ประเทศโอมาน
From Wikipedia, the free encyclopedia
โอมาน (อังกฤษ: Oman; อาหรับ: عُمان) หรือชื่อทางการว่า รัฐสุลต่านโอมาน (อังกฤษ: Sultanate of Oman; อาหรับ: سلطنة عُمان) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตะวันตกติดกับซาอุดีอาระเบีย และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเยเมน มีชายฝั่งบนทะเลอาหรับทางใต้และตะวันออก และอ่าวโอมานทางตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ก็ยังมีดินแดนส่วนแยกอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย มีเมืองหลวงที่เมืองที่ใหญ่ที่สุดคือมัสกัต
รัฐสุลต่านโอมาน | |
---|---|
ที่ตั้งของประเทศโอมานในคาบสมุทรอาหรับ (สีเขียวเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | มัสกัต 23°35′20″N 58°24′30″E |
ภาษาราชการ | อาหรับ[1] |
ศาสนา | อิสลาม (ศาสนาประจำชาติ) |
เดมะนิม | ชาวโอมาน |
การปกครอง | รัฐเดี่ยวอิสลาม สมบูรณาญาสิทธิราชย์ |
• สุลต่าน | สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัยษัม บิน ฏอริก อาล ซะอีด |
• มกุฎราชกุมาร | ษียะซิน บิน ฮัยษัม |
สภานิติบัญญัติ | สภาโอมาน |
• สภาสูง | สภาแห่งรัฐ (มัจลิซุดเดาละฮ์) |
• สภาล่าง | สภาที่ปรึกษา (มัจลิซุชชูรอ) |
ก่อตั้ง | |
• การอพยพของเผ่าอัซด์ | ค.ศ. 130 |
• อัลญุลันดา | ค.ศ. 629 |
• ก่อตั้งรัฐอิหม่าม[2] | ค.ศ. 751 |
• ราชวงศ์นับฮาน | ค.ศ. 1154 |
• ราชวงศ์ยะอ์รุบ | ค.ศ. 1624 |
• ราชวงศ์อาล ซะอีด | ค.ศ. 1744 |
• มัสกัตกับโอมาน | 8 มกราคม ค.ศ. 1856 |
• สงครามญะบะลุลอัคฎ็อร | ค.ศ. 1954–1959 |
• การกบฏซุฟาร | 9 มิถุนายน ค.ศ. 1965 – 11 ธันวาคม ค.ศ. 1975 |
• รัฐสุลต่านโอมาน | 9 สิงหาคม ค.ศ. 1970 |
• ยอมรับเป็นสมาชิกสหประชาชาติ | 7 ตุลาคม ค.ศ. 1971 |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 11 มกราคม ค.ศ. 2021 |
พื้นที่ | |
• รวม | 309,500 ตารางกิโลเมตร (119,500 ตารางไมล์) (อันดับที่ 70) |
น้อย | |
ประชากร | |
• พ.ศ. 2560 ประมาณ | 4,424,762[3] (อันดับที่ 125) |
• สำมะโนประชากร 2010 | 2,773,479[4] |
15 ต่อตารางกิโลเมตร (38.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 177) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2018 (ประมาณ) |
• รวม | 203.959 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 67) |
• ต่อหัว | 47,366 ดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 23) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 62.305 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 75) |
• ต่อหัว | 14,423 ดอลลาร์สหรัฐ[5] (อันดับที่ 49) |
จีนี (2018) | 30.75[6] ปานกลาง |
เอชดีไอ (2019) | 0.813[7] สูงมาก · อันดับที่ 60 |
สกุลเงิน | เรียลโอมาน (OMR) |
เขตเวลา | UTC+4 (เวลามาตรฐานอ่าวเปอร์เซีย) |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | +968 |
โดเมนบนสุด | .om, عمان. |
เว็บไซต์ www.oman.om |
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โอมานเป็นอาณาจักรที่แข่งขันกับจักรวรรดิโปรตุเกสและบริติชเพื่อแย่งชิงอิทธิพลในอ่าวเปอร์เซียและมหาสมุทรอินเดีย อาณาจักรเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุดในศตวรรษที่ 19 อิทธิพลของโอมานขยายไปทั่วช่องแคบฮอร์มุซไปจนถึงบริเวณที่เป็นประเทศอิหร่านและปากีสถานในปัจจุบัน[8] เมื่ออำนาจของโอมานเริ่มเสื่อมถอยลงในศตวรรษที่ 20 ดินแดนทั้งหมดก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 300 ปี ในช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรเกิดจากการมีผลประโยชน์ร่วมกัน สหราชอาณาจักรยอมรับความสำคัญทางภูมิศาสตร์ของโอมานในฐานะศูนย์กลางการค้าที่ยึดเส้นทางการค้าในอ่าวเปอร์เซียและมหาสมุทรอินเดีย และปกป้องอาณาจักรของพวกเขาในอนุทวีปอินเดีย และกรุงมัสกัตยังเคยเป็นท่าเรือการค้าหลักของภูมิภาคในอ่าวเปอร์เซียในอดีต
สุลต่าน สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านกอบูส บิน ซะอีด อาล ซะอีด ถือเป็นผู้นำตกทอดของประเทศในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างยาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 1970 จนกระทั่งการสวรรคตใน ค.ศ. 2020[9] ตามกฎของการสืบราชบัลลังก์สุลต่านโอมาน พระราชโอรสของสุลต่านมักจะได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านกอบูสไม่มีพระราชโอรส และ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัยษัม บิน ฏอริก อาล ซะอีด ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังค์ต่อ[10]
โอมานเป็นรัฐอิสระที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอาหรับ[11] และเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ สันนิบาตอาหรับ สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และองค์การความร่วมมืออิสลาม โอมานมีปริมาณน้ำมันสำรองเป็นอันดับที่ 22 ของโลก[12] ใน ค.ศ. 2010 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ จัดอันดับโอมานเป็นประเทศที่มีการพัฒนามากที่สุดในโลกในแง่ของการพัฒนาในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา[13] รายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยว การค้า ประมง อินทผลัม และผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ โอมานจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่มีรายได้สูง และใน ค.ศ. 2021 โอมานอยู่ในอันดับที่ 73 ของประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกตามดัชนีสันติภาพโลก