โรงงานเทสลา
โรงงานผลิตรถยนต์ในฟรีมอนต์ แคลิฟอร์เนีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงงานผลิตรถยนต์ในฟรีมอนต์ แคลิฟอร์เนีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
37°29′41.12″N 121°56′41.16″W โรงงานเทสลา เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองฟรีมอนต์รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นโรงงานผลิตหลักของบริษัทเทสลามีอีลอน มัสก์เป็นกรรมการผู้จัดการในอดีตนั้นเป็นที่รู้กันคือเป็นโรงงานนิวยูไนเต็ดมอเตอร์ (NUMMI) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันลงทุนระหว่างบริษัทเจเนรัลมอเตอร์ และโตโยต้า[2] โดยเทสลาเป็นเจ้าของโรงงานนี้ในปี พ.ศ. 2553[3] โรงงานตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมฝั่งตะวันออกของเมืองฟรีมอนต์ระหว่างทางหลวงหมายเลข 880 กับ 680 ปัจจุบันโรงงานผลิตรถรุ่น โมเดลเอส, โมเดลเอ็กซ์ และโมเดลสาม และมีลูกจ้างประมาณ 10,000 คนในเดือนมิถุนายน ปี 2561[1]
เทสลา โมเดล S เริ่มผลิตที่โรงงานเทสลา | |
อุตสาหกรรม | โรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ |
---|---|
ก่อนหน้า |
|
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2553 (อายุ 14 ปี) |
สำนักงานใหญ่ | , |
ผลิตภัณฑ์ | เทสลา Model S เทสลา Model 3 เทสลา Model X เทสลา Model Y |
เจ้าของ | เทสลามอเตอร์ส (Tesla motors, Inc.) |
พนักงาน | 10,000[1] |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
บริษัทเทสลาวางแผนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองแอลบูเคอร์คี รัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์กลางสำหรับการขนส่งสินค้า[4][5] การก่อสร้างควรจะเริ่มในเดือนเมษายน 2550 แต่ถูกยกเลิกไป[6] ได้มีการประกาศตั้งโรงงานแยกต่างหากในโครงการกรีนฟิลด์ที่จะสร้างในเมืองซานโฆเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย[7] อย่างไรก็ตามงบประมาณการก่อสร้างถูกระงับ บริษัทจึงได้มองหาทางเลือกใหม่ Tesla ยังยกเลิกการเลือกโรงงาน NUMMI เนื่องจากมีขนาดใหญ่เกินไปและมีราคาแพง[8]
บางส่วนของโรงงานในปัจจุบันได้เปิดดำเนินการเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ฟรีมอนต์ของ GM ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ถึง 2525 และระหว่าง พ.ศ. 2527-2552 ใช้เป็นโรงงานผลิตของบริษัท นิวมอเตอร์ยูไนเต็ดแมนูแฟคเจอริง (NUMMI)[9] อันเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทเจเนรัลมอเตอร์ และโตโยต้า[2][10] ผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกได้ 428,633 คันในปี พ.ศ 2549[11] มีความพยายามในการใช้สถานที่นั้นต่อหลังปี 2553 รวมไปถึงการประกาศข้อเสนอของบริษัทสตาร์ตอัพ ออริกามอเตอร์ส (Aurica Motors) รัฐได้ประกาศให้สิ่งจูงใจแก่โตโยต้า รวมทั้งการสร้างสนามฟุตบอล แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ นายกเทศมนตรีเมืองฟรีมอนต์มองว่าพื้นที่ดังกล่าวร้างแล้ว[12]
โรงงานตั้งอยู่ที่เขตฟรีมอนต์ใต้ระหว่างสถานี Warm Springs BART[13] และทางหลวงรัฐแคลิฟอร์เนียหมายเลย 262 เชื่อมต่อหมายเลย I880 กับ I680 ทางรถไฟของยูเนียนแปซิฟิก (Union Pacific) มีรางยาวไปถึงโรงงาน[14][15] สำหรับส่งมอบรถที่ประกอบเสร็จแล้ว[16] การขนส่งสินค้าทางรถไฟยังถูกใช้รับแบตเตอรี, ชุดชิ้นส่วนส่งกำลังขับเคลื่อนล้อ (drivertrains) ของรุ่นโมเดล 3 และชิ้นส่วนอื่น ๆ มาจากโรงงานกิกะแฟกตอรี (Gigafactory)[17]
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 บริษัทเทสลา และโตโยต้า ประกาศเป็นหุ้นส่วนกันที่จะทำการพัฒนายานพาหนะไฟฟ้า และร่วมมือกันบนโครงการ "การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และระบบการผลิต และการสนับสนุนด้านวิศวกรรม" รวมไปถึงเทสลาได้ซื้อบางส่วนของพื้นที่โรงงานเก่าของ NUMMI โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยอาคารโรงงาน[18][19] ในราคา 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[20]
เทสลาเข้าครอบครองพื้นที่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553[12] และเปิดดำเนินการวันที่ 27 ตุลาคม[3] ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียได้สนับสนุนการรื้อฟื้นดังกล่าวโดยคาดหวังรายได้ภาษีจากงานที่ได้สนับสนุนไป[21][22] การส่งมอบรถเทสลารุ่น S ครั้งแรกแบบค้าปลีกจัดขึ้นระหว่างการจัดงานพิเศษที่โรงงานเทสลาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555[23]
NUMMI ปิดประมูลสายการผลิต[24] มีหุ่นยนต์และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อย้ายไปยังโรงงานอื่น ๆ ของโตโยต้าในสหรัฐ[25][26] ขณะที่เทสลาซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนอะไหล่มือสองมากกว่า 17 ล้านเหรียญสำหรับการผลิตในปี 2554 ซึ่งมีส่วนลดมากเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ใหม่[27] เทสลาซื้อสายการผลิตปั๊มไฮดรอลิกเก่าของ Schuler SMG มา 50 ล้านเหรียญจากดีทรอยต์มูลค่า 6 ล้านเหรียญรวมค่าจัดส่ง[28]
โรงงานกินขนาดพื้นที่ 10 เท่าของพื้นที่ที่ต้องการเริ่มต้น[8][29][30] และจำนวนมากของพื้นที่ 370 เอเคอร์ที่ยังไม่ถูกใช้งานในปี 2556 อาคารหลักที่ผลิตขั้นตอนสุดท้ายของการประกอบยานพาหนะพร้อมด้วยกิจกรรมส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ใน 5,500,000 ตารางฟุต[12]
ส่วนต่าง ๆ ของโรงงาน NUMMI มีการวางแผนที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อสนับสนุนการผลิตรถยนต์ของเทสลา ตัวอย่างเช่นอุปกรณ์พ่นสีห้องโดยสารจะต้องได้รับการแก้ไขหลายอย่างตลอดปี พ.ศ. 2554[12] สีเปลี่ยนจากแบบสารละลายไปเป็นสีรองพื้นแบบน้ำของบริษัทบีเอเอสเอฟ (BASF)[28] ไลน์พ่นสี 2 เครื่อง (หนึ่งตัวรถ หนึ่งส่วนประกอบ) ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2558[31][32][33] โดยในปี พ.ศ. 2557 มีการใช้งานครึ่งหนึ่งของพื้นที่โรงงาน[30]
