คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สุจินดา คราประยูร
อดีตนายกรัฐมนตรีไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พลเอก สุจินดา คราประยูร (เกิด 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476) เป็นนายทหารและนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 19[1] และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[2] ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด หนึ่งในสมาชิกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งก่อรัฐประหารใน พ.ศ. 2534
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
Remove ads
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ชีวิตส่วนตัว
สุจินดา คราประยูร เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2476 ที่ตำบลบ้านช่างหล่อ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นบุตรคนเล็กของจวง กับสมพงษ์ คราประยูร มีพี่สาวสองคน โดยครอบครัวเป็นข้าราชการกรมรถไฟ สมรสกับคุณหญิงวรรณี คราประยูร (สกุลเดิม หนุนภักดี) มีบุตรด้วยกัน 2 คน ได้แก่พลเอก เจิดวุธ คราประยูร ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย และ เจนวิทย์ คราประยูร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด
การศึกษา
สุจินดาเข้ารับการศึกษาระดับประถมจากโรงเรียนปิยะวิทยา แล้วเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนทวีธาภิเศก หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 – 5 ที่จังหวัดหนองคาย เนื่องจากเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องย้ายไปอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่จังหวัดหนองคาย ต่อมาได้กลับเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพมหานครจนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดราชบพิธ แล้วได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนอำนวยศิลป์จนจบมัธยมปีที่ 8 สอบเข้าเรียนเตรียมแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียงปีเดียวก็ไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารและเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 5 มีเพื่อนร่วมรุ่นได้แก่
- พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี
- พล.อ. ศัลย์ ศรีเพ็ญ
- พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร
หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 ตามลำดับ ต่อมาได้ศึกษาต่อจนจบหลักสูตรผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากค่ายซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐ สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐจากค่ายลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)
Remove ads
การทำงาน
สรุป
มุมมอง
ราชการทหาร
สุจินดาเริ่มเข้ารับราชการทหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ได้รับพระราชทานยศ "ว่าที่ร้อยตรี " เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2501 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เช่น
- อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- เจ้ากรมยุทธการทหารบก
- ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
- รองเสนาธิการทหารบก
- ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
- รองผู้บัญชาการทหารบก
และวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก จนเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2534 จึงได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อจากพล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ที่เกษียณอายุราชการ
ตำแหน่งราชการ
ทหาร
- พ.ศ. 2501 : ประจำกองร้อย กรมนักเรียนโรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ต่อมารักษาราชการ ผูช่วยนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก กองบังคับการทหารปืนใหญ่ กองพลที่ 4
- พ.ศ. 2502 : รักษาราชการนายทหารสื่อสาร กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และรับพระราชทานยศ"ร้อยตรี"
- พ.ศ. 2503 : รักษาราชการผู้บังคับกองร้อยบังคับการและบริการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21
- พ.ศ. 2504 : รับพระราชทานยศ"ร้อยโท"
- พ.ศ. 2505 : ผู้บังคับกองร้อยปืนใหญ่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และรับพระราชทานยศ"ร้อยเอก"
- พ.ศ. 2507 : ครูกองการศึกษา โรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่
- พ.ศ. 2510 : รักษาราชการอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และรับพระราชทานยศ"พันตรี"
- พ.ศ. 2513 : หัวหน้าฝ่ายยุทธการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
- พ.ศ. 2514 : รองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และรับพระราชทานยศ"พันโท"
- พ.ศ. 2517 : หัวหน้าแผนกกรมข่าวทหารบก
- พ.ศ. 2518 : รักษาราชการนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกรมข่าวทหารบกและรับพระราชทานยศ"พันเอก"
- พ.ศ. 2522 : หัวหน้ากอง กรมข่าวทหารบก
- พ.ศ. 2524 : รองเจ้ากรมยุทธการทหารบก
- พ.ศ. 2525 : เจ้ากรมยุทธการทหารบก และรับพระราชทานยศ"พลตรี"
- พ.ศ. 2528 : ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ และรับพระราชทานยศ"พลโท"
- พ.ศ. 2529 : รองเสนาธิการทหารบก
- พ.ศ. 2530 : ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และรับพระราชทานยศ"พลเอก"
- พ.ศ. 2532 : รองผู้บัญชาการทหารบก
- พ.ศ. 2533 : ผู้บัญชาการทหารบก
- พ.ศ. 2534 : ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ราชการพิเศษ
- พ.ศ. 2512 - 2513 : ราชการสงครามเวียดนาม ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
- พ.ศ. 2525 : ราชองครักษ์เวร
- พ.ศ. 2526 : นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
- พ.ศ. 2528 : ราชองครักษ์เวร ต่อมาเป็นราชองครักษ์พิเศษ
- พ.ศ. 2532 : นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบ ที่ 2 รักษาพระองค์, นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ กองพันที่ 21 รักษาพระองค์ และนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กองพันที่ 1 รักษาพระองค์
การเมือง
สุจินดาเป็นบุคคลสำคัญในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จนกระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคการเมือง 5 พรรค คือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและสนับสนุนให้สุจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี[3] ก่อนหน้านั้น พรรคร่วม 5 พรรคประกาศสนับสนุนณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลง ข่าวว่า ณรงค์ วงศ์วรรณ ติดบัญชีดำ ถูกห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา เนื่องจากพัวพันกับขบวนการค้าสารเสพติด[4]
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สุจินดาได้รับพระบรมราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เมื่อเข้าดำรงตำแหน่งกล่าวว่า "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ทั้งที่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ สุจินดาได้แต่งตั้งพลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการ รสช. ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาตน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถูกคัดค้านจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายกลุ่ม ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดอาหารประท้วง และพลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้นำการชุมนุมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้สุจินดา ลาออกเนื่องจากเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รสช. จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศ หรือพฤษภาทมิฬ ขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชิญสุจินดาและจำลอง เข้าพบและดำรับให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ปัญหา[5] หลังจากนั้น สุจินดาจึงลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยอิสระและเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง
มีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลสุจินดาจึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ
Remove ads
ยศทางทหาร
- 25 มกราคม พ.ศ. 2501 ยศ "ว่าที่ร้อยตรี "
- 2 มกราคม พ.ศ. 2502 ยศ "ร้อยตรี"
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 ยศ "ร้อยเอก"
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2510 ยศ "พันตรี"
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ยศ "พันเอก"
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ยศ "พลตรี"
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ยศ "พลเอก"
- 16 เมษายน พ.ศ. 2534 ยศ "พลเรือเอก"เเละ"พลอากาศเอก"
รางวัลและเกียรติยศ
สุจินดาได้รับพระราชทานยศนายกองเอกแห่งกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2526[6]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้
- พ.ศ. 2532 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[7]
- พ.ศ. 2531 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[8]
- พ.ศ. 2535 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)[9]
- พ.ศ. 2516 –
เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)[10]
- พ.ศ. 2531 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)[11]
- พ.ศ. 2513 –
เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[12]
- พ.ศ. 2511 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[13]
- พ.ศ. 2532 –
เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[14]
- พ.ศ. 2534 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3 (ภ.ป.ร.3)[15]
ต่างประเทศ
เวียดนามใต้ :
ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2535 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 1[16]
- พ.ศ. 2535 –
Remove ads
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads