Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซาร์ดีน (อังกฤษ: sardine) และ พิลเชิร์ด (อังกฤษ: pilchard) เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกปลาตัวเล็กหลายชนิดในวงศ์ Clupeidae ซึ่งเป็นปลาที่เป็นอาหารสัตว์ (forage fish) และเป็นปลาที่มีไขมัน (oily fish)[2]
ในภาษาอังกฤษ คำว่า "ซาร์ดีน" นั้นใช้ครั้งแรกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 ความเชื่อพื้นบ้านว่า คำนี้มาจากชื่อเกาะซาร์ดิเนียของอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่ที่เชื่อว่า ครั้งหนึ่งมีปลาชนิดนี้อุดมสมบูรณ์[3][4][5] แต่คำว่า "ซาร์ดีน" และ "พิลเชิร์ด" นั้นมีความหมายไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับภูมิภาค เช่น ในสหราชอาณาจักร สำนักงานอุตสาหกรรมปลาทะเล (Sea Fish Industry Authority) กำหนดว่า ปลาซาร์ดีนคือปลาพิลเชิร์ดที่ยังเล็ก ๆ[6] หลักเกณฑ์บางฉบับว่า ปลาซาร์ดีนต้องตัวเล็กกว่า 15 เซนติเมตร ถ้าใหญ่กว่านั้น จึงเรียก ปลาพิลเชิร์ด[7] ส่วนองค์การอาหารและการเกษตร (Food and Agriculture Organization) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ก็ได้วางมาตรฐานซึ่งระบุถึงสายพันธุ์ปลา 21 สายพันธุ์ที่จะถือได้ว่า เป็นปลาซาร์ดีน[8]
คำว่า ซาร์ดีน เริ่มใช้ในภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสคือ sardine ซึ่งมาจากคำภาษาละตินว่า sardina อันมาจากคำภาษากรีกโบราณว่า σαρδίνη (sardínē) หรือ σαρδῖνος (sardínos)[9] ซึ่งก็เชื่อว่ามาจากคำภาษากรีกว่า "Sardò" (Σαρδώ) โดยหมายถึงเกาะซาร์ดิเนีย Athenaios นักวาทศิลป์และนักไวยากรณ์ชาวกรีก ได้อ้างอิงวรรคหนึ่งจากแอริสตอเติลผู้กล่าวถึงปลา sardinos โดยหมายถึงปลาซาร์ดีนหรือปลาพิลเชิร์ด[10] แต่เกาะซาร์ดิเนียก็อยู่ห่างจากกรุงเอเธนส์ ถึง 1,300 กิโลเมตร นักภาษาศาสตร์ผู้หนึ่ง (Ernest Klein) จึงเขียนในงาน Etymological Dictionary of the English Language (1971) ว่า "แทบจะเป็นไปไม่ได้ว่า คนกรีกได้นำปลามาไกลจากซาร์ดิเนียในสมัยโบราณยุคแอริสตอเติล"[11]
เนื้อปลาซาร์ดีนหรือพิลเชิร์ดออกสีแดงน้ำตาลคล้ายกับหินซาร์ดอนิกซ์หรือหินซาร์ดีน โดยเป็นคำที่มาจาก σαρδῖον (sardion) ซึ่งมาจากรากศัพท์ที่แปลว่า แดง และปรากฏว่ามาจากรากเดียวกับคำว่า Sardis ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรลิเดีย (ปัจจุบันในตุรกีตะวันตก) และเป็นแหล่งหิน[12]
ส่วนวลีว่า "packed like sardines" (อัดแน่นเหมือนปลาซาร์ดีน) เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1911[11]
ปลาซาร์ดีนมีอยู่ในหลายสกุล
สปีชีส์สำคัญในการประมงพาณิชย์ | ||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สกุล | ชื่อสามัญ | ชื่อวิทยาศาสตร์ | ยาวสุด | ยาวปกติ | หนักสุด | อายุมาก สุด-ปี | ระดับ ในโซ่อาหาร | Fish Base | FAO | ITIS | สถานะ IUCN | |||
ซม. | นิ้ว | ซม. | นิ้ว | ก. | ออนซ์ | |||||||||
Sardina | ปลาซาร์ดีนยุโรป* | Sardina pilchardus (Walbaum, 1792) | 27.5 | 10.8 | 20.0 | 7.9 | 15 | 3.05 | [13] | [14] | [15] | [16] | ||
Sardinops | South American pilchard | Sardinops sagax (Jenyns, 1842) | 39.5 | 15.6 | 20.0 | 7.9 | 490 | 17 | 25 | 2.43 | [17] | [18] | [19] | [20] |
Japanese pilchard[note 1] | Sardinops melanostictus (Schlegel, 1846) | [22] | [23] | [24] | NE | |||||||||
Californian pilchard[note 1] | Sardinops caeruleus (Girard, 1854) | [25] | [26] | [27] | NE | |||||||||