พื้นโรงงาน ผนัง และเพดานถูกทาด้วยสีขาว หลังคาติดกระจกรับแสงสว่างจากแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสร้างสภาพแวดล้อมคล้ายกับห้องปฏิบัติการ[34][35] และสภาพแวดล้อมในการผลิตมีความสะอาดและเงียบมากกว่าของ NUMMI[9]
เทสลากำลังก่อสร้างเครื่องหล่อในเมืองลาทรอป (Lathrop) เพื่อสนับสนุนการผลิตในเมืองฟรีมอนต์[36][37][38] และเช่าพื้นที่โกดัง 1.3 ล้านตารางฟุตในเมืองลิเวอร์มอร์ (Livermore) ในปี พ.ศ. 2560[39]
ในปี 2559 มีพื้นที่จอดรถ 4,500 คัน[40] และเทสลาซื้อที่ 25 เอเคอร์ที่อยู่ข้างเคียงจากบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยชื่อ Lennar[41][42] เทสลาประกาศในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ว่าได้รับการอนุมัติจากสภาเทศบาลเมืองฟรีมอนต์ เพื่อเพิ่มขนาดประมาณ 4.6 ล้านตารางฟุตของพื้นที่ใหม่สำหรับเครื่องจักรอำนวยความสะดวกต่าง ๆ[43] เทสลายังวางแผนที่จะขยายการผลิตห้าเท่าถึง 500,000 คันในปี 2561[43] หรือ 10,000 คันต่อสัปดาห์[44]
เทสลาเริ่มต้นการผลิตกับพนักงาน 1,000 คน[45] โดยปี พ.ศ. 2556 ได้เพิ่มขึ้นถึง 3,000 คน[46] และ 6,000 คนในมิถุนายน 2559[47] ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2560 เทสลาว่าจ้างพนักงาน 10,000 คนที่โรงงานในฟรีมอนต์[48]
นอกจากพนักงานของเทสลาแล้ว บริษัท ยังใช้ผู้รับเหมาในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ในเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ. 2561 อีลอน มัสก์ มีเป้าหมายชัดเจนในการลดข้อติดขัด และเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพภายในการดำเนินงาน โดยตัดสินใจตัดผู้รับเหมาและผู้รับเหมาช่วง และสั่งให้พนักงานแสดงเหตุผลและรับรองผู้รับเหมาที่มีความคุ้มค่า[49][50]
การผลิตยานพาหนะชุดแรกของโรงงานเป็นเทสลา รุ่น S รถยนต์ซีดานใช้ไฟฟ้าแบตเตอรีล้วน ในปี พ.ศ. 2554 เทสลาเปลี่ยนจากรุ่นที่ประกอบด้วยมือ 20 "alpha builds" ไปเป็น 50 "beta builds"[51] การผลิตและการตรวจสอบการสร้างรถยนต์ทั้งหมดทำที่โรงงานเทสลา รถเหล่านั้นยังใช้ระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การทดสอบทางวิศวกรรม และการทดสอบการชนและได้รับการรับรองโดยรัฐบาลกลาง[52] เทสลาคาดหวังที่จะผลิตรุ่น S ซีดาน ประมาณ 5,000 คันในปี พ.ศ. 2555 พร้อมด้วยการผลิตอย่างก้าวกระโดดไปที่ 20,000 คันในปี 2556 ถ้าจำเป็น[53][54] ครั้งแรกของการจำหน่ายปลีกได้ส่งมอบรถรุ่น S ในระหว่างการจัดงานพิเศษที่โรงงานเทสลา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555[23]
การผลิตเติบโตขึ้นจากการผลิตได้ 15-20 คัน ต่อสัปดาห์ในเดือนสิงหาคม 2555[55] เพิ่มขึ้นเป็น 200 คันในเดือนพฤศจิกายน[56] และ 400 คันในปลายเดือนธันวาคม[57][58] และในปลายเดือนนั้นเทสลาได้ปรับลดการส่งมอบในปี 2555 ของพวกเขาลงเหลือ 2,500 คัน[59]
การส่งมอบรถอยู่ที่ 6,892 คันในสามเดือนสุดท้ายของปี 2556[60] ในเดือนธันวาคมปี 2556 รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศให้เทสลาลดหย่อนภาษี 34.7 ล้านได้ สำหรับการขยายการผลิตไปที่ประมาณ 35,000 คันต่อปีจากโรงงานในฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย[61]
