โอร์เสม็ด

นครในประเทศกัมพูชา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โอร์เสม็ดmap

โอร์เสม็ด[1][2] (เขมร: អូរស្មាច់, Or Smăch, ออกเสียง: [ʔou.smac]) เป็นเมืองเล็ก ๆ ของกัมพูชาที่ติดชายแดนไทยในเขตเทศบาลสำโรง ของจังหวัดอุดรมีชัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 มีการสู้รบเป็นระยะ ๆ และพื้นที่ดังกล่าวไม่ปลอดภัยเนื่องจากเขมรแดงกลุ่มสุดท้ายที่ยังคงควบคุมพื้นที่ใกล้เคียงอย่างอ็อนลวงแวง ในปี พ.ศ. 2546 ได้มีการเปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ ระหว่างโอร์เสม็ด และช่องจอม ที่อยู่ติดกันในตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ของประเทศไทย ตั้งแต่นั้นมา ได้มีการเปิดคาสิโนระหว่างเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางของกัมพูชาและไทย ทำให้ชาวไทยสามารถเล่นการพนันในประเทศกัมพูชาได้โดยไม่ต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชา การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย และการพนันในกัมพูชาถูกกฎหมายสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางต่างชาติเท่านั้น โอร์เสม็ดตั้งอยู่ที่ปลายทางเหนือของถนนหมายเลข 68 ซึ่งเลี้ยวไปทางเหนือจากทางหลวงหมายเลข 6 ที่กระวันห์ในจังหวัดเสียมราฐ[3]

ข้อมูลเบื้องต้น โอร์เสม็ด អូរស្មាច់, ประเทศ ...
โอร์เสม็ด

អូរស្មាច់
นคร
Thumb
ภาพถ่ายทางอากาศชายแดนไทยกัมพูชา ข้างบนแนวป่าคือโอร์เสม็ด ด้านล่างแนวป่าคือฝั่งไทย
Thumb
โอร์เสม็ด
ที่ตั้งของโอร์เสม็ด
พิกัด: 14°24′36″N 103°41′39″E
ประเทศ กัมพูชา
จังหวัดอุดรมีชัย
เทศบาลสำโรง
เขตเวลาUTC+7 (ICT)
ปิด

จุดผ่านแดน

สรุป
มุมมอง

พรมแดนด้านเหนือของกัมพูชาที่ติดกับประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นแนวหน้าผาของทิวเขาพนมดงรัก มีช่องเขาธรรมชาติตัดผ่านภูเขาระหว่างโอร์เสม็ดและช่องจอม ช่องทางผ่านนี้ถูกใช้ตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อเดินทางระหว่างที่ราบของกัมพูชาตอนล่างและที่ราบสูงโคราช ตั้งแต่สงครามกลางเมืองกัมพูชาและดำเนินต่อไปจนกระทั่งการยอมแพ้ของเขมรแดงที่เหลืออยู่ซึ่งหลบภัยในอ็อนลวงแวง เขมรแดงได้ควบคุมพื้นที่ดังกล่าวและสร้างรายได้โดยการค้าไม้ของกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย ภายหลังการยอมแพ้ครั้งสุดท้ายของเขมรแดงในปี พ.ศ. 2542 พื้นที่โดยรอบช่องเขาโอร์เสม็ดก็กลับมามั่นคงและปลอดภัยสำหรับนักเดินทางอีกครั้ง และในปี พ.ศ. 2546 รัฐบาลกัมพูชาและไทยได้เปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ จุดผ่านแดนต้องปิดทำการเป็นระยะ ๆ อีกครั้งระหว่างปี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2554 ในระหว่างกรณีพิพาทพรมแดนไทย–กัมพูชา[3]

