Loading AI tools
อำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์ ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการ ธุรกิจ เศรษฐกิจของจังหวัด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เดิมชื่อ อำเภอบางโพ ซึ่งเป็นชื่อชุมชนหนึ่งที่ขึ้นอยู่กับเมืองพิชัยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงใช้ชื่ออำเภอบางโพเป็นอำเภอเมืองของจังหวัดอุตรดิตถ์ และเปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ และมีอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักวีรบุรุษของชาวอุตรดิตถ์ประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Mueang Uttaradit |
คำขวัญ: เมืองท่าเหนือลุ่มน้ำน่าน ตำนาน แห่งสวางคบุรี อนุสาวรีย์พระยาพิชัย ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพ็ชร | |
แผนที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เน้นอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ | |
พิกัด: 17°37′33″N 100°5′48″E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | อุตรดิตถ์ |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 765.476 ตร.กม. (295.552 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 144,905 คน |
• ความหนาแน่น | 189.30 คน/ตร.กม. (490.3 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 53000, 53170 (เฉพาะตำบลวังกะพี้และหมู่ที่ 7-9 ตำบลบ้านเกาะ) |
รหัสภูมิศาสตร์ | 5301 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ถนนประชานิมิตร ตำบลท่าอิฐ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำน่าน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ เดิมเป็นที่ตั้งของชุมชนสมัยโบราณ มีชื่อที่ใช้เรียกดั้งเดิมจากท่าน้ำ 3 ท่าน้ำที่เป็นท่าน้ำประวัติศาสตร์ของอุตรดิตถ์ คือ ท่าโพธิ์ ท่าเสา และท่าอิฐ สันนิษฐานว่า ชื่อท่าโพธิ์ เนื่องจากมีต้นโพธิ์มากในบริเวณนั้น และมีคลองไหลผ่าน จึงเรียกคลองนั้นว่า คลองบางโพธิ์ (เพี้ยนมาเป็นบางโพ) ชื่อของคลองโพธิ์นี้เป็นชื่อที่ทำให้เกิดบริเวณที่เรียกว่า ปากน้ำโพธิ์ใน จังหวัดนครสวรรค์ บริเวณท่าโพธิ์ ปัจจุบัน คือ บริเวณวัดท่าถนน วัดคลองโพธิ์ และตลาดคลองโพ หรือก็คือตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน ท่าเสา มาจากคำว่า เซา เป็นภาษาเหนือ แปลว่า เหนื่อย ส่วนท่าอิฐ (ท่าอิด) เป็นภาษาเหนือ คำว่า อิด แปลว่า เหนื่อย เนื่องจากการเดินทางมาค้าขายที่ท่าอิดทางเรือ และทางบกของจังหวัดภาคเหนือและภาคกลางสมัยโบราณ กว่าจะถึงก็เหนื่อย ความหมายของท่าอิฐและท่าเสาในอีกความเห็นหนึ่งนั้น พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมศิลปากร กล่าวไว้ในหนังสือของท่านคัดค้านการสันนิษฐานความหมายตามภาษาคำเมืองดัง กล่าว โดยกล่าวว่า คำว่าท่าอิฐและท่าเสานั้นเป็นคำในภาษาไทยกลาง เพราะคนท่าอิฐและท่าเสาเป็นกลุ่มชนสุโขทัยดั้งเดิมที่ใช้กลุ่มภาษาไทยกลุ่ม