เทสลาประกาศว่าการผลิตได้รับการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 600 คันต่อสัปดาห์ในต้นปี 2557 เป็นประมาณ 1,000 คันต่อสัปดาห์ภายในสิ้นปี[62] เทสลาผลิตได้ 7,535 คันในระหว่างไตรมาสแรกของปี 2557 และคาดว่าจะผลิตได้ 8,500 คันถึง 9,000 คันในไตรมาสที่สองของปี 2557 ซึ่งต้นเดือนพฤษภาคมปี 2557 อัตราการผลิตเป็น 700 คันต่อสัปดาห์[63]
ปี 2558 ผลิตได้ประมาณ 1,000 คันต่อสัปดาห์[64][65] ส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อล่วงหน้า มัสก์บอกว่าเฉลี่ยพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่น S ประมาณ 20 คำสั่งต่อสัปดาห์[66]
การผลิตรถรุ่น X รวมกับรุ่น S ในระหว่างปี 2558[67] หลังจากการปรับโครงสร้างใหม่ของสายการผลิตในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557[68] รถโมเดล X รุ่นแรกที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไขได้รับการผลิตในเดือนเมษายน 2559[69] เทสลาย้ายเครื่องมือหนักบางส่วนของโรงงานไปยัง Tilburg ซึ่งเป็นโรงงานประกอบขั้นสุดท้ายในเนเธอร์แลนด์ในปี 2558[70]
ในเดือนกรกฎาคมปี 2558 เทสลาประกาศว่าโรงงานส่งมอบได้ทั้งหมดรวม 21,537 คันในครึ่งแรกของปี 2558 ยานพาหนะทั้งหมดถูกผลิตขึ้นที่โรงงานฟรีมอนต์[71]
ในเดือนพฤษภาคมปี 2559 เทสลาซึ่งบริษัทมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1.46 พันล้านเหรียญ ได้ลงทุน 1.26 พันล้านเหรียญเพื่อเตรียมการผลิตรถในรุ่นโมเดล 3 โดยกำหนดไว้ปลายปี 2560[72][73] เปลี่ยนแปลงจากการผลิตเป็นแบบซีรีส์โมเดล S และโมเดล X ไปเป็นแบบการผลิตแบบจำนวนมาก (mass production) คือโมเดล 3 ซึ่งถูกมองโดยผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญ[74] เทสลาระบุไว้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2559 ว่ายังไม่มีศักยภาพถึงขั้นนั้นและจำเป็นที่จะต้องหามา[75] ซึ่งส่วนหนึ่งได้เข้าซื้อกิจการของ Grohmann Automation ในปี 2559[76] ในขณะที่รถยนต์เปิดประทุนต้องล่าช้าไป 9 เดือน รถโมเดล S ช้าไปมากกว่า 6 เดือน และโมเดล X ช้าไปมากกว่า 18 เดือน[77] นักวิเคราะห์ประมาณการว่าในเดือนธันวาคม ปี 2559 การเตรียมการผลิตรถโมเดล 3 น่าจะได้กำหนดการในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2560[78]
ในวันที่ 3 เดือนตุลาคม ปี 2559 เทสลาประกาศว่ามันได้ผลิตอย่างสม่ำเสมอที่ 2,000 คันต่อสัปดาห์ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2559[79][80] พนักงานประมาณ 2,500 คนทำงานกะกลางวันและ 2,000 คนเข้ากะกลางคืน[40]
เทสลาผลิตชิ้นส่วนเองหลายส่วน ซึ่งเป็นเรื่องไม่ปรกติในธุรกิจรถยนต์ เทสลายังทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ 300 รายทั่วโลก ในจำนวนนั้นมีซัพพลายเออร์ 50 รายในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ และ 10 รายในบริเวณเขตอ่าวซานฟรานซิสโก[81] ซัพพลายเออร์ SAS ผู้ผลิตแผงควบคุมของเทสลา เช่าอาคารขนาด 142,188 ตารางฟุตใกล้โรงงาน เริ่มต้นในเดือนมกราคมปี 2560 โดยมีพนักงาน 200 คน[82] ซัพพลายเออร์อื่น ๆ เปิดโรงงานในพื้นที่ใกล้เคียงกับเทสลารวมถึงบริษัท Eclipse Automation และ Futuris Automotive Group[83] เทสลาผลิตเบาะที่นั่งจำนวนมากที่โรงงานผลิตเบาะที่นั่งของตัวเองห่างจากโรงงานหลักไม่กี่ไมล์[84]
ในปี 2563 เทสลาได้ดำเนินการลดการผลิตในโรงงานเซี่ยงไฮ้และฟรีมอนต์เนื่องจากเป็นช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา โรงงานที่เซี่ยงไฮ้กลับมาผลิตอีกครั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ในขณะที่โรงงานที่ฟรีมอนต์และนิวยอร์กลดกิจกรรมลงในวันที่ 24 มีนาคม[85][86][87] ในวันที่ 9 พฤษภาคมเทสลาฟ้องเขตอาลาเมดาเพื่อบังคับให้เปิดโรงงานที่ฟรีมอนต์อีกครั้ง[88] เทสลาบอกพนักงานว่าได้รับการอนุมัติให้เริ่มการผลิตใหม่ในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ของวันที่ 18 พฤษภาคม[89] และมีการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม[88]
กระบวนการผลิตใช้หุ่นยนต์ที่มีความชำนาญเฉพาะงานมากกว่า 160 ตัว รวมถึงหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 10 ตัว[90] ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามตัวละครจากเรื่องเอ็กซ์เมน (X-Men)[91][92][93] ส่วนประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของรถโมเดล S มีมากมาย รวมถึงแพ็คแบตเตอรี โมดูลแบตเตอรี และหน่วยขับเคลื่อนถูกผลิตในโรงงาน โรงงานมีการบูรณาการระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับโรงงานประกอบรถยุคใหม่แห่งอื่น ๆ พร้อมด้วยกระบวนการผลิตส่วนใหญ่ภายในโรงงาน รวมไปถึงเครื่องปั้มโลหะและเครื่องกลึง เครื่องพ่นสี และการเคลือบสี เครื่องปั้มไฮดรอลิกถูกใช้ปั้มขึ้นรูปตัวถังรถ 5,000 ชิ้นต่อวันมีแรงกดที่ 10,000 ตัน[94] ซึ้งเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดในอะเมริกาเหนือและใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก[28] ประมาณ 60% ของชิ้นส่วนรถมีที่มาจากทวีปอเมริกาเหนือ[95] ในเดือนมีนาคม ปี 2558 ประเทศญี่ปุ่นเป็นแหล่งที่มาของชิ้นส่วนมากเป็นอันดับ 2[96] และวิศวกรออกแบบยังทำงานที่โรงงานแทนที่จะเป็นสถานที่แยกต่างหาก[10][97]
รถแต่ละคันจะถูกผลิตตามคำสั่งซื้อใช้เวลา 2-3 เดือนสำหรับการส่งมอบ[98] แม้ว่ายานพาหนะส่วนบุคคลจะใช้เวลาเพียงสามถึงห้าวันเพื่อให้กระบวนการประกอบเสร็จสิ้น[90] สายการประกอบจะเดินเครื่องที่ความเร็วของ 5 ซม./วินาที[99] เทสลาส่งมอบได้อย่างสมบูรณ์โดยใช้รถไฟแทนที่จะเป็นรถบรรทุก เนื่องจากค่าใช้จ่ายและความเสียหายน้อยกว่า[16]
การผลิตมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับแบบมอเตอร์เหนี่ยวนำถูกผลิตขึ้นเองในโรงงาน ส่วนประกอบหลักของมอเตอร์คือสเตเตอร์ (ส่วนโครง) และโรเตอร์ (ส่วนหมุน)[100] เบื้องต้นของการผลิตมอเตอร์ หุ่นยนต์จะนำลวดทองแดงจากม้วนความยาวกว่าครึ่งไมล์ มาพันเป็นขดลวดทองแดงของมอเตอร์ แล้วใส่ขดลวดทองแดงไว้ในชั้นเก็บรอสำหรับขั้นตอนต่อไป เนื่องจากเป็นมอเตอร์สามเฟส ดังนั้นมอเตอร์หนึ่งตัวจึงต้องมีขดลวดทองแดงสามชุด[100] พนักงานจะถ่างและยืดแต่ละกลุ่มของลวดทองแดงและใส่รถยกไฮดรอลิกเพื่อส่งต่อมอเตอร์ไปยังแผนกต่อไป