Southern African pilchard[note 1] | Sardinops ocellatus (Pappe, 1854) | [28] | [29] | [30] | NE | |||||||||
Sardinella | Bali sardinella | Sardinella lemuru (Bleeker, 1853) | 23 | 9.1 | 20 | 7.9 | [31] | [32] | [33] | [34] | ||||
Brazilian sardinella | Sardinella brasiliensis (Steindachner, 1879) | 3.10 | [35] | [36] | [37] | [38] | ||||||||
Japanese sardinella | Sardinella zunasi (Bleeker, 1854) | 3.12 | [39] | [40] | [41] | [42] | ||||||||
Indian oil sardine | Sardinella longiceps (Valenciennes, 1847) | 2.41 | [43] | [44] | [45] | [46] | ||||||||
Goldstripe sardinella | Sardinella gibbosa (Bleeker, 1849) | 2.85 | [47] | [48] | [49] | [50] | ||||||||
Round sardinella | Sardinella aurita (Valenciennes, 1847) | 3.40 | [51] | [52] | [53] | [54] | ||||||||
Madeiran sardinella | Sardinella maderensis (Lowe, 1839) | 3.20 | [55] | [56] | [57] | [58] | ||||||||
Dussumieria | Rainbow sardine | Dussumieria acuta (Valenciennes, 1847) | 20 | 7.9 | 3.40 | [59] | [60] | [61] | [62] |
ปลาซาร์ดีนกินแพลงก์ตอนสัตว์ (zooplankton) เกือบอย่างเดียวเป็นอาหาร และจะชุมนุมกันในที่ที่มีแพลงก์ตอนมาก เมื่อเวลากินจะอ้าปากดูดแพลงก์ตอนจากน้ำทะเลเข้าปากแล้วผ่านการกรองโดยน้ำจะไหลออกทางช่องเหงือก[63]
ปกติแล้ว ปลาจะจับด้วยอวนล้อมจับ (encircling net) โดยเฉพาะอวนล้อมจับมีสายมาน (purse seine) "อวนล้อมจับ" อาจมีลักษณะต่าง ๆ รวมทั้งอีจู้ ข้อง หรือแม้แต่ซั้ง โดยอย่างหลังเป็นเครื่องกั้นอยู่กับที่ ประกอบด้วยเสาปักที่จะนำฝูงปลาเข้าไปเมื่อว่ายน้ำไปตามชายฝั่ง ปลาโดยหลักจะจับได้ตอนกลางคืนเมื่อโผล่ขึ้นมายังผิวน้ำเพื่อกินแพลงก์ตอน หลังจากจับได้ ก็จะแช่ปลาไว้ในน้ำเค็มแล้วขนไปที่ฝั่ง
ปลาซาร์ดีนจับเพื่อการพาณิชย์หลายอย่าง เช่น เป็นเหยื่อตกปลา เพื่อบริโภคสด ๆ เพื่อบรรจุกระป๋อง ทำแห้ง ใส่เกลือ หรือรมควัน และเพื่อทำเป็นอาหารสัตว์หรือน้ำมันปลา แต่โดยหลักก็เพื่อป็นอาหารมนุษย์ ส่วนน้ำมันปลาใช้ได้หลายอย่างรวมทั้งการทำสี น้ำมันวาร์นิช และพรมน้ำมัน
มนุษย์กินปลาซาร์ดีนอย่างสามัญ ปลาบ่อยครั้งย่าง ดอง รมควัน หรืออัดกระป๋อง
ปลาซาร์ดีนมีวิตามินและแร่ธาตุมาก[64] ปลาชิ้นเล็กที่หนึ่งต่อวันจะให้วิตามินบี2ตามที่ร่างกายต้องการถึง 13% (คิดตามค่ามาตรฐานสหรัฐ RDA), ไนอาซิน (วิตามินบี3) ได้ประมาณ 25% และวิตามินบี12ได้ถึง 150% วิตามินบีทั้งหมดช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและใช้ในกระบวนการเมแทบอลิซึมเกี่ยวกับพลังงาน หรือการแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน[65] ปลามีแร่ธาตุหลัก ๆ สูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม และแร่ธาตุจำนวนน้อย ๆ (trace) รวมทั้งเหล็กและซีลีเนียม ปลายังเป็นแหล่งธรรมชาติของกรดไขมันโอเมกา-3 จากสัตว์ทะเล ซึ่งอาจลดการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ[66] อนึ่ง งานศึกษาปลายคริสต์ทศวรรษ 2010 ยังแสดงด้วยว่า การบริโภคกรดไขมันโอเมกา-3 เป็นประจำลดโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์และอาจทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น[67] กรดไขมันยังอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเล็กน้อยอีกด้วย[68] ปลาเป็นแหล่งวิตามินดี[69] แคลเซียม วิตามินบี12[70][71] และโปรตีนที่ดี
