คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
บูดาเปสต์
เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของประเทศฮังการี จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
บูดาเปสต์ (อังกฤษ: Budapest, ออกเสียง: /ˈbuːdəpɛst/) หรือ บูดอแป็ชต์ (ฮังการี: Budapest, ออกเสียง: [ˈbudɒpɛʃt] ) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศฮังการี[10]และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ในสหภาพยุโรปตามจำนวนประชากรในเขตเมือง[11] เมืองนี้มีประชากรประมาณ 1.682 ล้านคน (ค.ศ. 2022)[12] บนพื้นที่ประมาณ 525 ตารางกิโลเมตร (203 ตารางไมล์)[13] ถือเป็น 17% ของประชากรฮังการี[14]
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
Remove ads
บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบหลังจากการรวมกันของเมือง 3 เมือง ใน ปี ค.ศ. 1873 โดยทางฝั่งขวา (ฝั่งตะวันตก) ได้แก่ เมืองบูดอ (Buda) และโอบูดอ (Óbuda) เข้ากับ เมืองแป็ชต์ (Pest) ทางฝั่งซ้าย (ฝั่งตะวันออก) ประวัติความเป็นมาของบูดาเปสต์[15]เริ่มต้นเมื่อการตั้งถิ่นฐานของชาวเคลต์ในยุคแรก แล้วเปลี่ยนเป็นเมืองอาควินคัม (Aquincum)[16][17] ของโรมัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดแพนโนเนียตอนล่างของจักรวรรดิโรมัน[16] ชาวฮังการีเข้ามาในดินแดนในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ในการพิชิตที่ราบพันโนเนียของชาวฮังการี หลังจากนั้น พื้นที่ของบูดาเปสต์ในปัจจุบันถูกพวกมองโกลปล้นสะดม ระหว่าง ค.ศ. 1241–1242 หลังการถอยร่นทัพมองโกล กรุงบูดาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของวัฒนธรรมมนุษยนิยม ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้กษัตริย์แมทเธียส คอร์วินัส[18][19][20] หลังการพ่ายแพ้ของราชอาณาจักรฮังการี ณ ยุทธการที่เมืองโมฮาช ในปี ค.ศ. 1526 ตามมาด้วยการปกครองของออตโตมันเกือบ 150 ปี[21] หลังจากการยึดบูดาคืนในปี ค.ศ. 1686 ภูมิภาคนี้ได้เข้าสู่ยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองโดยเมืองบูดาเปสต์กลายเป็นเมืองที่เจริญระดับโลก หลังจากการรวมกันของเมืองบูดอ เมืองโอบูดอ และ เมืองแป็ชต์ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1873 บูดาเปสต์ยังกลายเป็นเมืองหลวงร่วมของจักรวรรดิออสเตรีย - ฮังการี[22] ซึ่งเป็นมหาอำนาจในยุโรปที่สลายไปในปี ค.ศ. 1918 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมืองนี้เป็นจุดโฟกัสของการปฏิวัติฮังการีในปี ค.ศ. 1848 การรบที่บูดาเปสต์ในปี ค.ศ. 1945 และการปฏิวัติฮังการี ในปึ ค.ศ. 1956 จากสหภาพโซเวียต[23][24]
บูดาเปสต์เป็นเมืองระดับโลกอัลฟ่า[25]ที่มีจุดแข็งในด้านการค้า การเงิน สื่อ ศิลปะ แฟชั่น การวิจัย เทคโนโลยีการศึกษา และ ความบันเทิง[26] [27] เป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮังการีและได้รับการจัดอันดับให้เป็นนครที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองเร็วเป็นอันดับ 2 ในยุโรป[28] บูดาเปสต์เป็นสำนักงานใหญ่ของสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยุโรป (European Institute of Innovation and Technology), European Police College และสำนักงานต่างประเทศแห่งแรกของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนของจีน (China Investment Promotion Agency) วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยกว่า 40 แห่งตั้งอยู่ในบูดาเปสต์ รวมถึงมหาวิทยาลัยเอิตเวิช โลรานด์ (ELTE) มหาวิทยาลัย Semmelweis และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์บูดาเปสต์ (BME)
รถไฟใต้ดินบูดาเปสต์ซึ่งเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1869 ให้บริการผู้โดยสารกว่า 1.27 ล้านคนต่อวัน ในขณะที่รถรางให้บริการผู้โดยสาร 1.08 ล้านคนต่อวัน พื้นที่ตอนกลางของบูดาเปสต์ริมแม่น้ำดานูบได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก และมีอนุสรณ์สถานที่โดดเด่นหลายแห่งรวมถึงอาคารรัฐสภาฮังการี (Hungarian Parliament Building) และ ปราสาทบูดา (Buda Castle)[29] เมืองนี้ยังมีน้ำพุร้อนใต้พิภพราว 80 แห่ง[30] ระบบถ้ำน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุด[31] โบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และ อาคารรัฐสภาที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก[32] บูดาเปสต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 12 ล้านคนต่อปี ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในยุโรป[33] เมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางของยุโรปที่ดีที่สุดประจำปี 2019 ซึ่งเป็นผลสำรวจสำคัญที่จัดทำโดย EBD ซึ่งเป็นองค์กรการท่องเที่ยวที่เป็นพันธมิตรกับคณะกรรมาธิการยุโรป[34] นอกจากนี้ยังติดอันดับ Best European Destinations 2020 โดย Big7Media บูดาเปสต์ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของยุโรปในแบบสำรวจที่คล้ายกันซึ่งจัดทำโดย นิตยาสาร Which?[35]
Remove ads
นิรุกติศาสตร์
สรุป
มุมมอง
แปชต์ (Pest) และ บูดอ (Buda) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของฮังการี เริ่มถูกกล่าวถึงพร้อมกันในชื่อเดียวกันตั้งแต่สมัย ยุคปฏิรูปฮังการี (ค.ศ. 1825-1848) เป็นต้นมา โดยชื่อที่พบบ่อยคือ Pest-Buda เนื่องจากแปชต์เป็นเมืองที่ใหญ่กว่าและมีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์มากกว่า แต่ในบางครั้งก็มีการใช้ชื่อ Buda-Pest ซึ่งเหมาะสมกับภาษาฮังการีมากกว่า และหลีกเลี่ยงการรวมเสียงพยัญชนะ ชื่อ "Buda-Pest" มาจากงานเขียน "Világ (โลก)" ของ เคานต์อิสต์วาน เซเชนี (Baron István Szechényi) นักปฏิรูปฮังการี ในปี ค.ศ. 1831[36] เมื่อมีการรวมเมืองสามเมืองเข้าด้วยกันในปี ค.ศ. 1873 ชื่อ "Budapest" ถูกเลือกให้เป็นชื่อใหม่ของเมืองหลวงอย่างเป็นธรรมชาติสำหรับผู้ใช้ภาษาฮังการี
ชื่อ "Buda" มีที่มาจากชื่อของเมืองโบราณในยุคโรมัน คือ เมืองอควินคุม (Aquincum) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันในยุคต้นของราชวงศ์อาร์ปาด (Árpád) ราชวงศ์แรกของฮังการี แต่หลังจากการรุกรานฮังการีของมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 เมืองที่สร้างขึ้นใหม่ในชื่อ Újbuda หรือ "บูดาใหม่" และส่วนของเมืองอวินคุมเก่าจึงได้รับการเรียกว่า Ó-Buda หรือ "บูดอเก่า" แหล่งที่มาของชื่อ "Buda" นั้น เชื่อกันว่ามาจากชื่อพี่ชายของ กษัตริย์อัตติลา บรรพบุรุษของราชวงศ์อาร์ปาด แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด แต่ชื่อ "Buda" ก็อาจมาจากชื่อบุคคลในยุคกลาง[37]
ชื่อ "Pest" อาจมีที่มาจากสมัยโบราณ โดยในงานเขียนของ ปโตเลมี ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 ระบุชื่อเมืองว่า Pession (Πέσσιον)[38] อีกทฤษฎีหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับมากกว่าคือ ชื่อนี้มาจากคำในภาษาสลาวิกที่แปลว่า "ถ้ำ" หรือ "โพรงหิน" ซึ่งสัมพันธ์กับ ภูเขาเกลแลร์ต (Gellért-hegy) บนฝั่งบูดอ ในภาษาฮังการีโบราณ คำว่า "Pest" หมายถึง "เตาอบ" ซึ่งในอดีตถูกใช้เรียกภูเขาที่มีถ้ำและแหล่งน้ำร้อนบนภูเขาเกลแลร์ตว่า Pest-hegy และบริเวณท่าเรือข้ามแม่น้ำดานูบด้านล่างเรียกว่า Pest-rév ชื่อนี้จึงถูกใช้เรียกเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในที่สุด[39]
Remove ads
ประวัติศาสตร์
สรุป
มุมมอง
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคจักรวรรดิโรมัน
การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในดินแดนบูดาเปสต์มีขึ้นโดยชาวเคลต์ ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 1 ต่อมาดินแดนแห่งนี้ได้ถูกครอบครองโดยจักรวรรดิโรมัน การตั้งถิ่นฐานของชาวโรมันจึงมีขึ้นในแถบนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ในพื้นที่กรุงบูดาเปสต์ในปัจจุบัน โดยได้เริ่มมีการบันทึกโดยกองทหารโรมัน จักรวรรดิโรมันได้ก่อตั้งเมืองชื่อว่า เมืองอาควินคุม (Aquincum) ซึ่งกลายเป็นเมืองหลักของแคว้นพันโนเนียล่าง (Pannonia Inferior)โดยมีชื่อเมืองว่า อาควินคุม (Aquincum) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 89 บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดานูบ (ในพื้นที่โอบูดอ (Óbuda) ในปัจจุบัน) เมืองอาควินคัมจาก ค.