ประเทศกาตาร์
ประเทศในตะวันออกกลาง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ประเทศในตะวันออกกลาง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รัฐกาตาร์ | |
---|---|
สถานที่ตั้งและขอบเขตของประเทศกาตาร์ (สีเขียวเข้ม) ในคาบสมุทรอาหรับ | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | โดฮา 25°18′N 51°31′E |
ภาษาราชการ | อาหรับ[1] |
ภาษาทั่วไป | อังกฤษ |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2015)[2] | |
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[3] |
|
เดมะนิม | ชาวกาตาร์ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สมบูรณาญาสิทธิราชย์[4] |
ตะมีม บิน ฮะมัด | |
โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี | |
สภานิติบัญญัติ | สภาที่ปรึกษา |
ก่อตั้ง | |
• วันชาติกาตาร์ | 18 ธันวาคม ค.ศ. 1878 |
• ประกาศเอกราช | 1 กันยายน ค.ศ. 1971 |
• เป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร | 3 กันยายน ค.ศ. 1971 |
พื้นที่ | |
• รวม | 11,581 ตารางกิโลเมตร (4,471 ตารางไมล์) (อันดับที่ 158) |
0.8 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2020 ประมาณ | 2,795,484[5] (อันดับที่ 139) |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2010 | 1,699,435[6] |
176 ต่อตารางกิโลเมตร (455.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 76) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 357.338 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 51) |
• ต่อหัว | 138,910 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 4) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2018 (ประมาณ) |
• รวม | 183.807 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 56) |
• ต่อหัว | 66,202 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 6) |
จีนี (ค.ศ. 2007) | 41.1[8] ปานกลาง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.848[9] สูงมาก · อันดับที่ 45 |
สกุลเงิน | ริยาลกาตาร์ (QAR) |
เขตเวลา | UTC+3 (เวลามาตรฐานอาหรับ) |
ขับรถด้าน | ขวา[10] |
รหัสโทรศัพท์ | +974 |
โดเมนบนสุด |
|
กาตาร์ (อาหรับ: قطر [ˈqɑtˁɑr]; สำเนียงพื้นเมือง: [ˈɡɪtˤɑr])[11][12] หรือชื่อทางการคือ รัฐกาตาร์ (อาหรับ: دولة قطر) เป็นประเทศที่ปกครองโดยเจ้าผู้ครองรัฐในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดเล็กที่แตกมาจากคาบสมุทรอาหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้[13][14][15][16][17] มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีชายฝั่งริมอ่าวเปอร์เซีย
ใน ค.ศ. 2017 ประชากรทั้งหมดของกาตาร์อยู่ที่ประมาณ 2.6 ล้านคน โดยเป็นพลเมืองกาตาร์เพียง 313,000 คน และเป็นชาวต่างชาติ มากถึง 2.3 ล้านคน[18] ศาสนาประจำชาติของกาตาร์คือศาสนาอิสลาม กาตาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก[19][20] โดยในแง่ของรายได้ กาตาร์มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ต่อหัวสูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลก[21] และมีรายได้ประชาชาติ (GNI) ต่อหัวสูงที่สุดเป็นอันดับหก[22] องค์การสหประชาชาติจัดอันดับให้กาตาร์เป็นประเทศที่มีอัตราการพัฒนาคุณภาพประชากรในระดับสูง[23] โดยมี ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) สูงเป็นอันดับสามในบรรดากลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย กาตาร์เป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีแหล่งสำรองแก๊สธรรมชาติและปริมาณน้ำมันสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และยังเป็นประเทศที่ปล่อยแก๊สเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดชาติหนึ่งในโลก[24]
กาตาร์ถูกปกครองโดยราชวงศ์อัษษานีนับตั้งแต่มุฮัมมัด บิน อัษษานี ลงนามในสนธิสัญญากับอังกฤษใน ค.ศ. 1868 ภายหลังการปกครองของตุรกีโดยจักรวรรดิออตโตมัน กาตาร์อยู่ภายใต้ความคุ้มครองอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1971 ประมุขของกาตาร์เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากการปกครองระบอบเผด็จการ (ปัจจุบันคือตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี) และมีอำนาจบริหารและนิติบัญญัติทั้งหมด รวมทั้งควบคุมระบบตุลาการ เขายังทำการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีด้วยตนเอง การเลือกตั้งและสิทธิทางการเมืองรวมถึงเสรีภาพของสื่อภายในประเทศยังถูกจำกัดสิทธิ์[25][26][27]
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 กาตาร์กลายเป็นชาติมหาอำนาจที่สำคัญในโลกอาหรับในด้านทรัพยากรและความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับการมีอิทธิพลทางสื่อที่ขยายตัวไปทั่วโลก โดยเครือข่ายที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคืออัลญะซีเราะฮ์หรือแอลจาซีรา ซึ่งมีรายงานว่าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มกบฏหลายกลุ่ม กาตาร์ถูกมองว่าเป็นชาติมหาอำนาจระดับกลาง กาตาร์จะได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลกสองรายการในอนาคตได้แก่ ฟุตบอลโลก 2022 โดยพวกเขาจะถือเป็นประเทศมุสลิมและประเทศตะวันออกกลางชาติแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก[28] และการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2030 จะจัดขึ้นที่กาตาร์เช่นกัน[29]
กาตาร์เคยอยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาอังกฤษได้เข้ามามีอิทธิพลโดยได้ทำสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) กับกาตาร์มีผลทำให้กาตาร์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอังกฤษ โดยอังกฤษดูแลกิจการระหว่างประเทศของกาตาร์และต้องป้องกันกาตาร์จากการถูกรุกรานจากภายนอก และต่อมาสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) ได้ขยายการคุ้มครองของอังกฤษออกไปทุก ๆ ด้าน
ในปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) รัฐบาลอังกฤษประกาศจะถอนตัวออกจากภูมิภาค อ่าวเปอร์เซียภายในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) กาตาร์จึงพยายามรวมตัวเป็นสหพันธรัฐกับบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กาตาร์เป็นเอกราชเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) โดยอังกฤษได้ยกเลิกสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) และได้มีการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพระหว่างกันแทน
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) Shaikh Khalifa Bin Hamad Al – Thani ได้ทำรัฐประหารสำเร็จโดยปราศจากการนองเลือด และต่อมา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) Shaikh Hamad Bin Khalifa Al – Thani พระโอรส ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมารของกาตาร์ ก็ได้ยึดอำนาจการปกครองและตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองรัฐองค์ใหม่
ระบบการเมืองของกาตาร์เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีประมุขของกาตาร์เป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ภายใต้การลงประชามติรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 2003 กลายเป็นระบอบรัฐธรรมนูญ และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 Emir Hamad bin Khalifa Al Thani ประกาศให้มีการเลือกตั้งสภาที่ปรึกษาแห่งกาตาร์เป็นครั้งแรก โดยมีแผนจะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2013 แต่ภายหลังเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด[30]
นับตั้งแต่ ค.ศ. 2014 กาตาร์ถูกแบ่งออกเป็น 8 เทศบาล (บะละดียะฮ์)[31]
ในด้านสถิติ เทศบาลแบ่งออกเป็น 98 เขต (ใน ค.ศ. 2015)[32] ซึ่งแบ่งออกเป็นแขวงและบล็อก[33]
กาตาร์มีภูมิประเทศแบบแหลมที่ยื่นออกไปในอ่าวเปอร์เซีย เรียกกันว่า ไข่มุกแห่งเปอร์เซีย ด้านทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศตะวันตก ล้อมรอบด้วยทะเล ด้านทิศใต้ ติดประเทศซาอุดีอาระเบีย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย อยู่ระหว่างเส้นรุ้ง 24 °และ 27 ° N, และลองจิจูด 50 °และ 52 °E จุดที่สูงที่สุดในกาตาร์เป็น Qurayn Abu al Bawl สูง 103 เมตร (338 ฟุต)[36] ใน Jebel Dukhan ทางทิศตะวันตก
