Remove ads
จังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมุทรปราการ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย และยังเป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดย พระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
จังหวัดสมุทรปราการ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Samut Prakan |
หอคอยสมุทรปราการ, วัดพระสมุทรเจดีย์, ป้อมเสือสมุทร | |
คำขวัญ: "ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม" | |
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดสมุทรปราการเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | ศุภมิตร ชิณศรี (ตั้งแต่ พ.ศ. 2565) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 1,004.092 ตร.กม. (387.682 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 71 |
ประชากร (พ.ศ. 2566)[2] | |
• ทั้งหมด | 1,372,970 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 12 |
• ความหนาแน่น | 1,367.38 คน/ตร.กม. (3,541.5 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 3 |
รหัส ISO 3166 | TH-11 |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | โพทะเล |
• ดอกไม้ | ดาวเรือง |
• สัตว์น้ำ | ปลาสลิด |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ถนนสุทธิภิรมย์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270 |
• โทรศัพท์ | 0 2702 5021-4 |
• โทรสาร | 0 2702 5021 |
เว็บไซต์ | http://www.samutprakan.go.th |
ในด้านเศรษฐกิจ จังหวัดสมุทรปราการมีการทำนา, ประมง และอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, พระสมุทรเจดีย์กลางน้ำ, วัดอโศการาม, วัดบางพลีใหญ่, วัดไพชยนต์พลเสพราชวรวิหาร, วัดโปรดเกศเชษฐาราม, ศาลพระเสื้อเมือง, พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ, เมืองโบราณ, สถานตากอากาศบางปู, ป้อมพระจุลจอมเกล้า, สวางคนิวาส, ป้อมแผลงไฟฟ้า, ฟาร์มจระเข้ ฯลฯ [3]
เมื่อประมาณ 2000-3000 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ของอ่าวไทยกินลึกมาถึงจังหวัดราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี สิงห์บุรี สระบุรี นครนายก และชลบุรี ส่วนพื้นที่ราบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำใหม่นั้นเป็นพื้นที่จังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพ และสมุทรปราการ เกิดขึ้นจากตะกอนที่แม่น้ำหลายสายพัดพามาที่ปากอ่าวไทยแล้วทับถมกันนานนับพันปีจนกลายเป็นแผ่นดิน[4]
ยังไม่ปรากฏชื่อเมืองสมุทรปราการในประวัติศาสตร์ จะมีแต่เมืองพระประแดง ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งที่ขอมสร้างขึ้น เป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้ของขอมซึ่งตั้งอยู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา มีหน้าที่ต้องแจ้งข่าวสารไปให้ราชธานีที่ขอมตั้งไว้ที่ลพบุรี (ละโว้)[5] สันนิษฐานว่าเมืองพระประแดงจะยังคงเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศใต้มาจนตลอดสมัยสุโขทัย[6]
แผนที่โดย Pierre d' Hondt ราว พ.ศ. 2295–2296
|
เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ได้ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี เมืองพระประแดงมีสถานะเป็นเมืองประเทศราช ทางทิศใต้ของราชธานี เป็นเมืองป้อมปราการด่านชั้นใน เมืองพระประแดงเดิมนั้นในปัจจุบันอยู่ในเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร[7]
นับแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองทั่วอาณาจักร เมืองสมุทรปราการจัดอยู่ในกลุ่มหัวเมืองชั้นที่สี่หรือ เมืองน้อย ที่มีขุนนางชั้นผู้น้อยเป็นผู้ปกครองเมือง ดังปรากฏใน พระไอยการตำแหน่งนาทหารหัวเมืองในกฎหมายตราสามดวงว่า ขุนนาง ที่ปกครองเมืองสมุทรปราการหรือปากน้ำคือ "พระสมุทประการ"[8]
พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่า เมื่อ พ.ศ. 2041 ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้มีการขุดลอกคลองสำโรงเนื่องจากคลองตื้นเขิน เรือใหญ่เดินทางไปมาผ่านคลองสำโรงไม่สะดวก และมีการขุดพบรูปเทพารักษ์ 2 องค์ได้แก่ พระยาแสนตาและพระยาบาทสังขกร ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีคนอาศัยอยู่บริเวณคลองสำโรงมานานแล้ว และเป็นไปได้ว่าชุมชนบริเวณคลองสำโรงจะเป็นชุมชนแรกของบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ชุมชนนี้เรียกว่า บางเจ้าพระยา[9]
ต่อมาในสมัยอยุธยาตอนกลางได้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิศาสตร์ในพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำ โดยแม่น้ำได้พัดพาตะกอนมาทับถมเพิ่มขึ้นเรือย ๆ ทำให้เมืองพระประแดง (เก่า) ที่อยู่ตรงเขตพระโขนง อยู่ห่างจากปากแม่น้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรมพระองค์ทรงโปรดให้สร้างเมืองสมุทรปราการขึ้นให้เป็นหัวเมืองหน้าด่านทางใต้ ณ บริเวณฝั่งใต้ของคลองบางปลากด ฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา[10] มีพ่อค้าชาวฮอลันดามาตั้งห้างพักสินค้าอยู่ ณ ที่นั้น เรียกว่า นิวอัมสเตอร์ดัม และเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมโกศทรงแต่งสมณทูตไปลังกากล่าวว่าออกเรือจากเมืองธนบุรีไปถึงตึกฮอลันดาที่ตำบลบางปลากดแสดงว่าที่นั่นคงมีผู้คนอาศัยอยู่มากอาจเป็นตัวเมืองสมุทรปราการในครั้งนั้นก็ได้[11] ส่วนเมืองพระประแดงก็หมดความสำคัญลง และถูกยุบในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มีเหตุการณ์บันทึกว่า เมื่อ พ.ศ. 2173 พวกญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรเกิดขัดใจกับไทยถึงขั้นต่อสู้กันบริเวณปากน้ำ ญี่ปุ่นหนีไปได้ และไปอาศัยอยู่ที่เมืองเขมร ชื่อเมืองสมุทรปราการในกฎหมายซึ่งตราขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2178
อีกเหตุการณ์ เมื่อ พ.ศ. 2207 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงดำเนินกิจการค้าอย่างกว้างขวางให้คนจีนมาประจำหน้าที่ในเรือสินค้าหลวง จนทำให้ผู้ค้าของฮอลันดาไม่พอใจ หาว่าไทยทำการค้าผูกขาด ฮอลันดาจึงเลิกกิจการค้าจากกรุงศรีอยุธยา แล้วเอาเรือรบมาปิดอ่าวไทย ทั้งยังจับเรือสินค้าหลวงของไทยไปริบบ้าง ทำลายบ้าง ทำให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงดำเนินวิเทโศบายผูกมิตรกับฝรั่งเศส และเมื่อ พ.ศ. 2231 ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา ไทยเกิดต่อสู้กับฝรั่งเศสที่เข้ามารักษาป้อมวิชัยประสิทธิ์ (อยู่ที่เมืองธนบุรี) ไทยได้ตั้งค่ายรายปืนที่บริเวณปากน้ำเจ้าพระยา เมืองสมุทรปราการ และจับเรือที่ฝรั่งเศสคุมมาได้สองลำ[5]
ต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ปรากฏหลักฐานว่า พม่าได้มาปล้นบ้านเรือนราษฎรที่ตำบลบางเมืองในเขตเมืองสมุทรปราการ วัดและบ้านเมืองกลายเป็นเมืองร้างอยู่พักหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกู้บ้านเมืองเอาไว้ได้ ผู้คนในเมืองสมุทรปราการที่อพยพหนีภัยสงคราม จึงได้กลับมาตั้งถิ่นฐานเดิม พระองค์ทรงรื้อกำแพงเมืองพระประแดงเดิมที่ตั้งอยู่เขตราษฎร์บูรณะในปัจจุบัน ไปก่อกำแพงพระราชวังธนบุรีและที่อื่น ๆ[6]
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะสร้าง เมืองพระประแดงขึ้นเป็นเมืองหน้าด่าน สำหรับป้องกันศัตรูซึ่งมาทางทะเลแต่พระองค์ทรงสร้างเพียงป้อมขึ้นไว้ทางฝั่งตะวันออก 1 ป้อม เรียกว่า ป้อมวิทยาคม
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองสมุทรปราการบัดนี้ที่ตำบลบางเมืองเมื่อ พ.ศ. 2362 พร้อมกับสร้างป้อมป้องกันเรือของข้าศึกต่อจากรัชกาลที่ 1 ป้อมฝั่งตะวันตกหรือฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมมหาสังหาร ป้อมศัตรูพินาศ ป้อมจักร์กรด และป้อมพระจันทร์ พระอาทิตย์ ป้อมทางฝั่งตะวันออกหรือฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ป้อมปีศาจสิง ป้อมราหูจร และป้อมวิทยาคม และใน พ.ศ. 2366 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสมุทรเจดีย์บนเกาะกลางน้ำด้วย อนึ่ง สมุทรปราการ เรียกกันเป็นสามัญว่า "ปากน้ำ" เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งซ้าย ห่างจากปากแม่น้ำเข้ามาราว 6 กิโลเมตร [3]
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงขนานนามเมืองพระประแดงว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์ การสร้างเมืองเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันศุกร์ เดือน 7 แรม 11 ค่ำ พ.ศ. 2358 แล้วทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายครัวมอญ เมืองปทุมธานี ให้มาตั้งภูมิลำเนาอยู่ ณ เมืองนี้ และทรงแต่งตั้งสมิงทอมา บุตรเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ซึ่งเป็นพระยาราม น้องเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ คชเสนี) เป็นพระยานครเขื่อนขันธ์รามัญราชชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม เป็นผู้รักษาเมือง
พ.ศ. 2362 มีการจัดการสร้างเมืองสมุทรปราการขึ้นใหม่ โดยทรงกำหนดเขตให้ตรงบริเวณพื้นที่ที่ชาวบ้าน เรียกว่า บางเจ้าพระยา (เป็นเทศบาลเมืองสมุทรปราการ กับตำบลบางเมืองในปัจจุบัน) อยู่ระหว่างปากคลองปากน้ำคลองมหาวงศ์ มีป้อมปราการเป็นเมืองหน้าศึก 6 ป้อมปราการ คือ ป้อมประโคนชัย อยู่ที่ปากคลองปากน้ำ ป้อมนารายณ์ปราบศึก อยู่ในตำบลบางเมือง ป้อมปราการ อยู่ในตำบลบางเมือง ป้อมกายสิทธิ์ ในตำบลบางเมือง ทางฝั่งขวาของแม่เจ้าพระยา (ตะวันตก) มีป้อมนาคราช และสร้างป้อมขึ้นบนเกาะนั้น เรียกว่า ป้อมผีเสื้อสมุทร และในครั้งนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองปากลัด ในเมืองนครเขื่อนขันธ์ขึ้นมาด้วย ในการสร้างเมืองสมุทรปราการใหม่นี้ ได้สร้างเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 2365 โดยทำพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ "ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง"
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปราบกบฏเวียงจันทน์เสร็จแล้วจะทำสงครามกับญวน พระองค์จึงโปรดให้สร้างป้อมเพิ่มเติมที่เมืองสมุทรปราการ เมื่อปีชวด พ.ศ. 2371 ชื่อป้อมปีกกาต่อจากป้อมประโคมชัยของเดิม, ป้อมตรีเพ็ชร์ สร้างที่บางจะเกรง (บางนาเกรงในปัจจุบัน) เหนือเมืองขึ้นไป พ.ศ. 2377 สร้างป้อมที่บางปลากด ทางฝั่งตะวันตกข้างเหนือเมืองสมุทรปราการ ชื่อป้อมคงกระพัน ในปีมะเส็ง พ.ศ. 2388 สร้างป้อมเพิ่มเติมที่เมืองสมุทรปราการ คือ ทำป้อมปีกกาต่อป้อมนาคราช เรียกว่า ป้อมปีกกาพับสมุทร ถึงปีวอก พ.ศ. 2391 สร้างป้อมใหญ่ขึ้นที่ตำบลมหาวงษ์ ทางฝั่งตะวันออกอีกหนึ่งป้อม เป็นป้อมที่ตั้งของแม่ทัพ ชื่อป้อมเสือซ่อนเล็บ
สังฆราชปาเลอกัวบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่พำนักอยู่ในสยามช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ถึงต้นสมัยรัชกาลที่ 4 ระบุว่า ในเมืองสมุทรปราการ (หรือเมืองปากลัดหรือเมืองปากน้ำ) มีราษฎรอาศัยอยู่ประมาณ 6,000–7,000 คน[12]
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นเป็นที่ประทับบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นเกียรติแก่พระสมุทรเจดีย์ที่ทรงบูรณะและเสริมให้แลเห็นเด่นชัด สิ่งก่อสร้างที่เหลือมาในสมัยหลัง คือ พระที่นั่งสมุทาภิมุข อยู่ใกล้สถานีรถรางสายปากน้ำ และพระที่นั่งสุขไสยาศน์ ซึ่งเคยใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข แต่ปัจจุบันได้รื้อถอนหมดสิ้นแล้ว[7]
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มสร้างป้อมเพิ่มที่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทหารเรือเป็นผู้อำนวยการสร้างและดูแลตั้งแต่ พ.ศ. 2427 เป็นต้นมา แล้วเสร็จราวกลางปี พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) พระราชทานนามว่า ป้อมพระจุลจอมเกล้า[13] เมื่อเปิดเพียงสองเดือนเศษ เกิดเหตุการณ์รบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อเย็นวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เป็นเหตุให้ไทยเสียดินแดนเป็นครั้งที่ 7 (เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส) ต่อมาเมืองสมุทรปราการและเมืองนครเขื่อนขันธ์ ได้รวมเข้าอยู่ในมณฑลกรุงเทพ ขึ้นต่อกระทรวงนครบาลแทน ตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ. 114[14]
พ.ศ. 2449 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำเรียกเมืองเป็นจังหวัด เมืองสมุทรปราการเปลี่ยนเป็นจังหวัดสมุทรปราการ และเมืองพระประแดงเปลี่ยนเป็นจังหวัดพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการในตอนนั้นมี 4 อำเภอ คือ เมือง, บางเหี้ย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบางบ่อ), บางพลี และเกาะสีชัง (ลดฐานะลงมาเป็นกิ่งอำเภอในภายหลัง เพราะพลเมืองน้อย) และจังหวัดพระประแดงมี 3 อำเภอ คือ อำเภอพระประแดง, อำเภอพระโขนง และอำเภอบ้านทะวาย ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองจนสุดท้ายมี 2 อำเภอ คือ อำเภอพระประแดง และอำเภอราษฎร์บุรณะ ต่อมาในรัชกาลที่ 7 อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลจึงยุบจังหวัดพระประแดงเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2474 โดยให้อำเภอพระประแดงไปขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ และอำเภอราษฎร์บูรณะไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี[15]
พ.ศ. 2485 ได้ออกพระราชบัญญัติยุบจังหวัดสมุทรปราการกับจังหวัดอื่น ๆ อีก 4 จังหวัดไปรวมเป็นจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี แต่ต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้จัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการขึ้นอีกครั้งหนึ่ง[6] เป็นจังหวัดสมุทรปราการตราบจนทุกวันนี้
ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ
จังหวัดสมุทรปราการเป็นเขตปริมณฑล จังหวัดสมุทรปราการมีเนื้อที่ 1,004 ตารางกิโลเมตร และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มทั้งหมด มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านทางซีกตะวันตกของจังหวัด จากทิศเหนือไปทิศใต้ลงสู่อ่าวไทย แม่น้าเจ้าพระยาไหลผ่านอ้าเภอพระประแดง อ้าเภอพระสมุทรเจดีย์และอำเภอเมืองสมุทรปราการ ระยะทางรวมประมาณ 30 กิโลเมตร คลองธรรมชาติมีจ้านวน 542 คลอง ความยาวคลองรวมทั้งสิ้น 1,553 กิโลเมตร ประกอบด้วย คลองธรรมชาติฝั่งตะวันออก จ้านวน 335 คลอง ความยาวรวม 1,168 กิโลเมตร และคลองธรรมชาติฝั่งตะวันตกของแม่น้าเจ้าพระยา จ้านวน 200 คลอง ความยาวรวม 385 กิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลยาว 47.5 กิโลเมตร
เดิมชายฝั่งทะเลมีป่าชายเลนกว้างขวาง เนื่องจากมีตะกอนที่แม่น้ำเจ้าพระยา นำพามาทับถมกันที่บริเวณปากน้ำแต่ปัจจุบันมีการบุกรุกป่าชายเลน ทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเป็นบริเวณกว้าง[3]
จังหวัดสมุทรปราการแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาค แบ่งออกเป็น 6 อำเภอ 50 ตำบล 405 หมู่บ้าน อำเภอในจังหวัดสมุทรปราการประกอบไปด้วย
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการยังแบ่งออกเป็นเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง 48 แห่ง ได้แก่ เทศบาลนคร 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 7 แห่ง, เทศบาลตำบล 14 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แห่ง จำแนกได้ดังนี้[16]
ลำดับ | ชื่อเทศบาล | พื้นที่ (ตร.กม.) | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)[# 1] | อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร (คน) (ณ สิ้นปี 2561) [17] | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||||||||
เทศบาลนคร | ||||||||||||
1 | 7.33 | 2542 [18] | เมืองสมุทรปราการ | 1 | - | 1 | 51,495 | |||||
เทศบาลเมือง | ||||||||||||
2 (1) | 0.61 | 2480 [19] | พระประแดง | 1 | - | 1 | 9,462 | |||||
3 (2) | 15.50 | 2545 [20] | พระประแดง | 3 | - | 3 | 72,263 | |||||
4 (3) | 9.30 | 2550 [21] | เมืองสมุทรปราการ | - | 1 | 1 | 33,101 | |||||
5 (4) | 25.50 | 2552 [22] | พระประแดง | 5 | - | 5 | 73,805 | |||||
6 (5) | 24.69 | 2562 [23] | บางพลี | 1 | - | 1 | 56,949 | |||||
7 (6) | 20.32 | 2562 [24] | เมืองสมุทรปราการ | - | 1 | 1 | 46,759 | |||||
8 (7) | 12.59 | 2563 | เมืองสมุทรปราการ | - | 1 | 1 | 37,252 | |||||
เทศบาลตำบล | ||||||||||||
9 (1) | 2538 | เมืองสมุทรปราการ | - | 3 | 3 | 29,977 | ||||||
10 (2) | 2542 | เมืองสมุทรปราการ | 4 | - | 4 | 119,760 | ||||||
11 (3) | เทศบาลตำบลแพรกษา | 2542 | เมืองสมุทรปราการ | - | 2 | 2 | 27,305 | |||||
12 (4) | เทศบาลตำบลด่านสำโรง | 2542 | เมืองสมุทรปราการ | - | 1 | 1 | 55,826 | |||||
13 (5) | 2542 | เมืองสมุทรปราการ | - | 3 | 3 | 101,232 | ||||||
14 (6) | เทศบาลตำบลบางบ่อ | 2542 | บางบ่อ | - | 1 | 1 | 6,496 | |||||
15 (7) | เทศบาลตำบลคลองสวน | 2542 | บางบ่อ | 1 | - | 1 | 3,201 | |||||
16 (8) | เทศบาลตำบลคลองด่าน | 2542 | บางบ่อ | - | 1 | 1 | 11,530 | |||||
17 (9) | เทศบาลตำบลบางพลี | 2542 | บางพลี | - | 3 | 3 | 11,965 | |||||
18 (10) | 2542 | พระสมุทรเจดีย์ | 1 | - | 1 | 12,612 | ||||||
19 (11) | 2542 | พระสมุทรเจดีย์ | - | 2 | 2 | 20,968 | ||||||
20 (12) | 2542 | บางเสาธง | - | 2 | 2 | 22,660 | ||||||
21 (13) | เทศบาลตำบลบางพลีน้อย | 2554 | บางบ่อ | 1 | - | 1 | 9,086 | |||||
22 (14) | 2562 | เมืองสมุทรปราการ | - | 1 | 1 | 22,300 |
ลำดับ | ชื่อ | เริ่มดำรงตำแหน่ง | ออกจากตำแหน่ง |
---|---|---|---|
1 | พระยานครเขื่อนขันธ์ รามัญราชชาติเสนาบดี ศรีสิทธิสงคราม (ทอมา คชเสนี) | 2358 | 2401 |
2 | พระยาดำรงราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) | 2401 | 2426 |
3 | พระยาดำรงราชพลขันธ์ (นกแก้ว คชเสนี) | 2426 | 2430 |
4 | พระยาขยันสงคราม (เจ๊ก คชเสนี) | 2430 | 2440 |
5 | พระยาเกียรติ (ขุนทอง คชเสนี) | 2440 | 2445 |
6 | พระยาดำรงราชพลขันธ์ (หยอด คชเสนี) | 2445 | 2450 |
7 | พระยาเทพผลู (ทองคำ คชเสนี) | 2450 | 2454 |
8 | พระยาพิพิธมนตรี (ปุย คชเสนี) | 2454 | 2457 |
9 | พระยานาคราชกำแหง (แจ้ง คชเสนี) | 2457 | 2468 |
10 | พระยาพายัพพิริยกิจ (เป้า จารุเสถียร) | 2468 | 2470 |
11 | พระประแดงบุรี (โต สาริกานนท์) | 2471 | 2473 |
12 | พระพิชัยบุรินทรา (สะอาด ภูมิรัตน์) | 2473 | 2474 |
