Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นาโปลี (อิตาลี: Napoli, ออกเสียง: [ˈnaːpoli] ( ฟังเสียง)), เนเปิลส์ (อังกฤษ: Naples, ออกเสียง: /ˈneɪpəlz/) หรือ นาปูเล (นาโปลี: Napule) เป็นเมืองหลักของแคว้นคัมปาเนีย และเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสามของอิตาลีรองจากโรมและมิลาน โดยมีประชากรที่อยู่ในเขตการปกครองของนคร 967,069 คน (ณ ค.ศ. 2017) นาโปลีมีเทศบาลในระดับจังหวัดซึ่งเป็นมหานครที่มีประชากรที่มากที่สุดเป็นอันดับสามในอิตาลี โดยมีประชากร 3,115,320 คน และเขตมหานครขยายตัวพ้นแนวกำแพงเมืองออกไปประมาณ 52 ตารางกิโลเมตร (20 ตารางไมล์)
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
นาโปลี | |
---|---|
โกมูเนดีนาโปลี | |
พิกัด: 40°50′N 14°15′E | |
ประเทศ | อิตาลี |
แคว้น | คัมปาเนีย |
จังหวัด | นาโปลี (NA) |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี | Luigi de Magistris (DA) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 119.02 ตร.กม. (45.95 ตร.ไมล์) |
ความสูง | 17 เมตร (56 ฟุต) |
ประชากร (1 มกราคม 2562)[2] | |
• ทั้งหมด | 3,084,890 คน |
• ความหนาแน่น | 26,000 คน/ตร.กม. (67,000 คน/ตร.ไมล์) |
เดมะนิม | Napoletani |
เขตเวลา | UTC+1 (CET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+2 (CEST) |
รหัสไปรษณีย์ | 80100, 80121-80147 |
รหัสเขตโทรศัพท์ | 081 |
นักบุญองค์อุปถัมภ์ | Januarius |
วันสมโภชนักบุญ | 19 กันยายน |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
ชาวกรีกก่อตั้งนาโปลีขึ้นในสหัสวรรษที่ 1 ก่อน ค.ศ. นาโปลีเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ยังคงมีประชากรอาศัยอยู่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก[3] ในช่วงศตวรรษที่ 9 ก่อน ค.ศ. อาณานิคมแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ปาร์เทโนแพ (กรีกโบราณ: Παρθενόπη) ซึ่งก่อตั้งขึ้นบนเกาะเมการีเด[4] ในศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ. นาโปลีได้รับการก่อตั้งอีกครั้งในชื่อ เนอาโปลิส[5] เมืองนี้ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญของมังนาไกรกิอา โดยมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมสังคมของกรีกและโรมัน และถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญ หลังจากที่นครแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน[6]
ใจกลางนาโปลีเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป[7] (1,700 เฮกตาร์ หรือ 17 ตารางกิโลเมตร)[8] และได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นแหล่งมรดกโลก ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง นาโปลีเคยมีฐานะเป็นเมืองหลวงของดัชชีและอาณาจักรต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งเคยเป็นเมืองหลวงของดินแดนราชบัลลังก์อารากอน และยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญ (โดยเฉพาะในสมัยของมนุษยนิยมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา และตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึง 19) อิทธิพลของเมืองได้แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่หลายส่วนในยุโรปไปจนถึงนอกทวีป[9] และรอบเมืองก็เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่าง ๆ (เช่น พระราชวังกาแซร์ตา ปอมเปอี และเฮอร์คิวเลเนียม) ซึ่งล้วนแต่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดต่อนาโปลีในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรม
นาโปลีเคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนาโปลีตั้งแต่ พ.ศ. 1825 ถึง พ.ศ. 2349 ต่อมาได้ถูกผนวกอาณาจักรเข้ากับราชอาณาจักรซิซิลี และกลายเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรซิซิลีทั้งสอง จนกระทั่งอาณาจักรต่าง ๆ บนคาบสมุทรถูกผนวกรวมเป็นประเทศอิตาลีเมื่อ พ.ศ. 2404 ซึ่งหลังสงครามนาโปลี ฝ่ายนาโปลีก็ได้สนับสนุนการรวมประเทศนี้อย่างเต็มที่