ศ. 106 ถึงต้นศตวรรษที่ 4 อาควินคุมกลายเป็นศูนย์กลางของแคว้นพันโนเนีย (Pannonia) ตอนล่าง ชาวโรมันสร้างถนน อัฒจันทร์ ห้องอาบน้ำ และ บ้านที่มีพื้นอุ่น ภายในค่ายทหารที่มีป้อมปราการแห่งนี้ โดยมีประชากรประมาณ 20,000 คน บางครั้งจักรพรรดิโรมันก็ไปเยี่ยมชมพระราชวังของผู้ว่าการรัฐที่สร้างขึ้นบนเกาะโอบูดอ (Óbuda-sziget) ในปัจจุบัน ในพื้นที่ของเมืองบูดาเปสต์ปัจจุบัน มีซากปรักหักพันซึ่งเคยเป็นที่ตั้งค่ายเสริมของจักรวรรดิโรมันหลายแห่ง (เช่น อาเบร์ทฟอลวอ (Albertfalva), คัมโปนา (Campona)) และป้อมปราการต่อต้าน (เช่น คอนตรา-อาควินคุม (Contra-Aquincum)) เมืองอาควินคุมของโรมันเป็นเมืองโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในฮังการี โบราณสถานแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีส่วนด้านในแบบเปิดโล่ง
การพิชิตดินแดนของเผ่าฮังการี
ชนเผ่าฮังการีที่นำโดยผู้นำเผ่าอาร์พาด (Árpád) เดินทางบนหลังม้าออกจากบ้านเกิดเดิมทางตอนเหนือของบัลแกเรีย (เดิมต้นตระกูลของเผ่าฮังการี อยู่ในแถบเทือกเขาอูรัลในไซบีเรีย) โดยซาร์ซิเมียน (Tsar Simeon) หลังจากการรบที่บูห์ตอนใต้ (Battle of Southern Buh) ได้เข้ามาตั้งรกรากในดินแดนนี้ช่วงปลายศตวรรษที่ 9 โดยแทนที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวบัลแกเรียที่ตั้งถิ่นฐานในเมืองบูดาและเมืองแป็ชต์ และอีกหนึ่งศตวรรษต่อมา ชาวฮังการีจึงได้ก่อตั้งราชอาณาจักรฮังการีอย่างเป็นทางการ [18] การวิจัยระบุว่าที่อยู่อาศัยของราชวงศ์อาร์พาด (Árpád dynasty) เป็นจุดเริ่มต้นของอำนาจศูนย์กลางใกล้กับเขตกรุงบูดาเปสต์ในปัจจุบัน จากข้อมูลของอาโนนิมุส (Anonymus) หลังจากการพิชิตที่ราบพันโนเนีย ผู้นำเผ่าฮังการี นามว่า อาร์พาด (Árpád) ได้เลือกบูดอวาร็อต (Budavárat) อดีตเมืองของอัลติลาเดอะฮุน ผู้เป็นต้นตระกูล ให้เป็นที่พักของชนเผ่าของเขาเนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางของแอ่งที่ราบ ผู้นำเผ่าอาร์พาดถูกฝังที่นี่ในปี ค.ศ. 907 ในแฟเฮแร็จฮาซ (Fehéregyház) ที่อยู่ใกล้เคียงกับปราสาทบูดอวาร์ ในปัจจุบัน บูดอวาร็อตเชื่อกันว่าอยู่ในเขตโอบูดอ (Óbuda) (แม้ว่าจะมีนักโบราณคดีบางคนที่ระบุว่าอยู่ที่ แป็ชต์ฮิแด็กคูต Pesthidegkút หรือในเทือกเขาปิลิช (Pilis hegység) ที่อยู่ใกล้เคียงก็ตาม)
ยุคกลาง
กรุงบูดาเปสต์มีตำนานของบิชอปนามว่า แกลเลิร์ต (Bishop Gellért) ผู้ถูกลอบสังหารโดยกลุ่มกบฏนอกรีต ข้างภูเขาแกลเลิร์ต (Gellért-hegy) (หรือชื่อเดิมคือภูเขาแป็ชต์) โดยตามตำนานเขาแทงและถูกกระแทกลงมาจากเนินเขาในถังไม้
การรุกรานของเผ่าตาตาร์ในศตวรรษที่ 13 ทำให้ชาวฮังการีได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องพรมแดนของที่ราบพันโนเนียให้แน่นหนายิ่งขึ้น กษัตริย์เบลอที่ 4 แห่งฮังการี จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างกำแพงหินเสริมรอบเมืองต่างๆ และตั้งพระราชวังของพระองค์เองไว้บนยอดเนินเขาบูดอ ในปี ค.ศ. 1361 กรุงบูดาจึงได้กลายเป็นเมืองหลวงของฮังการีอย่างเป็นทางการนับแต่นั้น บทบาททางวัฒนธรรมของบูดอมีความสำคัญอย่างยิ่งในรัชสมัยของกษัตริย์แมทเธียส คอร์วินุส (Matthias Corvinus) โดยวัฒนธรรมในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลี มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาทางศิลปวัฒนธรรมในกรุงบูดาเปสต์ ห้องสมุดของกษัตริย์แมทเธียส คอร์วินุส ที่มีชื่อว่า บิบลิโอเธกา คอร์วิเนียนา (Bibliotheca Corviniana) เป็นแหล่งรวบรวมพงศาวดารประวัติศาสตร์และผลงานทางปรัชญาและวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปในศตวรรษที่ 15 และมีขนาดเป็นอันดับสองรองจากหอสมุดวาติกันเท่านั้น หลังจากการก่อตั้งมหาวิทยาลัยฮังการีแห่งแรกในเมืองเปช ในปี ค.ศ. 1367 (มหาวิทยาลัยเปช University of Pécs) มหาวิทยาลัยแห่งที่สองได้รับการจัดตั้งขึ้นในโอบูดอ (Óbuda) ในปี ค.ศ. 1395 (มหาวิทยาลัยโอบูดอ University of Óbuda) หนังสือฮังการีเล่มแรกพิมพ์ในบูดอในปี ค.ศ. 1473 บูดอมีประชากรประมาณ 5,000 คน ในปี ค.ศ. 1500