เมืองในแคว้นสุโขทัย เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก กำแพงเพชร และเช่นเดียวกับกลุ่มคนในตำบลทุ่งยั้ง บ้านพระฝาง เมืองพิชัย บ้านแก่ง และบ้านคุ้งตะเภา ซึ่งเป็นกลุ่มคนแคว้นสุโขทัยเดิมในจังหวัดอุตรดิตถ์เช่นเดียวกัน โดยคำว่าท่าเสานั้น มีความหมายโดยตรงเกี่ยวข้องกับการล่องซุงหมอนไม้ในสมัยโบราณเช่นเดียวกับ ชื่อนามหมู่บ้านหมอนไม้ (หมอนไม้ซุง) ซึ่งอยู่ทางใต้ของบ้านท่าอิฐ
ท่าอิดเป็นท่าที่มีความเจริญทางการค้ามากกว่าทุกท่าใน ภาคเหนือ เป็นท่าจอดเรือ ค้าขายจากมณฑลภาคเหนือ และภาคกลางรวมถึงเชียงตุงเชียงแสนหัวพันทั้งห้าทั้งหก สิบสองปันนาสิบสองจุไทย เดิมท่าอิดอยู่ในความปกครองของขอมตลอดจน ถึงสมัยสุโขทัย ขอมหมดอำนาจ ท่าอิดจึงเป็นเมืองท่าขึ้นอยู่กับเมืองทุ่งยั้ง อันเป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัย สมัยต่อมาแคว้นน่านได้เปลี่ยนทางเดิน ทำให้หาดท่าอิดงอกออกไปทางตะวันออกมากทุก ๆ ปี ท่าอิดจึงเลื่อนตามลงไปเรื่อย ๆ เรียกว่าหาดท่าอิดล่าง ท่าอิดเดิมเรียกว่าท่าอิดบน ท่าอิดล่างก็ยังคงเป็นศูนย์การค้ามาตลอดจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ส่วนชื่อที่ใช้เรียกในระยะเวลาต่อมาว่า บางโพธิ์ท่าอิฐ น่าจะเป็นชื่อที่ได้รับการเรียกขึ้นมาในภายหลัง ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา ท่าอิฐมีความเจริญขึ้นมากที่สุดใน 3 ท่าน้ำ รัชกาลที่ 4 (ไม่ชัดเจนว่ารัชกาลที่ 4 หรือ 5 เป็นผู้พระราชทานชื่ออุตรดิตถ์ แต่หากยึดตามพ.ศ.ที่พระราชทานตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4)จึงทรงพระราชทานชื่อเมืองให้ใหม่ว่า "อุตรดิตถ์" แปลว่า ท่าน้ำทางภาคเหนือ หรือท่าน้ำทางทิศเหนือ เนื่องจากเป็นท่าน้ำของไทยที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศ เพราะเหนืออุตรดิตถ์ขึ้นไปในสมัยนั้นเป็นเมืองประเทศราชของสยาม ( อาณาจักรล้านนา)
นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานอื่นๆเกี่ยวกับคำว่า อุตรดิตถ์ดังนี้ ท่าเหนือ (อุตร = เหนือ, ดิตถ์ = ท่า) มาจากเมื่อสมัยก่อนพ่อค้าจะนำสินค้าจากหลวงพระบาง น่าน หรือเมืองเหนืออื่นๆ ไปค้าขายทางใต้เช่น พิษณุโลก นครสวรรค์ อยุธยา กรุงเทพฯ ต้องแวะพักกันตามท่าน้ำจอดเรือที่อุตรดิตถ์ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนสินค้า และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน , อุตรดิตถ์ มาจากคำภาษาบาลี ๒ คำรวมกัน คือคำว่า อุตฺตร (อ่านว่า อุด-ตะ -ระ) กับ ติตฺถ (อ่านว่า ติด-ถะ). คำว่าอุตฺตร ภาษาไทยใช้ว่า อุดร แปลว่า ทิศเหนือ. ส่วน ติตฺถ ภาษาไทยใช้ว่า ดิตถ์ แปลว่า ท่าน้ำ ดังนั้น อุตรดิตถ์ จึงแปลตามตัวว่า ท่าน้ำทางทิศเหนือ