พนักงานจะหอหุ้มแต่ละกำของขดลวดทองแดงไว้ในซองพลาสติกเพื่อป้องกันขดลวดจากการสัมผัสกัน ปลายสุดของขดลวดจะถูกตัดเพื่อให้ได้ความยาวที่ถูกต้อง พนักงานจะทำการย้ำโลหะจุดเชื่อมต่อขดลวดเพื่อใช้สำหรับมอเตอร์สามเฟส[100] หุ่นยนต์เย็บอัตโนมัติชนิดพิเศษจะมัดขดลวดทองแดงเข้าด้วยกันเพื่อยึดพวกมันให้เข้าที่ การมัดให้แน่นขึ้นโดยหุ่นยนต์เครื่องเย็บทำให้มอเตอร์มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ตัวสเตเตอร์ยังถูกเคลือบด้วยอีพอกซีเรซิน (epoxy resin) สองชั้นเพื่อช่วยการกระจายความร้อนของมอเตอร์อย่างเท่าเทียมกัน ตัวสเตเตอร์เมื่อเมื่อทำเสร็จแล้วจะถูกใส่ลงไปในเคสโลหะที่ถูกทำให้ร้อน เพื่อให้เกิดการการล็อกตัวสเตเตอร์ภายในเคสเมื่อเย็นตัวลง[100]
พนักงานใช้รอกยกเพื่อที่จะใส่ตัวโรเตอร์ลงไปในตัวสเตเตอร์ ซึ่งการผลิตมอเตอร์ก็จะเสร็จสิ้น
คนงานจะติดตั้งเฟืองต่าง ๆ และส่วนอื่น ๆ ของกระปุกเกียร์ ประกบเข้าด้วยกันโดยใช้น็อต จากนั้นจะมีการทดสอบการรั่วไหลของอากาศ แล้วจะมีการติดตั้งอินเวอร์เตอร์สามเฟสไปที่ด้านบนของมอเตอร์ เพื่อแปลงกระแสไฟตรงจากแบตเตอรีไปเป็นกระแสสลับสำหรับมอเตอร์ใช้ จากนั้นมอเตอร์จะผ่านการทดสอบโดยอัตโนมัติโดยใช้เวลา 4 นาทีเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้ถูกต้อง แล้วจึงย้ายไปที่บริเวณประกอบทั่วไปเพื่อที่จะติดตั้งลงในรถ[100]
อุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ในช่วงแรกนั้น เทสลาใช้อุปกรณ์ควบคุมประเภท IGBT ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมาใช้เป็น SiC เพาเวอร์มอสเฟต แทนสำหรับการติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ปี 2561[101]
รถโมเดล S แพ็คแบตเตอรีบรรจุแบตเตอรีลิเทียมไอออน 7,104 เซลล์ใน 16 โมดูล[102] ผูกเข้าในชุด (14 โมดูล ในส่วนแบนราบใต้ท้องรถและ 2 โมดูลซ้อนกันอยู่ด้านหน้ารถ)[103] แต่ละโมดูลบรรจุ 6 กลุ่มของ 74 เซลล์เรียงแนบขนานกัน[104][105] 6 กลุ่มจะถูกร้อยเป็นชุดภายในโมดูล (74 เซลล์ x 6 กลุ่ม = 444 เซลล์) = (444 เซลล์ x 16 ชุดภายในโมดูล = 7,104 เซลล์)[105][106] ในเดือนมิถุนายน 2555 แพ็คแบตเตอรีเป็นการใช้แบตเตอรีพานาโซนิค NCR18650A ขนาด 3100 mAh ที่มีแคโทดเป็นนิกเกิลโคบอลต์อะลูมิเนียม โดยมีการปรับแต่ง[107][108]
การเลือกใช้งานเซลล์แบตเตอรีที่ซื้อขายกันทั่วไปเช่นเดียวกับที่พบในโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ เป็นความแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเจ้าอื่น ๆ ที่ใช้เซลล์แบตเตอรีลิเทียมพิเศษขนาดใหญ่[109] แพ็คแบตเตอรีระบายความร้อนด้วยของเหลว และใช้เจล intumescent เพื่อช่วยในการป้องกันไฟไหม้และการกระจายความร้อน[110]
98% ของตัวรถเทสลาโมเดล S ถูกผลิตโดยใช้อะลูมิเนียม[100] และจะถูกผลิตเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของแต่ละคันจากม้วนแผ่นอะลูมิเนียมระหว่าง 50 ถึง 60 ม้วน โดยม้วนแผ่นอะลูมิเนียมจะถูกคลายออก ทำให้แบนและตัดในเครื่องปั้มเจาะ (blanking machine) ในการตัดเพิ่มเติมเทสลายังใช้เครื่องตัดเลเซอร์ น้ำหนักรวมของอะลูมิเนียมที่ใช้ในรุ่น S อยู่ที่ประมาณ 410 ปอนด์ (190 กิโลกรัม)[90]
หุ่นยนต์ถ่ายโอนแผ่นโครงอะลูมิเนียมเข้าไปยังสายการผลิตต่อเนื่อง ซึ่งแผ่นอะลูมิเนียมจะถูกปั้มขึ้นรูปเป็นชื้นส่วนต่าง ๆ ของรถ เครื่องปั้มไฮดรอลิกของบริษัท Schuler SMG เป็นเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือและใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก[28] มีแรงกดได้ถึง 11,000 ตันเพื่อสร้างแผงตัวถังรถ[100] โดยส่วนบนให้แรงกดได้ถึง 1,400 ตัน และส่วนล่างของเครื่องให้แรงกด 130 ตัน แผ่นอะลูมิเนียมจะถูกยืดออกเหนือแม่พิมพ์ (draw die) ที่ส่วนล่างของเครื่อง และช่องเปิดจะถูกเจาะโดยหุ่นยนต์ในระหว่างส่งแผงตัวถังไปต่อในกระบวนการ คนงานตรวจสอบแต่ละแผงเพื่อให้มั่นใจถึงความถูกต้อง ชิ้นส่วนจะถูกซ้อนกันในเฟรมและเก็บไว้ เครื่องปั้มกดชิ้นส่วน 1 ชิ้นในทุก 6 วินาทีและผลิตได้ 5,000 ชิ้นต่อวัน[90]
รถจะถูกยกขึ้นและส่วนของการขับเคลื่อนถูกติตตั้งเข้ากับแกนล้อหลัง ส่วนของการขับเคลื่อนจะให้กำลังโดยตรงไปยังล้อโดยปราศจากเพลาส่งกำลัง[100]
แพ็คแบตเตอรีหนักเกือบ 1,200 ปอนด์ (540 กิโลกรัม) ซึ่งถูกส่งไปยังบริเวณติดตั้ง จะถูกติดตั้งในรถโดยใช้อุปกรณ์ยกทำการวางแบตเตอรีบนพื้นห้องโดยสาร ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแรงและความแข็งแกร่งให้กับรถและลดจุดศูนย์ถ่วงของรถลงถึง 18 นิ้ว (46 ซม.)[100][111][112] แผ่นไทเทเนียมติดตั้งอยู่เหนือแพ็คแบตเตอรีซึ่งช่วยป้องกันได้ในกรณีที่มีการชนกันที่ความเร็วสูง และเพื่อป้องกันเศษชิ้นส่วนที่กระเด็นมาจากถนน[113][114]
ในเดือนพฤศจิกายน 2556 เกิดอุบัติเหตุเมื่อการกดขึ้นรูปอะลูมิเนียมความดันต่ำล้มเหลว การล้นหกของโลหะหลอมละลายถูกคนงานสามคนและทำให้เสื้อคลุมของพวกเขาเกิดลุกไหม้ เทสลาถูกลงโทษปรับ 89,000 เหรียญสหรัฐ โดยองค์กรความปลอดภัยและสุขอนามัยของการทำงานแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียสำหรับการละเมิดความปลอดภัย 7 ครั้ง และ 7 ข้อพิจารณาร้ายแรง[115]
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 เทสลาบรรลุข้อยุติกับสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (EPA) เกี่ยวกับความบกพร่องในการจัดการขยะอันตรายในปี 2560 โดยเทสลาปล่อยให้ขยะอันตรายสะสมในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตเกิน 90 วัน EPA พบว่าเทสลาล้มเหลวในการ "ทำความสะอาดสีที่ติดไฟได้ง่ายและ/หรือส่วนผสมของตัวทำละลาย" ทิ้งถังสำหรับขยะอันตรายขนาด 55 แกลลอน (US-Gallon) สองถังไว้ในที่เปิดโดย "ไม่มีปะเก็นหรือกลไกการปิดล็อก" และละเมิดมาตรฐานการปล่อยมลพิษทางอากาศ ในสามเส้นทางที่ขยะเคลื่อนที่ผ่าน[116]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.