การยึดครองของจักรวรรดิออตโตมัน
ในปี ค.ศ. 1686 จักรวรรดิออตโตมันพิชิตบูดอได้ในในปี ค.ศ. 1526 และ1529 จนในที่สุดก็เข้ายึดครองในปี ค.ศ. 1541 การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันกินเวลานานกว่า 150 ปี ชาวเติร์กได้สร้างสถานที่อาบน้ำที่โดดเด่นมากมายภายในเมือง ห้องอาบน้ำบางแห่งที่ชาวเติร์กสร้างขึ้นระหว่างการปกครอง ยังคงใช้งานได้ในอีก 500 ปีต่อมา เช่น โรงอาบน้ำรูดอช (Rudas Baths) และ โรงอาบน้ำคิราย (Király Baths) ในปี ค.ศ. 1547 จำนวนชาวคริสเตียนในเขตบูดาเปสต์ ลดลงเหลือหลักพัน และในปี ค.ศ. 1647 ก็ลดลงเหลือเพียงประมาณ 70 คน ส่วนทางตะวันตกของที่ราบที่ไม่มีคนปกครอง ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในฐานะราชวงศ์ผู้ปกครองฮังการี
ในปี ค.ศ. 1686 สองปีหลังจากการปิดล้อมบูดอที่ไม่ประสบความสำเร็จ การบุกครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้น เพื่อยึดคืนเมืองหลวงของฮังการี คราวนี้กองทัพของโฮลีลีก (Holy League) มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าโดยมีทหารกว่า 74,000 คน ประกอบด้วย ชาวเยอรมัน โครเอเชีย ดัตช์ ฮังการี อังกฤษ สเปน เช็ก อิตาลี ฝรั่งเศส เบอร์กันดี เดนมาร์ก และ สวีเดน รวมทั้งชาวยุโรปอื่น ๆ ในฐานะทหารอาสาสมัคร ทหารปืนใหญ่และเจ้าหน้าที่ กองกำลังชาวคริสต์ได้ยึดเมืองบูดอ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดินแดนฮังการีในอดีตทั้งหมดยกเว้นพื้นที่ใกล้เมืองทิมิโซอารา ได้ถูกยึดคืนจากพวกเติร์กทั้งหมด มีการลงนามยินยอมคืนดินแดนที่ราบพันโนเนีย ในสนธิสัญญาคาร์โลวิทซ์ (Karlowitz) ในปี ค.ศ. 1699 เป็นยอมรับอย่างเป็นทางการว่าแสดงการสิ้นสุดการปกครองที่ราบพันโนเนียของจักรวรรดิออตโตมัน และในปี ค.ศ. 1718 ราชอาณาจักรฮังการีทั้งหมด รวมทั้งเมืองทิมิโซอารา ก็เป็นอิสระจากการปกครองของพวกออตโตมันในที่สุด
จักรวรรดิ
ยุคใหม่
Remove ads
ภูมิศาสตร์
สรุป
มุมมอง
ภูมิประเทศ

บูดาเปสต์ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ณ ศูนย์กลางของที่ราบพันโนเนีย ตั้งอยู่บนเส้นทางโบราณที่เชื่อมระหว่างเนินเขาทรานส์ดานูเบียกับที่ราบใหญ่ฮังการี หากเดินทางด้วยถนน กรุงบูดาเปสต์จะมีระยะห่างจากกรุงเวียนนาไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 216 กิโลเมตร (339 ไมล์) ห่างจากกรุงวอร์ซอไปทางทิศใต้ 545 กิโลเมตร (339 ไมล์) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก 1,565 กิโลเมตร (697 ไมล์) ห่างไปทางทิศเหนือของกรุงเอเธนส์ 1,122 กิโลเมตร (697 ไมล์) ห่างจากกรุงมิลานไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 788 กิโลเมตร (490 ไมล์) และห่างจากกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็กไป 443 กิโลเมตร (275 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้[40]
กรุงบูดาเปสต์มีพื้นที่ 525 ตารางกิโลเมตร (203 ตารางไมล์) ตั้งอยู่ในเขตฮังการีตอนกลาง (Közép-Magyarország) กรุงบูดาเปสต์ถูกล้อมรอบด้วยเขตที่อยู่อาศัยในเทศมณฑลแป็ชต์ (Pest megye)[41] กรุงบูดาเปสต์มีการขยายตัวออกจากศูนย์กลางเป็นระยะทาง 25 และ 29 กม. (16 และ 18 ไมล์) ในทิศทางเหนือ - ใต้และ ตะวันออก - ตะวันตก ตามลำดับ แม่น้ำดานูบไหลเข้าสู่เมืองจากทางเหนือ ซึ่งล้อมรอบเกาะกลางน้ำสองเกาะ คือเกาะโอบูดา และเกาะมากาเร็ต เกาะที่สาม คือ เกาะแชแป็ล (Csepel Island) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะบูดาเปสต์ดานูบ (Budapest Danube islands) แต่การแบ่งเขตของเกาะนี้ มีเพียงปลายทางเหนือสุดเท่านั้นที่อยู่ในเขตเมือง แม่น้ำที่แยกทั้งสองส่วนของเมืองมีความกว้าง 230 ม. ที่จุดที่แคบที่สุดในบูดาเปสต์ เขตแป็ชตจ์ (Pest) ทางตะวันออกของเมือง ตั้งอยู่บนที่ราบฮังการีใหญ่ ส่วนทางบูดา (Buda) ฝั่งเมืองตะวันตกค่อนข้างเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน[42]