|
|
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
2549 | 1,104,766 | — |
2550 | 1,126,940 | +2.0% |
2551 | 1,147,224 | +1.8% |
2552 | 1,164,105 | +1.5% |
2553 | 1,185,180 | +1.8% |
2554 | 1,203,223 | +1.5% |
2555 | 1,223,302 | +1.7% |
2556 | 1,241,610 | +1.5% |
2557 | 1,261,530 | +1.6% |
2558 | 1,279,310 | +1.4% |
2559 | 1,293,553 | +1.1% |
2560 | 1,310,766 | +1.3% |
2561 | 1,326,608 | +1.2% |
2562 | 1,344,875 | +1.4% |
2563 | 1,351,474 | +0.5% |
2564 | 1,356,442 | +0.4% |
2565 | 1,360,227 | +0.3% |
2566 | 1,372,970 | +0.9% |
อ้างอิง: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[26] |
จากข้อมูล พ.ศ. 2560 จังหวัดสมุทรปราการมีจ้านวนครัวเรือนทั้งหมด 733,098 ครัวเรือน โดยเป็นครัวเรือนเกษตร 11,304 ครัวเรือน จ้านวนประชากรรวมทั้งสิ้น 1,310,766 คน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดสมุทรปราการ (GPP) มีมูลค่าเท่ากับ 691,888 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 4 ของประเทศ และลำดับที่ 4 ของภาคกลาง โดยมีสัดส่วนมูลค่านอกภาคการเกษตรร้อยละ 99.64 และภาคเกษตรร้อยละ 0.36 โดยมีรายได้เฉลี่ย 28,712 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน[27]
ชาวสมุทรปราการมีกลุ่มทางชาติพันธุ์หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มคนไทยพื้นเมือง มลายู ลาว มอญ จีน เป็นต้น กลุ่มมอญเข้ามาตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนเมืองหน้าด่านป้องกันศึกทางทะเล กลุ่มลาวที่ถูกกวาดต้อนมาในสมัยสงครามแถบคลองมหาวงษ์และส่วนใหญ่ย้ายกลับไปอยู่แถบนครนายก กลุ่มมลายูมุสลิมที่เข้ามาทำการเกษตรและเป็นแรงงานในการขุดคลองเพื่อชลประทาน กลุ่มคนจีนที่เข้ามาค้าขาย มีชุมชนมอญขนาดใหญ่ที่พระประแดง ต่อมาได้ขยายการตั้งถิ่นฐานไปยังอำเภอบางพลีและอำเภอบางบ่อมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ในอำเภอพระประแดงมีวัดทรงธรรม และวัดคันลัด เป็นศูนย์กลางชุมชน กลุ่มชาวไทยเชื้อสายมอญเหล่านี้ยังสามารถรักษาความเชื่อขนบธรรมเนียมประเพณีของตนไว้ได้จนถึงปัจจุบัน ส่วนชาวจีนตั้งรกรากค้าขายริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเมืองสมุทรปราการและริมคลองสำโรงและคลองสาขา มีศาลเจ้าจีนและเจว็ดไม้ ได้แก่ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าพ่อบางพลีใหญ่ และศาลเจ้าตั้วปุนเถ่ากง เมื่อมีการขยายเมืองศาลเจ้าจึงเปลี่ยนมาอยู่ริมถนนแทน บางแห่งที่สร้างใหม่สร้างโดยชาวจีนไต้หวันที่เข้ามาทำโรงงานอุตสาหกรรม[13]
ในจังหวัดสมุทรปราการ การเดินทางส่วนใหญ่ใช้รถส่วนบุคคลและรถประจำทาง โดยจุดรถประจำทางที่สำคัญได้แก่ บริเวณ บางนา สำโรง ปากน้ำ บางพลี และพระประแดง สำหรับการโดยสารทางเรือ ผ่านทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือโดยสารเลียบแม่น้ำ ขึ้นได้ที่ท่าน้ำปากน้ำ และมีการโดยสารข้ามแม่น้ำหลายจุด รวมทั้งบริเวณท่าน้ำพระประแดงมีท่าแพสำหรับบรรทุกรถข้ามแม่น้ำ การเดินทางทางอากาศผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ถนนสายสำคัญในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท ตอนกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ) ระยะทาง 25 กิโลเมตร[3] ถนนเทพรัตน ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ถนนศรีนครินทร์ ถนนปานวิถี ถนนเพชรหึงส์ และถนนสุขสวัสดิ์
จังหวัดสมุทรปราการตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีลำคลองหลายสาย สายสำคัญ ได้แก่ คลองสำโรง คลองสรรพสามิต คลองด่าน คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองจระเข้ คลองบางน้ำจืด คลองบางโฉลง คลองบางปลา คลองบางปลาร้า คลองบางปิ้ง คลองบางพลี คลองบางปลากด คลองลัดโพธิ์ และคลองลัดหลวง[29]
นอกจากนั้น จังหวัดสมุทรปราการยังมีโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนที่ต่อเนื่องออกมาจากกรุงเทพมหานครถึง 4 เส้นทาง คือ
จากข้อมูลปีการศึกษา 2560 จังหวัดสมุทรปราการมีโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 276 แห่ง มีสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่นจำนวน 121 แห่ง แบ่งเป็นโรงเรียน 26 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจำนวน 95 แห่ง จากข้อมูล 100 อันดับโรงเรียนคุณภาพที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2561 จากหนังสือวารสาร สมองการศึกษา โรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการที่ติดอันดับ ได้แก่ โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว และโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ[30]
มีสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งหมด 8 แห่ง โดยแบ่งเป็นภาครัฐ 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี วิทยาเขตสมุทรปราการ ในอำเภอบางพลี , ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี สังกัดกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม, โรงเรียนนายเรือ สังกัดกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม, สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ (บางนา) ในอำเภอบางเสาธง, มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ในอำเภอบางพลี, วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก ในอำเภอบางพลีและ สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ ในอำเภอบางพลี
สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาในจังหวัดสมุทรปราการ มีจำนวน 11 แห่ง โดยแบ่งเป็นภาครัฐจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ, วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก สมุทรปราการ ในอำเภอบางบ่อ, วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ, วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ และภาคเอกชน 7 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยี บริหารธุรกิจสมุทรปราการ ในอำเภอบางพลี, โรงเรียนเกริกวิทยาลัย ในอำเภอบางพลี, วิทยาลัยเทคโนโลยี สมุทรปราการ (ช.เทค) ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ, วิทยาลัยเทคโนโลยีสุวรรณภูมิบริหารธุรกิจ ในอำเภอบางพลี, วิทยาลัยไทยโกลบอลบริหารธุรกิจ ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ, วิทยาลัยเกวลินบริหารธุรกิจ ในอำเภอบางเสาธง และวิทยาลัยเทคโนโลยี ไทย-ไต้หวัน (BBI) ในอำเภอบางพลี[31]
สมุทรปราการมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแห่ง ได้แก่ ฟาร์มจระเข้ และเมืองโบราณ นอกจากนี้ในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคมและต้นเดือนพฤศจิกายน จะมีการจัดงานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ หรือที่เรียกกันว่า "งานเจดีย์" เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน ซึ่งเป็นงานประจำจังหวัดสมุทรปราการ จัดขึ้นบริเวณใจกลางเมืองของตัวอำเภอเมืองสมุทรปราการ โดยจะมีการปิดถนนเริ่มต้นบริเวณศาลากลางจังหวัด มีการจัดตั้งร้านขายของ, ร้านอาหาร, การละเล่น, ชิงช้าสวรรค์, ม้าหมุน และงานโชว์ต่างๆ รวมถึงของหลายหลายมาวางขาย
นอกจากที่กล่าวมา ยังมีสถานท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่อไปนี้
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.