ข้อมูลภูมิอากาศของประเทศกาตาร์ | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 22 (72) |
23 (73) |
27 (81) |
33 (91) |
39 (102) |
42 (108) |
42 (108) |
42 (108) |
39 (102) |
35 (95) |
30 (86) |
25 (77) |
33.3 (91.9) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 14 (57) |
15 (59) |
17 (63) |
21 (70) |
27 (81) |
29 (84) |
31 (88) |
31 (88) |
29 (84) |
25 (77) |
21 (70) |
16 (61) |
23 (73.4) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 12.7 (0.5) |
17.8 (0.701) |
15.2 (0.598) |
7.6 (0.299) |
2.5 (0.098) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
2.5 (0.098) |
12.7 (0.5) |
71 (2.795) |
แหล่งที่มา: http://us.worldweatheronline.com/doha-weather-averages/ad-dawhah/qa.aspx |
ข้อมูลภูมิอากาศทะเลในโดฮา | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | มกราคม | กุมภาพันธ์ | มีนาคม | เมษายน | พฤษภาคม | มิถุนายน | กรกฎาคม | สิงหาคม | กันยายน | ตุลาคม | พฤศจิกายน | ธันวาคม | ทั้งปี |
อุณหภูมิทะเลโดยเฉลี่ย °C (°F) | 21.0 (69.8) |
19.4 (66.9) |
20.9 (69.6) |
23.3 (73.9) |
27.8 (82) |
30.5 (86.9) |
32.4 (90.3) |
33.6 (92.5) |
32.8 (91) |
30.8 (87.4) |
27.5 (81.5) |
23.5 (74.3) |
26.9 (80.5) |
ข้อมูล:[37] |
การคมนาคมหลักในกาตาร์คือถนน เนื่องจากราคาที่ถูกมากจากปิโตรเลียม ประเทศที่มีระบบถนนที่ทันสมัยด้วยการอัพเกรดมากมายเป็นผลในการตอบสนองต่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ กับทางหลวงหลายกระบวนการอัพเกรดและทางด่วนใหม่ที่กำลังทำการก่อสร้าง เครือข่ายรถบัสขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อโดฮากับเมืองอื่น ๆ ในประเทศ และยังเป็นการคมนาคมหลักในกาตาร์อีกด้วย
ขณะนี้ยังไม่มีเครือข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ลงสัญญารับจ้างสร้างทางรถไฟกับประเทศเยอรมนีแล้ว
ท่าอากศยานหลักของกาตาร์คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา มีผู้โดยสารเกือบ 15,000,000 คน ใน ค.ศ. 2007
มีสิ่งก่อสร้างมากมายในกรุงโดฮา สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในในโดฮา คือ แอสไพร์ทาวเวอร์ สูง 300 เมตร
วัฒนธรรมกาตาร์มีความคล้ายกับประเทศอื่น ๆ ในอาระเบียตะวันออก วันชาติกาตาร์ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอัตลักษณ์ของชาติ[38] โดยเป็นการรำลึกการครองราชย์ของกอซิม บิน มุฮัมมัด อัษษานีและการรวมชนเผ่าต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่ง[39][40]
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
1950 | 25,000 | — |
1960 | 47,000 | +88.0% |
1970 | 110,000 | +134.0% |
1980 | 224,000 | +103.6% |
1990 | 476,000 | +112.5% |
2000 | 592,000 | +24.4% |
2010 | 1,856,000 | +213.5% |
2019 | 2,832,000 | +52.6% |
source:[41] |
ปัจจุบัน กาตาร์มีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคน เชื้อชาติต่าง ๆ ในประเทศกาตาร์มีดังนี้: กาตาร์ 20%, อาหรับ 20%, อินเดีย 20%, ฟิลิปปินส์ 10%, เนปาล 13%, ปากีสถาน 7%, ศรีลังกา 5% และอื่น ๆ 5%[42]
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหลักของกาตาร์และมีสถานะเป็นทางการ แม้ว่าจะไม่ใช่ศาสนาเดียวที่มีผู้ปฏิบัติในประเทศ[44] พลเมืองกาตาร์ส่วนใหญ่ร่วมในขบวนการมุสลิมซาลาฟีของลัทธิวะฮาบีย์[45][46][47] และระหว่าง 5–15% ของชาวมุสลิมในกาตาร์นับถือนิกายชีอะห์ สำหรับมุสลิมนิกายอื่น ๆ มีจำนวนน้อยมาก[48] ในปี 2553 ประชากรของกาตาร์เป็นมุสลิม 67.7%, คริสเตียน 13.8%, ฮินดู 13.8% และพุทธ 3.1% ที่เหลือเป็นผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ และคนที่ไม่ระบุศาสนา คิดเป็น 1.6%[49] กฎหมายชารีอะห์เป็นแหล่งที่มาหลักของการออกกฎหมายกาตาร์ตามรัฐธรรมนูญของกาตาร์[50][51]
วิสัยทัศน์ของกระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนาอิสลาม (กาตาร์) คือ "การสร้างสังคมอิสลามร่วมสมัยควบคู่ไปกับการส่งเสริมชารีอะห์ และมรดกทางวัฒนธรรม"[52]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.