ภายในอาณาเขตการปกครองของนาโปลีมีประชากรประมาณ 1 ล้านคน แต่จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ระบุว่าเขตปริมณฑลของนาโปลีมีประชากรมากเป็นอันดับสอง (รองจากมหานครมิลาน ซึ่ง Svimez Data ระบุว่ามีผู้อยู่อาศัย 4,434,136 คน[10] ขณะที่สถาบัน Censis ระบุว่ามี 4,996,084 คน)[11] หรือสาม (ตามข้อมูลขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา มีผู้อยู่อาศัย 3.1 ล้านคน[12]) ของอิตาลี นอกจากนี้ยังเป็นมหานครที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในอิตาลี
นาโปลีได้รับการจัดให้เป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมากเป็นอันดับสี่ในอิตาลี รองจากมิลาน โรม และตูริน และได้รับการจัดให้เป็นเมืองที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 91 ของโลกโดยวัดจากกำลังซื้อของประชากร และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเหนือกว่าเศรษฐกิจของบูดาเปสต์และซือริช[13] ท่าเรือนาโปลีเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป (มีผู้โดยสารคับคั่งมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากท่าเรือฮ่องกง)[14] เมื่อไม่นานมานี้เศรษฐกิจของนาโปลีได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอัตราการว่างงานของประชากรในเมืองและบริเวณโดยรอบก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2542[15] กระนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยการทุจริตทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ[16] รวมทั้งเป็นแหล่งตลาดมืดที่เฟื่องฟู ในตัวเมืองเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทขนาดใหญ่สัญชาติอิตาลีหลายแห่ง เช่น MSC-Cruises และเป็นที่ตั้งของ Center Rai of Naples (สื่อ) มาตั้งแต่ พ.ศ. 2501 ขณะที่ในเขตบัญโญลีเป็นที่ตั้งของสำนักงานขนาดใหญ่ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ และยังมี SRM institution for economic research และบริษัทและศูนย์การศึกษา OPE ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองเช่นกัน[17][18][19] นาโปลีเป็นสมาชิกเต็มของเครือข่าย Eurocities[20] นอกจากนี้ ยังได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางของ Acp/Ue[21] และได้รับการยกย่องจาก Creative Cities Network ในสังกัดขององค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองแห่งวรรณกรรม[22] ในเขตโปซิลลีโปของเมืองเป็นที่ตั้งของ Vill Rosebery ซึ่งเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการหนึ่งในสามแห่งของประธานาธิบดีอิตาลี
ในศตวรรษที่ 20 นาโปลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของลัทธิฟาสซิสต์ และในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองก็เป็นเมืองที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุดในอิตาลี[23] ภายหลังสงครามสงบได้มีการบูรณะเมืองซึ่งได้ขยายตัวเมืองออกไปยังพื้นที่รอบนอก ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมานี้ ได้มีการสร้างย่านธุรกิจ (เชนโตรดีเรซีโอนาเล) ที่มีอาคารระฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานแบบ TGV ในโรม รวมถึงการขยายเส้นทางรถไฟใต้ดินที่จะครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของภูมิภาค และนาโปลีจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม International Astronautical Congress ใน พ.ศ. 2555[24] และ Universal Forum of Cultures ใน พ.ศ. 2556
