ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศในทวีปยุโรปตะวันตก / From Wikipedia, the free encyclopedia
ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: France; ออกเสียง: [fʁɑ̃s] ( ฟังเสียง))[12] หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: République française) เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก มีประชากรราว 68 ล้านคน (ค.ศ. 2023) แบ่งการปกครองออกเป็น 18 แคว้น[13] (รวมแคว้นโพ้นทะเล 5 แคว้น) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 643,801 ตารางกิโลเมตร ฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์รา และสเปน และยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ[14] และเนื่องจากการมีดินแดนโพ้นทะเลในครอบครอง ทำให้ฝรั่งเศสมีเขตเวลาแตกต่างกันมากถึง 12 เขต มากกว่าทุกประเทศบนโลก[15] รวมทั้งมีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิล ซูรินาม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ (ติดกับแซ็ง-มาร์แต็ง) ฝรั่งเศสเป็นประเทศรัฐเดี่ยวโดยปกครองด้วยระบบกึ่งประธานาธิบดี เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือกรุงปารีสซึ่งถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของทวีปยุโรป[16] และยังมีเมืองสำคัญอื่น ๆ[17] เช่น ลียง, มาร์แซย์, ตูลูส, บอร์โด, ลีล, สทราซบูร์ และ นิส
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สาธารณรัฐฝรั่งเศส | |
---|---|
ที่ตั้งของ ฝรั่งเศส (แดงหรือเขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ปารีส 48°51′N 2°21′E |
ภาษาทางการ และภาษาประจำชาติ | ฝรั่งเศส[upper-roman 1] |
สัญชาติ (2018) |
|
ศาสนา (2020) |
|
เดมะนิม | ชาวฝรั่งเศส |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบกึ่งประธานาธิบดี สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ |
แอมานุแอล มาครง | |
กาบรีแยล อาตาล | |
• ประธานวุฒิสภา | เฌราร์ ลาร์เชอร์ |
• ประธานสมัชชาแห่งชาติ | ยาแอล โบรน-ปีแว |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สมัชชาแห่งชาติ |
ก่อตั้ง | |
ค.ศ. 500 | |
สิงหาคม ค.ศ. 843 | |
3 กรกฎาคม ค.ศ. 987 | |
• ก่อตั้งสาธารณรัฐ | 22 กันยายน ค.ศ. 1792 |
1 มกราคม ค.ศ. 1958 | |
4 ตุลาคม ค.ศ. 1958 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 640,679 ตารางกิโลเมตร (247,368 ตารางไมล์)[4] (อันดับที่ 42) |
0.86 (ใน ค.ศ. 2015)[5] | |
551,695 km2 (213,011 sq mi)[upper-roman 5] (อันดับที่ 50) | |
• ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ (Cadastre) | 543,940.9 km2 (210,016.8 sq mi)[upper-roman 6][6] (อันดับที่ 50) |
ประชากร | |
• พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ประมาณ | 67,413,000 คน[7] (อันดับที่ 20) |
• ความหนาแน่น | 104.7109/กม.2 (อันดับที่ 106) |
• ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ ประมาณ ข้อมูลเมื่อ May 2021[update] | 65,239,000[8] (อันดับที่ 23) |
116 ต่อตารางกิโลเมตร (300.4 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 89) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2023 (ประมาณ) |
• รวม | 3.667 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 9) |
• ต่อหัว | 56,036 ดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 24) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2023 (ประมาณ) |
• รวม | 2.923 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 7) |
• ต่อหัว | 44,408 ดอลลาร์สหรัฐ[9] (อันดับที่ 23) |
จีนี (ค.ศ. 2019) | 29.2[10] ต่ำ |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.910[11] สูงมาก · อันดับที่ 28 |
สกุลเงิน |
|
เขตเวลา | UTC+1 (เวลายุโรปกลาง) |
UTC+2 (เวลาออมแสงยุโรปกลาง[upper-roman 9]) | |
หมายเหตุ: มีเส้นเวลาหลายแห่งในดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส[upper-roman 10] ถึงแม้ว่าประเทศฝรั่งเศสใช้เขตเวลายุโรปตะวันตก/UTC (Z) ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1940 ก่อนการยึดครองของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สอง, เวลายุโรปกลาง/UTC+01:00 ถูกใช้เป็นเวลามาตรฐาน ซึ่งปรับเพียง +0:50:39 (และ +1:50:39 ในช่วงเวลาออมแสง) จากเวลาเฉลี่ยท้องถิ่นปารีส (UTC+0:09:21). | |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป (ค.ศ.) |
ไฟบ้าน | 230 โวลต์–50 เฮิร์ซ |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | +33[upper-roman 11] |
โดเมนบนสุด | .fr[upper-roman 12] |
ข้อมูลหลายแหล่งให้ข้อมูลพื้นที่ของประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ที่ 551,500 ตารางกิโลเมตร และรายชื่อดินแดนโพ้นทะเลต่างกัน ซึ่งรวมกันแล้วมีพื้นที่ 89,179 ตารางกิโลเมตร เมื่อรวมแล้วจะได้พื้นที่สาธารณรัฐฝรั่งเศสทั้งหมด รายงานของซีไอเอบันทึกที่ 643,801 ตารางกืโลเมตร |
ดินแดนของฝรั่งเศสเริ่มมีมนุษย์เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยยุคหินเก่า ชาวเคลต์ถือเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากในยุคเหล็กรวมตัวกันในบริเวณที่เป็นประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน ก่อนที่จักรวรรดิโรมันจะผนวกดินแดนแห่งนี้ในช่วง 51 ปีก่อนคริสตกาล และก่อให้เกิดวัฒนธรรมโรมันกอลซึ่งเป็นรากฐานของภาษาฝรั่งเศส ชาวแฟรงก์เดินทางมาถึงบริเวณนี้ใน ค.ศ. 476 และก่อตั้งราชอาณาจักรแฟรงก์ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิการอแล็งเฌียง ก่อนที่สนธิสัญญาแวร์เดิงจะแบ่งพื้นที่อาณาจักร และอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตกได้กลายเป็นราชอาณาจักรฝรั่งเศสใน ค.ศ. 987[18]
ฝรั่งเศสเป็นมหาอำนาจมาตั้งแต่สมัยกลาง และปกครองด้วยระบบฟิวดัล พระเจ้าฟีลิปที่ 2 เสริมสร้างอำนาจของราชวงศ์และยังขยายอาณาจักรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ ราชอาณาจักรก็กลายเป็นรัฐที่มีอำนาจมากที่สุดในยุโรป[19] ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 14 ถึงกลางศตวรรษที่ 15 ฝรั่งเศสเผชิญความขัดแย้งทางราชวงศ์นำไปสู่สงครามร้อยปี ก่อนจะเข้าสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาซึ่งตามมาด้วยความเจริญทางศิลปะและวัฒนธรรม ในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสยังทำสงครามกับชาติต่าง ๆ และมีการล่าอาณานิคมทั่วโลก และในศตวรรษที่ 20 พวกเขาเป็นชาติที่มีอาณานิคมมากเป็นอันดับสองของโลก[20] ในศตวรรษที่ 16 สงครามศาสนาระหว่างชาวคาทอลิกและอูว์เกอโนทำให้ราชอาณาจักรอ่อนแอลง ก่อนจะกลับมาเป็นมหาอำนาจของยุโรปอีกครั้งในศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่หลังสิ้นสุดสงครามสามสิบปี ฝรั่งเศสต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย[21] และการทำสงครามอื่น ๆ (โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ในสงครามเจ็ดปีและการมีส่วนร่วมในสงครามปฏิวัติอเมริกา) ทำให้ราชอาณาจักรระส่ำระส่ายอย่างหนักจนสิ้นสุดศตวรรษที่ 18 นำไปสู่การปฏิวัติใน ค.ศ. 1789 ซึ่งเป็นการล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ การปฏิรูประบอบเก่า การประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และกลายสภาพเป็นสาธารณรัฐสมัยใหม่ชาติแรก ๆ ในประวัติศาสตร์ และสร้างปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและพลเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
ฝรั่งเศสยังเป็นมหาอำนาจอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ภายใต้จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ทรงปราบปรามภูมิภาคอื่น ๆ ในยุโรปและสถาปนาจักรวรรดิที่หนึ่ง การล่มสลายของจักรวรรดินำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความเสื่อมโทรมจนเกิดการก่อตั้งสาธารณรัฐที่ 3 ระหว่างสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียใน ค.ศ. 1870 ทศวรรษต่อมาเป็นช่วงเวลาของความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู ที่เรียกว่ายุคสวยงาม[22] ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในสมัยระหว่างสงคราม โดยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ถูกฝ่ายอักษะยึดครองใน ค.ศ. 1940[23] หลังจากการปลดแอกใน ค.ศ. 1944 สาธารณรัฐที่ 4 ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และถูกยุบในช่วงสงครามแอลจีเรีย ก่อนที่สาธารณรัฐที่ 5 จะก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1958 โดย ชาร์ล เดอ โกล ประเทศแอลจีเรียและอาณานิคมของฝรั่งเศสส่วนใหญ่ได้รับอิสรภาพในทศวรรษที่ 1960 โดยยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฝรั่งเศสมาถึงปัจจุบัน
ฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางของโลกทางศิลปะ แฟชั่น วิทยาศาสตร์ และปรัชญามาหลายศตวรรษ[24][25] และมีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก[26] รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก[27] (89 ล้านคนใน ค.ศ. 2018)[28] ฝรั่งเศสเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีระบบการศึกษา สาธารณสุข และระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพสูง[29] อีกทั้งยังติดอันดับในแง่ของคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์สูง ฝรั่งเศสมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกโดยวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และอันดับ 9 หากวัดตามภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ ฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิก รวมทั้งเป็นหนึ่งในห้าประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส, กลุ่ม 7, เนโท และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒ และยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีอาวุธนิวเคลียร์[30]