Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอ็กซ์เมน หรือ x-เม็น (อังกฤษ: X Men) เป็นทีมซูเปอร์ฮีโรในหนังสือการ์ตูนอเมริกัน ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มาร์เวลคอมิกส์ สร้างและแต่งโดย สแตน ลี และ วาดและแก้ไขโดยแจ็ค เคอร์บี้ ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือดิ เอ็กซ์เม็น #1 (ก.ย. ค.ศ.1963) ประกอบไปด้วยเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์เริ่มพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506เป็นต้นมา จุดสำคัญที่ทำให้เอ็กซ์เมนแตกต่างจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ นั่นก็คือเรื่องของการต่อต้านมนุษย์กลายพันธุ์ โดยตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์ในเรื่องต้องถูกต่อต้านจากกลุ่มมนุษย์ปกติว่าเป็นภัยต่อมนุษย์และจะทำให้สายเลือดของมนุษย์ต้องแปดเปื้อน
เอ็กซ์เมน | |
---|---|
ข้อมูลสิ่งพิมพ์ | |
ผู้จัดพิมพ์ | มาร์เวลคอมิกส์ |
ปรากฎตัวครั้งแรก | The X-Men #1 (September 10, 1963) |
สร้างโดย | สแตน ลี (นักเขียน) แจ็ก เคอร์บี้ (ศิลปิน) |
ข้อมูลในเรื่อง | |
ฐานทัพ | |
สมาชิก |
Astonishing X-Men
X-Men Blue
X-Men Gold
|
บัญชีรายชื่อ | |
ดูที่: List of X-Men members |
เอ็กซ์เมนในฉบับคอมิกส์ได้รับการดัดแปลงในสื่อบันเทิงอื่นหลายรายการ อาทิ ภาพยนตร์แอนิเมชัน, วิดีโอเกม และภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ย้อนกลับไปช่วงปี 1963 มาร์เวล คอมิคส์ภายใต้การกุมบังเหียนของสแตน ลี ได้สร้างตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ทีมี่ความเป็นคนธรรมดาขึ้นมามากมายไม่ว่าจะเป็นฮัลค์,ธอร์,ไอรอนแมน,สไปเดอร์แมน จนได้รับความนิยมและเริ่มก่อร่างเป็นจักรวาลย่อมๆ มาแข่งกับยักษ์ใหญ่ในวงการการ์ตูนอเมริกันช่วงนั้นอย่างดีซี คอมิคส์ได้แล้ว
เมื่อหนังสือการ์ตูนขายดีมาร์ติน กู๊ดแมนพี่เขยของลีและเจ้าของสำนักพิมพ์ในตอนนั้น จึงขอให้ลีสร้างการ์ตูนอีกสักสองหัว ซึ่งลีก็ลงมือทันที โดยเล่มแรกเป็นการรวมทีมซูเปอร์ฮีโร่อย่างอเวนเจอร์ส ในสไตล์เดียวกับจัสติกลีกของดีซี
ส่วนอีกเล่มลีก็ไปนอนคิด จนคิดทฤษฎีผ่าเหล่าขึ้นมา จึงให้ซูเปอร์ฮีโร่ทีมใหม่กลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ไปซะเลย จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวคิดหาต้นกำเนิดพลังใหม่อีก
ตอนแรกลีจะตั้งชื่อการ์ตูนว่า เดอะ มิวแทนท์ซะเลย แต่มาร์ตินไม่เห็นด้วย โดยบอกว่าถ้าเด็กอ่านแล้วจะรู้เหรอว่ามิวแทนท์แปลว่าอะไร ลีเลยกลับไปตั้งชื่อใหม่เป็นเอ็กซ์เมนโดยอิงมาจากคำคุณศัพท์ย่อๆอย่าง X-Cellent หรือ X-traordinary ที่แปลว่าพิเศษและยอดเยี่ยมนั่นเอง
