Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พลตรี[1]พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) (อังกฤษ: Gustave Schau; 28 ตุลาคม พ.ศ. 2402- 31 สิงหาคม พ.ศ. 2462) เป็นอธิบดีกรมตำรวจภูธรคนที่ 5
พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) | |
---|---|
อธิบดีกรมตำรวจภูธร | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2456 – พ.ศ. 2458 | |
ก่อนหน้า | อีริกเซ็นต์ เย ลอสัน |
ถัดไป | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ. 2402 ประเทศเดนมาร์ก |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2462 |
พลตรี พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2402 เป็นชาวเดนมาร์ก บิดาชื่อพันตรีเอินส์ท เฟรเดอริก เชา บิดาของเขาก็ได้เสียชีวิตในสงครามกับปรัสเซีย กุสตาฟ เชา ลาออกจากโรงเรียนไปเป็นทหาร สังกัดหน่วยทหารราบเมื่ออายุได้ 17 ปี ในขณะที่วัลเดอมาร์ เชา พี่ชายที่แก่กว่าสองปีได้ทำงานเป็นนักกฎหมาย และได้เป็นถึงผู้พิพากษาศาลสูงในโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก
ต่อมาร้อยตรีกุสตาฟ เชาได้เดินทางไปทำงานในสยาม โดยได้ขอเข้าเฝ้าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ[2] (พระยศในขณะนั้น) เพื่อทูลขอให้รับเข้าทำงานในกองทัพ โดยได้แสดงเอกสารรับรองด้านการทหารให้ทอดพระเนตร ซึ่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพทรงพอพระทัยและทรงรับไว้ทำงานทันที โดยให้ทำงานในตำแหน่งครูฝึกทหาร ในบรรดาศักดิ์ที่ หลวงศัลวิธานนิเทศ ถือศักดินา 1000 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ร.ศ. 108 (พ.ศ. 2432)[3]และก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ[4] จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สุดท้ายที่ พระยาวาสุเทพ เจ้ากรมมหาดไทยตำรวจภูธรขวา ถือศักดินา 1000 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2449[5]
ผลงานหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้แก่กุสตาฟ เชา คือ การปราบปรามอั้งยี่ในย่านสำเพ็ง โดยบันทึกของเจ้าหน้าที่ทางการของเดนมาร์ก คือ วอลเตอร์ คริสต์มาส เมิลเลอร์กล่าวว่า ผู้บังคับการทหารเรือ คือ อองเดร ริเชอลิเยอ ได้นำกำลังทหารเรือ 400 นาย ร่วมกับทหารใต้บังคับบัญชาของร้อยเอกกุสตาฟ เชาอีก 300 นายร่วมกันปฏิบัติการดังกล่าว โดยมีผู้ถูกจับกุมไปร่วมร้อยคน[6]
หลังรับราชการในกองทัพ กุสตาฟ เชาได้รับการติดต่อให้ทำหน้าที่ก่อตั้งและควบคุมดูแลงานตำรวจนครบาล และงานตำรวจภูธร โดยกุสตาฟ เชา ยินดีรับทำเพียงงานเดียว คือ การก่อตั้งกิจการตำรวจภูธร โดยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสนาบดีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กราบบังคมทูลและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง "กรมตำรวจภูธร" ขึ้น ในปี พ.ศ. 2440[7] แทนกรมกองตระเวนหัวเมือง และได้แต่งตั้งให้ พันเอกกุสตาฟ เชา หรือ หลวงศัลวิธานนิเทศ มาเป็นเจ้ากรม
ในการเริ่มต้นก่อตั้งสถานีตำรวจภูธร กุสตาฟ เชาได้จัดวางอัตรากำลังสำหรับสถานีตำรวจแต่ละแห่งไว้ 250 นาย มีนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาทั้งชาวสยามและเดนมาร์ก โดยกระจายสถานีตำรวจออกไปในแต่ละท้องที่ประมาณ 400 สถานี ซึ่งต้องใช้กำลังตำรวจร่วมหมื่นนาย เนื่องจากต้องการกำลังพลจำนวนมาก เจ้ากรมตำรวจภูธรจึงรายงานความเห็นและขออนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยเพื่อจัด ตั้งโรงเรียนสำหรับผลิตนายตำรวจขึ้นเอง ในปี พ.ศ. 2444 จึงได้มีการจัดตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจภูธรขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา[8] ในบริเวณที่ราชการให้ชื่อว่า"ประตูชัยณรงค์" ซึ่งเดิมชาวเมืองเรียกกันว่า "ประตูผี" (ปัจจุบันคือที่ตั้งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3) ไปก่อน แล้วจึงค่อยย้ายไปในที่ที่เหมาะสมต่อไป
ในฐานะของเจ้ากรมตำรวจภูธร กุสตาฟ เชาถือได้ว่าเป็นเจ้านายที่ลูกน้องรัก ได้รับความเคารพนับถือในความสามารถด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการบริหารจัดการองค์กร ความมองการณ์ไกล ความยุติธรรม เหนือสิ่งอื่นใด คือ พลังงานในการทำงานที่ล้นเหลือ ความทุ่มเทของพระยาวาสุเทพ เจ้ากรมตำรวจภูธรนี้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หน่วยงานตำรวจภูธรถือเป็นหน่วยงานที่มีผลงานดีเยี่ยมที่สุดหน่วยงานหนึ่งในยุคนั้น
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เจ้านายพระองค์ต่าง ๆ ที่เสด็จไปศึกษายังต่างประเทศได้เสด็จกลับมา ก็ได้เข้ารับราชการในตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ แทนชาวต่างชาติ ในช่วงเวลานั้น สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพก็ทรงลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีมหาดไทย และตัวของพระยาวาสุเทพ หรือกุสตาฟ เชาก็ขอลาออกไปเพื่อขอรับพระราชทานเงินบำนาญด้วยเช่นกันเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2457 โดยมี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ ผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยมารับตำแหน่งแทน [9] โดย พลตรี พระยาวาสุเทพ ได้เข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ สถานีรถไฟบางกอกน้อย เพื่อกราบถวายบังคมลากลับประเทศเดนมาร์กซึ่งเป็นบ้านเกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2457[10]
พระยาวาสุเทพ (กุสตาฟ เชา) ถึงแก่กรรมเมื่อพ.ศ. 2462 อายุได้ 60 ปี
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.