Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม ปุ่น สุขเจริญ ฉายา ปุณฺณสิริ เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดำรงพระยศอยู่ 1 ปีเศษ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 สิริพระชันษาได้ 77 ปี 252 วัน
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) | |
---|---|
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
ดำรงพระยศ | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 (1 ปี 139 วัน) |
สถาปนา | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายี) |
ถัดไป | สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ |
พรรษา | 56 ปี 224 วัน |
สถิต | วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร |
นิกาย | มหานิกาย |
ประสูติ | 30 มีนาคม พ.ศ. 2440 อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ปุ่น |
สิ้นพระชนม์ | 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 (76 ปี) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย |
พระชนก | เน้า สุขเจริญ |
พระชนนี | วัน สุขเจริญ |
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีพระนามเดิมว่า ปุ่น สุขเจริญ ประสูติเมื่อวันอังคาร แรม 13 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก จ.ศ. 1258 ร.ศ. 115 เวลา 24 นาฬิกาเศษ ตรงกับวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2440 (นับแบบใหม่) ณ บ้านตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี พระชนกชื่อเน้า สุขเจริญ พระชนนีชื่อวัน สุขเจริญ เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 8 คน มีพี่เป็นหญิง 4 คน ถึงแก่กรรมแต่เยาว์วัย พี่คนที่ 5 เป็นชายชื่อเหลือ น้องชายคนที่ 7 ชื่อเป้ง สุขเจริญ และน้องชายคนที่ 8 ชื่อสิ่ว ถึงแก่กรรมไปทั้งหมดแล้ว
ผลงานของพระองค์ นอกจากที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ และงานพิเศษต่าง ๆ ที่ได้รับมอบอย่างครบถ้วนแล้ว ยังมีงานด้านพระศาสนาที่ทรงริเริ่มพัฒนาอีกเป็นจำนวนมาก กล่าวคือ งานด้านการก่อสร้าง และปฏิสังขรณ์ ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ทั้งปูชนียสถาน เช่น พระอาราม สาธารณสถาน เช่น พิพิธภัณฑ์ โรงเรียน โรงพยาบาล ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเป็นจำนวนมาก
นอกจากแต่งและเรียบเรียงพระธรรมเทศนาแล้ว โดยที่สนใจในการประพันธ์มาตั้งแต่ยังเป็นสามเณร โปรดการอ่านหนังสือและสะสมหนังสือต่าง ๆ ทั้งเคยเขียนบทความเกี่ยวกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ในพระนามว่า "ป. ปุณฺณสิริ" ยังนิพนธ์หนังสืออีก 20 กว่าเรื่อง ประเภทวิชาการ เมื่อเป็นเลขาธิการ ก.ส.พ. ได้รวบรวมระเบียบข้อบังคับคณะสงฆ์พิมพ์เป็นเล่ม ชื่อประมวลอาณัติคณะสงฆ์ ประเภทสารคดีบันทึกการเสด็จไปยังที่ต่าง ๆ คือ;
และพระนิพนธ์เรื่องสุดท้าย คือ;
ประเภทธรรมนิยาย เช่น
นอกจากนี้ ยังได้เขียนเป็นบทความต่าง ๆ อีกมาก
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) บริหารการคณะสงฆ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดโสธรวราราม และในตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ตามประกาสสถาปนาสมณศักดิ์นั้นแล้ว นอกจากนี้ยังวิตกถึงวัดที่เป็นพระอารามหลวง ซึ่งชำรุดทรุดโทรมเป็นจำนวนมาก ปรารภในที่ประชุมพระสังฆาธิการของกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์จะให้วัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น สร้างกำแพงหรือรั้วกั้นเขตวัด เมื่อทุเลาจากการประชวรคราวแรก ได้เสด็จไปตรวจเยี่ยมวัดราชโอรสาราม และวัดชัยพฤกษมาลา ที่ได้ตั้งพระเถระไปเป็นเจ้าอาวาส ในขณะประชวรก็ยังมีพระบัญชาให้พระเถระผู้ใหญ่ออกตรวจเยี่ยมวัดแทนพระองค์
ส่วนในตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีเวลาน้อย ทั้งยังต้องรักษาพระองค์อีกเป็นส่วนมาก ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีพระดำริในการคณะสงฆ์หลายประการ โดยมุ่งประโยชน์สุขและความเจริญแก่ประชาชน ทั้งยังมอบความเป็นอิสระในการบริหารคณะ เช่น เมื่อจะแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมในส่วนคณะมหานิกาย ก็ประชุมหารือกับพระเถระในฝ่ายมหานิกาย ในฝ่ายคณะธรรมยุต ก็หารือกับพระเถระในคณะธรรมยุตก่อน
