กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
From Wikipedia, the free encyclopedia
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (อังกฤษ: gastroenteritis) หรือ ท้องร่วงจากการติดเชื้อ (อังกฤษ: infectious diarrhea) เป็นภาวะที่มีการอักเสบของอวัยวะในทางเดินอาหาร ได้แก่กระเพาะอาหารและลำไส้[8] ผู้ป่วยอาจมีอาการอุจจาระร่วง อาเจียน และปวดท้องได้[1] บางรายอาจมีไข้ อ่อนเพลีย และขาดน้ำร่วมด้วย[2][3] ส่วนใหญ่เป็นอยู่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เรียกว่ากระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน (อังกฤษ: acute gastroenteritis)[8]
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Gastro, stomach bug, stomach virus, stomach flu, gastric flu, gastrointestinitis |
ภาพไวรัสต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ เป็นภาพถ่ายกำลังขยายเท่ากัน สามารถเปรียบเทียบขนาดของไวรัสแต่ละชนิดได้: A = ไวรัสโรต้า, B = ไวรัสอะดีโน, C = ไวรัสโนโร, และ D = ไวรัสแอสโตร | |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ, วิทยาทางเดินอาหาร |
อาการ | อุจจาระร่วง, อาเจียน, ปวดท้อง, มีไข้[1][2] |
ภาวะแทรกซ้อน | ภาวะขาดน้ำ[2][3] |
สาเหตุ | เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย, ปรสิต, เชื้อรา[2][4] |
วิธีวินิจฉัย | วินิจฉัยจากอาการ, อาจส่งอุจจาระเพาะเชื้อในบางกรณี[2] |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | โรคลำไส้อักเสบไอบีดี, กลุ่มอาการดูดซึมสารอาหารบกพร่อง, ภาวะไม่ทนต่อแลกโตส[5] |
การป้องกัน | การล้างมือ, ดื่มน้ำสะอาด, ขับถ่ายของเสียให้ถูกสุขอนามัย, ให้ทารกกินนมแม่[2] |
การรักษา | สารละลายชดเชยการขาดน้ำแบบกินทางปาก (ประกอบด้วยน้ำ เกลือแกง และน้ำตาล), การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ[2] |
ความชุก | 2.4 พันล้านคน (ค.ศ. 2015)[6] |
การเสียชีวิต | 1.3 ล้านคน (ค.ศ. 2015)[7] |
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส[4] และมีบางส่วนเกิดจากการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ปรสิต และเชื้อรา[2][4] เด็กที่ป่วยภาวะนี้และมีอาการรุนแรงส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า[9] ส่วนในผู้ใหญ่ที่พบบ่อยที่สุดคือไวรัสโนโรและเชื้อแบคทีเรียแคมไพโลแบกเตอร์[10][11] พฤติกรรมที่ทำให้โรคแพร่กระจายได้แก่ กินอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย[2] การรักษาส่วนใหญ่จะเหมือน ๆ กันไม่ว่าจะมีเชื้อใดเป็นสาเหตุ ดังนั้นโดยทั่วไปจะไม่นิยมส่งตรวจหาเชื้อ[2]
การป้องกันทำได้โดยล้างมือด้วยสบู่ ดื่มน้ำสะอาด ให้ทารกกินนมแม่แทนนมชง[2] และขับถ่ายให้ถูกสุขลักษณะ ในเด็กแนะนำให้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าด้วยวัคซีน[2][9] การรักษาที่สำคัญคือการชดเชยสารน้ำ[2] ในรายที่ป่วยเล็กน้อยหรือปานกลางสามารถทำได้ด้วยวิธีกินสารละลายชดเชยสารน้ำที่ผสมจากน้ำสะอาด เกลือแกง และน้ำตาล[2] ทารกที่กินนมแม่แนะนำให้กินนมแม่ต่อไป[2] ในรายที่ป่วยรุนแรงอาจจำเป็นต้องได้รับสารน้ำผ่านการให้ทางหลอดเลือดดำ[2] หรืออาจให้ผ่านสายสวนกระเพาะอาหารทางจมูก[12] ในเด็กแนะนำให้เสริมแร่ธาตุสังกะสี[2] ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ[13] แต่ในเด็กเล็กที่มีไข้และมีอุจจาระเป็นมูกเลือดแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะร่วมในการรักษาด้วย[1]
ข้อมูล ค.ศ. 2015 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบราว 2 พันล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.3 ล้านคน[6][7] กลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเด็กและคนที่อาศัยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา[14] โดยข้อมูล ค.ศ. 2011 มีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ป่วยจากภาวะนี้ราว 1.7 พันล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 7 แสนคน[15] เด็กอายุไม่เกิน 2 ปีในประเทศพัฒนาแล้วจะป่วยจากภาวะนี้ประมาณปีละ 6 ครั้ง หรือมากกว่า[16] ในผู้ใหญ่จะพบภาวะนี้ได้น้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะภูมิคุ้มกันพัฒนาแล้ว[17] ชื่อภาษาอังกฤษของภาวะนี้ชื่อหนึ่งคือ stomach flu ("ไข้หวัดใหญ่ที่กระเพาะอาหาร") ซึ่งเป็นการเรียกชื่อที่ไม่ตรงกับสาเหตุของโรค ภาวะนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่แต่อย่างใด[18]