กองทัพสาธารณรัฐจีน
From Wikipedia, the free encyclopedia
กองทัพสาธารณรัฐจีน ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ (รวมเหล่านาวิกโยธิน, กำลังทหารสารวัตรและกองทัพกำลังสำรองแห่งสาธารณรัฐจีน) เป็นสถาบันทหาร มีงบประมาณคิดเป็น 16.8% ของงบประมาณกลางในปีงบประมาณ 2546 เดิมเป็นกองทัพปฏิวัติแห่งชาติก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพสาธารณรัฐจีนในปี 2490 เนื่องจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ
ข้อมูลเบื้องต้น กองทัพสาธารณรัฐจีน, ก่อตั้ง ...
กองทัพสาธารณรัฐจีน | |
---|---|
中華民國國軍 | |
ตราประจำกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐจีน | |
ก่อตั้ง | 16 มิถุนายน ค.ศ. 1924 |
รูปแบบปัจจุบัน | 25 ธันวาคม ค.ศ. 1947 |
เหล่า | กองทัพบกสาธารณรัฐจีน เหล่านาวิกโยธินสาธารณรัฐจีน กองทัพเรือสาธารณรัฐจีน กองทัพอากาศสาธารณรัฐจีน กองทหารสารวัตร กองบัญชาการส่งกำลังบำรุงร่วม |
กองบัญชาการ | ไทเป, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผู้บัญชาการทหาร | ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | พลเอก เยียน เต๋อ-ฟา |
เสนาธิการ | พลเรือเอก หวง ชู-กวง |
กำลังพล | |
อายุเริ่มบรรจุ | 19 - 40 ปี |
การเกณฑ์ | ราชการทหารภาคบังคับ 1 ปี สำหรับพลเมืองชายอายุระหว่าง 19 ถึง 40 ปี |
ประชากร วัยบรรจุ | 5,883,828, อายุ 18-40 (2548) |
ประชากร ฉกรรจ์ | 4,749,537, อายุ 18-40 (2548) |
ประชากรวัยถึงขั้น ประจำการทุกปี | 174,173 (2548) |
ยอดประจำการ | 290,000 (อันดับที่ 16) |
ยอดสำรอง | 1,675,000 |
รายจ่าย | |
งบประมาณ | $10,500 ล้าน (2551) (อันดับที่ 20) |
ร้อยละต่อจีดีพี | 2.5 (2551) |
อุตสาหกรรม | |
แหล่งผลิตในประเทศ | Aerospace Industrial Development Corporation, Chungshan Institute of Science and Technology, CSBC Corporation, 205th Armory |
แหล่งผลิตนอกประเทศ | สหรัฐ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์[1] อิสราเอล แอฟริกาใต้ สเปน เยอรมนี อิตาลี เกาหลีใต้ |
บทความที่เกี่ยวข้อง | |
ประวัติ | กองทัพเป่ย์หยาง กองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีน |
ยศ | ยศทหาร เครื่องอิสริยาภรณ์ |
ปิด
ก่อนคริสต์ทศวรรษ 1970 ภารกิจหลักของกองทัพ คือ การยึดจีนแผ่นดินใหญ่คืนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เป็นคอมมิวนิสต์ผ่านโครงการความรุ่งโรจน์ของชาติ (Project National Glory)[2] แต่ภารกิจสำคัญที่สุดของกองทัพปัจจุบัน คือ การป้องกันเกาะไต้หวัน เผิงหู จินเหมินและหมาจู่จากการบุกครองทางทหารที่เป็นไปได้ของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่เด่นสุดของสาธารณรัฐจีน[3][4] ขณะที่ข้อพิพาทว่าด้วยสถานะทางการเมืองของไต้หวันยังดำเนินต่อไป