เนื้อหาของ X-Men #1 (กันยายน 1963) กล่าวถึงศาสตราจารย์ชาร์ลส์ เซเวียร์ บุรุษผู้มีพลังโทรจิตกล้าแข็งที่สุดในโลก แต่กลับพิการต้องนั่งรถเข็น เขาได้รวบรวมวัยรุ่นหนุ่มสาวผู้เกิดมามีพลังพิเศษอันเนื่องจากการกลายพันธ์ของยีนส์ในตัว มารวมทีมกันในกลุ่มชื่อเอ็กซ์เมน เพื่อสั่งสอนแนะนำให้ใช้พลังความสามารถพิเศษเหล่านี้ไปในทางที่ถูก
สมาชิกช่วงแรกๆประกอบด้วย ไซคลอปส์ หรือ สก็อตต์ ซัมเมอร์ส์ ผู้สามารถปล่อยลำแสงทำลายล้างออกมาจากดวงตาโดยต้องสวมแว่นที่มีเลนส์พิเศษเพื่อกักพลังไว้, ไอซ์แมน หรือบ็อบบี้ เดรก เด็กหนุ่มผู้มีพลังความเย็นสามารถสร้างร่างกายเป็นนำแข็งได้, บีสต์ หรือ แฮงค์ แม็คคอย หนุ่มอัจฉริยะที่มีพละกำลังมหาศาลดุจสัตว์ป่า, แองเจิล หรือ วอร์เรน เวิร์ธทิงตัน ที่สาม ทายาทมหาเศรษฐีผู้มีปีกอยู่กลางหลัง และจีน เกรย์ เด็กสาวผู้มีพลังเคลื่อนย้ายสิ่งของ
โดยศัตรูที่พวกเขาต้องรับมือด้วยในฉบับแรกคือแม็กนีโต้ มิวแทนท์พลังแม่เหล็ก อดีตเพื่อนร่วมงานของเซเวียร์ ที่ชิงชังมนุษย์ชาติและต้องการจะให้เหล่ามิวแทนท์เป็นผู้นำของโลกใบนี้นั่นเอง
ทั้งลีและเคอร์บี้ต่างก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว ทั้งคู่จึงต้องส่งต่อเอ็กซ์เมนให้กับนักวาดและนักแต่งเรื่องคนอื่นๆ แต่ยอดขายกลับไม่เปรี้ยงปร้างเอาเสียเลย โดยมีคนวิเคราะห์กันในยุคหลังๆว่า เพราะตัวหลักทั้ง 5 คนในยุคแรกของเอ็กซ์เมนนั่นไม่แข็งแรงพอ
อย่างไรก็ดี ยอดขายของการ์ตูนชุดนี้ก็ยังไม่กระเตื้องขึ้น นำไปสู่ฉบับสุดท้าย เล่มที่ 66 เดือน มีนาคม ปี 1970 แต่มาร์เวลก็ยังไม่ได้ทิ้งเอ็กซ์เมนไปเสียทีเดียว เพราะยังพอมีแฟนๆติดตามอยู่บ้าง จึงนับเล่มต่อด้วยการนำตอนเก่าๆมาตีพิมพ์ซำแทน
ยุคใหม่ของเอ็กซ์เมนเริ่มขึ้นในช่วงปี 1975 เมื่ออัล แลนเดา ประธานของมาร์เวลในตอนนั้นอยากทำหนังสือการ์ตูนให้มีความเป็นอินเตอร์ส่งขายไปได้ทั่วโลก จึงสั่งให้รอย โธมัส ที่เป็นบรรณาธิการบริหารในขณะนั้นสร้างทีมซูเปอร์ฮีโร่นานาชาติขึ้นมา รอยซึ่งอยากนำเหล่าเอ็กซ์เมนกลับมาโลดแล่นบนแผงอีกครั้งอยู่แล้ว เลยถือโอกาสให้ฮีโร่อินเตอร์ทีมนี้เป็นเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ไปซะเลย
รอยจึงสั่งให้นักแต่งเรื่องอย่างเลน เวน และนักวาดเดฟ คอร์ครัม ไปสร้างตัวละครอย่างไนท์ครอว์เลอร์ มิวแทนท์นักเทเลพอร์ตจากเยอรมัณตะวันตก, โคลอสซัส มนุษย์เหล็กจากสหภาพโซเวียต, สตอร์ม แม่มดผู้ควบคุมลมฟ้าอากาศจากแอฟริกา, แบนชี ผู้มีพลังคลื่นเสียงจากไอร์แลนด์ และวูล์ฟเวอรีน หนุ่มแข็งแกร่งคงกระพันผู้บ้าคลั่งจากแคนาดา
เมื่อหนังสือฉบับพิเศษนาม Giant Size X-Men ฉบับแรกก็วางตลาด เนื้อหากล่าวถึงศาสตราจารย์เซเวียร์ ที่ออกรวบรวมเหล่ามิวแทนท์จากทั่วทุกมุมโลกมาฟอร์มทีมเอ็กซ์เมนชุดใหม่ เพื่อไปช่วยเหล่าสมาชิกดั้งเดิมที่ถูกลักพาตัวไป
หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จทันที ด้วยตัวละครกิ๊บเก๋ ถูกใจคนอ่านในยุคนั้น จนถึงขั้นปลุกชีพหนังสือเอ็กซ์เมนรายประจำขึ้นมาได้สำเร็จ โดยไซคลอปส์กลายเป็นหัวหน้าทีมและครูฝึกให้กับเหล่าเอ็กซ์เมนรุ่นใหม่ ในสโลแกน The all-new, all-different X-Men โดยตัวละครอย่างวูล์ฟเวอรีนหรือโลแกนได้รับความนิยมอย่างมาก จนถึงขั้นแยกไปฉายเดี่ยวในมินิซีรี่ยส์ของตัวเองในภายหลัง
ช่วงปี 1980 นักแต่งเรื่องนาม คริส แคลร์มอนท์ และนักวาด จอห์น ไบรน์ ร่วมสร้างเหตุการณ์สำคัญๆต่อประวัติศาสตร์และเรื่องราวของเอ็กซ์เมนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การแนะนำ คิตตี้ ไพรด์ เด็กสาวที่สามารถทะลุผ่านวัตถุได้ หรือสาวร้ายสุดเซ็กซี่อย่าง เอ็มม่า ฟรอสต์ และกลุ่มสมาคมลับอย่าง เฮลไฟร์ คลับ แต่อะไรก็คงไม่ช็อคแฟนๆมากไปกว่าที่ จีน เกรย์ ไม่สามารถควบคุมพลังฟีนิกซ์ของตนเองได้ จนกลายร่างเป็น ดาร์ค ฟีนิกซ์ ทำลายดวงดาวและคร่าชีวิตไปนับล้านๆ สุดท้าย จีนในร่างดาร์ค ฟีนิกซ์ ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดต่อหน้าไซคลอปส์
ขึ้นปี 1981 แคลร์มอนต์กับไบรน์ก็แต่งเรื่องสองตอนจบชุด Days of Future Past เนื้อหากล่าวถึง คิตตี้ ไพรด์ ที่ย้อนเวลากลับมาเตือนเหล่าเพื่อนๆเอ็กซ์เมนว่าในอนาคตอันใกล้ เหล่าหุ่นสังหาร เซนติเนลส์ จะเข้ายึดอำนาจ สังหารประชากรทั้งมนุษย์และมิวแทนท์ไปค่อนโลก พวกเขาจึงต้องหาทางยับยั้งอนาคตอันเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ช่วงนี้เป็นยุครุ่งเรืองของเอ็กซ์เมนที่กลายเป็นการ์ตูนขายดีอันดับหนึ่งของมาร์เวล บวกกับปัจจัยเกื้อหนุนนั่นคือการเพิ่มจำนวนขึ้นของร้านขายหนังสือการ์ตูน นำมาสู่การขยายยอดและแตกไลน์หนังสือในเครือเอ็กซ์เมนมากมายที่เรียกรวมๆว่า X-Books ไม่ว่าจะเป็นมินิซีรี่ยส์ 4 เล่มจบ Wolverine ที่แคลร์มอนต์แต่งเรื่องและวาดโดยแฟรงค์ มิลเลอร์ ที่พาโลแกนไปตะลุยญี่ปุ่นฟัดกับยากูซ่า และ New Mutants ที่กล่าวถึงนักเรียนชุดใหม่ในโรงเรียนมนุษย์กลายพันธุ์ของเซเวียร์เป็นต้น
เหตุการณ์สำคัญๆ ในช่วงนี้ก็เช่นการรับ โร้ค ที่ตอนนั้นเป็นวายร้ายกลับใจเข้ามาร่วมกับเอ็กซ์เมน เพราะอยากหาทางควบคุมพลังของตัวเองให้ได้ หรือการเปิดตัวมิวแทนท์จอมวายร้ายจอมบงการอย่าง อะโพคาลิปส์ และสมุนอย่าง มิสเตอร์ซินิสเตอร์ ไปจนถึงการกลัยมาของจีนเกรย์ ซึ่งจีนเกรย์ที่ตายไปเป็นร่างก็อปปี้ที่เกิดจากพลังของฟีนิกซ์ ส่วนจีนตัวจริงนั้นนอนจำศีลอยู่ใต้นำตั้งแต่ได้รับพลังจากนอกโลกแล้ว
ต้นยุค 90 ทางมาร์เวลได้ทำการสังคายนาเนื้อหาที่กระจัดกระจายในจักรวาลทั้งหมดของ X-Books และจับมารวมเข้าด้วยกันไว้ในซีรี่ยส์มนุษย์กลายพันธุ์ชุดที่สองที่มีชื่อง่ายๆว่า X-Men พูดถึงเรื่องราวการกลับมาของ ศาสตราจารย์ เซเวียร์และเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ที่คราวนี้แบ่งออกเป็นสองกองกำลังคือ Blue Team ที่นำโดยไซคลอปส์ (ดำเนินเหตุการณ์ใน X-Men) และ Gold Team ของสตอร์ม (เดินเรื่องใน Uncanny X-Men)
ฉบับแรกของ X-Men ชุดนี้ที่เขียนโดย คริส แคลร์มอนท์ และได้นักวาดหน้าใหม่เชื้อสายเกาหลี-อเมริกันอย่าง จิม ลี มาฝากลายเส้นและร่วมคิดเรื่องนั้น ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเมื่อทำยอดขายทุบสถิติถึง 8 ล้านเล่ม นอกจากนั้น มาร์เวลยังได้นักวาดรุ่นใหม่ไฟแรงหลายคนเข้ามาเสริมทีม เช่น ร็อบ ไลเฟลด์ ที่สร้างสรรค์ตัวละครนาม เคเบิล มิวแทนท์ครึ่งไซบอร์คผู้มาเป็นหัวหน้านำทีม New Mutants คนใหม่ก่อนที่หนังสือชุดนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น X-Force
แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยความเปลี่ยนแปลง เมื่อในปี 1992 คริส แคลน์มอนท์ ผู้เขียนการ์ตูนชุดนี้มายาวนานถึง 17 ปี เกิดความขัดแย้งเรื่องพล็อตจนถึงขั้นแตกหักเลยตัดสินใจลาออกหลังจาก X-Men ชุดนี้ออกมาได้เพียงสามเล่ม (ก่อนจะกลับมาในปี 1998) โดยทางมาร์เวลรีบนำ จอห์น ไบรน์ เข้ามาแต่งเนื้อหาแทนที่ ก่อนที่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่คาดฝันยิ่งกว่าจะเกิดขึ้นตามมา เมื่อเหล่านักวาดซูเปอร์สตาร์ เช่น จิม ลี และ ร็อบ ไลเฟลด์ กับคนอื่นๆ เจรจาเรื่องผลประโยชน์กับมาร์เวลไม่ลงตัว จึงยกขบวนกันลาออกไปตั้งสำนักพิมพ์กันเอง
หากยังดีที่เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ยังคงได้นักแต่งเรื่องและนักวาดรุ่นใหม่ๆมาประคับประคองเนื้อหาและเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ โดยช่วงนี้ จักรวาล X-Men ก็มีการแนะนำตัวละครใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น เดดพูล มือสังหารปากมากเพื่อนรวม Weapon X ของวูล์ฟเวอรีน และ แกมบิท หนุ่มนักปาไพ่รวมถึง บิชอป มิวแทนท์จากอนาคตที่ข้ามเวลามาจับอาชญากร จนได้เข้ามาแจมกับเหล่าเอ็กซ์เมน มาร์เวลยังเจอช่องทางหากินใหม่ ด้วยการจับเอาเรื่องราวจาก X-Books หลายๆเล่มมาครอสโอเวอร์เชื่อมโยงกันออกมาทุกปี รวมถึงมินิซีรี่ยส์และหนังสือชุดแยกเดี่ยวของตัวละครมนุษย์กลายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งแม้ว่าจะทำกำไรให้กัยสำนักพิมพ์พอตัว แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆไปจนถึงเหล่าสตาฟฟ์ผู้สร้างสรรค์หนังสือเองว่า มันเป็นสูตรสำเร็จเพื่อการขาย ที่ทำให้ทิศทางของเนื้อหากระจัดกระจาย และเรื่องราวที่ออกมาก็ไม่ได้น่าประทับใจเท่าใดนัก
เหตุการณ์ครอสโอเวอร์สำคัญๆของเหล่า X-Men ช่วงยุค 90 เห็นจะได้แก่ Age of Apocalypse ที่กินเวลาเป็นปีๆ เมื่อเกิดเหตุการความผิดพลาดในประวัติศาสตร์ทำให้ ชาร์ลส เซเวียร์ เสียชีวิต แม็กนีโต้กลับกลายเป็นคนฟอร์มทีม X-Men เสียเอง และเกิดการรุกรานจากอะโพคาลิปส์จนมันกลายเป็นผู้ครอบครองโลก จนบิชอป ต้องออกหาหนทางแก้ไขประวัติศาสตร์ให้กลับมาเป็นปกติ
