Loading AI tools
ภาพยนตร์มาร์เวลสตูดิโอส์ที่ออกฉายใน ค.ศ. 2024 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน (อังกฤษ: Deadpool & Wolverine) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวซูเปอร์ฮีโรที่ออกฉายใน ค.ศ. 2024 สร้างจากมาร์เวลคอมิกส์ โดยมีตัวละครหลักเป็น เดดพูลและวูล์ฟเวอรีน ภาพยนตร์สร้างโดย มาร์เวลสตูดิโอส์, แมกซิมัมเอฟเฟิร์ตและทเวนตีวันแลปส์เอนเทอร์เทนเมนต์ และจัดจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 34 ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) และเป็นภาคต่อของเรื่อง เดดพูล (2016) และ เดดพูล 2 (2018) ภาพยนตร์กำกับโดย ชอว์น เลวี จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับ ไรอัน เรย์โนลส์, เร็ตต์ รีส, พอล เวอร์นิคและเซ็บ เวลส์ ภาพยนตร์แสดงนำโดย เรย์โนลส์และฮิว แจ็กแมน แสดงเป็น เดดพูลและวูล์ฟเวอรีน ตามลำดับ ร่วมกับ เอ็มมา คอร์ริน, โมรีนา บักคาริน, ร็อบ เดลานีย์, เลสลี อักกัมส์, แอรอน สแตนฟอร์ดและแมทธิว แม็คฟาเดียน ในบทบาทสมทบ ในภาพยนตร์ เมื่อเดดพูลรับรู้ว่า องค์การกำกับสาขาเวลา ตั้งใจที่จะทำลายจักรวาลของเขา เขาจึงร่วมมือกับวูล์ฟเวอรีนผู้ไม่เต็มใจจากจักรวาลอื่นเพื่อหยุดพวกเขา
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | ชอว์น เลวี |
เขียนบท |
|
สร้างจาก | มาร์เวลคอมิกส์ |
อำนวยการสร้าง |
|
นักแสดงนำ |
|
กำกับภาพ | จอร์จ ริชมอนด์ |
ตัดต่อ |
|
ดนตรีประกอบ | ร็อบ ไซมอนเซน |
บริษัทผู้สร้าง |
|
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ โมชันพิกเชอส์ |
วันฉาย |
|
ความยาว | 128 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐ |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ทำเงิน | 1.338 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[3][4] |
การพัฒนาภาพยนตร์ภาคที่สามของ เดดพูล เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ที่ทเวนตีเซนจูรีฟอกซ์ แต่ถูกพักไว้ชั่วคราวหลังจากที่ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการสตูดิโอในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ทำให้สิทธิ์ในใช้งานตัวละครถูกโอนยังมาร์เวลสตูดิโอส์ และได้เริ่มพัฒนาภาพยนตร์เรื่องใหม่ร่วมกับเรย์โนลส์ ภาพยนตร์จะเป็นการนำเดดพูลเข้ามาในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล แต่ยังคงเรต R ตามแบบฉบับเดิมของภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ เวนดี มอลินิวและลิซซี มอลินิว-ลอเกลิน เข้ามาเขียนบทในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2020 รีสและเวอร์นิคกลับมาจากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้เพื่อเขียนบทใหม่ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022 และเลวีได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้กำกับ แจ็กแมนตัดสินใจกลับมารับบทเดิมเป็นวูล์ฟเวอรีนจากภาพยนตร์ชุด X-เม็น ของ ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2022 เวลส์, เรย์โนลส์และเลวี มีส่วนร่วมในการเขียนบทในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนดังกล่าวที่ไพน์วูดสตูดิโอส์ในอังกฤษ มีการถ่ายทำเพิ่มเติมที่นอร์ฟอล์ก, ลอสแอนเจลิสและโบวิงดันฟิล์มสตูดิโอส์ ภาพยนตร์หยุดการถ่ายทำชั่วคราวในเดือนกรกฎาคมเนื่องจากการหยุดงานของแซก-อาฟตรา 2023 ภาพยนตร์ถ่ายทำต่อในเดือนพฤศจิกายนและสิ้นสุดในเดือนมกราคม ค.ศ. 2024 ชื่อเรื่องของภาพยนตร์ได้รับการเปิดเผยในเดือนถัดมา
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 ที่โรงละครเดวิด เอช. คอชในเมืองนิวยอร์ก ฉายในไทยวันที่ 24 กรกฎาคม และฉายในสหรัฐวันที่ 26 กรกฎาคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของเฟสห้าในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ภาพยนตร์ทำเงินทั่วโลก 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ระดับอาร์ที่ทำเงินสูงสุดและภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่สองใน ค.ศ. 2024
ใน ค.ศ. 2018 หลัง เวด วิลสัน ใช้อุปกรณ์ย้อนเวลาของเคเบิล เพื่อป้องกันไม่ให้ วาเนสซา คาร์ไลส์ แฟนสาวของเขาเสียชีวิต[a] เขาเดินทางจากจักรวาลของเขา โลก-10005[b] ไปยัง โลก-616 / "เส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์",[c] หวังว่าจะได้เข้าร่วมอเวนเจอร์ส และให้ชีวิตของเขามีความหมายมากขึ้น เขาถูกปฏิเสธโดย แฮปปี โฮแกน และกลับไปยังจักรวาลของตนเอง หกปีต่อมา เวดเลิกกับวาเนสซาแล้วและเกษียณจากการเป็นทหารรับจ้างสวมหน้ากาก เดดพูล เขาทำงานเป็นพนักงานขายรถมือสองกับ ปีเตอร์ วิสดอม เพื่อนของเขา
ระหว่างงานปาร์ตี้วันเกิดของเวด องค์การกำกับสาขาเวลา (TVA) จับตัวเขาแล้วพาไปพบ มร. พาราด็อกซ์ โดยอธิบายว่าพวกเขาเป็นองค์การนอกเหนือเวลาที่คอยตรวจสอบเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์และพหุจักรวาลที่กว้างขึ้น พาราด็อกซ์เผยว่าเส้นเวลาของเวดกำลังเสื่อมลง อันเป็นผลจากการเสียชีวิตของ โลแกน ซึ่งเป็น "แองคอร์บีอิง" โดยโลแกนเสียชีวิตหลังปกป้องลูกสาวของเขา ลอรา[d] พาราด็อกซ์วางแผนที่จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "เครื่องตัดเวลา" เพื่อเร่งกระบวนการนี้ แทนที่จะใช้เวลาหลายพันปีในการรอเวลาให้เส้นเวลาตายไปเองตามธรรมชาติ เขาเสนอที่จะละเว้นเวดโดยส่งเขาไปยังเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคาดว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ในอนาคต เวดขโมยเทมแพดของพาราด็อกซ์และใช้มันเพื่อเดินทางไปยังหลุมศพของโลแกน โดยหวังว่าจะฟื้นคืนชีพเขาและช่วยเส้นเวลาของพวกเขา เมื่อวิธีนี้ล้มเหลว เวดจึงใช้เทมแพดเพื่อเดินทางไปทั่วจักรวาลเพื่อค้นหา "ตัวแปร" ของโลแกนที่จะมาแทนที่จักรวาลของเขาเอง
เวดกลับมาที่ทีวีเอพร้อมกับตัวแปรของโลแกน แต่พาราด็อกซ์บอกว่าแองคอร์บีอิงนั้นไม่สามารถถูกแทนที่ได้ และตัวแปรนี้ถือเป็น วูล์ฟเวอรีน ที่แย่ที่สุดในพหุจักรวาล เมื่อเวดสรุปได้ว่าพาราด็อกซ์กำลังกระทำการโดยที่ผู้บังคับบัญชาของเขาไม่ทราบเรื่อง พาราด็อกซ์จึงส่งเวดและโลแกนไปที่เดอะวอยด์ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกสิ่งมีชีวิต อะไลออท กลืนกิน โลแกนตกลงที่จะทำงานร่วมกับเวด เมื่อเขาอ้างว่าทีวีเอสามารถเปลี่ยนเส้นเวลาของเขาได้ เวดและโลแกนถูกจับร่วมกับ จอห์นนี สตอร์ม และถูกนำตัวไปพบ แคสแซนดรา โนวา น้องสาวฝาแฝดผู้ทรงพลังและซาดิสต์ของ ชาร์ลส์ เซเวียร์ ผู้นำกลุ่มเอ็กซ์-เม็น แคสแซนดราทำข้อตกลงกับทีวีเอเพื่อดูแลเดอะวอยด์ เธอฆ่าจอห์นนีและปล่อยให้เวดและโลแกนถูกอะไลออทกลืนกิน แต่ทั้งคู่สามารถหลบหนีออกมาได้
เวดและโลแกนพบกับตัวแปรของเดดพูลเรียกว่า "ไนซ์พูล" โดยเขาให้รถและบอกทางพวกเขาไปยังกลุ่มต่อต้านที่กำลังต่อสู้กับแคสแซนดรา ระหว่างทาง โลแกนตระหนักว่าอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขเส้นเวลาของเขาได้ และทั้งคู่ก็สู้กันและหมดสติไปทั้งคู่ พวกเขาถูกพบโดยกลุ่มต่อต้าน ประกอบด้วย ลอรา, อิเล็กตรา, เบลดและแกมบิต เวดเสนอให้ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับแคสแซนดรา และโลแกนก็ถูกลอราโน้มน้าวให้เข้าร่วมกับพวกเขา สมาชิกกลุ่มต่อต้านพยายามเบี่ยงเบนความสนใจลูกน้องของแคสแซนดรา ขณะที่เวดและโลแกนขัดขวางพลังของเธอโดยการใส่หมวกของจักเกอร์นอตไว้บนหัวของเธอ แคสแซนดราถูกลูกน้องของเธอ ไพโร หักหลังในนามของพาราด็อกซ์ และเกือบเสียชีวิตจนกระทั่งโลแกนโน้มน้าวให้เวดถอดหมวกออก แคสแซนดรารักษาตัวเองและเปิดประตูสู่โลก-10005 ซึ่งเวดและโลแกนได้รู้ว่าพาราด็อกซ์ได้สร้างเครื่องตัดเวลาสำเร็จแล้ว
แคสแซนดรารับรู้เกี่ยวกับแผนการของพาราด็อกซ์จากไพโร และเดินทางไปยังโลก-10005 เธอเรียนรู้วิธีใช้เครื่องตัดเวลาจากความคิดของพาราด็อกซ์และวางแผนที่จะทำลายเส้นเวลาทั้งหมด ให้เหลือเพียงแค่เดอะวอยด์เท่านั้น แคสแซนดราเรียกกองทัพของตัวแปรเดดพูลออกมา พวกเขาฆ่าไนซ์พูลและต่อสู้กับเวดและโลแกนจนกระทั่งปีเตอร์มาถึงและโน้มน้าวให้พวกเขาเปลี่ยนใจ พาราด็อกซ์บอกเวดและโลแกนว่า คนใดคนหนึ่งสามารถทำลายเครื่องตัดเวลาได้ด้วยการหยุดการไหลของพลัง แต่การกระทำเช่นนี้จะฆ่าพวกเขาเอง เวดและโลแกนร่วมกันทำลายเครื่องตัดเวลาสำเร็จ ส่งผลให้แคสแซนดราเสียชีวิต เวดและโลแกนสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยการแบ่งเบาภาระ พาราด็อกซ์ถูกจับกุมโดย ฮันเตอร์ บี-15 แห่งทีวีเอ ซึ่งแสดงความยินดีกับเวดและโลแกน และบอกว่าการกระทำของพวกเขาทำให้โลก-10005 หยุดเสื่อมลงได้ เวดขอให้ฮันเตอร์ บี-15 ช่วยกลุ่มต่อต้านจากเดอะวอยด์และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของโลกของโลแกน เธออธิบายว่าอย่างหลังเป็นไปไม่ได้เพราะประวัติศาสตร์ของโลแกนทำให้เขาเป็นฮีโรในตอนนี้ เวดเชิญโลแกนไปพบเพื่อน ๆ ของเขา ในระหว่างงานรวมตัวที่มีลอราเข้าร่วม โลแกนสนับสนุนให้เวดคืนดีกับวาเนสซา
นักแสดงที่กลับมารับบทเดิมของพวกเขาจากภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้ ได้แก่ การัน โซนิ เป็น โดพินเดอร์, คนขับแท็กซี่และผู้ชื่นชมวิลสัน[25] บริอันนา ฮิลเดอแบรนด์ เป็น เนกะโซนิกทีนเอจวอร์เฮด, สมาชิกวัยรุ่นของเอ็กซ์เมน ด้วยพลังแห่งการกลายพันธุ์ที่สามารถระเบิดปรมาณูออกจากร่างกายของเธอได้[27] ชิโอลิ คัตสึนะ เป็น ยูกิโอะ, แฟนสาวของเนกะโซนิกทีนเอจวอร์เฮดและเพื่อนสมาชิกเอ็กซ์เมน[27] สเตฟาน คาปิซิช ให้เสียงเป็น คอลอซัส[28] แรนดัล รีดเดอร์ เป็น บัก, เพื่อนของเวดสมัยเป็นทหารรับจ้าง[29] และ ลูวิส แทน เป็น รัสตี / แชตเตอร์สตาร์, สมาชิกทีมเอ็กซ์-ฟอร์ซ[19] ตัวละครอื่นจากภาพยนตร์มาร์เวลก่อนหน้านี้ ได้แก่ ไทเลอร์ เมน เป็น วิกเตอร์ ครีด / เซเบอร์ทูธ, กลับมารับบทเดิมของเขาจาก X-เม็น ศึกมนุษย์พลังเหนือโลก (2000)[30][31] แอรอน ดับเบิลยู. รีด เป็น เคน มาร์โก / จักเกอร์นอต[10] และ ไมค์ วอเตอร์ส เป็น เฟรเดอริก ดุกส์ / บล็อบ[32] นักแสดงที่ไม่มีชื่อในเครดิต ได้แก่ บิลลี เคลเมนต์ เป็น รัสเซียน,[33] เอดูอาร์โด กาโก มูนอซ เป็น อาซาเซล, เจด ไลย์ เป็น เลดีเดทสไตรค์, อายีชา ฮุสเซน เป็น ไซล็อก,[10] ดาเนียล เมดินา ราโมส เป็น โทด,[10][34] เคอร์ติส สมอล เป็น บูลล์ซาย,[34] โคลอี คิบเบิล เป็น คาลลิสโต,[35] และ นิลลี เซติน เป็น ควิลล์[36][37][31]
ตัวละครมาร์เวลที่กลับมาและก่อตั้งกลุ่มต่อต้านในเดอะวอยด์ ได้แก่ ดาฟเน คีน เป็น ลอรา / เอ็กซ์-23, ลูกสาวของโลแกนจาก โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (2017)[31][38] เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ เป็น อีเล็กตรา นัตชิออส, นักสู้ฝีมือดีที่ใช้ไซคู่เป็นอาวุธจาก มนุษย์อหังการ (2003) และ อีเล็คตร้า สวย สังหาร (2005)[39][38] เวสลีย์ สไนปส์ เป็น เอริก บรูกส์ / เบลด จากภาพยนตร์ เบลด ไตรภาค (1998–2004) ของนิวไลน์ซินีมา และ คริส อีแวนส์ เป็น จอห์นนี สตอร์ม / ฮิวแมนทอร์ช, ผู้สามารถบินได้ ควบคุมไฟและทำให้ร่างกายลุกเป็นไฟได้จาก สี่พลังคนกายสิทธิ์ (2005) และ สี่พลังคนกายสิทธิ์: กำเนิดซิลเวอร์ เซิร์ฟเฟอร์ (2007)[38] นอกจากนี้ แชนนิง เททัม เข้าร่วมทีมเป็น เรมี เลอโบ / แกมบิต, ผู้ที่เคยจะแสดงนำใน ภาพยนตร์ แกมบิต ที่ไม่ได้สร้าง[38] คีนดู โลแกน อีกครั้งเพื่อช่วยเธอเตรียมตัวและกลับมารับบทนี้อีกครั้งหลังจากผ่านไปเจ็ดปี และกระตือรือร้นที่จะสำรวจลอราเวอร์ชันเก่า ซึ่งตอนนี้มีความเข้าใจและซาบซึ้งมากขึ้นถึงสิ่งที่โลแกนได้ประสบในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว[31] สไนปส์ออกกำลังกายเพื่อ "พร้อมสำหรับเบลด" ในภาพยนตร์ หลังจากประสบปัญหากับอารมณ์ขันของเรย์โนลส์เมื่อทั้งคู่ร่วมแสดงใน เบลด 3 อำมหิต พันธุ์อมตะ (2004), สไนปส์กล่าวว่าในที่สุดเขาก็เข้าใจในบริบทของ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ซึ่งทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน[40] อีแวนส์ ผู้เคยแสดงเป็น สตีฟ โรเจอร์ส / กัปตันอเมริกา ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล กล่าวว่า มาร์เวลสตูดิโอส์ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในการสร้างชุดของจอห์นนี ซึ่งเป็นชุดที่ดูโทรมเนื่องจากตัวละครอาศัยอยู่ในเดอะวอยด์ เมื่อเทียบกับกระบวนการในภาพยนตร์ชุด สี่พลังคนกายสิทธิ์[41]
ภาพยนตร์ยังประกอบด้วยตัวแปรต่าง ๆ ของเดดพูล ได้แก่ นักแสดงสุนัขเพกกี เป็น ด็อกพูล[42][43] เบลก ไลฟ์ลี ภรรยาของเรย์โนลส์ ให้เสียงเป็น เลดีพูล[12][44] อิเนซและโอลิน เรย์โนลส์ส ลูก ๆ ของเรย์โนลส์และไลฟ์ลี เป็น คิดพูลและเบบีพูล ตามลำดับ[45][46] นาทาน ฟิลเลียน ให้เสียงเป็น เฮดพูล[45] แมตทิว แมกคอนาเฮย์ ให้เสียงเป็น คาวบอยพูล[45][47] พอล มัลลิน ผู้เล่นจากสโมสรฟุตบอลเรกซัม แสดงเป็น เวลส์พูล[48] อเล็กซ์ คิชโควิช นักแสดงแทนของเรย์โนลส์ เป็น แคนาดาพูล[11] แฮร์รี ฮอลแลนด์, น้องชายของ ทอม ฮอลแลนด์ (ผู้แสดงเป็น ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ / สไปเดอร์-แมน ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล) เป็น แฮโรลด์พูล[49] และ เควิน ฟอร์ติน เป็น เซนพูล[48] ทั้งสองคนไม่มีชื่อในเครดิต ตัวแปรต่าง ๆ ของเดดพูลที่แสดงโดยนักแสดงที่ไม่เปิดเผย ได้แก่ วาตาริ / เดอะฟูล, เดดพูล 2099, โกลเดนเอจเดดพูล, ไพเรตพูล, เวลส์ไนต์พูลและเกรตเตสต์โชว์แมนเดดพูล[12][46] โดยตัวละครหลังสุดอ้างอิงถึงบทบาทของแจ็กแมนเป็น พี. ที. บาร์นัม ในภาพยนตร์ ค.ศ. 2017 เรื่อง โชว์แมนบันลือโลก[50]
จอน แฟฟโรว์ กลับมารับบทเดิมของเขาในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเป็น แฮโรลด์ "แฮปปี" โฮแกน,[5] ร่วมกับ วันมี โมซากู เป็น ฮันเตอร์ บี-15 จากละครชุดในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเรื่อง โลกิ (2021–2023)[51] คริส เฮมส์เวิร์ท ปรากฏตัวเป็น ธอร์ ผ่านการนำภาพกลับมาใช้ใหม่จาก ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ (2013)[52][53] และเวอร์ชันหนึ่งของ ฮัลค์ กำลังต่อสู้กับตัวแปรของวูล์ฟเวอรีน[5] นักแสดงรับเชิญ ได้แก่ เฮนรี แควิลล์ เป็นตัวแปรของวูล์ฟเวอรีนชื่อว่า "แควิลล์รีน",[54] ออลลี พาลเมอร์ ผู้เล่นจากสโมสรฟุตบอลเรกซัม ปรากฏตัวเป็นลูกค้าในบาร์,[55] เกร็ก เฮมฟิลล์ แสดงเป็น บาร์เทนเดอร์,[56] เจมส์ ลูกสาวคนโตของเรย์โนลส์ รับบทเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่กรีดร้อง,[57] และ ร็อบ แม็กเอลเฮนนีย์ ประธานร่วมสโมสรฟุตบอลเรกซัมของเรย์โนลส์ ถ่ายทำฉากที่เขาแสดงเป็นทหารทีวีเอ แต่การปรากฏตัวของเขาถูกตัดออกจากภาพยนตร์[58]
หลังความสำเร็จของ เดดพูล (2016) ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ เริ่มพัฒนาภาพยนตร์ภาคต่อสองเรื่อง โดยเรื่องที่สามถูกกำหนดให้มีรวมทีมซูเปอร์ฮีโร เอ็กซ์-ฟอร์ซ[59] ทิม มิลเลอร์ ผู้กำกับ เดดพูล เลือกไม่กลับมากำกับภาคต่อเนื่องจากความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันกับ ไรอัน เรย์โนลส์ และ เดวิด ลิตช์ ได้รับการว่าจ้างให้กำกับ เดดพูล 2 (2018) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ฟอกซ์กำลังมองหาผู้สร้างภาพยนตร์อีกคนเพื่อพัฒนาภาพยนตร์เรื่องที่สาม[60] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 เร็ตต์ รีส ผู้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมใน เดดพูล และ เดดพูล 2 กล่าวว่า เอ็กซ์-ฟอร์ซ จะเปิดตัวใน เดดพูล 2 ก่อนที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์แยกตามแผนซึ่งจะเปิดตัว "บางสิ่งที่ใหญ่กว่า" โดยแยกจากภาพยนตร์เรื่อง เดดพูล เรื่องที่สาม ซึ่งจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า[61] เมื่อการเข้าซื้อกิจการทเวนตีเฟิสต์เซนจูรีฟอกซ์โดยดิสนีย์ประกาศในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2017 บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอของเดอะวอลต์ดิสนีย์ กล่าวว่า เดดพูลของเรย์โนลส์จะถูกรวมเข้ากับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล และภาพยนตร์ เดดพูล จะยังเป็นเรต R แม้ว่าภาพยนตร์เหล่านั้นจะได้รับเรต PG-13 ก็ตาม[62] ไอเกอร์กล่าวว่าดิสนีย์ยินดีที่จะสร้างภาพยนตร์ เดดพูล เรต R "ตราบใดที่เราแจ้งให้ผู้ชมทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น" และกล่าวว่า "มาร์เวล-อาร์ แบรนด์" สามารถสร้างขึ้นสำหรับตัวละครอย่างเดดพูลได้[63] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 เรย์โนลส์ กล่าวว่าภาพยนตร์ เดดพูล เรื่องที่สามอาจไม่สามารถสร้างได้ เนื่องจากการเปลี่ยนไปมุ่งเน้นที่เอ็กซ์-ฟอร์ซ[64] รีสและ พอล เวอร์นิก คู่เขียนบทของเขา กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องที่สามจะเกิดขึ้นหลังเรย์โนลส์หยุดพักจากตัวละครและหลังภาพยนตร์เอ็กซ์-ฟอร์ซฉาย คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ข้ามฝั่งของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ดิ อเวนเจอร์ส (2012) ที่ฉายระหว่าง ไอรอนแมน 2 (2010) และ ไอรอนแมน 3 (2013)[65]
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ลีตช์แสดงความสนใจที่จะกลับมากำกับภาพยนตร์ เดดพูล อีกเรื่อง ซึ่งขึ้นอยู่กับตารางงาน[66] ภาพยนตร์ เดดพูล เรื่องที่สามเชื่อว่ากำลังอยู่ในการพัฒนาในเดือนสิงหาคม โดยวางแผนถ่ายทำในแอตแลนตา, จอร์เจีย มากกว่าในแวนคูเวอร์, แคนาดา ที่ถ่ายทำภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[67] วันซ์อะพอนอะเดดพูล ภาพยนตร์เรต PG-13 ของ เดดพูล 2 ฉายในปลายปี ดิสนีย์และมาร์เวลสตูดิโอส์จับตาดูอย่างระมัดระวังเพื่อดูว่า ภาพยนตร์จะให้แนวทางของพวกเขาต่อตัวละครในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลได้อย่างไร[68] เรย์โนลส์ในขณะที่กำลังโปรโมต วันซ์อะพอนอะเดดพูล ยืนยันว่าภาพยนตร์ เดดพูล เรื่องที่สาม กำลังอยู่ในการพัฒนาและกล่าวว่าจะไปใน "ทิศทางที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง"[69] เรย์โนลส์เปิดเผยในภายหลังว่า พวกเขากำลังพิจารณาสร้างภาพยนตร์เป็นแนวการเดินทางบนถนน ตามแบบ ราโชมอน (1950) และจะมีตัวละคร เจมส์ "โลแกน" ฮาวเล็ตต์ / วูล์ฟเวอรีน ของ ฮิว แจ็กแมน จากภาพยนตร์ชุด X-เม็น[70] การัน โซนิ ผู้แสดงเป็น โดพินเดอร์ ในภาพยนตร์ เดดพูล สองเรื่องแรก ย้ำแผนเหล่านี้และอธิบายว่า ภาพยนตร์จะเน้นไปที่เดดพูลที่พยายามกอบกู้คริสต์มาสด้วยการออกเดินทางไปขั้วโลกเหนือ[71] แจ็กแมนจินตนาการถึงภาพยนตร์ที่ร่วมทีมกับเรย์โนลส์ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก จับตาย 48 ชั่วโมง (1982) ขณะชมภาพยนตร์ เดดพูล เมื่อ ค.ศ. 2016 แต่เขาเลือกเกษียณจากบทบาทวูล์ฟเวอรีนหลังภาพยนตร์ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (2017)[72] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการฟอกซ์อย่างเป็นทางการและได้รับสิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์จากตัวละครของมาร์เวลคอมิกส์หลายตัวให้กับมาร์เวลสตูดิโอส์ รวมถึง เดดพูลและเอ็กซ์เมน[73][74] ภาพยนตร์ที่สร้างจากตัวละครของมาร์เวลที่ฟอกซ์กำลังพัฒนาถูก "ระงับชั่วคราว"[75]