เพราะเป็นสัตว์ในโซ่อาหารส่วนล่าง ๆ จึงมีสารปนเปื้อน เช่น ปรอท น้อยมากเมื่อเทียบกับปลาอาหารสามัญอื่น ๆ[72]
การประมงและแปรรูปปลาพิวชาร์ดได้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เฟื่องฟูในเทศมณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษเริ่มจากราว ๆ ปี 1750 จนถึง 1880 แต่หลังจากนั้นปลาก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนเกือบหมดลง ปลาที่จับได้จะต่าง ๆ กันแต่ละปี ในปี 1871 จับปลาได้เป็นจำนวน 47,000 ถัง (hogshead) เทียบกับปี 1877 ที่จับได้เพียง 9,477 ถัง ถัง ๆ หนึ่งจะมีปลาซาร์ดีน 2,300-4,000 ตัว และถ้าอัดปลาให้แน่น ก็จะหนัก 476 ปอนด์ (216 กก.) ปลาโดยมากส่งออกไปยังประเทศคริสตังเช่น อิตาลีและสเปน ซึ่งเรียกปลาว่า fermades ตลาดหลักสำหรับน้ำมันปลาก็คือเมืองบริสตอลในอังกฤษ โดยมากใช้เป็นน้ำมันเครื่องยนตร์[73] ตั้งแต่ปี 1997 ปลาซาร์ดีจากคอ์นวอลล์ขายเป็น "Cornish sardines" (ปลาซาร์ดีนคอร์นิช) และตั้งแต่เดือนมีนาคม 2010 ก็ได้กลายเป็นปลาที่มีชื่อคุ้มกันซึ่งเขตภูมิภาคอื่น ๆ ใช้ไม่ได้ (Protected Geographical Status) ตามกฎหมายของสหภาพยุโรป[74]
อุตสาหกรรมพื้นบ้านนี้ปรากฏในงานศิลป์ต่าง ๆ มากมาย (โดยเฉพาะของ Stanhope Forbes และของช่างศิลป์สำนัก Newlyn School) เพลงพื้นบ้าน "Toast to Pilchards" มุ่งหมายการส่งออกปลาไปยังประเทศคริสตังในยุโรป คือ
ในสหรัฐ อุตสาหกรรมอัดปลาซาร์ดีนใส่กระป๋องได้เจริญสุดในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 แต่จากนั้นเป็นต้นมาก็เสื่อมลงเรื่อย ๆ โรงงานอัดกระป๋องในอ่าวมอนเตอเรย์ (แคลิฟอร์เนียตอนเหนือ) ซึ่งเป็นที่ดำเนินเรื่องของนิยาย Cannery Row (แปลในชื่อวิมานคนยาก พ.ศ. 2526 โดยณรงค์ จันทร์เพ็ญ) ของจอห์น สไตน์เบ็ค ได้ยุติดำเนินการตั้งแต่กลางคริสต์ทศวรรษ 1950 ส่วนโรงงานอัดปลาซาร์ดีนใส่กระป๋องใหญ่ที่สุดในสหรัฐ คือ Stinson Seafood plant ในรัฐเมนได้ยุติดำเนินการในวันที่ 15 เมษายน 2010 หลังจากทำการมาแล้ว 135 ปี[76]
กลางเดือนเมษายน 2015 สภาบริหารการประมงแปซิฟิก (Pacific Fishery Management Council) ได้สั่งสำนักงานการประมงของ NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ให้ยุติฤดูการประมงในรัฐออริกอน วอชิงตัน และแคลิฟอร์เนียเพราะจำนวนปลาได้ลดลงอย่างน่าตกใจ โดยมีผลต่อเรือประมง 100 ลำที่มีใบอนุญาต แม้จริง ๆ จำนวนน้อยกว่านั้นกำลังจับปลาอยู่ในขณะนั้น ฤดูการประมงปกติจะยุติวันที่ 30 มิถุนายน[77] ตอนนั้นคาดว่าจะห้ามจับปลาเกินกว่าปี แต่ก็ยังห้ามอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม 2019[78]
วิธีการอัดปลาซาร์ดีนในกระป๋องได้สร้างวลียอดนิยมในภาษาอังกฤษว่า "packed like sardines" (อัดแน่นเหมือนปลาซาร์ดีน) ซึ่งเป็นคำอุปมาหมายถึงสถานการณ์ที่มีคนหรือวัสดุแน่นเหมือนอัดปลากระป๋อง[79] นักกวีและนักตลกชาวอังกฤษผู้หนึ่ง (Spike Milligan) ได้ล้อตลกเรื่องนี้ในกลอน "Sardine Submarine" ของเขา ที่แม่ปลาซาร์ดีนกล่าวถึงเรือดำน้ำที่ไม่ค่อยมีให้เห็นให้ลูกปลาฟังว่า "เป็นกระป๋องดีบุกมีคนเต็ม"[80]
ซาร์ดีนยังใช้เป็นชื่อการละเล่นของเด็กซึ่งเป็นเกมคล้ายกับซ่อนหา แต่จะมีคนเดียวที่ซ่อนตัว คนอื่นทั้งหมดจะเป็นผู้หา คนแรก ๆ ที่หาคนซ่อนได้จะซ่อนตัวเองด้วยในที่เดียวกันซึ่งอาจแน่นจนเหมือนปลากระป๋อง จนกระทั่งเหลือคนสุดท้ายที่หากลุ่มคนซ่อนเจอ คนสุดท้ายจะเป็นผู้แพ้และต้องเป็นคนซ่อนคนต่อไป[81]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.