รัฐบาลไทยตกลงที่จะให้เงินทุนสำหรับการขยายถนนหมายเลข 68 ของกัมพูชาจากเมืองสำโรงซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดไปยังเมืองโอร์เสม็ดโดยไม่ได้ระบุจำนวนเงินกู้ ทันทีนั้น มีการสร้างโรงแรมคาสิโน 2 แห่งและตลาดขึ้นในพื้นที่ระหว่างจุดผ่านแดนของกัมพูชาและจุดผ่านแดนของไทยที่ช่องจอม ในอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรองรับพลเมืองไทยที่เดินทางมากัมพูชาเพื่อเล่นการพนัน[3] การพนันในประเทศไทยถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ในกัมพูชาถือเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แม้ว่าจะเข้าได้เฉพาะผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศเท่านั้น แต่ได้มีการจัดเตรียมให้มั่นใจได้ว่าุพลเมืองไทยสามารถออกจากประเทศไทยมาเพื่อไปเล่นการพนันในโอร์เสม็ดแล้วเดินทางกลับโดยไม่ต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชา[4] คนไทยที่อาศัยอยู่ใกล้กับช่องจอมมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมการข้ามพรมแดนเป็นส่วนใหญ่ จุดผ่านแดนโอร์เสม็ดเป็นด่านที่ใช้กันน้อยที่สุดในบรรดาจุดผ่านแดนของไทย/กัมพูชา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้าไปเสียมราฐและนครวัดจะข้ามชายแดนที่ปอยเปตซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการพนันยอดนิยมเนื่องจากเข้าถึงได้ง่ายกว่าจากกรุงเทพมหานคร[3][5]

โอร์เสม็ดได้รับประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ ณ ปี พ.ศ. 2555 บริษัท โอร์เสม็ด และบริษัทคู่เทียบของไทย ช่องจอม มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางศุลกากรที่จำเป็นทั้งหมด ยกเว้นเจ้าหน้าที่กักกันสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์หลักที่ส่งออกจากกัมพูชาผ่านบริษัทโอร์เสม็ด คือ มันสำปะหลัง ยังมีตลาดใหญ่ขายจักรยานมือสองที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศกัมพูชาและนำมาส่งที่โอร์เสม็ด แล้วขายข้ามชายแดนให้คนไทยที่ตลาดช่องจอม สินค้านำเข้าหลักของโอร์เสม็ด คืออุปกรณ์ฟาร์มมือสอง ส่วนใหญ่เป็นรถแทรกเตอร์และรถบรรทุก นอกจากนี้ยังมีวัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมยังถูกนำเข้าสู่กัมพูชาโดยผ่านโอร์เสม็ดอีกด้วย[3]

การพัฒนาในอนาคต

ณ ปี พ.ศ. 2558 มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านแดนระหว่างกัมพูชาและไทยได้คือที่ปอยเปต ยานพาหนะอื่นใดนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตพิเศษจากรัฐบาลกลางของตนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามพรมแดนที่โอร์เสม็ด อย่างไรก็ตาม เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 บริษัทในกัมพูชาได้เริ่มเปิดให้บริการเส้นทางรถประจำทางตรงจากเสียมราฐไปยังโอร์เสม็ด การเดินทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้โดยสาร 12.50 ดอลลาร์สหรัฐ และให้บริการแก่ "นักท่องเที่ยวโรงพยาบาล" ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาที่กำลังมุ่งหน้าไปยังตัวเมืองสุรินทร์ของประเทศไทย ซึ่งโดยทั่วไปจะพูดภาษาเขมรเหนือ เพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลที่เชื่อถือได้มากกว่า[6] หลังจากทำหนังสือเดินทางหรือใบผ่านแดนและจ่ายเงิน 10,000 เรียล (2.50 ดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว พวกเขาก็ข้ามชายแดนด้วยการเดินเท้าและขึ้นรถตู้ของไทยที่รับส่งผู้โดยสารในช่วงสุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งใช้เวลา 45 นาทีจากโอร์เสม็ดไปยังสุรินทร์เพื่อเดินทางต่อ 80 บาท (0.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ)[6] นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2558 ในการประชุมการค้าที่เสียมราฐ เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะลงทุนในบริการรถโดยสารปรับอากาศระหว่างประเทศไทยและเสียมเรียบผ่านทางบริษัท โอร์เสม็ด คาดว่าบริการดังกล่าวจะเริ่มขึ้นก่อนงานช้างที่จังหวัดสุรินทร์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา[7]

อ้างอิง

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.