พลเอก วิมล วงศ์วานิช (1 มีนาคม พ.ศ. 2477) เป็นนายทหารชาวไทย อดีตผู้บัญชาการทหารบก, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตราชองครักษ์พิเศษ[2]
ข้อมูลเบื้องต้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นายกรัฐมนตรี ...
ปิด
พลเอก วิมล เป็นแกนนำในการรวมตัวของนายทหารอาวุโส ณ สนามม้านางเลิ้ง เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 เรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการก่อตั้ง “คณะรัฐบุคคล” เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557 ณ สโมสรโปโลคลับ ซอยโปโล ถนนวิทยุ[3]
ชีวิตส่วนตัว
วิมล วงศ์วานิช เกิดวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2477 เป็นบุตรของนายศิริ และนางเอื้อน วงศ์วานิช
วิมล วงศ์วานิช ได้สมรสกับ พ.ต.หญิง คุณหญิงมาลี วงศ์วานิช
การศึกษา
- โรงเรียนสามัญที่โรงเรียนพุทธนิคม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- พ.ศ. 2496 : โรงเรียนเตรียมนายร้อย
- พ.ศ. 2501 : โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (หลักสูตร 5 ปี)
- พ.ศ. 2505 : หลักสูตรทหารร่ม และการรบพิเศษ และหลักสูตรผู้บังคับกองร้อย รุ่นที่ 23
- พ.ศ. 2507 : หลักสูตรผู้บังคับกองพัน รุ่นที่ 13
- พ.ศ. 2509 : หลักสูตรเสนาธิการทหารบก
- พ.ศ. 2514 : หลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยา และกิจการพลเรือนสหรัฐฯ
- พ.ศ. 2521 : โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ประเทศสหราชอาณาจักร
- พ.ศ. 2530 : วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ประวัติรับราชการ
- พ.ศ. 2501 : ประจำกองบัญชาการศูนย์การทหารราบ ผู้บังคับหมวดอาวุธ กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และรับพระราชทานยศ"ร้อยตรี"
- พ.ศ. 2503 : ผู้บังคับตอนปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง กองร้อยกองบังคับการ กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
- พ.ศ. 2504 : ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และรับพระราชทานยศ"ร้อยโท"
- พ.ศ. 2505 : ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ผู้บังคับชุดปฏิบัติการ กองร้อยทหารพลร่ม กองพันทหาร พลร่ม
- พ.ศ. 2506 : ผู้บังคับชุดปฏิบัติการ กองร้อยรบพิเศษ กองรบพิเศษ (พลร่ม)
- พ.ศ. 2507 : ผู้ช่วยนายทหารยุทธการ และการฝึกกองรบพิเศษ (พลร่ม) และรับพระราชทานยศ "ร้อยเอก"
- พ.ศ. 2509 : ประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประจำกองบัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- พ.ศ. 2510 : รักษาราชการ นายทหารยุทธการ และการฝึก กรมผสมที่ 6
- พ.ศ. 2511 : รับพระราชทานยศ"พันตรี"
- พ.ศ. 2512 : รักษาราชการ เสนาธิการ กรมผสมที่ 6 หัวหน้าแผนกกำลังพล กองพลที่ 3
- พ.ศ. 2513 : หัวหน้ากองค้นคว้าและพัฒนาการรบ ศูนย์สงครามพิเศษ
- พ.ศ. 2515 : รับพระราชทานยศ"พันโท"
- พ.ศ. 2516 : หัวหน้าฝ่ายยุทธการ และการฝึก ศูนย์สงครามพิเศษ
- พ.ศ. 2518 : รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 6
- พ.ศ. 2519 : รับพระราชทานยศ"พันเอก"
- พ.ศ. 2520 : ประจำกรมยุทธศึกษาทหารบก
- พ.ศ. 2521 : อาจารย์หัวหน้ากองส่วนวิชาการยุทธวิธี โรงเรียนเสนาธิการทหารบก สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง
- พ.ศ. 2522 : ผู้บังคับการกรมผสมที่ 6
- พ.ศ. 2523 : รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6
- พ.ศ. 2525 : ผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 และรับพระราชทานยศ"พลตรี"
- พ.ศ. 2528 : ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์
- พ.ศ. 2529 : ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และรับพระราชทานยศ"พลโท"
- พ.ศ. 2532 : แม่ทัพภาคที่ 2
- พ.ศ. 2533 : ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก, รับพระราชทานยศ"พลเอก" และกรรมการในคณะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้[4]
- พ.ศ. 2534 : รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
- พ.ศ. 2535 : ผู้บัญชาการทหารบก
ราชการพิเศษหรือตำแหน่งพิเศษ
- ริเริ่มการปรับปรุงกองทัพให้มีขนาดเล็ก ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาไปสู่ความ ทันสมัย 4 ประการ คือ ทันสมัยในการบังคับบัญชา การอำนวยการและสั่งการ ทันสมัยในการพัฒนาบุคลากรและหน่วยงาน ทันสมัยในการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ การส่งกำลังบำรุง และทันสมัยในการพัฒนาสวัสดิการความเป็นอยู่ ของกำลังพล
- การพัฒนากีฬากองทัพบก โดยกำหนดแนวทางพัฒนาว่า "กีฬาสร้างคน คนสร้างกองทัพ กองทัพสร้างชาติ"
- เมื่อครั้งเป็น ผู้บังคับหน่วยผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ 2122 ได้ทำการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มีผู้มามอบตัวพร้อมด้วยอาวุธ 877 คน และผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ต้องปิดเขตงานที่ 11