นาโปลีเป็นเมืองที่เริ่มมีการทำพิซซาขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในขณะนั้นจะใช้การทอดก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการอบในภายหลัง นอกจากนี้วัฒนธรรม Neapolitan ยังมีอิทธิพลด้านดนตรีอย่างแพร่หลาย อย่างเช่นการประดิษฐ์ Romantic guitar และแมนโดลิน รวมทั้งอุปรากรและเพลงท้องถิ่น บุคคลที่เป็นสัญลักษณ์ของนาโปลีคือนักบุญ Januarius ผู้ปกป้องคุ้มครองเมือง ส่วนตัวละครจากเรื่องแต่งที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์คือ พูลชิเนลลา และไซเรน สิ่งมีชีวิตจากมหากาพย์โอดิสซีของกรีก
ประวัติศาสตร์ของนาโปลีสามารถย้อนหลังไปได้ถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงเวลาพื้นที่ใกล้เคียงกับนาโปลีในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของอาณานิคม Cumae ของกรีก ซึ่งก่อตั้งโดยชาวเกาะ Euboea ในกรีซ[25] ต่อมาชาวอาณานิคมได้ก่อตั้งเมืองที่ชื่อว่า Parthenope เหตุผลที่แท้จริงของการก่อตั้งเมืองยังคงเป็นปริศนา ในปัจจุบันทราบแต่เพียงว่าต่อมาชาว Cumae ได้สร้าง Neapolis (หมายถึงเมืองใหม่) ขึ้นติดกับเมือง Parthenope ในช่วงเวลาดังกล่าวชาว Cumae กำลังต้านทานการรุกรานจากชาวอีทรัสคัน[26]
Neapolis เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นด้วยอิทธิพลของนครรัฐซีรากูซาอันทรงอำนาจของกรีก ต่อมาเมื่อถึงจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ Parthenope และ Neapolis ก็ได้ควบรวมเข้าเป็นเมืองเดียวกัน.[25] ซึ่งได้กลายเป็นพันธมิตรของสาธารณรัฐโรมันเพื่อต่อต้านคาร์เธจ โดยกำแพงที่รายล้อม Neapolis ได้ช่วยหยุดยั้งฮันนิบาล ผู้นำทัพชาวคาร์เธจ ไม่ให้บุกเข้าเมืองได้[27] ต่อมาในช่วงสงครามแซมไนต์ Neapolis ได้ถูกชาวแซมไนต์เข้ายึดครอง แต่ต่อมาไม่นานโรมันก็สามารถยึดกลับคืนได้และสถาปนาให้เป็นอาณานิคมของโรมัน[27]
นาโปลีได้รับเกียรติจากโรมันเป็นอย่างมากในฐานะแหล่งอารยธรรมเฮเลนนิสติค ซึ่งประชาชนยังคงรักษาภาษาและขนบธรรมเนียมแบบกรีกเอาไว้ โรมันได้สร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ขึ้นในเมือง ทั้งบ้านพักตากอากาศ ลำรางส่งน้ำ โรงอาบน้ำสาธารณะ Odeon โรงละคร และวิหาร Dioscures จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจหลายพระองค์ได้ทรงเลือกนาโปลีเป็นสถานที่ทรงพระสำราญ เช่น จักรพรรดิคลอดิอุส และไทบีเรียส[27]
ในช่วงเวลาดังกล่าว ศาสนาคริสต์ได้เผยแพร่เข้ามาสู่นาโปลี กล่าวกันว่านักบุญปีเตอร์และนักบุญพอล สองอัครทูต ได้เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาในนาโปลี รวมทั้งนักบุญจานูอารุส ผู้ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตในนาโปลี[28]และต่อมาได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมภ์ประจำเมือง นอกจากนี้ โรมิวลัส ออกัสตัส จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันตก ก็ทรงถูกเนรเทศมายังนาโปลีตามพระบัญชาของพระเจ้าโอเดเซอร์
หลังจากจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายลง นาโปลีถูกยึดครองโดยชาวออสโตรกอทซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของเผ่าชนเจอร์มานิกตะวันออก และควบรวมเข้ากับราชอาณาจักรออสโตรกอท[29] ต่อมาใน พ.ศ. 1079 นายพล Belisarius แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ (หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าจักรวรรดิโรมันตะวันออก) สามารถยึดนาโปลีกลับคืนได้หลังจากเข้าเมืองผ่านทางลำรางส่งน้ำ[30]
ในระหว่างสงครามกอทิก กษัตริย์Totila ของชาวออสโตรกอทได้เข้าครอบครองนาโปลีระยะเวลาสั้น ๆ ใน พ.ศ. 1086 แต่ต่อมาในยุทธการ Mons Lactarius บนลาดภูเขาไฟวิสุเวียส ไบแซนไทน์ได้รับชัยชนะเหนือออสโตรกอทและแผ่ขยายอิทธิพลเหนือคาบสมุทรอิตาลีได้[29] คาดว่าหลังจากนั้นนาโปลีได้ติดต่อกับ Exarchate of Ravenna ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจของไบแซนไทน์บนคาบสมุทร[31]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.