จอช โบรลิน ผู้แสดงเป็น เคเบิล ใน เดดพูล 2 และ ธานอส ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล กล่าวในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 ว่าเขาได้พูดคุยถึงอนาคตของเขาในฐานะเคเบิลกับมาร์เวลสตูดิโอส์[76] ในเดือนตุลาคม ซาซี บีตซ์ บอกว่าเธอจะแปลกใจ ถ้าเธอไม่ได้กลับมารับบท โดมิโน จาก เดดพูล 2 ในภาพยนตร์เรื่องอนาคต[77] ในเดือนเดียวกัน รีสและเวอร์นิกกล่าวว่าพวกเขาและเรย์โนลส์ "จำเป็นมากที่ต้องพักผ่อนจากเดดพูล" ขณะที่พวกเขารอฟังข่าวจากมาร์เวลสตูดิโอส์เกี่ยวกับอนาคตของแฟรนไชส์ เวอร์นิกกล่าวว่า ไม่เคยมีการเสนอเรื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง เดดพูล เรื่องที่สามระหว่างความเหนื่อยล้าหลังจากเรื่อง เดดพูล 2 กับการประกาศซื้อกิจการของฟอกซ์โดยดิสนีย์ รีสกล่าวว่า ตอนนี้พวกเขาต้อง "วางความคิดที่ถูกต้องและเมื่อเราทำได้ ผมคิดว่าเราจะได้เริ่มต้นทำได้อย่างมั่นใจ" ผู้เขียนบทรู้สึกว่าจะมีตัวละครในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลมากกว่านี้เพื่อทำหน้าที่เป็นฟอยล์ของเดดพูล เมื่อเทียบกับตัวเลือกที่จำกัดในบรรดาตัวละครที่ควบคุมโดยฟอกซ์ในภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[78]
เรย์โนลส์เปิดเผยในกลางเดือนตุลาคม ค.ศ. 2019 ว่าเขาได้ประชุมกับมาร์เวลสตูดิโอส์[79] ในเวลานั้น เควิน ไฟกี ประธานมาร์เวลสตูดิโอส์ ไม่แน่ใจว่าจะรวมเดดพูลเข้ากับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลได้อย่างไร และยังคงคิดว่า เอ็กซ์-เม็นและมนุษย์กลายพันธุ์โดยรวม จะถูกเพิ่มเข้าไปในแฟรนไชส์ได้อย่างไร ไฟกีอธิบายว่าเรย์โนลส์เป็น "เครื่องจักรความคิด" ที่เสนอแนวทางต่าง ๆ มากมายสำหรับภาพยนตร์,[80] รวมถึงแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวละครที่ต้องใช้ทุนสร้างเพียงเล็กน้อย คล้ายกับภาพยนตร์ที่เปิดตัวใน เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์,[7] และมีการเต้นรำร่วมกับวูล์ฟเวอรีน โดยใช้เพลง "ไอเกสแธทส์วายเธคอลอิตเดอะบลูส์" ของ เอลตัน จอห์น[81] เรย์โนลส์ยังเสนอความคิดก่อนหน้านี้ของเขาสำหรับภาพยนตร์รูปแบบ ราโชมอน ที่รวมทีมกับวูล์ฟเวอรีน ซึ่งจะเล่าเรื่องราวหนึ่งเรื่องจากสามมุมมองที่แตกต่างกัน[80] เขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรวมวูล์ฟเวอรีนในภาพยนตร์[72][80] ในเดือนธันวาคม เรย์โนลส์ยืนยันว่า "ทั้งทีม" กำลังพัฒนาภาพยนตร์ เดดพูล ที่มาร์เวลสตูดิโอส์อย่างแข็งขัน[82]
เรย์โนลส์และมาร์เวลสตูดิโอส์พบกับนักเขียนบทที่มีศักยภาพตลอดเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 รวมถึง เวนดี มอลินิวและลิซซี มอลินิว-ลอเกลิน ซึ่งมีการนำเสนอที่สอดคล้องกับความตั้งใจของพวกเขาสำหรับภาพยนตร์ พี่น้องมอลินิวได้รับการว่าจ้างให้บทภาพยนตร์ในเดือนถัดมา เรย์โนลส์และมาร์เวลสตูดิโอส์เปิดให้ลีตช์กลับมากำกับภาพยนตร์ แต่เขาคาดว่าจะไม่กลับมาเนื่องจากมีภาระผูกพันอื่น ๆ ตลอด ค.ศ. 2021 และไม่เกี่ยวข้องกับการว่าจ้างผู้เขียนบท[6] ลีตช์ยืนยันในภายหลังว่า เขาได้พบกับมาร์เวลสำหรับภาพยนตร์ แต่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่ากำหนดการและภาระผูกพันอื่น ๆ จะขัดขวางไม่ให้เขากลับมา[83] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ไฟกียืนยันอีกครั้งว่าภาพยนตร์จะได้รับเรต R และจะดำเนินเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เรย์โนลส์ดูแลกระบวนการเขียนบทในเวลานั้น และไฟกีกล่าวว่า การถ่ายทำจะไม่เริ่มต้นจนกว่าจะผ่าน ค.ศ. 2021 เนื่องจากตารางงานที่ยุ่งของเรย์โนลส์[84] แนวคิดที่เรย์โนลส์มีใน ค.ศ. 2020 หรือ 2021 คือฉากโลดโผนที่ประกอบเพลง "ไลค์อะเพรเยอร์" ของ มาดอนนา มีจุดประสงค์เพื่อตามรอยการเสียชีวิตของ คอลอซัส จากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เดดพูลกลับมาโลดแล่นอีกครั้งหลังจากที่อยู่ในจุดต่ำสุด[85]