อนึ่ง ดำริถึงพระภิกษุที่ได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ซึ่งได้รับการยกย่องขึ้นเป็นพระครูประทวน จึงขออนุมัติต่อมหาเถรสมาคม ให้สร้างพัดขึ้นถวายเป็นเกียรติยศ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) เจริญอยู่ในพรหมวิหารธรรม เป็นครุฐานียอภิปูชนียบุคคล เป็นที่รักที่เคารพบูชาสักการะอย่างยิ่งแห่งปวงชนทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ได้รับยกย่องพระเกียรติคุณเป็นอย่างสูง จึงมีพระนามเป็นพิเศษว่า “สมเด็จป๋า” พระเครื่องและเหรียญพระรูป ที่สร้างขึ้นในวาระต่าง ๆ หรือที่มีผู้มาขออนุญาตพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานกุศล ปรากฏว่าเป็นที่นิยมกันมาก ดังนี้
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทราบ จึงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ท่านผู้หญิงศรีจิตรา บุนนาค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และนายแพทย์สิโรตม์ บุนนาค เป็นแพทย์ถวายการรักษาพยาบาลประจำพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2510 และได้เสด็จไปประทับ ณ ตึกจงกลนี วัฒนวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อรับการตรวจเป็นประจำทุก ๆ ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 ก่อนเสด็จไปต่างประเทศ ก็ได้รับการตรวจพระอาการทั่วไป
ต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2515 ได้เสด็จไปรับการตรวจพระอาการ เมื่อตรวจเอกซเรย์ ปรากฏว่าพระปัปผาสะ (ปอด) ข้างซ้ายผิดปกติ จึงต้องเสด็จไปประทับ ณ ตึกจงกลณี วัฒนวงศ์ เพื่อให้คณะแพทย์ตรวจพระอาการโดยละเอียด คณะแพทย์พบว่า ปอดข้างซ้ายเป็นเนื้องอก (มะเร็ง) จำต้องรักษาโดยการผ่าตัดโดยด่วน เมื่อความได้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์ถวายการรักษาในทางที่เห็นว่าดีและปลอดภัยมากที่สุด
คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2515 หลังจากถวายการผ่าตัดแล้ว พระอาการดีขึ้นโดยลำดับ จนเสด็จกลับวัดได้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศง 2515 คณะแพทย์ได้ถวายคำแนะนำให้ทรงพักรักษาพระองค์อีกสามเดือน ตลอดเวลาที่พักอยู่นั้น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้จัดบุรุษพยาบาลและเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด มาเฝ้าปฏิบัติและถวายการรักษาเป็นประจำ จนเสด็จประชุมมหาเถรสมาคม และเสด็จไปกิจนิมนต์ได้
ครั้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2516 มีพระอาการผิดปกติ แพทย์ประจำพระองค์ได้มาถวายการตรวจและถวายยา วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2516 รู้สึกพระองค์ว่าความจำเสื่อมผิดปกติไปมาก หลังจากที่เสด็จไปแสดงพระธรรมเทศนา ถึงกับรับสั่งว่า ต่อไปคงจะเทศน์ไม่ได้อีกแล้ว ความจำไม่ดี แพทย์ประจำพระองค์ได้กราบทูลอาราธนาให้เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลเพื่อตรวจพระอาการกำหนดเสด็จไปวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2516 วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 หลังจากทรงทำอุโบสถสังฆกรรมแล้ว
คณะแพทย์ได้ตรวจพระอาการ ปรากฏว่า โรคมะเร็งขึ้นสมองด้านซ้าย จึงทำให้พระวรกายซีกขวาอ่อนแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ ครั้นเมื่อถวายการรักษาทางยา และฉายรังสีโคบอลท์พระอาการดีขึ้นจนพระหัตถ์ข้างขวาเคลื่อนไหวได้และทรงอักษรได้บ้าง
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ประชวรพระวาโย ต้องเชิญเสด็จประทับห้องฉุกเฉิน ตั้งแต่นั้นมา พระอาการก็มีแต่ทรงกับทรุด วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มีพระโลหิตออกจากกระเพาะอาหาร คณะแพทย์ต้องถวายการผ่าตัด เมื่อเวลา 23.00 น. หลังจากนั้น พระอาการดีขึ้นเล็กน้อย วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 พระอาการน่าวิตก วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 เวลา 20.00 น. พระอาการทรุดหนักลง ต่อแต่นั้นมาพระอาการมีแต่ทรุดลงเป็นลำดับ และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 22.25 น. โดยมีคณะแพทย์ พยาบาล และศาสตราจารย์ นายแพทย์อุดม โปษะกฤษณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยพระเถรานุเถระ ศิษยานุศิษย์ เฝ้าพระอาการอยู่ตลอดเวลา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการรักษาพยาบาลตลอดมา และมีคณะแพทย์กราบบังคมทูลถวายรายงานการประชวรให้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกระยะ ตั้งแต่ยังสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต ตราบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้มีแถลงการณ์แจ้งข่าวพระอาการตลอดมาทุกระยะ แถลงการณ์ในการสิ้นพระชนม์ มีดังนี้
"สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2516 ด้วยพระอาการเวียนพระเศียร ความจำทรงเสื่อมลง พระวรกายทางซีกขวาอ่อนเคลื่อนไหวไม่ได้ คณะแพทย์ลงความเห็นว่า พระอาการทั่วไปทั้งหมด เนื่องมาจากการที่พระองค์ทรงประชวรเป็นเนื้องอกในปอดข้างซ้าย ซึ่งคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาด้วยรังสีโคบอลท์ พระอาการดีขึ้นบ้าง
ต่อมาวันที่ 14 ตุลาคม 2516 มีพระโรคแทรก คือ พระโลหิตออกจากกระเพาะอาหาร คณะแพทย์ได้ถวายการผ่าตัดเพื่อระงับมิให้สูญเสียพระโลหิตทางลำไส้อีก และถวายการผ่าตัดเพื่อมิให้มีพระอาการขึ้นอีก นับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา พระอาการทางสมองมากขึ้น จนครึ่งพระวรกายซีกขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ ทรงมีพระอาการไข้ขึ้นสูงตลอดมา ปอดบวม มีพระอาการทั่วไปอ่อนเพลียลงตามลำดับ ในที่สุดสิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 22.25 น. ด้วยพระอาการอันสงบ
คณะแพทย์ได้พยายามเยียวยาถวายการรักษาพระองค์อย่างสุดความสามารถจนถึงสิ้นพระชนม์ ในตอนกลางคืน วันสิ้นพระชนม์ มีพระสงฆ์เฝ้าเยี่ยมพระอาการประมาณ 300 รูป คฤหัสถ์ประมาณ 200 คน"
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระศพตามโบราณราชประเพณีทุกประการ วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2516 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาถวายน้ำสรงพระศพ ณ ตึกกวี เหวียนระวี แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระโกศประดิษฐานเหนือชั้นแว่นฟ้าประกอบพระลองกุดั่นใหญ่ แวดล้อมด้วยเครื่องประดับพระเกียรติยศ ณ หอประชุมสงฆ์ วัดพระเชตุพน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทั้งกลางวัน และกลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป เพลวันละ 4 รูป กำหนด 7 วัน ทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานถวาย เมื่อครบ 7 วัน[17] 50 วัน[18] และ 100 วัน[19] พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการพระราชกุศลออกพระเมรุ และพระราชทานเพลิง วันที่ 22, 23 และ 24 เมษายน พ.ศ. 2517[20]
ในการบำเพ็ญกุศลถวายพระศพนี้ มหาเถรสมาคม คณะสงฆ์ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาค คณะรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรม สมาคม พ่อค้า ประชาชน ศิษยานุศิษย์ คณะสงฆ์จีน คณะสงฆ์ญวน สมาคมคาทอลิกแห่งประเทศไทย สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา สมาคมฮินดูสมาช สมาคมฮินดูธรรมสภา และในต่างประเทศ ก็มีพระภิกษุสงฆ์พร้อมด้วยพุทธบริษัทจากฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ได้โดยเสด็จพระราชกุศลมาจนถึงวันพระราชทานเพลิงพระศพ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ทรงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน องค์ที่ 11 เป็นเวลา 26 ปี 8 เดือน 30 วัน ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน 18 วัน สิริพระชันษา 77 ปี
พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2517
โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 ตั้งอยู่ที่ ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายี) |
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516) |
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) | ||
สมเด็จพระวันรัต (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) |
เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (8 มีนาคม พ.ศ. 2490 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2516) |
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (กมล กมโล) |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.