โจม
- พ.ศ. 2511 : หลักสูตรชั้นนายพัน เหล่าทหารราบ สหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2516 : หลักสูตรเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 52
- พ.ศ. 2517 : หลักสูตรเสนาธิการทหารบก สหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2517 : หลักสูตรการบริหารทรัพยากร กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา
- พ.ศ. 2536 : หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
Remove ads
การทำงาน
สรุป
มุมมอง
ราชการทหาร
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เริ่มรับราชการในยศร้อยตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2508 จากนั้นจึงไปศึกษาต่อหลักสูตรเสนาธิการทหารบก ที่สหรัฐอเมริกา และทำงานในหน่วยรบต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ในขณะที่บิดาก็ยังเป็นแกนนำของพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น ใน พ.ศ. 2529 – พ.ศ. 2531 พลเอก สุรยุทธ์ เป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น
ต่อมาสมัยชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง พล.อ. สุรยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2541[5]
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2545 พลเอก สุรยุทธ์ ถูกทักษิณ ชินวัตร ปรับย้ายพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีฐานผลิตยาเสพติดในประเทศพม่าโดยพลการ[6]
องคมนตรี
หลังจากเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2546 พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ วางเป้าหมายไว้ว่า จะอุปสมบทและออกธุดงค์ไปในภาคอีสาน แต่ยังไม่ทันได้เข้าอุปสมบทดังที่ตั้งใจไว้พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2546 จนเมื่อดำรงตำแหน่งองคมนตรีได้สักระยะจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลาอุปสมบทเป็นเวลา 1 พรรษา ณ วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน
การดำรงตำแหน่ง
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยดำรงตำแหน่งทางทหาร และตำแหน่งพิเศษอื่นดังนี้
ราชการทหาร
- พ.ศ. 2508 รับราชการประจำศูนย์การทหารราบ
- พ.ศ. 2509 ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 1 กรมผสมที่ 31
- พ.ศ. 2513 ผู้บังคับชุดปฏิบัติการ กองร้อยพิเศษ กองรบพิเศษ (พลร่มป่าหวาย) ที่ 2
- พ.ศ. 2515 ครูโรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ
- พ.ศ. 2521 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมผสมที่ 23
- พ.ศ. 2526 ผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่ 1 กองพลรบพิเศษที่ 1
- พ.ศ. 2529 นายทหารคนสนิทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- พ.ศ. 2532 ผู้บัญชาการกองรบพิเศษที่ 1
- พ.ศ. 2535 ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ
- พ.ศ. 2537 แม่ทัพภาคที่ 2
- พ.ศ. 2540 ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก
- พ.ศ. 2540 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก
- พ.ศ. 2541 - 2545 ผู้บัญชาการทหารบก
- พ.ศ. 2545 -2546 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ตำแหน่งพิเศษ
- พ.ศ. 2526 : ราชองค์รักษ์เวร
- พ.ศ. 2529 - 2531 : นายทหารคนสนิท นายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
- พ.ศ. 2531 : นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์
- พ.ศ. 2535, 2539 : สมาชิกวุฒิสภา ครั้งที่ 1 และ 2
- พ.ศ. 2546 : ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี
- พ.ศ. 2563 : ประธานองคมนตรี
Remove ads
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ภายหลังจากที่ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีประชาชนรวมตัวกันชุมนุมตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อขับไล่ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลของ พล.อ. สุจินดา ต้องสลายการชุมนุม โดย พล.อ. สุรยุทธ์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี ได้เป็นผู้สั่งการกองกำลังทหารเข้าตรวจค้นในบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยไม่ให้ใช้อาวุธ[7][8][9]
การเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สรุป
มุมมอง
หลังจากการเชิญเพื่อให้ช่วยรับภาระในการนำรัฐบาลชั่วคราวถึง 2 ครั้งจาก พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ จึงเข้าดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 โดยมี พลเอก สนธิ หัวหน้า คปค. เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
การปฏิบัติงานของรัฐบาล
- วางยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข โดยเน้นการพัฒนาคนและครอบครัวให้พึ่งพาตนเองได้ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีงบประมาณส่วนกลาง 5,000 ล้านบาท ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ประสานงานจากส่วนกลางสู่ชุมชน[10]
การคลัง
- นำพระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝาก มาใช้[11]
วัฒนธรรม
สาธารณสุข
- ยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เปลี่ยนเป็น รักษาฟรีทุกโรค และให้คนไทยห่างไกลจากโรค[12]
พลังงาน
- ยกเลิกแผนการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติจากประเทศพม่า[14]
การศึกษา
- ให้โรงเรียนดัง 430 แห่งทั่วประเทศรับเด็กนักเรียนจากพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนครึ่งหนึ่ง ส่วนโรงเรียนอื่นจะต้องรับนักเรียนเข้าทั้งหมดโดยไม่มีการสอบ หากมีผู้สมัครเกินจำนวนที่รับ ให้ใช้วิธีจับสลาก[15]
สิทธิมนุษยชน
- ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปฯ เรื่องห้ามการชุมนุมประท้วง แต่ยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก[16]
- การสั่งห้ามคนขับรถแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างในกรุงเทพเข้าร่วมการประท้วงรัฐบาล สมัชชาคนจนหลายพันคนถูกสกัดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการประท้วงในกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าพวกเขาไม่มีใบอนุญาตให้เดินทางตามกฎอัยการศึก (ซึ่งยังมีผลครอบคลุม 30 กว่าจังหวัดในเวลานั้น)[17]
- สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ภายใต้รัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ กล่าวว่า "การวิพากษ์วิจารณ์ประธานองคมนตรีถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ" ดังนั้น การปิดเว็บไซต์ที่มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องเหมาะสม[18]
- รัฐบาลพลเอก สุรยุทธ์ผลักดันกฎหมายที่ระบุว่า ผู้ที่พยายามเข้าเว็บไซต์ใด ๆ ที่รัฐบาลได้เซ็นเซอร์ไว้หนึ่งหมื่นกว่าเว็บ จะต้องรับโทษตามกฎหมาย และเอาผิดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ไม่เปิดเผยไอพีแอดเดรสของผู้ใช้แก่รัฐบาล[19]
- การปิดวิทยุชุมชนที่ต่อสายตรงสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเกิดรัฐประหารเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 โดยได้โทรศัพท์เข้ามาที่สถานีวิทยุชุมชนคลื่น 87.75FM และคลื่น 92.75FM วันต่อมา รัฐบาลทหาร กรมประชาสัมพันธ์ และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในได้เข้ามาตรวจสอบวิทยุชุมชนแห่งนี้ ทำให้วิทยุชุมชนนี้งดออกอากาศ[20]
- การก่อตั้งเครือข่ายสนับสนุนรัฐบาลทหารจำนวน 700,000 คน เพื่อสกัดกั้นผู้ประท้วงรัฐบาลทหาร ผู้อำนวยการ กอ.รมน. กล่าวว่า "เราต้องสกัดกั้นผู้ประท้วงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้ามีผู้ประท้วงน้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร"[21]
- วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐบาลสั่งเซ็นเซอร์การแพร่ภาพการสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร ทางซีเอ็นเอ็นในประเทศไทย[22]
สื่อสารมวลชน
- ได้ปิดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2550
- ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2550 และปิดตัวลงเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 00.08 นาฬิกา
- ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส (ปัจจุบันใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 และเปิดทำการออกอากาศเป็นครั้งแรกอย่างเต็มรูปแบบโดยอยู่ภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551
- จัดรายการที่ให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้แก่ประชาชน คือ รายการสายตรงทำเนียบ และรายการเปิดบ้านพิษณุโลก ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
บัญชีทรัพย์สิน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 พบว่า พลเอก สุรยุทธ์ มีทรัพย์สินรวม 25,246,091 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 5 บัญชี จำนวน 7,283,341 บาท หลักทรัพย์และเงินลงทุนอื่น 82,500 บาท ที่ดิน 9 แปลง มูลค่า 17,880,250 บาท
พันเอกหญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ (ภริยาของ พลเอก สุรยุทธ์) มีทรัพย์สินรวม 65,566,363 บาท โดยเป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 15 บัญชี จำนวน 20,620,933 บาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาล 10,030,000 บาท เงินลงทุนอื่น 33,430 บาท ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 7 ล้านบาท บ้าน 3 หลัง มูลค่า 10 ล้าน ยานพาหนะ 3 คัน มูลค่า 3,725,000 ทรัพย์อื่น 14,157,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับอัญมณี ทั้งสองคนมีทรัพย์สินรวม 90,812,454 บาท[23]
ฉายานาม
เนื่องจากรัฐบาลของ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประกอบไปด้วยรัฐมนตรีที่เป็นผู้สูงอายุ และข้าราชการประจำที่เกษียณอายุแล้วจำนวนมาก สื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้ว่า "รัฐบาลขิงแก่" แต่ก็มีสื่อมวลชนบางแขนง ตั้งฉายาให้ว่า ยุทธ ยายเที่ยง เนื่องจากมีคดีพัวพันเกี่ยวกับการโกงที่ดินเขายายเที่ยง และโดยที่นายกรัฐมนตรีเองถูกมองว่ามุ่งเน้นการรักษาคุณธรรม จริยธรรม และในขณะเดียวกันก็ทำงานเชื่องช้า ทำให้ได้รับฉายาจากธีรยุทธ บุญมี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่าเป็น "ฤๅษีเลี้ยงเต่า" โดยตั้งล้อกับฉายาของ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยได้รับฉายาว่า "ฤๅษีเลี้ยงลิง"[24]
Remove ads
ข้อวิพากษ์วิจารณ์
สรุป
มุมมอง
นอกจากจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากรับตำแหน่งจากคณะรัฐประหารแล้ว พลเอก สุรยุทธ์ ยังถูกกล่าวหาในเรื่องการบุกรุกป่าสงวนและการคอรัปชั่นด้วย
การบุกรุกป่าสงวน
พลเอก สุรยุทธ์ ถูกกล่าวหาว่าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนเขายายเที่ยง ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขัดต่อกฎหมายพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อย่างไรก็ดี กรมป่าไม้ได้พิสูจน์แล้วว่าที่ผืนนี้เป็นหนึ่งในจำนวนหลายร้อยแปลงที่เรียกว่า "พื้นที่จัดสรรแบบหมู่บ้านป่าไม้" และเอกสารสิทธิ์คือ ภบท.5 ซึ่งสามารถตกทอดได้ทางทายาทโดยธรรมเท่านั้น และแปลงที่พลเอกสุรยุทธ์ครอบครองนั้นผู้ได้รับจัดสรรโดยถูกต้องแต่แรกคือ นายเบ้า สินนอก เมื่อพลเอกสุรยุทธ์เป็นผู้นำแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ซื้อที่ดินมาจากพันเอก สุรฤทธิ์ จันทราทิพ ซึ่งก็ซื้อมาอีกทอดหนึ่ง โปรดสังเกตว่าช่องว่างทางกฎหมายนี้ที่ทำให้บุคคลมากมายทั่วประเทศยอมเสียเงินซื้อที่ ภบท.5 ที่ไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ยกเว้นตกทอด ทั้ง ๆ รู้แก่ใจว่าเมื่อรัฐเรียกคืนก็ต้องคืน พลเอก สุรยุทธ์กล่าวว่าเขาจะลาออกและคืนที่ดินนี้ (ซึ่งเขาไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาเป็นเจ้าของ) ทันทีหากพบความผิด[25] อารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปกป้องสุรยุทธ์ว่า "พลเอก สุรยุทธ์ ซื้อที่ดินนี้มาจากคนอื่น ดังนั้นจะต้องไปถามคน ๆ นั้นว่าที่ดินนี้เป็นพื้นที่สงวนหรือไม่"
