Loading AI tools
กษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กษัตริย์ดาวิด[3] หรือ พระเจ้าดาวิด (อังกฤษ: David; Biblical Hebrew: דָּוִד, อักษรโรมัน: Dāwīḏ, แปลว่า ผู้เป็นที่รัก)[lower-alpha 1][5] เป็นกษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชอาณาจักรอิสราเอลที่รวมเป็นหนึ่งตามคัมภีร์ฮีบรู[6][7] นักประวัติศาสตร์ในตะวันออกใกล้โบราณยอมรับว่าดาวิดน่าจะมีชีวิต ป. 1000 ปีก่อน ค.ศ. แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักพระองค์ในฐานะบุคคลทางประวัติศาสตร์
ดาวิด דָּוִד | |
---|---|
King David Playing the Harp (1622) โดยเคราร์ด ฟัน โฮนต์ฮอสต์ | |
กษัตริย์แห่งอิสราเอล | |
ครองราชย์ | fl. ป. 1000 ปีก่อน ค.ศ. |
ก่อนหน้า | อิชโบเชท[1][2] |
ถัดไป | ซาโลมอน |
มเหสี | พระมเหสี 8 พระองค์:
|
พระราชบุตร | |
ราชสกุล | ราชวงศ์ดาวิด |
พระราชบิดา | เจสซี |
พระราชมารดา | Nitzevet (ทาลมุด) |
รายงานจากผลงานชาวยิวอย่าง Seder Olam Rabbah, Seder Olam Zutta และ Sefer ha-Qabbalah (ทั้งหมดเขียนขึ้นเมื่อพันกว่าปีต่อมา) ดาวิดขึ้นคอรงราชย์เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์เมื่อ 885 ปีก่อน ค.ศ.[8] แผ่นศิลาจารึกเทลดาน ศิลาจารึกภาษาแอราเมอิกที่ประดิษฐานโดยกษัตริย์แห่งอารัม-ดามัสกัสในปลายศตวรรษที่ 9/ต้นศตวรรษที่ 8 ก่อน ค.ศ. เพื่อรำลึกถึงชัยชนะเหนือกษัตริย์ศัตรูทั้งสอง มีวลี bytdwd (𐤁𐤉𐤕𐤃𐤅𐤃) ซึ่งนักวิชาการส่วนใหญ่แปลได้เป็น "ราชวงศ์ดาวิด" ศิลาจารึกเมชาที่กษัตริย์เมชาแห่งโมอับประดิษฐานขึ้นในศตวรรษที่ 9 ก่อน ค.ศ. อาจสื่อถึง "ราชวงศ์ดาวิด" แม้ว่าจะเป็นประเด็นโต้แย้ง[9][10] นอกจากนี้ ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับดาวิดมาจากวรรณกรรมพระคัมภีร์ที่มีการท้าทายในด้านหลักฐานประวัติศาสตร์อย่างกว้างขวาง[11] และมีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมและไม่มีปัญหาเกี่ยวกับดาวิดน้อยมาก[12]
ตามรายงานจากพระคัมภีร์ ดาวิดมีคุณธรรมและเป็นนักการทหารที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังเป็นนักดนตรี กวี (เป็นผู้เขียนเพลงสดุดีหลายเพลง) พระเจ้าดาวิดขณะทรงพระเยาว์เป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะธรรมดา แต่เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกและมีพระอุปนิสัยกล้าหาญไม่เกรงกลัวใคร โดยทรงอาสาเข้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับโกลิอัท นักรบร่างมหึมาผู้เป็นทหารเอกของชาวฟิลิสตีน และสามารถสังหารโกลิอัทลงได้ จึงมีความดีความชอบได้มารับใช้พระเจ้าซาอูล (Saul) ในฐานะนายพลและที่ปรึกษาทางทหารคนสนิท และยังทรงเป็นพระสหายสนิทกับ โจนาธาน พระราชบุตรของพระเจ้าซาอูล ต่อมาพระเจ้าซาอูลเกิดระแวงว่าดาวิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ จึงพยายามกำจัดดาวิด แต่พระเจ้าซาอูลและโจนาธานพ่ายแพ้เสด็จสวรรคตในการรบ ดาวิดจึงได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าดาวิดทรงพิชิตเยรูซาเลมได้ และนำหีบแห่งพันธสัญญาเข้ามาประดิษฐานในเมือง แต่เนื่องจากทรงประพฤติผิดทางเพศต่อนางแบธชีบา ทำให้พระองค์ถูกพระเจ้าตำหนิติเตียนและทำให้ทรงหมดความชอบธรรมที่จะสร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในเยรูซาเลม
ดาวิดยังปรากฏในงานเขียนและประเพณีมุขปาฐะชาวยิวสมัยหลังพระคัมภีร์ และได้รับการอ้างอิงในพันธสัญญาใหม่ ชาวคริสต์ยุคแรกตีความชีวิตของเยซูชาวนาซาเรธที่อ้างถึงพระเมสซิยาห์ในคัมภีร์ฮีบรูและถึงดาวิด พระเยซูได้รับการล่าวถึงว่าเป็นผู้สืบสันดานโดยตรงจากดาวิดในพระวรสารนักบุญมัทธิวและพระวรสารนักบุญลูกา ส่วนในอัลกุรอานและฮะดีษระบุว่าดาวิดเป็นกษัตริย์อิสราเอลและศาสนทูตของอัลลอฮ์[13][14] ดาวิดในพระคัมภีร์สร้างแรงบันดาลใจในการตีความทางศิลปะและวรรณกรรมมาหลายศตวรรษ
พระเจ้าไม่โปรดปรานกษัตริย์ซาอูล เพราะพระเจ้าทรงบัญชาให้ซาอูลไปทำลายล้างศัตรูของชนชาติอิสราเอล แต่ซาอูลกลับละโมบหวังเอาสมบัติของชนชาติศัตรูแทนที่จะฟังคำสั่งของพระเจ้า พระเจ้าจึงทอดทิ้งซาอูล และสั่งให้ประกาศก ซามูเอล ออกไปตามหาคนจะมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลคนใหม่ ทันทีที่ซามูเอลได้พบกับดาวิดซึ่งกำลังเลี้ยงแกะอยู่ พระเจ้าก็กล่าวต่อซามูเอลว่า "เจิมดาวิดเสีย เพราะนี่คือกษัตริย์"[15]
เมื่อซาอูลทรงถูกทรมานจากสิ่งชั่วร้าย คนรับใช้ก็แนะนำซาอูลให้เรียกตัวดาวิดผู้มีความเชี่ยวชาญในการเล่นพิณ เป็นผู้มีศักดิ์เป็นนายทหารเก่งกล้า และเป็นผู้รู้จักพูด และเป็นผู้นับถือ พระเจ้า ให้มาช่วย ดาวิดจึงได้เข้ามารับราชการกับซาอูล และเป็นคนโปรดของซาอูล เมื่อใดที่ซาอูลไม่สบายดาวิดก็เล่นพิณถวายจนทรงรู้สึกปกติ[16]
ในระหว่างที่ซาอูลเป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลมักถูกรุกรานโดยชาวฟิลลิสเตีย (Philistia) ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ขณะที่ดาวิดนำเสบียงไปส่งให้พี่ชายผู้ติดทัพอยู่กับซาอูล ดาวิดก็ได้ข่าวว่าชาวฟิลลิสเตียมึนักต่อสู้ยักษ์ชื่อ โกลิอัท ซึ่งฟิลลิสเตียก็ท้าให้ชาวอิสราเอลส่งนักสู้มารบกับโกลิอัทให้รู้แพ้รู้ชนะ
ดาวิดยืนยันกับพี่ชายว่ามีความสามารถจะต่อสู้กับโกลิอัทได้ ซาอูลทรงส่งดาวิดไปต่อสู้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่ดาวิดกลับได้รับชัยชนะโดยล้มโกลิอัทด้วยการเหวี่ยงหินก้อนเดียว พวกฟิลลิสเตียเห็นเช่นนั้นก็วิ่งหนีขวัญเสีย ชาวอิสราเอลจึงได้รับชัยชนะ
ดาวิดนำหัวโกลิอัทมาถวายซาอูล ทรงถามว่าเป็นบุตรใคร ดาวิดตอบว่า "ข้าเป็นบุตรของเจสสีชาวเบธเลเฮมผู้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์"[17]
หลังจากได้รับชัยชนะซาอูลก็ทรงแต่งตั้งให้ดาวิดเป็นแม่ทัพและยกมิคาลผู้เป็นพระธิดาให้ดาวิด ดาวิดก็ได้รับชัยชนะในการต่อสู้อีกหลายศึก จนพวกผู้หญิงกล่าวกันว่า "พระเจ้าซาอูลสังหารข้าศึกเป็นพัน และดาวิดสังหารเป็นแสน"
ดาวิดเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมาก ซาอูลกลับทรงระแวงว่าจะชิงอาณาจักร จึงพยายามสังหารด้วยกลอุบายหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ กลับยิ่งทำให้ดาวิดเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกับโจนาธานพระโอรสของซาอูลเอง โจนาธานเตือนดาวิดถึงแผนของซาอูล ดาวิดจึงหนีเข้าป่า[18]
เมื่อหนีไปดาวิดก็รวบรวมกำลังผู้ที่ถูกข่มเหงโดยซาอูล ขณะที่ลี้ภัยดาวิดก็ได้รับเมืองซิคแล็กเป็นบรรณาการจากพระเจ้าอาชิส (King Achish) กษัตริย์ฟิลลิสเตียแห่งแกธ แต่ดาวิดก็ยังเป็นวีรบุรุษของชาวอิสราเอล ต่อมาพระเจ้าอาชิสยกทัพไปต่อสู้กับซาอูล แต่ดาวิดก็ไม่ได้ร่วมในการสงครามครั้งนี้ เพราะถูกกล่าวหาโดยชาวฟิลลิสเตียถึงความไม่น่าไว้ใจในความจงรักภักดีต่อฟิลลิสเตีย
ซาอูลและโจนาธานถูกปลงพระชนม์โดยฟิลลิสเตียระหว่างสงคราม ดาวิดมีความโศกเศร้าต่อการสูญเสียเป็นอันมาก[19]
หลังจากนั้นดาวิดก็เดินทางไปเฮโบรน เพื่อไปได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดินปกครองอาณาจักรยูดาห์ ขณะที่ อิชโบเชธ (Ish-Bosheth) พระโอรสของซาอูล ได้รับการเจิมเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ปกครองอาณาจักรอิสราเอลทางตอนเหนือ[20]
ดาวิดกับอิชโบเชธก็ทำสงครามกันจนอิชโบเชธถูกลอบปลงพระชนม์ ผู้ลอบสังหารก็นำพระเศียรของอิชโบเชธมาถวายดาวิดเพราะหวังจะได้รับรางวัล แต่ดาวิดสั่งประหารชีวิตผู้ที่ปลงพระชนม์อิชโบเชธ ในฐานะที่เป็นอาชญากร[21]
เมื่อพระโอรสของซาอูลสิ้นพระชนม์ลง พวกปุโรหิตชาวอิสราเอลก็เดินทางมาเฮโบรน เพื่อมาทำพิธียกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรยูดาห์และอาณาจักรอิสราเอล ขณะนั้นดาวิดมีพระชนมพรรษา 30 ปี[22]
เมื่อพระเจ้าดาวิดได้ชัยชนะในการโจมตีป้อมเยบูไซท์ (Jebusite) ของเมืองเยรูซาเลม ก็ยกเยรูซาเลมขึ้นเป็นเมืองหลวง “พระเจ้าฮิรามแห่งไทเร (Tyre) ก็ส่งผู้ถือสาส์นมาถึงพระเจ้าดาวิดพร้อมกับต้นซีดาร์ และช่างไม้และปูนเพื่อสร้างวังของดาวิด”[23] พระเจ้าดาวิดก็นำหีบแห่งพันธสัญญา (Ark of the Covenant) มาเยรูซาเลมโดยตั้งใจประดิษฐานในวัดที่สร้างใหม่[24] แต่พระเจ้าก็ทรงกล่าวกับผู้เผยพระวจนะเนธาน (Prophet Nathan) ห้ามและกล่าวว่าการสร้างวัดต้องรอต่อมาให้ชนรุ่นหลังสร้าง แต่พระเจ้าก็ทรงทำพันธสัญญากับดาวิดว่าดาวิดจะเป็นผู้สร้างตระกูลดาวิด (House of David) และ “บัลลังก์ของเจ้าจะเป็นบัลลังก์ที่ยืนยาวตลอดไป”[25]
หลังจากนั้นกษัตริย์ดาวิดก็ทรงขยายอำนาจ ได้รับชัยชนะต่อ โซบาท์ (Zobah) และ อารัม (Aram) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศซีเรีย), บริเวณเอโดม (Edom) และ โมอับ (Moab) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศจอร์แดน), ฟิลลิสเตีย และดินแดนอื่น ๆ[26]
หลังจากสมัยของนบีมูซาแล้ว พวกอิสรออีลต้องเดินทางระหกเหินและไม่สามารถรวมตัวเป็นชาติที่เข้มแข็งได้ ดังนั้น ชาวอิสรออีลจึงต้องถูกชาวอื่นรุกรานและกดขี่ข่มเหงมาตลอด ในสมัยนั้น ดาวูดเป็นเด็กคนหนึ่งที่เกิดในเชื้อสายของอิสรออีลและเป็นที่มีความกล้าหาญมาก นบีซามูเอลจึงได้แต่งตั้งชาวอิสรออีลคนหนึ่งซื่อฏอลูตขึ้นเป็นกษัตร์ย์และบอกพวกเขาว่า อัลลอฮได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์สำหรับพวกแล้ว นบีซามูเอลจึงได้กล่าวว่า อัลลอฮได้ทรงประทานพลังความรู้และพลังกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล และอัลลอฮทรงมีอำนาจที่จะทรงประทานอาณาจักรของพระองค์แก่ใครก็ได้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะอัลลอฮเป็นผู้ทรงรอบรู้ พวกอิสรออีลจึงได้เฝ้ารอและก็ได้พบหีบใบนั้นจริง ๆ ชาวอิสรออีลจึงมีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาขณะที่ออกเดินทางไปกับกองทหารเพื่อต่อสู้กับพวกฟิลิสตีนที่มารุกราน ฏอลูตต้องการจะดูว่าคนของเขาศรัทธาในอัลลอฮและเชื่อฟังแค่ไหน จึงบอกไปว่า "อัลลอฮกำลังจะทดลองพวกเจ้าด้วยลำน้ำสายหนึ่ง ใครก็ตามที่หยุดดื่มน้ำจากลำสายนี้ คน ๆ นั้นก็ไม่ใช่พวกของฉัน" ถึงแม้จะบอกว่านั้นเป็นการทดสอบจากอัลลอฮ แต่พวกอิสรออีลส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อและหยุดดื่มน้ำกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อฟังฏอลูตและไม่ได้ดื่มน้ำ ดังนั้น ฏอลูตจึงได้คัดเอาคนที่เชื่อฟังร่วมทางไปกับเขา แต่ผู้ศรัทธาในอัลอฮจำนวนหนึ่งได้กล่าวว่า มีบ่อยไปที่คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากได้ด้วยอำนาจของอัลลอฮ เพราะอัลลอฮจะทรงอยู่กับผู้อดทน เมื่อกองทัพของฏอลูตเผชิญหน้ากับกองทัพชาวฟิลิสตีน ซึ่งนำโดยญาลูต (หรือโกลิอัท) พวกอิสรออีลจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้ทรงประทานความอดทนแก่เราและทรงปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด ถ้าพวกเก่งจริงก็ส่งคนมีฝีมือมาต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ในเวลานั้นดาวูดได้อยู่ในที่นั้นด้วย เขาจึงได้ขออนุญาตออกไปต่อสู้ญาลูต หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดาวูดก็สามารถสังหารญาลูตได้ในที่สุด ดาวูดจึงได้กลายเป็นวีรบุรุษของชาวอิสรออีล ฏอลูตได้ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขาและหลังจากที่ฏอลูตเสียชีวิตแล้ว นบีดาวูดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อสุลัยมาซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขาและยังเป็นนบีคนสำคัญคนหนึ่ง ขณะที่นบีดาวูดเป็นกษัตริย์ปกครองชาวอิสรออีลอยู่ วันหนึ่งชาวอิสรออีลสองคนได้มาขอให้ท่านตัดสินกรณีขัดแย้งระหว่างเขาทั้งสอง นบีดาวูดได้ตัดสินให้เจ้าของแพะมอบแพะทั้งหมดที่เข้ากินต้นไม้ใบหญ้าให้แก่เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเสียหาย ถึงต้นไม้ใบหญ้าจะเสียหาย แต่ที่ดินยังคงอยู่ ดังนั้น จึงไม่ควรให้เจ้าของที่ดินยึดแพะทั้งหมดเอาไว้เลย เมื่อต้นไม้ใบหญ้าเติบโตใหม่แล้ว เจ้าของที่ก็ควรจะคืนแพะให้แก่เจ้าของเดิมไป นบีดาวูดเห็นด้วยกับคำแนะนำของสุลัยมานเพราะเป็นความยุติธรรมและท่านได้ตัดสินไปตามนั้น นอกจากนั้นแล้ว คัมภีร์กุรอานยังได้บอกให้เรารู้ว่าอัลลอฮได้ทรงสอนท่านนบีดาวูดให้รู้จักการนำเอาเหล็กมาทำเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ
บางท่านให้ทัศนะว่า เพลงสดุดีเป็นคัมภีร์ "ซะบูร" ที่ถูกประทานแก่ "นบีดาวูด" (ดาวิด) ทั้งบท ไม่มีหลักฐานยืนยัน[27]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.