ในสมัยก่อน พ.ศ. 1000 มีการขุดค้นพบกลองมโหระทึกทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่ตำบลท่าเสา อำเภอเมือง อุตรดิตถ์ เมื่อปี พ.ศ. 2470 ทำให้ทราบว่า อุตรดิตถ์เป็นดินแดนที่มีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่ก่อน พ.ศ. 1000 เพราะโบราณวัตถุที่ค้นพบดังกล่าวเป็นโลหะ ที่มีใช้กันอยู่ในยุคสัมฤทธิ์หรือยุคโลหะตอนต้นอันเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นพื้นที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในอดีต เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ราบลุ่มอันเกิดจากดินตะกอนแม่น้ำพัดของแม่น้ำน่านที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานและประกอบกสิกรรมมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานบริเวณรอบที่ตั้งตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบันที่แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและการตั้งถิ่นฐานของแหล่งชุมชนมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ดังการค้นพบเครื่องมือหินขัดและซากกระดูกมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ บ้านบุ่งวังงิ้วซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามตำบลบางโพ-ท่าอิฐ และการค้นพบกลองมโหระทึกสำริด กาน้ำและภาชนะสำริดที่ม่อนศัลยพงษ์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพในปี พ.ศ. 2470
สมัยเขมรโบราณ ท่าอิฐเป็นท่าเรือริมฝั่งแม่น้ำน่านที่สำคัญที่สุดของทางภาคเหนือ เป็นท่าเรือรับส่งสินค้าทั้งทางบกและทางน้ำ ล่องไปยังเมืองละโว้(ลพบุรี) และใช้เป็นท่าราชการ เช่น เมื่อผู้ตรวจการเขมรจะไปตรวจราชการทางแคว้นโยนก ก็ต้องใช้เรือจากละโว้(ลพบุรี) มาขึ้นที่ท่าอิฐ จากท่าอิฐก็ใช้ช้าง ม้า ลาต่างพาหนะ ในเรื่องนี้คุณอนันต์ เอี่ยมสรรพางค์ ผู้ทราบเรื่องเกี่ยวกับอุตรดิตถ์ได้เคยซักถามขุนฉิมพลีผลารักษ์ (ชาวบ้านปากฝาง อดีตกำนันตำบลงิ้วงาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งท่านได้ถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว) ได้ความว่า ตั้งแต่ถิ่นแถบท่าอิฐตลอดจนปากฝางเป็นถิ่นของพวกเขมรโบราณเคยมาตั้งหลักแหล่งอยู่ ได้มีการขุดค้นพบสิ่งต่าง ๆ ตามบริเวณตลิ่งพังริมน้ำ ซึ่งเป็นฝีมือของเขมรโบราณ ขุมฉิมพลีผลารักษ์ ยังได้กล่าวอีกว่า บ้านด่านทั้งสองแห่ง คือ บ้านด่านบก (สถานีรถไฟบ้านด่าน) และบ้านด่านน้ำ ก็เคยเป็นที่ตรวจราชการของเขมรโบราณ
สมัยสุโขทัย ท่าอิฐจึงเป็นท่าเรือของเมืองทุ่งยั้ง มีความสำคัญในการคมนาคมอย่างมากมาย และเป็นชุมทางดังนี้
การบรรทุกสินค้าเพื่อทำการค้าขายระหว่างท่าอิฐกับเส้นทางดังกล่าวนี้ ใช้วัวต่าง ช้างต่าง ม้าต่าง และลาต่าง การขนสินค้าของพวกค้าเรือมันมาก่อนฤดูน้ำ กับปลายฤดูน้ำแล้งเรือใหญ่เล่นไม่สะดวก ส่วนพวกพ่อค้าทางเหนือและทางตะวันออกใช้เดินทางปลายฤดูฝน จนถึงหน้าแล้ง เพราะหนทางภาคเหนือเป็นป่าเขา ลำห้วยมาก ดังนั้นในฤดูหนาวและฤดูแล้งจึงเหมาะแก่การเดินทางของพ่อค้า และลำน้ำน่านเหนือท่าอิฐขึ้นไปมีเกาะแก่งมากไม่สะดวกในการเดินทางเรือ สินค้าที่พ่อค้าทางบกรับซื้อจากพ่อค้าเรือบริเวณท่าอิฐ เช่น เกลือ ปลาทูเค็ม เชื้อเพลิง และเครื่องใช้อื่นๆ สินค้าที่พ่อค้าทางเรือรับซื้อจากพ่อค้าทางบก เช่น หนังสัตว์ งาช้าง และไหม การค้าขายสมัยทุ่งยั้งปกครองท่าอิฐนี้ มีความเจริญไม่มากนัก ส่วนมากใช้เป็นของแลกเปลี่ยน และบริเวณหาดท่าอิฐยังเป็นป่ามาก คงเป็นแต่ถือเป็นท่าเรือค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันเท่านั้น และสมัยนั้นสินค้ามาจากต่างประเทศมีน้อย สินค้ามาจากต่างประเทศก็มาทางเรือสำเภา เรือใบ ดังนั้นหาดท่าอิฐ จึงเพียงแต่ปลูกเป็นเพิงพอขายกันเท่านั้น ในด้านการค้าขาย บริเวณหาดท่าอิฐในสมัยสุโขทัยมีลักษณะดังนี้
จึงเห็นได้ว่าการค้าขายที่ท่าอิฐในสมัยนี้ เป็นการค้าชนิดแลกเปลี่ยนกันระหว่างพ่อค้าทางเหนือกับพวกพ่อค้าหาสินค้า ร้านค้าสมัยนั้นก็เป็นเพิง กันแดดกันฝน ตอนเช้าเอาของจากเรือมาวางขาย ตอนเย็นก็เก็บกลับใส่เรือ
สมัยอยุธยา เมื่ออยุธยารวมอำนาจสุโขทัยไว้ได้แล้ว เมืองทุ่งยั้งจึงหมดความสำคัญลง ส่วนเมืองพิชัยกลับกลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น ท่าอิฐจึงต้องเป็นแขวงไปขึ้นกับเมืองพิชัย การค้าของท่าอิฐในสมัยอยุธยาเรืองอำนาจมีดังนี้
ดังนั้นการค้าในสมัยอยุธยา จึงเป็นไปแบบลุ่มๆดอนๆ ร้านค้าท่าอิฐเป็นแต่เพียงปลูกสร้างโรงไม้ไผ่ขนสินค้าขึ้นจากเรือทำการค้าขายเหมือนเดิม สมัยพระเจ้าอู่ทอง ผู้สร้างกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893-1912) การค้าที่หาดท่าอิฐดำเนินไปอย่างปกติเรียบง่าย
สมัยรัตนโกสินทร์
ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า ตำบลบางโพท่าอิฐคงจะเจริญต่อไป ในภายหน้า ด้วยเป็นทำเลการค้าอย่างดีริมแม่น้ำน่าน ราษฎร ก็อพยพเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้นทุกปี จึงโปรดพระราชทานชื่อแก่ตำบลบางโพธิ์ท่าอิฐเป็นเมืองอุตรดิตถ์ อันหมายถึง เมืองท่าแห่งทิศเหนือ และโปรดให้อุตรดิตถ์เป็นเมืองขึ้นของเมืองพิชัยดังเดิม(อุตรดิตถ์เทียบเท่าอำเภอหนึ่งของพิชัย) ในยุคนี้เมืองพิชัยได้กลายเป็นแขวงเมืองพิชัยในสังกัดมณฑลพิษณุโลก และมีเขตการปกครองออกเป็น 5 เมืองด้วยกันคือ เมืองพิชัย เมืองอุตรดิตถ์ เมืองตรอน เมืองลับแล และเมืองน้ำปาด
พ.ศ. 2444 เกิดกบฏพวกเงี้ยวได้ก่อการจลาจลขึ้นที่เมืองแพร่ ทางเมืองเหนือรวมทั้งเมืองอุตรดิตถ์ด้วย ต้องจัดกำลังขึ้นไปช่วยก่อนที่กองทัพจากกรุงเทพฯ จะเดินทางขึ้นไป และในเดือนนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) เมื่อยังเป็นพลโท ยกกองทัพขึ้นไปปราบเงี้ยวที่ก่อการจลาจลในเมืองแพร่ ก็ได้ไปพักกองทัพเพื่อยกขึ้นเดินทางบกที่เมืองอุตรดิตถ์นี้ และตั้งประชุมไพร่พลอยู่ที่เมืองนี้หลายวัน แล้วจึงเดินบกต่อไปยังเมืองแพร่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองพิชัย อุตรดิตถ์ เมืองทุ่งยั้ง และเมืองลับแล สมัย สุทธิธรรม (2545 : 15) ได้กล่าวถึงรัชกาลที่5ทรงอธิบายหาดท่าอิฐไว้ดังนี้ “…ในตลาดนั้นมีเรือนแถว ฝากระดาน 2 ชั้น แต่ใหญ่ๆ กว่าที่กรุงเทพฯ ที่แล้วก็มาก ที่ยังทำอยู่ก็มี เป็นร้านขายของอย่างครึกครื้น ที่เป็นบ้านเรือนและห้างก็มีบ้าง เขาว่าตลาดบกที่นี่ดีกว่าที่ปากน้ำโพ ซึ่งฉันยังไม่ได้เห็น แต่ตลาดเรือนั้นที่นี่สู้ปากน้ำโพไม่ได้...” รัชกาลที่5 ทรงเล็งเห็นว่าอุตรดิตถ์มีความเจริญ เป็นศูนย์ทางการค้า ประกอบกับมีเมืองลับแลอยู่ ใกล้ ๆ เป็นเมืองรองลงไป การชำระคดีและการเรียกเก็บภาษีอากรสะดวกกว่าที่เมืองพิชัย แต่ท่าอิฐในขณะนั้นยังคงมีฐานะเป็นเมืองท่าขึ้นต่อเมืองพิชัย ดังนั้น คดีต่าง ๆ ที่เกิดขั้นรวมทั้งการเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ท่าอิด ราษฎรต้องลงไปเมืองพิชัยติดต่อกับส่วนราชการเป็นการไม่สะดวก จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลาว่าการเมืองพิชัยมาตั้งที่บริเวณเมืองอุตรดิตถ์โดยมีสาเหตุการย้ายศาลาว่าการเมืองเพราะ
พ.ศ. 2459 ได้มีประกาศใช้ชื่ออำเภอที่เปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับชื่อตำบล คืออำเภอเมืองเปลี่ยนเป็นอำเภอบางโพ อำเภอลับแลเปลี่ยนเป็นยางกระใด อำเภอเมืองพิไชย คงเรียกอำเภอเมืองพิไชย อำเภอตรอนเปลี่ยนเป็นอำเภอบ้านแก่ง อำเภอน้ำปาด เปลี่ยนเป็นอำเภอแสนตอ แต่ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนไปใช้อย่างเดิมอีก
ความเจริญของเมืองอุตรดิตถ์กลับไปเจริญที่บางโพ และท่าเสา ดังปรากฏเป็นอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน สำหรับท่าอิฐในปัจจุบัน เราจะทราบเป็นชื่อของตำบลท่าอิฐ ซึ่งก็คือบริเวณตัวเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน เพราะบริเวณบางโพก็ตั้งอยู่ในตำบลท่าอิฐ ส่วนท่าเสา ก็ได้กลายเป็นอีกตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ คือ ตำบลท่าเสา
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 17 ตำบล 157 หมู่บ้าน ได้แก่
ลำดับ | อักษรไทย | อักษรโรมัน | จำนวนหมู่บ้าน | จำนวนประชากร (ธันวาคม 2565)[23] |
---|---|---|---|---|
1. | ท่าอิฐ | Tha It | – |
29,440 |
2. | ท่าเสา | Tha Sao | 10 |
14,767 |
3. | บ้านเกาะ | Ban Ko | 10 |
9,292 |
4. | ป่าเซ่า | Pa Sao | 8 |
7,585 |
5. | คุ้งตะเภา | Khung Taphao | 8 |
8,769 |
6. | วังกะพี้ | Wang Kaphi | 9 |
9,487 |
7. | หาดกรวด | Hat Kruat | 9 |
7,535 |
8. | น้ำริด | Nam Rit | 10 |
6,881 |
9. | งิ้วงาม | Ngio Ngam | 16 |
9,095 |
10. | บ้านด่านนาขาม | Ban Dan Na Kham | 11 |
9,972 |
11. | บ้านด่าน | Ban Dan | 12 |
4,757 |
12. | ผาจุก | Pha Chuk | 14 |
7,943 |
13. | วังดิน | Wang Din | 11 |
4,611 |
14. | แสนตอ | Saen To | 8 |
3,154 |
15. | หาดงิ้ว | Hat Ngio | 10 |
4,546 |
16. | ขุนฝาง | Khun Fang | 7 |
3,812 |
17. | ถ้ำฉลอง | Tham Chalong | 4 |
1,999 |
ท้องที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 18 แห่ง ได้แก่
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.