เรย์โนลส์พูดคุยกับ ชอว์น เลวี ในขณะที่กำลังถ่ายทำ ย้อนเวลาหาอดัม (2022) เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในภาพยนตร์ เดดพูล เรื่องต่อไป หลังจากที่พวกเขาร่วมงานกันบ่อย ๆ เรย์โนลส์สันนิษฐานว่าเลวีจะไม่สนใจ เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์ภาคต่อและไม่ใช่งานต้นฉบับ แต่เลวีรู้สึกกระตือรือร้นกับแนวคิดนี้ ตราบใดที่พวกเขามีเรื่องราวที่ถูกต้องที่จะบอกเล่า[9] เรย์โนลส์และไทกา ไวทีที โปรโมต ขอสักทีพี่จะเป็นฮีโร่ (2021) ภาพยนตร์ของพวกเขาซึ่งกำกับโดยเลวี ด้วยการปรากฏตัวเป็นเดดพูลและคอร์ก ตัวละครของไวทีทีในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ในโฆษณาสำหรับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวชื่อ ปฏิกิริยาของเดดพูลและคอร์ก ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2021 เดดพูลผู้ทำลายกำแพงที่สี่บ่อยครั้ง พูดคุยถึงการเข้าร่วมจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลกับคอร์กในโฆษณา[86][87] เรย์โนลส์กล่าวในเดือนถัดมาว่า เขาคาดว่าภาพยนตร์จะเริ่มถ่ายทำใน ค.ศ. 2022[88] ซึ่งไฟกีก็ยืนยันในไม่ช้า เขากล่าวเสริมว่า มาร์เวลสตูดิโอส์มีกรอบเวลาการฉายภาพยนตร์อยู่ในใจอยู่แล้ว[89] บีตซ์และร็อบ เดลานีย์ แสดงความสนใจที่กลับมารับบทเดิมของพวกเขาเป็น โดมิโนและปีเตอร์ จาก เดดพูล 2[90][91] แต่บีตซ์ก็ไม่ได้กลับมาในภาพยนตร์เรื่องที่สาม[92] นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน เรย์โนลส์กล่าวว่าพวกเขากำลัง "เสียบปลั๊ก" ให้กับภาพยนตร์[93]
เลวีเปิดเผยว่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022[94][95] และกล่าวว่าการถ่ายทำจะไม่เริ่มต้นจนกว่าจะผ่าน ค.ศ. 2022 เนื่องจากตารางงานที่ยุ่งของเขาตลอดช่วงที่เหลือของปี[96] รีสและเวอร์นิกได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ใหม่[94][95] และกล่าวว่าพวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ใช้องค์ประกอบของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในภาพยนตร์ พวกเขาเสริมว่า ดิสนีย์และมาร์เวลสนับสนุนเรื่องตลกเกี่ยวกับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่พวกเขาเขียนให้กับเดดพูล เมื่อพิจารณาจากความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ พวกเขาจะไม่ยืนยันว่า พวกเขาเริ่มต้นเขียนบทใหม่ตั้งแต่แรกหรือนำบทร่างก่อนหน้าของพี่น้องมอลินิวมาใช้ใหม่[97] เรย์มอนด์ ชาน เปิดเผยในเดือนมิถุนายนว่าจะเป็นผู้ออกแบบงานสร้าง หลังทำงานใน ฟัลคอนและวินเทอร์ โซลเยอร์ (2021) ละครชุดทางโทรทัศน์ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในดิสนีย์+[98] ไฟกีกล่าวในเดือนกรกฎาคมว่า ภาพยนตร์จะได้รับการยกระดับจากสองภาคแรก ในลักษณะเดียวกันกับภาคที่สามของภาพยนตร์ชุดในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เช่น กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก (2016), ธอร์: ศึกอวสานเทพเจ้า (2017) และ อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล (2018)[99]
เลวีและเรย์โนลส์ร่วมเขียนบทภาพยนตร์กับ รีส, เวอร์นิกและเซ็บ เวลส์[9] ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานในละครชุด ชี-ฮัลค์: ทนายสายลุย (2022), มาร์เวลซอมบี้ (2025) และภาพยนตร์ เดอะ มาร์เวลส์ (2023)[100][101] พวกเขาเริ่มรู้สึกว่า พวกเขาไม่มีเรื่องราวต้นฉบับที่ไม่ได้ต่อเนื่องมาจากภาพยนตร์เรื่อง เดดพูล เรื่องอื่น ๆ เลวีอธิบายว่าพวกเขารู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ "สมควร" ที่จะเป็นภาพยนตร์เรื่อง เดดพูล เรื่องแรกที่ดำเนินเรื่องในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ในขณะที่ยังคงรู้สึกว่า "มีเหตุผลเพราะนี่คือแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโรที่ติดดิน