เมื่อถึงจุดนี้ ณ เมืองบูดาเปสต์ แม่น้ำดานูบจะมีการเลี้ยวย้อนมาทางใต้ (จากเดิมไหลไปทางตะวันออก ในประเทศสโลวาเกีย) เนื่องจากมีเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางแม่น้ำ เมืองนี้มีความแตกต่างทางภูมิประเทศ: เมืองบูดาถูกสร้างขึ้นบนระเบียงแม่น้ำที่สูงขึ้นและมีเนินเขาทางด้านตะวันตก ในขณะที่เมืองแป็ชต์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก แผ่กระจายออกไปบนที่ราบและมีลักษณะเป็นดินทรายบนฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ภูมิประเทศของเมืองแป็ชต์ มีการขยายเพิ่มขึ้น โดยมีการไล่ระดับไปทางตะวันออกเล็กน้อย ส่วนทางตะวันออกสุดของเมืองแป็ชต์ อยู่ที่ระดับความสูงเดียวกันกับเนินเขาที่เล็กที่สุดของเมืองบูดา (Gellért Hill และ Castle Hill)[43]
เนินเขาของเมืองบูดา ประกอบด้วยหินปูนและโดโลไมต์เป็นส่วนใหญ่ น้ำที่ไหลผ่านสร้างระบบถ้ำหินงอกหินย้อย (speleothems) ขึ้นภายในหุ่บเหบเขา โดยระบบถ้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดคือถ้ำปาลเวิดยิ (Pálvölgyi) (ความยาวรวม 7,200 ม. หรือ 23,600 ฟุต) และถ้ำแซมเลอแฮ็ดยิ (Szemlőhegyi) (ความยาวรวม 2,200 ม. หรือ 7,200 ฟุต) เนินเขาก่อตัวขึ้นในยุคไทรแอสซิก จุดที่สูงที่สุดของเนินเขาและบูดาเปสต์คือ ภูเขายาโน็ช (János-้hegy) สูงจากระดับน้ำทะเล 527 เมตร (1,729 ฟุต) จุดต่ำสุดคือแนวของแม่น้ำดานูบซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 96 เมตร (315 ฟุต) บูดาเปสต์ยังอุดมไปด้วยพื้นที่สีเขียว จากพื้นที่ 525 ตารางกิโลเมตร (203 ตารางไมล์) ของเมืองนั้น 83 ตารางกิโลเมตร (32 ตารางไมล์) เป็นพื้นที่สีเขียว[44] ซึ่งประกอบด้วยสวนสาธารณะและป่าไม้ ป่าของเนินเขาบูดาได้รับการคุ้มครองทางสิ่งแวดล้อม[45]
ความสำคัญของเมืองในแง่ของการจราจรนั้นสำคัญมาก เนื่องจากถนนสายหลักในยุโรป (European roads) และเส้นทางรถไฟในยุโรป (European railway) หลายสายนำไปสู่บูดาเปสต์[46] แม่น้ำดานูบเป็นทางน้ำที่สำคัญและภูมิภาคนี้ในใจกลางของที่ราบพันโนเนียนั้นตั้งอยู่บนถนนเส้นทางการค้า[47] บูดาเปสต์เป็นหนึ่งในสามเมืองหลวงของโลกที่มีบ่อน้ำพุร้อน (อีกแห่งคือ กรุงเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ และ กรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย) น้ำพุร้อน 125 แห่งผลิตน้ำร้อนได้ 70 ล้านลิตร (15,000,000 แกลลอนหรือ 18,000,000 แกลลอนสหรัฐ) ต่อวัน โดยน้ำร้อนมีอุณหภูมิสูงถึง 58 องศาเซลเซียส น้ำเหล่านี้บางส่วนมีฤทธิ์ทางยาเนื่องจากมีแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางการแพทย์[46]
ภูมิอากาศ
กรุงบูดาเปสต์มีสภาพภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีปชื้น (การแบ่งเขตภูมิอากาศแบบเคิพเพิน อยู่ในโซน Cfa-Cfb-Dfa-Dfb) โดยมีฤดูหนาวที่ค่อนข้างเย็นและฤดูร้อนที่อบอุ่น ตามข้อมูลภูมิอากาศในปี ค.ศ. 1971-2000 เมื่อใช้ไอโซเทอร์ม 0 °C [48] ในฤดูหนาว (พฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคม) กรุงบูดาเปสต์มีอากาศหนาวเย็นและเมืองได้รับแสงแดดเพียงเล็กน้อย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีหิมะตกค่อนข้างบ่อยในเมืองและมีอุณหภูมิในตอนกลางคืนที่ -10 ° C (14 ° F) เป็นปรกติ ระหว่างกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมและเมษายน) จะเห็นสภาพที่แปรปรวน โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ไม่คงที่ มีฝนตกบ้างประปราย ฤดูร้อนอันยาวนานของบูดาเปสต์ มีความยาวตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกันยายน โดยมีอากาศอบอุ่นหรืออบอุ่นมาก นอกจากนี้ยังมีฝนตกหนักอย่างกะทันหันโดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ฤดูใบไม้ร่วงในกรุงบูดาเปสต์ (กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม) มีฝนเล็กน้อยและมีแดดจัดเป็นเวลานาน โดยมีอุณหภูมิปานกลาง อุณหภูมิมักจะหนาวเย็นลงอย่างกะทันหันในช่วงปลายเดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน
ปริมาณฝนเฉลี่ยรายปีในบูดาเปสต์อยู่ที่ประมาณ 23.5 นิ้ว (596.9 มม.) โดยเฉลี่ยมีฝนตก 84 วันและมีแสงแดด 1988 ชั่วโมง (จาก 4383 ชั่วโมงที่เป็นไปได้) ในแต่ละปี [49][50]ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมปริมาณแสงแดดโดยเฉลี่ยจะเท่ากับประมาณที่เห็นในอิตาลีตอนเหนือ (เมืองเวนิส)
เมืองตั้งอยู่บนรอยต่อระหว่างโซนความแข็งแกร่ง (hardiness zone) (โซนภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรม) โซน 6 และโซน 7 [51][52]
Remove ads
สถาปัตยกรรม


![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เขตปกครอง
สรุป
มุมมอง

กรุงบูดาเปสต์ แบ่งออกเป็น 23 เขต (อังกฤษ: District, ฮังการี: Kerület) ซึ่งมีหมายเลขเรียงตามลำดับ เขตต่าง ๆ มีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการพัฒนาเมือง การแบ่งเขตนี้ช่วยในการบริหารจัดการเมืองขนาดใหญ่ โดยแต่ละเขตมีเทศบาลของตัวเองที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการท้องถิ่น
ข้อมูล 23 เขตของกรุงบูดาเปสต์ | |||||
เขตการปกครอง | ประชากร | พื้นที่และความหนาแน่นประชากร | |||
เขต | ชื่อทางการ | คำอ่านภาษาไทย | สัมมโนประชากร ค.ศ. 2013 | กม2 | ประชากรkm2 |
I | Várkerület | วาร์แกรึแร็ต (เขตปราสาท) | 24.528 | 3,41 | 7.233 |
II | Rózsadomb | โรฌอโดม (เนินเขากุหลาบ) | 88.011 | 36,34 | 2.426 |
III | Óbuda-Békásmegyer | โอบูดอ-เบกาชแมจแยร์ | 123.889 | 39,69 | 3.117 |
IV | Újpest | อูยแปชต์ (เปสต์ใหม่) | 99.050 | 18,82 | 5.227 |
V | Belváros-Lipótváros | เบลวาโรช-ลิโปตวาโรช (ดาว์นทาว์น-เมืองลิโปช) | 27.342 | 2,59 | 10.534 |
VI | Terézváros | แตเรสวาโรช (เมืองแตเรส) | 43.377 | 2,38 | 18.226 |
VII | Erzsébetváros | แอร์เจแบ็ตวาโรช (เมืองอลิธซาเบ็ต) | 64.767 | 2,09 | 30.989 |
VIII | Józsefváros | โยแฌฟวาโรช (เมืองโยแฌฟ) | 85.173 | 6,85 | 11.890 |
IX | Ferencváros | แฟแร็นตซ์วาโรช (เมืองแฟแร็นตซ์) | 63.697 | 12,53 | 4.859 |
X | Kőbánya | เกอบาญอ (เหมืองหิน) | 81.475 | 32,5 | 2.414 |
XI | Újbuda | อูยบูดอ (บูดอใหม่) | 145.510 | 33,47 | 4.313 |
XII | Hegyvidék | แฮ็จย์วิเดก (ชนบทภูเขา) | 55.776 | 26,67 | 2.109 |
XIII | Angyalföld, Göncz Árpád városközpont, Újlipótváros, Vizafogó | อ็องจ์ยอลเฟิลด์ (ดินแดนเทวดา),
เกินตซ์ อาร์ปาด วาโรชเกิสโปนต์ (จุดกลางเมือง เกินตซ์ อาร์ปาด), อูยลิโปตวาโรช (เมืองลิโปตใหม่), วิซอโฟโก (กับดักน้ำ) |
118.320 | 13,44 | 8.804 |
XIV | Zugló | ซูกโล่ | 123.786 | 18,15 | 6.820 |
XV | Rákospalota, Pestújhely, Újpalota | ราโกชปอโลตอ, แปชต์อูยแฮย์, อูยปอโลตอ | 79.779 | 26,95 | 2.988 |
XVI | Árpádföld, Cinkota, Mátyásföld,
Sashalom, Rákosszentmihály |
อาร์ปาดเฟิลด์, ซินโกตอ, มาตยาชเฟิลด์,
ชอชฮอโลม, ราโกชแซนต์มิฮาย |
68.235 | 33,52 | 2.037 |
XVII | Rákosmente | ราโกชแมนแต | 78.537 | 54.83 | 1.418 |
XVIII | Pestszentlőrinc-Pestszentimre | แปชต์แซนต์เลอรินตซ์-แปชต์แซนต์อิมแร | 94.663 | 38,61 | 2.414 |
XIX | Kispest | กิชแปชต์ (เปสต์เล็ก) | 62.210 | 9,38 | 6.551 |
XX | Pesterzsébet | แปชต์แอร์เฌแบ็ต | 63.887 | 12,18 | 5.198 |
XXI | Csepel | แชแป็ล | 76.976 | 25,75 | 2.963 |
XXII | Budafok-Tétény | บูดอโฟก-เตเตญ | 51.071 | 34,25 | 1.473 |
XXIII | Soroksár | โชโรกชาร์ | 19.982 | 40,78 | 501 |
1,740,041 | 525.2 | 3,313.1 | |||
9,937,628 | 93,030 | 107.2 | |||
แหล่งอ้างอิง: Eurostat,[55] HSCO[56] |
เขตแต่ละเขตมีนายกเทศมนตรีและรัฐบาลเทศบาล (ที่มาจากการเลือกตั้งแยกต่างหากจากรัฐบาลเทศบาลทั่วไป เขตต่าง ๆ และรัฐบาลเทศบาลทั่วไปมีขอบเขตอำนาจที่กำหนดตามรัฐธรรมนูญฮังการีและกฎหมาย โดยไม่มีการทับซ้อน แต่ละเขตมีชื่อที่รับรองอย่างเป็นทางการจากเทศบาล บางเขตมีชื่อที่สอดคล้องกับที่คนท้องถิ่นเรียกบริเวณหรือย่านนั้น ๆ เช่น Belváros (เขต V) และ Terézváros (เขต VI) ในขณะที่บางเขต (เช่น Újbuda เขต XI) เป็นชื่อที่เกิดขึ้นใหม่ ป้ายถนนจะแสดงชื่อเขตและชื่อย่านนั้น ซึ่งชื่อย่านเหล่านี้มักจะเป็นชื่อหมู่บ้านที่ถูกผนวกเข้ามาในเมือง (เช่น Sashalom, Budafok) หรือหน่วยการปกครองที่เลิกใช้แล้วของอำเภอเดิม[57]