ครอสโอเวอร์สำคัญอีกชุดก็คือ Onslaught เมื่อศาสตราจารย์ เซเวียร์ถูกด้านมืดของตนเข้าครอบงำ อันเป็นผลมาจากตอน Fatal Attraction ที่แม็กนีโต้ใช้พลังดูดอะดาแมนเทียมออกจากร่างวูล์ฟเวอรีน ทำให้เซเวียร์บันดาลโทสะ ใช้พลังล้างสมองแม็กนีโต้ จนเขาได้รับผลกระทบที่มาจากบุคลิกของแม็กนีโต้ ให้กลายเป็น ออนสล็อจท์ ร่างมืดในชุดเกราะทรงพลังที่หมายจะครอบครองโลก การคุกคามของออนสล็อจท์ รุนแรงมาก จนเหล่าฮีโร่มาร์เวลทั้งหลาย ต้องรวมพลังกันเข้ารับมือ นำมาซึ่งความสูญเสึยต่อจักรวาลโดยรวม
ยุคมิลเลเนียมของของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เริ่มขึ้นอย่างสดใส เมื่อภาพยนตร์ X-Men ภาคแรก ภายใต้การกุมบังเหียนของผู้กำกับ ไบรอัน ซิงเกอร์ ออกฉายในปี 2000 และช่วยปลุกกระแส ฮีโร่มาร์เวลฟีเวอร์ มาจนปัจจุบัน
ฟากการ์ตูนคอมิกส์ มาร์เวลหลุดพ้นจากภาวะล้มละลาย และได้นักเขียนนักวาดมือฉมังอย่าง แกรนท์ มอร์ริสัน จาก DC ข้ามฝั่งมาช่วยปรับปรุงไลน์ซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลเสียใหม่ในนาม Marvel Knights ซีรี่ยส์มนุษยกลายพันธุ์ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น New X-Men เขายังเปลี่ยนให้ เอ็มม่า ฟรอสต์ หันมาเข้ากลุ่ม X-Men และเปิดประตูโรงเรียนสอนมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยการให้ ชาร์ล เซเวียร์ ออกมาเปิดใจกับสาธารณะ
ในช่วงปี 2002 – 2003 ยังมีนักกวาดการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง 2 คน มาร่วมแต่งเรื่องให้กับจักรวาล X-Men นั่นคือ คิอะ อาซามิยะ ที่มาวาด Uncanny X-Men รายเดือนตอนสั้นๆ และนักวาดมังงะแนวไซเบอร์พังค์อย่าง ซึโตมุ นิเฮ ที่มาวาดมินิซีรี่ยส์ชุด Wolverine: Snikt! ด้วย
ช่วงปี 2005 มีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อจักรวาลมาร์เวลทั้งจักรวาล ในครอสโอเวอร์ชุด Avengers Disassembled เมื่อ[[สคาร์เล็ทวิทช์เกิดสติแตกเนื่องจากปมในใจ ออกอาละวาดสังหาตเพื่อนร่วมทีมทำลายบ้านเมือง จนถึงต้องยุบทีม Avengers ไปเลยทีเดียว ผลกระทบจากตอนนี้ส่งผลให้สคาร์เล็ทวิทช์ถูกใช้เป็นเครื่องมือจากพลังมิวแทนท์ของเธอที่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้จนกลายเป็นเหตุการณ์ในชุด House Of M เมื่อโลกนี้ถูกครอบครองโดยเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ นำโดย แม็กนีโต้ ฮีโร่มาร์เวลคนอื่นๆ ต้องกลายมาเป็นข้ารับใช้ของเหล่ามิวแทนท์
แต่สภาวะนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อฮีโร่และคนอื่นๆในโลกเริ่มรู้สึกตัว สภาพความเป็นจริงจึงล่มสลายลง สคาร์เล็ทวิทช์รู้สึกว่าตนเองถูกหลอกใช้ จึงสั่งสลายพลังและเปลี่ยนแปลงโลกไม่ให้มีมิวแทนท์ อีกต่อไป เมื่อโลกกลับคืนสู่สภาพปกติ เหบ่า X-Men ก็พบว่ามนุษย์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ต่างสูญเสียพลังไปจนกลายเป็นคนธรรมดา เหลือมิวแทนท์อยู่ไม่ถึง 200 คน