จรัญ ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ กล่าวว่า "ผมรับไม่ได้ที่ใครคนหนึ่งสร้างบ้านหรูหราในพื้นที่ป่าสงวน กลับเรียกตัวเองว่าเป็นผู้มีจริยธรรมและความพอเพียง"[26]
อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ปปช.) ปฏิเสธที่จะตรวจสอบคดีนี้โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ กล้าณรงค์ จันทิก หนึ่งในกรรมการ ปปช. กล่าวว่า พลเอก สุรยุทธ์ เกษียณจากกองทัพเมื่อ พ.ศ. 2546 แต่เพิ่งมาฟ้องร้องกัน 4 ปีหลังเกษียณ คณะกรรมการ ปปช. ไม่สามารถสอบสวนคดีที่มีอายุเกิน 2 ปีหลังจากเกษียณได้[27]
การฉ้อราษฎร์บังหลวง
พลเอก สุรยุทธ์ ชื่นชอบสะสมโมเดลรถไฟ เขาถูกกล่าวหาว่าครอบครองโบกี้รถไฟ 4 โบกี้ ไว้ที่บ้านเขายายเที่ยง จังหวัดนครราชสีมา อย่างผิดกฎหมาย พลเอก สุรยุทธ์กล่าวว่าจริง ๆ แล้วเขามีมากกว่า 4 โบกี้ แต่ทั้งหมดเป็นรถไฟจำลองขนาดเล็กวิ่งด้วยไฟฟ้า อยู่ในกรุงเทพฯ และได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย[28]
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ข่าวสดฉบับวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ได้เผยแพร่ภาพสิ่งปลูกสร้างคล้ายรางรถไฟที่อยู่บนเขาใกล้ที่พักของ พลเอก สุรยุทธ์ ที่เขายายเที่ยง ซึ่งก่อนการสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง พลเอก สุรยุทธ์ ได้เชิญสื่อมวลชนราว 40 คน ขึ้นไปเยี่ยมชมและทานอาหารกลางวัน ณ บ้านพักบนเขายายเที่ยงดังกล่าว จึงปรากฏความจริงว่าสิ่งที่ดูคล้ายโบกี้รถไฟนั้นคืออาคารที่ปลูกอยู่ใกล้กับตัวบ้านพัก[29]
หลังจากที่มีการชุมนุมบนหมู่บ้านเขายายเที่ยง และด้วยเกรงว่าชาวบ้านอีกมากที่ครอบครองที่ดินลักษณะเดียวกันจะได้รับผลกระทบ พลเอก สุรยุทธ์ จึงให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมารับมอบที่ดินที่มีปัญหาของตนกลับไปพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดโดยไม่รื้อถอน[29][30]
Remove ads
รางวัลและเกียรติยศ
สรุป
มุมมอง
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับพระราชทานยศนายกองใหญ่แห่งกองอาสารักษาดินแดนเป็น พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก นายกองใหญ่ สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อ พ.ศ. 2550[31]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ[32] ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2561 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[33]
- พ.ศ. 2538 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[34]
- พ.ศ. 2535 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[35]
- พ.ศ. 2533 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 6 เหรียญรามมาลา (ร.ม.)[36]
- พ.ศ. 2517 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[37]
- พ.ศ. 2532 –
เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[38]
- พ.ศ. 2521 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[39]
- พ.ศ. 2562 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ ๓ (ว.ป.ร.๓)[40]
- พ.ศ. 2500 –
เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
- พ.ศ. 2549 –
เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
ต่างประเทศ
สิงคโปร์ :
สหรัฐ :
- พ.ศ. 2543 –
ลีเจียนออฟเมอริต ชั้นผู้บังคับบัญชา[43]
- พ.ศ. 2543 –
กัมพูชา :
- พ.ศ. 2544 –
เครื่องอิสริยยศลำดับสหไมตรี ชั้นมหาเสรีวัฒน์[44]
- พ.ศ. 2544 –
เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2544 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นทวีติยาภรณ์[45]
- พ.ศ. 2544 –
อินโดนีเซีย :
- พ.ศ. 2545 –
เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราการติกาเอกปักษี ชั้นที่ 1[46]
- พ.ศ. 2545 –
สวีเดน :
- พ.ศ. 2546 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวขั้วโลก ชั้นประถมาภรณ์[47]
- พ.ศ. 2546 –
มาเลเซีย :
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ภายใต้สุลต่านแห่งมาเลเซีย
Remove ads
ยศทางทหาร
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads