Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ (ดัตช์: Virgil van dijk) เกิด 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกในตำแหน่งกองหลังและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในปัจจุบันเขาได้เป็นกัปตันทีมสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และได้เข้าร่วมฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ครั้งแรกใน ค.ศ. 2014 ความสามารถของฟัน ไดก์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับการยกย่องให้เป็นกองหลังที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก[4] ฟัน ไดก์เป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำ และทักษะกลางอากาศ[5][6][7] เขาเป็นกองหลังคนเดียวที่ชนะรางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า และได้อันดับรองชนะเลิศในสาขาผู้เล่นชายยอดเยี่ยมของฟีฟ่าของบาลงดอร์[8][9]
การแก้ไขบทความนี้ของผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ลงทะเบียนถูกปิดใช้งานจนถึง 6 มีนาคม 2568 ดูนโยบายการป้องกันและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทางหน้าคุย ขอเลิกป้องกัน ล็อกอิน หรือสร้างบัญชี |
หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมดไม่ใช่ภาษาไทย ให้แจ้งลบแทน |
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | เฟอร์จิล ฟัน ไดก์[1] | |||||||||||||||
วันเกิด | [2] | 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991|||||||||||||||
สถานที่เกิด | เบรดา เนเธอร์แลนด์ | |||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.95 m (6 ft 5 in)[3] | |||||||||||||||
ตำแหน่ง | เซ็นเตอร์แบ็ก | |||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | |||||||||||||||
หมายเลข | 4 | |||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||
2009–2010 | วิลเลิมตเว | |||||||||||||||
2010–2011 | โครนิงเงิน | |||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||
2011–2013 | โครนิงเงิน | 62 | (7) | |||||||||||||
2013–2015 | เซลติก | 76 | (9) | |||||||||||||
2015–2018 | เซาแทมป์ตัน | 67 | (4) | |||||||||||||
2018– | ลิเวอร์พูล | 186 | (18) | |||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||
2011 | เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 19 ปี | 1 | (0) | |||||||||||||
2011–2013 | เนเธอร์แลนด์ อายุไม่เกิน 21 ปี | 3 | (0) | |||||||||||||
2015– | เนเธอร์แลนด์ | 64 | (7) | |||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 2 มีนาคม 2024 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2023 |
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เขาลงเล่นอาชีพให้สโมสรโครนิงเงินเป็นครั้งแรก โดยถูกเปลี่ยนลงมาแทน เพตเตอร์ แอนเดอร์สสัน ในนาทีที่ 72 ระหว่างชัยชนะ 4–2 กับเอดีโอ เดน ฮาก และในวันที่ 29 พฤษภาคม ในการเจอกับทีมเอดีโอ เดน ฮาก ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่เขาได้เจอในเกมแรกที่ได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรอง โดยนัดนี้เขาเป็นตัวจริงให้กับโครนิงเก้นเป็นครั้งแรกและยิงประตูแรกในอาชีพของเขา โดยทำประตูได้สองครั้งในการชนะ 5-1 ในการแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบเพลย์ออฟ
ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ฟัน ไดก์ ได้บรรลุข้อตกลงทำสัญญา 4 ปี กับสโมสรฟุตบอลเซลติกด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์ เขาได้ลงสนามนัดแรกในวันที่ 17 สิงหาคม ด้วยการเปลี่ยนตัวลงไปแทนเอเฟ แอมโบรส ในช่วง 13 นาทีสุดท้ายในนัดที่พบกับสโมสรฟุตบอลแอเบอร์ดีน
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2015 ฟัน ไดก์ ได้ย้ายมายังสโมสรฟุตบอลเซาแทมป์ตันด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ ในสัญญา 5 ปี เขาได้ลงสนามนัดแรกให้กับทีมในนัดที่ไปเยือนสนามเดอะฮอว์ธอร์นของสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมวิชอัลเบียนในวันที่ 12 กันยายน ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2017 มีข่าวว่า ฟัน ไดก์ ได้ตกลงร่วมทีมลิเวอร์พูลในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาววันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2018 ด้วยค่าตัวราว 75 ล้านปอนด์ซึ่งจะกลายเป็นสถิติค่าตัวสูงที่สุดในโลกของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง[10][11]
ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสาม ฟัน ไดก์ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 4 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[12]
ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0[13] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ ฟัน ไดก์ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยื่ยมประจำเดือนธันวาคมของพรีเมียร์ลีก
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[14] ต่อมา ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก ที่อัลลีอันทซ์อาเรนา 3-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ บาเยิร์นมิวนิก 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[15] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[16]
ในวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2018-19 ส่งผลให้ ฟัน ไดก์เป็นนักเตะคนที่ 8 ของลิเวอร์พูล ที่ได้รับรางวัลนี้ถัดจาก มุฮัมมัด เศาะลาห์ (2017-18), ลุยส์ ซัวเรซ (2013-14), สตีเวน เจอร์ราร์ด (2005-06), จอห์น บาร์นส์ (1987-88), เอียน รัช (1983-84), เคนนี ดัลกลิช (1982-83) และเทอร์รี แม็คเดอร์ม็อตต์ (1979-80)[17] รวมทั้ง ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ ซาดีโย มาเน, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 3 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย ต่อมา ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-2[18] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[19] รวมถึง ฟัน ไดก์คว้ารางวัล Man of the Match ในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2019 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2019–20 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 4-1[20] ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[21] ต่อมา ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฟัน ไดก์ยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-1[22] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[23]
ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[24] ต่อมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 3-1[25] จบฤดูกาล ฟัน ไดก์ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[26] ฟัน ไดก์ยังได้ติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน, ซาดีโย มาเน และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 4 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย[27]
ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2020 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2020–21 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 4-3[28] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฟัน ไดก์ได้รับบาดเจ็บหนักที่เส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า จากการปะทะกับ จอร์แดน พิกฟอร์ด ผู้รักษาประตูของเอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้ ฟัน ไดก์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักยาวตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์กลับมาลงสนามครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ในช่วงปรีซีซั่นที่เจอกับ แฮร์ทา เบเอ็สเซ ต่อมา ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลถึงปี 2025[29] ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา เซาแทมป์ตัน 4-0[30] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 3-1[31] ต่อมา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลีดส์ยูไนเต็ด 6-0[32]
ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[33]
ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[34]
ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2022 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 3-1[35] ต่อมา ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ 2-0[36]
ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์โดนใบแดงไล่ออกจากสนามเนื่องจากไปตัดบอลคู่แข่งในจังหวะสุดท้าย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซนต์เจมส์พาร์ก 2-1[37] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ที่บรามอลล์เลน 2-0[38] ต่อมา ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2024 เอฟเอคัพ รอบ 4 ฟัน ไดก์ทำประตูในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอริชซิตี 5-2 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ[39] ต่อมา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ฟัน ไดก์ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ลูตันทาวน์ 4-1[40]
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เนชันนอลคัพ[lower-alpha 1] | ลีกคัพ[lower-alpha 2] | ยุโรป | อื่น ๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Division | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
โครนิงเงิน | 2010–11[41] | เอเรอดีวีซี | 5 | 2 | 0 | 0 | — | — | — | 5 | 2 | |||
2011–12[41] | เอเรอดีวีซี | 23 | 3 | 1 | 0 | — | — | — | 24 | 3 | ||||
2012–13[41] | เอเรอดีวีซี | 34 | 2 | 3 | 0 | — | — | — | 37 | 2 | ||||
รวม | 62 | 7 | 4 | 0 | — | — | — | 66 | 7 | |||||
เซลติก | 2013–14[42] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 36 | 5 | 2 | 0 | 1 | 0 | 8[lower-alpha 3] | 0 | — | 47 | 5 | |
2014–15[43] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 35 | 4 | 5 | 4 | 4 | 0 | 14[lower-alpha 4] | 2 | — | 58 | 10 | ||
2015–16[44] | สกอตติชพรีเมียร์ชิป | 5 | 0 | — | — | 5[lower-alpha 3] | 0 | — | 10 | 0 | ||||
รวม | 76 | 9 | 7 | 4 | 5 | 0 | 27 | 2 | — | 115 | 15 | |||
เซาแทมป์ตัน | 2015–16[44] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 3 | 1 | 0 | 3 | 0 | — | — | 38 | 3 | ||
2016–17[45] | พรีเมียร์ลีก | 21 | 1 | 1 | 1 | 2 | 0 | 6[lower-alpha 5] | 2 | — | 30 | 4 | ||
2017–18[46] | พรีเมียร์ลีก | 12 | 0 | — | 0 | 0 | — | — | 12 | 0 | ||||
รวม | 67 | 4 | 2 | 1 | 5 | 0 | 6 | 2 | — | 80 | 7 | |||
ลิเวอร์พูล | 2017–18[46] | พรีเมียร์ลีก | 14 | 0 | 2 | 1 | — | 6[lower-alpha 3] | 0 | — | 22 | 1 | ||
2018–19[47] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 4 | 0 | 0 | 0 | 0 | 12[lower-alpha 3] | 2 | — | 50 | 6 | ||
2019–20[48] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 5 | 1 | 0 | 0 | 0 | 8[lower-alpha 3] | 0 | 3[lower-alpha 6] | 0 | 50 | 5 | |
2020–21[49] | พรีเมียร์ลีก | 5 | 1 | 0 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | 1[lower-alpha 7] | 0 | 8 | 1 | |
2021–22[50] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 3 | 5 | 0 | 3 | 0 | 9[lower-alpha 3] | 0 | — | 51 | 3 | ||
2022–23[51] | พรีเมียร์ลีก | 32 | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 8[lower-alpha 3] | 0 | 1[lower-alpha 7] | 0 | 41 | 3 | |
2023–24[52] | พรีเมียร์ลีก | 25 | 2 | 2 | 1 | 4 | 1 | 1[lower-alpha 5] | 0 | — | 32 | 4 | ||
รวม | 186 | 18 | 10 | 2 | 9 | 1 | 44 | 2 | 5 | 0 | 254 | 23 | ||
รวมทั้งหมด | 391 | 38 | 23 | 7 | 19 | 1 | 77 | 6 | 5 | 0 | 515 | 52 |
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
เนเธอร์แลนด์ | 2015 | 3 | 0 |
2016 | 9 | 0 | |
2017 | 4 | 0 | |
2018 | 8 | 3 | |
2019 | 9 | 1 | |
2020 | 5 | 0 | |
2021 | 6 | 1 | |
2022 | 10 | 1 | |
2023 | 10 | 1 | |
รวม | 64 | 7 |
ลำดับ | วันที่ | สนาม | คัพ | คู่แข่ง | คะแนน | ผล | การแข่งขัน | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 26 มีนาคม 2018 | Stade de Genève, เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 18 | โปรตุเกส | 3–0 | 3–0 | กระชับมิตร | [54] |
2 | 13 ตุลาคม 2018 | Johan Cruyff Arena, อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 22 | เยอรมนี | 1–0 | 3–0 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกเอ | [55] |
3 | 19 พฤศจิกายน 2018 | Arena AufSchalke, เก็ลเซินเคียร์เชิน ประเทศเยอรมนี | 24 | เยอรมนี | 2–2 | 2–2 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกเอ | [56] |
4 | 21 มีนาคม 2019 | De Kuip, รอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 25 | เบลารุส | 4–0 | 4–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [57] |
5 | 11 ตุลาคม 2021 | De Kuip, รอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ | 42 | ยิบรอลตาร์ | 1–0 | 6–0 | ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก | [58] |
6 | 25 September 2022 | Johan Cruyff Arena, Amsterdam, Netherlands | 49 | เบลเยียม | 1–0 | 1–0 | 2022–23 UEFA Nations League A | [59] |
7 | 16 October 2023 | Agia Sophia Stadium, Athens, Greece | 62 | กรีซ | 1–0 | 1–0 | UEFA Euro 2024 qualifying | [60] |
เซลติก
เซาแทมป์ตัน
ลิเวอร์พูล
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.