Remove ads
ประชากรศาสตร์
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชาติพันธุ์
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนา
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กรุงบูดาเปสต์เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยถูกจัดให้เป็นเมืองระดับ Beta+ ตามการศึกษาโดย Globalization and World Cities Research Network และเป็นเมืองที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจในเมืองเร็วเป็นอันดับสองในยุโรป โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวในเมืองเพิ่มขึ้น 2.4% และการจ้างงานเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในปี 2014[58] บูดาเปสต์เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางธุรกิจและเศรษฐกิจของฮังการี คิดเป็น 39% ของรายได้ของประเทศ
ในปี ค.ศ. 2018 เมืองนี้มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) อยู่ที่ 154 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป ตามข้อมูลของ Hungarian Central Statistical Office ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัว (GDP per capita) ประมาณ 35,751 ยูโร (14 ล้านโฟรินต์ฮังการี) ต่อคน บูดาเปสต์ยังติดอันดับหนึ่งใน 100 เมืองที่มี GDP สูงสุดของโลก
การเงินและบริษัทมหาชน
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Remove ads
การเมืองการปกครอง
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การบริหารเมือง
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การท่องเที่ยว
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
จตุรัส
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สวนสาธารณะ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เกาะกลางน้ำ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สปา
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงสร้างพื้นฐานและขนส่งสาธารณะ
สรุป
มุมมอง
สนามบิน
ท่าอากาศยานนานาชาติบูดาเปสต์ แฟแร็นทส์ ลิสท์ (Budapest Ferenc Liszt International Airport) เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงบูดาเปสต์และประเทศฮังการี ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 16 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนี้ได้รับการตั้งชื่อตามนักประพันธ์เพลงชื่อดังชาวฮังการี ฟรันทซ์ ลิสท์ (Franz Liszt) และเป็นศูนย์กลางของสายการบิน Wizz Air นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั่วโลก
ระบบขนส่งสาธารณะ
บูดาเปสต์มีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริหารจัดการโดย Budapesti Közlekedési Központ (BKK)[59] องค์กรขนส่งสาธารณะของเมือง ระบบขนส่งสาธารณะของบูดาเปสต์มีหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟใต้ดิน, รถราง, รถประจำทาง, เรือข้ามฟาก, และรถไฟชานเมือง (HÉV) ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในเมืองและชานเมืองอย่างสะดวกสบาย

รถไฟใต้ดิน (Metro)
ระบบรถไฟใต้ดินของบูดาเปสต์ประกอบด้วย 4 สายหลัก ได้แก่
- สาย M1 (Millennium Underground) - เป็นหนึ่งในรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1896 เชื่อมต่อใจกลางเมืองกับเขตท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างจัตุรัสฮีโร่ส์ (Hősök tere) และสวนสาธารณะเมือง (Városliget)
- สาย M2 - เชื่อมต่อฝั่งบูดาและเปสต์ ผ่านจุดสำคัญอย่างจัตุรัสเดเล่ (Déli) ในบูดาและสถานีตะวันออก (Keleti) ในเปสต์
- สาย M3 - วิ่งแนวเหนือ-ใต้ ผ่านศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือและใต้ของเมือง
- สาย M4 - เปิดในปี ค.ศ. 2014 เชื่อมโยงฝั่งบูดาและเปสต์ด้วยเส้นทางใหม่ พร้อมด้วยเทคโนโลยีระบบรถไฟทันสมัย
รถราง (Tram)