ก่อนจะเข้าสู่เหตุการณ์ไตรภาค Messiah War เมื่อมีการค้นพบทารกแรกเกิดที่มียีนมิวแทนท์ปรากฏขึ้นมา เด็กหญิงคนนี้ถูกขนานนามว่า โฮป แทนความหวังเดียวที่จะหยุดยั้งการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์มิวแทนท์ได้ ทำให้ทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมเปิดศึกชิงตัวเธอขนานใหญ่ แต่สุดท้าย เคเบิล ก็นำหนูน้อยไปเลี้ยงในโลกอนาคต
ต่อมาเหล่ามิวแทนท์ที่ยังเหลือรอด พากันอพยพ หนัความวุ่นวายจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาในจักรวาลมาร์เวลในช่วงนั้น (นับตั้งแต่ Civil War มา Secret Invasion จนถึง Dark Reign นั่นเลย) ไปยังเกาะยูโทเปีย พร้อมสถาปนาเป็น Nation X ประเทศใหม่สำหรับเหล่ามิวแทนท์โดยเฉพาะ
พร้อมกับการกลับมาจากโลกในอนาคตของ โฮป ในร่างของเด็กสาววัยรุ่น ที่หลายๆคนเชื่อกันว่า เธอจะเป็นผู้มาปลดปล่อยเหล่ามิวแทนท์ พร้อมๆกันนั้น ขุมพลังฟีนิกซ์ก็เริ่มหวนคืนสู่โลกอีกครั้ง โดยคราวนี้มันหมายตาโฮป ในฐานะร่างทรงสิงสู่ใหม่
นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างทีม Avengers และเหล่า X-Men ฟาก Avengers ต้องการนำตัวโฮปมาดูแลเพราะไม่แน่ใจว่าพลังของเธอจะส่งผลอย่างไรต่อโลก ฝั่ง X-Men ก็เชื่อว่า โฮปจะเป็นผู้มาช่วยเหลือและปลดปล่อยเหล่ามิวแทนท์ นำไปสู่การเผชิญหน้ากันใน ครอสโอเวอร์ครั้งใหญ่แห่งปี 2012 ในชื่อ Avengers Vs. X-Men
สุดท้าย โฮปหลอกล่อให้พลังดาร์คฟีนิกซ์มาเข้าร่างเธอและรวมพลังกับสคาร์เล็ทวิทช์ สลายพลังดาร์คฟีนิกซ์อย่างถาวร รวมทั้งคืนพลังให้กับมิวแทนท์คนอื่นๆบนโลก ภายหลัง เหตุการณ์ชุดนี้จบลง เกิดการผสมผสานทีมฮีโร่ใหม่ที่รวบรวมสมาชิกของ X-Men และ Avengers ไว้ด้วยกันใน Uncanny Avengers
จากเหตุการณ์ AvX เหล่า X-Men ได้แตกแยกกันไปคนละทิศละทาง และไซคลอปส์ได้กลายเป็นคนร้ายที่ทางการต้องการตัว และได้ร่วมมือกับแม็กนีโต้สร้างกลุ่มของพวกเขาเองขึ้นมา
ทาง บีสต์ที่ต้องการจะลงโทษ ไซคลอปส์ได้แนวคิดจาก ไอซ์แมนที่ว่าหาก ไซคลอปส์ในอดีตได้เห็นตัวเขาในตอนนี้จะต้องไม่ยอมและตบเกรียนตัวเองแน่ๆ บีสต์จึงฝีนกฎแห่งกาลเวลาเพื่อย้อนเวลากลับมาไปพาตัว X-Men รุ่นแรกทั้ง 5 คนมายังยุคปัจจุบัน เพื่อให้จัดการกับไซคลอปส์
ซึ่งทั้ง 5 ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตกับตัวเอง และแทบจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่ X-Men ต้องฝ่าฟันกันมา X-Men รุ่นแรกที่ทราบเรื่องราวจากอนาคตก็ไม่คิดที่กลับไป และต้องการที่จะอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำให้สิ่งต่างๆมันดีขึ้นอย่างที่พวกเขาเห็นสมควรและพึงพอใจเสียก่อน
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.