Loading AI tools
หน่วยงานราชการไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กรมประชาสัมพันธ์ (อังกฤษ: The Government Public Relations Department) เป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลไทย ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เสริมสร้างความเข้าใจ ระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชน
The Government Public Relations Department | |
เครื่องหมายราชการ ตราพระอินทร์เป่าสังข์ | |
ภาพรวมกรม | |
---|---|
ก่อตั้ง | 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 |
ผู้ก่อตั้ง | ครม.3 |
กรมก่อนหน้า |
|
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 9 ซอยพระรามที่ 6 ซอย 30 ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร |
งบประมาณต่อปี | 1,454 ล้าน (พ.ศ. 2566)[1] |
ฝ่ายบริหารกรม | |
ต้นสังกัดกรม | สำนักนายกรัฐมนตรี |
กรมประชาสัมพันธ์ มีวิวัฒนาการมาจาก “กองโฆษณาการ” หลังจากการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปีเดียวกัน[6]พัฒนาเป็น “สำนักงานโฆษณาการ” เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2483 พัฒนาขึ้นเป็น “กรมโฆษณาการ” และเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495 พัฒนามาเป็น “กรมประชาสัมพันธ์” ดังเช่นปัจจุบัน
สำนักงานกรมประชาสัมพันธ์ เดิมตั้งอยู่ที่ อาคารหัวมุมถนนราชดำเนิน ติดกับกรมสรรพากร และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นสถานที่เกี่ยวข้องในประวัติศาสตร์ทางการเมืองหลายครั้ง ในการรัฐประหารทุกครั้ง จะเป็นสถานที่แรก ๆ ที่ถูกกำลังทหารเข้ายึด รวมทั้งใน เหตุการณ์ 14 ตุลา และ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็ถูกประชาชนเข้ายึด [7] หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อาคารกรมประชาสัมพันธ์ ถูกเพลิงไหม้เสียหายอย่างหนัก จึงย้ายไปตั้ง ณ อาคารเลขที่ 9 ซอยพระรามที่ 6 ซอย 30 (อารีย์สัมพันธ์) ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร จนถึงปัจจุบัน
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ตอนที่ 7 เล่มที่ 64 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2490 กำหนดเครื่องหมายราชการ "กรมโฆษณาการ" ให้เป็นรูปพระอินทร์เป่าสังข์ เหาะลอยอยู่เหนือเมฆ มีวงกลมล้อมรอบ[8] โดยอิงตามคติในวรรณคดีโบราณว่า พระอินทร์มีหน้าที่เป่าสังข์ชื่อ "ปาญจนันท์" ปลุกพระนารายณ์ให้ตื่นจากบรรทมสินธุ์ในสะดือทะเล เพื่อขึ้นมาปราบเหตุร้ายต่าง ๆ ในโลก และโดยความเชื่อในศาสนาฮินดู สังข์ถือเป็นมงคลสามประการคือ ถือกำเนิดจากพระพรหม ท้องสังข์เคยเป็นที่ซ่อนคัมภีร์พระเวท และตัวสังข์มีรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนารายณ์ ในพิธีทางศาสนาพราหมณ์ จึงมีการเป่าสังข์เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย สอดคล้องกับหลักการประชาสัมพันธ์ ที่เป็นการเผยแพร่ชี้แจงประชาชนให้เข้าใจอย่างกว้างขวาง และสร้างความเข้าใจอันดี จึงเปรียบได้กับการเป่าสังข์เพื่อเรียกประชุมของเทวดา ตราสัญลักษณ์นี้ใช้สีม่วงเป็นสีหลักของตรา ซึ่งเป็นสีของงานประชาสัมพันธ์ และใช้มาจนกระทั่งเป็นกรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน[9]
ตามพระราชกฤษฎีกา แบ่งส่วนราชการกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับล่าสุด เมื่อปี พ.ศ. 2540[10] มีส่วนราชการในสังกัด ดังต่อไปนี้
ประเภท | หนังสือพิมพ์ รายปักษ์ |
---|---|
รูปแบบ | ข่าว รัฐบาล |
เจ้าของ | กรมประชาสัมพันธ์ |
ผู้เผยแพร่ | บริษัท ยูโทเปีย จำกัด |
หัวหน้าบรรณาธิการ | พลเอก วิลาศ อรุณศรี |
บรรณาธิการ | นวพรรณ รุ่งสาโรจน์ |
บรรณาธิการบริหาร | คณิศร์ สุวรรณเดช |
คอลัมนิสต์ | พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
ก่อตั้งเมื่อ | 28 เมษายน พ.ศ. 2558 |
นโยบายทางการเมือง | ครม.61 |
ภาษา | ภาษาไทย |
ฉบับสุดท้าย | 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (1 ปี 77,915 วัน) |
จดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน เป็น หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ รายปักษ์ภาษาไทยที่ดำเนินการโดย กรมประชาสัมพันธ์ ตามดำริของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดยมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558 ให้ กรมประชาสัมพันธ์ ออกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์แบบรายปักษ์ 4 สี 8 หน้าชื่อ จดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน เริ่มออกฉบับปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และรายงานผลงานของรัฐบาล โดยหนึ่งฉบับมี 8 หน้า จัดพิมพ์ทั้งสิ้น 60,000 เล่ม โดยแบ่งเป็นการแจกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 30,000 เล่ม และพื้นที่ต่างจังหวัด 30,000 เล่ม[12]
โดยที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีนายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดี กรมประชาสัมพันธ์ เป็นบรรณาธิการบริหารในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนให้นายคณิศร์ สุวรรณเดชเป็นบรรณาธิการบริหารแทนและพลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นบรรณาธิการอำนวยการ
ในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นคอลัมนิสต์รับเชิญในคอลัมน์ จากใจนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้สื่อสารความในใจของท่านไปสู่ประชาชนนอกจากนี้ยังมีคอลัมน์จากรัฐมนตรีบางท่านที่ใช้รายงานผลงานที่ผ่านมา
แต่ด้วยผลไม่เป็นตามเป้าที่วางไว้จึงได้ยุติหนังสือพิมพ์ฉบับนี้โดยออกฉบับสุดท้ายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.