รถรางเป็นอีกหนึ่งระบบขนส่งที่สำคัญและได้รับความนิยมในบูดาเปสต์ โดยเฉพาะรถรางสาย 4 และ 6 ซึ่งวิ่งเส้นทางหลักผ่านสะพาน Margaret (Margit híd) และสะพาน Petőfi (Petőfi híd) เชื่อมต่อระหว่างบูดาและเปสต์ รวมถึงเส้นทางรถรางสาย 2 ซึ่งวิ่งเลียบแม่น้ำดานูบผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น รัฐสภาฮังการี และ โรงละครแห่งชาติฮังการี
รถประจำทาง (Bus)
รถประจำทางในบูดาเปสต์ให้บริการทั่วทั้งเมืองกว่า 200 สาย รวมถึงพื้นที่ที่รถไฟใต้ดินหรือรถรางเข้าไม่ถึง รถประจำทางมีทั้งสายธรรมดาและสายด่วนที่ให้บริการอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีบริการ รถโดยสารกลางคืน สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางในช่วงเวลาที่รถไฟใต้ดินและรถรางหยุดวิ่ง[64]
รถไฟชานเมือง (HÉV)
รถไฟ HÉV เชื่อมต่อบูดาเปสต์กับพื้นที่ชานเมืองและหมู่บ้านใกล้เคียง วิ่งเส้นทางไปยังเกาะมาร์กาเร็ต (Margaret Island), เขตเซเปล และบริเวณทางตะวันออกของเมือง เป็นระบบขนส่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ชานเมืองแต่ทำงานหรือมีธุระในตัวเมือง
เรือข้ามฟาก (Ferry)
บูดาเปสต์ตั้งอยู่บนแม่น้ำดานูบ ทำให้มีบริการเรือข้ามฟากเชื่อมต่อฝั่งบูดาและเปสต์ รวมถึงเส้นทางล่องเรือที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมทัศนียภาพของเมืองจากแม่น้ำ
ตั๋วและการใช้งาน
บูดาเปสต์มีระบบตั๋วและบัตรผ่านหลากหลายประเภท ทั้งตั๋วเที่ยวเดียว ตั๋วรายวัน และบัตรผ่านรายเดือน ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติในสถานีขนส่งต่าง ๆ หรือตามร้านค้าปลีกทั่วเมือง นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชัน BKK FUTÁR ที่ให้ข้อมูลเส้นทางและเวลาการเดินรถแบบเรียลไทม์
ถนนและรางรถไฟ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สถานี
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วัฒนธรรม
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พิพิธภัณฑ์และนิทรรศการ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หอสมุด
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โรงละคร
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เทศกาล
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แฟชั่น
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สื่อ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาหาร
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กีฬา
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษา
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รูปภาพ
- อาคารรัฐสภาฮังการี (Országház)
- ปราสาทบูดา (Budavári Palota)
- พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์บูดาเปสต์ (Szépművészeti Múzeum)
- มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น (Szent István-bazilika)
- โบสถ์แมทเธียส (Mátyás-templom)
- เกรซแฮม พาเลซ (Gresham-palota)
- จัตุรัสวีรชน (Millenniumi emlékmű)
- วิกอโดแห่งเมืองแป็ชต์ (Pesti Vigadó)
- วิกอโดแห่งเมืองบูดอ (Budai Vigadó)
- ปราสาทว็อยดอฮุนย็อด (Vajdahunyad vára)
- โรงอาบน้ำร้อนแกลเลร์ต (Gellért gyógyfürdő)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะประยุกต์บูดาเปสต์ (Iparművészeti Múzeum)
- นิวยอร์ก พาเลซ (New York-palota)
- พิพิธภัณฑ์แห่งชาติฮังการี (Magyar Nemzeti Múzeum)
- ป้อมชาวประมง (Halászbástya)
- รูปปั้นตรีเอกานุภาพ (บูดาเปสต์) (Szentháromság-szobor)
- อนุสาวรีย์เซนต์สตีเฟ่นทรงม้า (Szent István lovas szobra)
- พิพิธภัณฑ์บ้านแห่งความกลัว (Terror Háza Múzeum)
- โรงละครโอเปร่าแห่งรัฐฮังการี (Magyar Állami Operaház)
- น้ำพุของกษัตริย์แมทเธียส (Mátyás-kút)
- โรงละครแห่งชาติฮังการี (Nemzeti Színház)
- ธรรมศาลา ถนนโดฮานย์ (Zsinagóga)
- โรงอาบน้ำร้อนเซแช็นยิ (Széchenyi gyógyfürdő)
- อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (บูดาเปสต์) (Szabadság-szobor)
- สะพานโซ่เซแช็นยิ (Lánchíd)
- รูปปั้นเจ้าชายบูดอและเจ้าหญิงแป็ชต์ (Buda hercege és Pest hercegnője)
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads