พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ)
ขุนนางไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน (14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2512) นักปราชญ์และนักการศึกษาคนสำคัญของไทย ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมและเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของโลกชาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2531 ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
![]() | บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) | |
---|---|
![]() | |
ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยศิลปากร | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2486 – พ.ศ. 2492 | |
นายกคณะกรรมการ | แปลก พิบูลสงคราม |
ก่อนหน้า | สถาปนามหาวิทยาลัย |
ถัดไป | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | หลีกวงหยง 14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 เมืองพระนคร ประเทศสยาม (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย) |
เสียชีวิต | 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 (80 ปี) จังหวัดพระนคร ประเทศไทย (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร) |
สัญชาติ | ไทย |
คู่สมรส | ละไม อุมารัติ |
บุตร | 10 คน |
บุพการี |
|
การศึกษา | โรงเรียนบ้านพระยานานา โรงเรียนอัสสัมชัญ |
อาชีพ | ข้าราชการ นักเขียน นักวิชาการ |
ลายมือชื่อ | ![]() |
อาชีพนักเขียน | |
นามปากกา | เสฐียรโกเศศ |
ผลงานที่สำคัญ | กามนิต-วาสิฏฐี |
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
ชาติกำเนิด
พระยาอนุมานราชธน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ที่เรือนไม้หลังหนึ่ง ติดคูด้านใต้วัดพระยาไกร แถวโรงเลื่อยบริษัทบอร์เนียว ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลพระยาไกร อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร (ซึ่งปัจจุบันคือแขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรของนายหลีกับนางเฮียะ มีชื่อเดิมว่า หลีกวงหยง ต่อมา ได้เปลี่ยนเป็น ยง และได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเสฐียรโกเศศ [1] ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 จึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ราชทินนามอนุมานราชธนเป็นชื่อสกุล[2]
การศึกษา
เมื่ออายุราวห้าหกขวบได้เริ่มเรียนหนังสือกับบิดา โดยต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาอ่านหนังสือ ครั้นอายุได้สักสิบขวบมารดาก็พาไปฝากเข้าโรงเรียนบ้านพระยานานา อยู่แถวใต้ปากคลองวัดทองเพลง เป็นนิวาสถานเดิมของพระยานานาพิพิธ บุตรชายคนหนึ่งของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ โรงเรียนนี้สอนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กชายยงเรียนได้เร็วมากกว่าคนอื่นเพราะได้เรียนหนังสือมาแล้วกับบิดา
ต่อมาจึงเข้าเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ ในปี พ.ศ. 2443 ได้เลขประจำตัว อสช 1112[3] ขณะนั้นโรงเรียนใช้ระบบการสอนเป็นภาษาอังกฤษ มีการสอนภาษาไทยบ้างสัปดาห์ละสองชั่วโมงเท่านั้น ยง เสฐียรโกเศศ ได้เล่าเรียนจบชั้นมัธยม 4 พอขึ้นชั้นมัธยม 5 ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะครอบครัวมีฐานะไม่ดี รวมทั้งมีพี่น้องหลายคนและพระยาอนุมานราชธนเป็นบุตรคนโต กระนั้นท่านกลับศึกษานอกระบบโรงเรียนและศึกษาตลอดชีวิต ด้วยมีนิสัยรักความรู้ กระทั่งได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์คนสำคัญของไทย
การทำงาน
หลังออกจากโรงเรียนท่านได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการไปฝึกหัดผสมยาที่โอสถศาลาของรัฐบาล และได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในตอนกลางคืน แต่เมื่อมิได้รับเบี้ยเลี้ยง จึงลาออกไปทำงานโรงแรมโอเรียนเต็ล ได้เงินเดือนๆ ละ 60 บาท ทำได้ไม่ถึงปีจึงลาออกไปทำงานที่กรมศุลกากรในตำแหน่งเสมียน เงินเดือนๆ ละ 50 บาท ทั้งนี้เพื่อมีเวลาพักผ่อนมากกว่าและรับยกเว้นเกณฑ์เข้าเป็นทหารด้วย ที่กรมศุลกากร พระยาอนุมานราชธนได้พบนายนอร์แมน แมกสแวล ผู้เป็นทั้งหัวหน้าและเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษให้พระยาอนุมานราชธนจนแตกฉาน รับราชการก้าวหน้ามาโดยตลอด และได้เลื่อนตำแหน่งจากขุน เป็นหลวง เป็นพระ ตามลำดับ
จนถึงปี พ.ศ. 2467 จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุมานราชธน มีตำแหน่งราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา 1000[4]
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเหตุต้องออกจากราชการในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดี แต่สองปีถัดมา หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) ซึ่งเป็นอธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้น ได้ชวนให้กลับมารับราชการที่กรมศิลปากร และด้วยความรู้ความสามารถของท่านจึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นตามลำดับ ตำแหน่งสุดท้ายได้เป็นอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งภายหลังการเกษียณอายุราชการและการต่ออายุราชการหลายครั้ง จึงออกจากราชการมารับบำนาญ
ครอบครัว
สรุป
มุมมอง

พระยาอนุมานราชธน สมรสกับคุณหญิงละไม อนุมานราชธน (สกุลเดิม อุมารัติ) บิดาและมารดาแยกทางกันจึงอาศัยอยู่กับป้า ชื่อ แม่หมออี้ ซึ่งเป็นชีอยู่นิกายคริสต์คาทอลิก นางสาวละไมจึงเข้ารีตตามป้าไปด้วย
ความรักของพระยาอนุมานราชธนกับคุณหญิงอนุมานราชธนเป็นรักแรกพบ มีความประทับใจเมื่อแรกเห็นจึงพยายามทำความรู้จัก และขอคุณหญิงอนุมานราชธนแต่งงานโดยเหตุที่ว่าเธอเป็นแม่บ้านแม่เรือนรู้จักจัดการต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และคงปรนนิบัติมารดาและพี่น้องของท่านให้ได้รับความสะดวกสบายได้
ท่านมิได้จัดงานเลี้ยง เนื่องจากทางครอบครัวโดยเฉพาะมารดาไม่พอใจกับสะใภ้ที่เข้ารีตผู้นี้ คุณหญิงอนุมานราชธนท่านก็มีขันติอดทนอดกลั้นเป็นอย่างดี พระยาอนุมานราชธนก็มีความซื่อสัตย์ต่อภริยาเป็นอย่างยิ่ง มิได้มีภริยาอื่นเพิ่มเติมอีก
พระยาอนุมานราชธน และคุณหญิงอนุมานราชธน มีบุตรธิดาร่วมกัน 10 คน ดังรายนามต่อไปนี้
- นางสมไสว เหราบัตย์
- นายสมจัย อนุมานราชธน
- เด็กหญิงสมปอง อนุมานราชธน
- นางสมศรี สุกุมลนันทน์
- นางสาวภัทรศรี อนุมานราชธน
- ศาสตราจารย์มัลลี เวชชาชีวะ
- นายยรรยง อนุมานราชธน
- นายญาณิน อนุมานราชธน
- พันตำรวจเอก บรรยง อนุมานราชธน
- ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงยุวัน อนุมานราชธน
หลังเกษียณอายุแล้ว ท่านก็ยังคงเขียนหนังสือและตำราออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะงานเขียนร่วมกับพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ซึ่งมักทำงานด้วยกันโดยใช้นามปากกาว่า เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เรียบเรียงหนังสือ ตำรา และวรรณกรรมอันทรงคุณค่าออกมาเป็นจำนวนมาก
พระยาอนุมานราชธนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2512
บรรดาศักดิ์และยศ
- 18 มกราคม พ.ศ. 2454 เป็น ขุนอนุมานราชธน[5]
- 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 เป็น หลวงอนุมานราชธน มีตำแหน่งในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา 600[6]
- 21 กรกฎาคม 2462 – เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์[7]
- 22 ธันวาคม พ.ศ. 2463 เป็น พระอนุมานราชธน มีตำแหน่งราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา 800[8]
- 30 ธันวาคม 2463 – อำมาตย์ตรี[9]
- 1 มกราคม พ.ศ. 2467 เป็น พระยาอนุมานราชธน มีตำแหน่งราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา 1,000[10]
- 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 ลาออกจากบรรดาศักดิ์[11]
- 16 เมษายน พ.ศ. 2491 กลับคืนมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุมานราชธนตามเดิม[12]
ผลงานสำคัญ
สรุป
มุมมอง
ผลงานสำคัญของพระยาอนุมานราชธนในช่วงเวลา 80 ปีเศษแห่งชีวิตของท่านมีมากนับเป็นหนังสือได้มากกว่า 200 รายการ ดังปรากฏในเว็บไซต์ของคลังปัญญาชนสยาม ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับงานวรรณกรรมของประเทศไทย เรียงตามลำดับปีที่ตีพิม์เท่าที่ทราบดังนี้
ผลงานที่ทราบปีที่ตีพิมพ์
ปีที่ตีพิมพ์ที่ปรากฏเป็นปีตีพิมพ์ที่ทราบ มีหลายรายการที่มีการตีพิมพ์มาก่อนแล้ว เช่น หิโตปเทศ ที่ตีพิมพ์โดย "โรงพิมพ์ไท" มาตั้งแต่ครั้งแรกร่วมงานกับพระสารประเสริฐ หรือ "นาคะประทีป"
|
|
ผลงานที่ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจปีที่ตีพิมพ์
|
|
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2508 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[13]
- พ.ศ. 2500 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[14]
- พ.ศ. 2504 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)[15]
- พ.ศ. 2496 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[16]
- พ.ศ. 2487 –
เหรียญช่วยราชการเขตภายใน การรบสงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ร.)[17]
- พ.ศ. 2481 –
เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[18]
- พ.ศ. 2493 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 3 (อ.ป.ร.3)[19]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.