กล้าหาญและสมจริง" เลวีและเรย์โนลส์เตรียมพร้อมที่จะเสนอแนะกับไฟกีว่าภาพยนตร์จะไม่เดินหน้าต่อไปในขณะนั้น เนื่องจากปัญหาที่พวกเขาเจอกับแนวคิดเรื่องหนึ่ง[9] โดย เวนดี เจค็อบสัน ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ยังระบุด้วยว่า มาร์เวลกำลังดิ้นรนเพื่อหาแนวคิดหลักสำหรับภาพยนตร์[80] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2022 แจ็กแมนติดต่อเรย์โนลส์ว่า เขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ เรย์โนลส์กำลังเตรียมการประชุมกับไฟกีเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีดำเนินการต่อเนื่องจากขาดแนวคิดเรื่องราว และตระหนักว่าการรวมวูล์ฟเวอรีนจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ มากมายที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่[72][9] แจ็กแมนเปลี่ยนใจหลังจากพอใจกับการตัดสินใจเกษียณจากบทวูล์ฟเวอรีนมาหลายปี และตัดสินใจว่าภาพยนตร์ที่ร่วมทีมกับเรย์โนลส์ "คงจะสนุกมาก ผมคงจะสนุกกับภาพยนตร์เรื่องนั้นมากกว่าเรื่องอื่นใดที่ผมเคยทำ"[16][72] ไฟกีแนะนำแจ็กแมนไม่ให้กลับมา เพราะเขารู้สึกว่าการตายของวูล์ฟเวอรีนใน โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน เป็น "ตอนจบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" และไม่ต้องการยกเลิกสิ่งนั้น เขาได้รับชัยชนะจากความคิดที่ว่าแจ็กแมนจะแสดงเป็นวูล์ฟเวอรีนเวอร์ชันใหม่ และแจ็กแมนยืนยันว่าเขาอยากกลับมาหลังจากใช้เวลาคิดนานเกี่ยวกับเรื่องนี้[15]
เรย์โนลส์ประกาศในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 ว่าแจ็กแมนจะกลับมาเป็นวูล์ฟเวอรีนใน เดดพูล 3 ซึ่งกำหนดฉายวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2024[13] ทั้งคู่กล่าวว่าภาพยนตร์จะหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อเหตุการณ์ของ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (2017) โดยใช้การเล่าเรื่องจากมาร์เวลสตูดิโอส์ที่อนุญาตให้ตัวละครเวอร์ชันต่าง ๆ เคลื่อนที่ไปตามเส้นเวลาได้[102][103] เลวีกล่าวว่าการอนุรักษ์มรดกของ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทีมสร้างสรรค์และจะต้องมี "การตระหนักรู้" ถึงเรื่องนี้ในภาพยนตร์[9] แจ็กแมนติดต่อ เจมส์ แมนโกลด์ ผู้กำกับ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน เพื่อแจ้งให้เขาทราบเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพยนตร์ และกล่าวว่าแมนโกลด์ต่างกระตือรือร้นกับแนวคิดนี้ และโล่งใจที่ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน จะไม่ได้รับผลกระทบ[16] นอกจากไฟกีแล้ว เรย์โนลส์สและเลวียังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ผ่านทางบริษัทของพวกเขา แมกซิมัมเอฟเฟิร์ตและทเวนตีวันแลปส์เอนเทอร์เทนเมนต์[104][105][106] เช่นเดียวกับ ลอเรน ชูเลอร์ ดอนเนอร์ ในภาพยนตร์ชุด X-เม็น[107] ไซมอน คินเบิร์ก ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร หลังอำนวยการสร้างภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้และภาพยนตร์ X-เม็น บางเรื่อง[108][109][110] เขากล่าวว่าทีมงานสร้างสรรค์ของภาพยนตร์ใส่ใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน, เดดพูลและวูล์ฟเวอรีน และกล่าวว่าภาพยนตร์ประพันธ์โดย เลวี, เรย์โนลส์และไฟกี[109] แจ็กแมนระบุว่าภาพยนตร์อาจจะไม่ได้ตั้งชื่อว่า เดดพูล 3[72] โดยต่อมา เรย์โนลส์เรียกภาพยนตร์ว่า "ภาพยนตร์ เดอะเดดพูล/วูล์ฟเวอรีน"[111] และแจ็กแมนเรียกภาพยนตร์ว่า วูล์ฟเวอรีนและเดดพูล[112] เลวีกล่าวว่าทีมงานสร้างสรรค์กำลังหารือกันหลายทางเลือกสำหรับชื่อเรื่อง และในบางครั้งเขาก็เรียกภาพยนตร์ว่า เดดพูล ปะทะ วูล์ฟเวอรีน, เดดพูลและวูล์ฟเวอรีน และ เดดพูล 3 กับวูล์ฟเวอรีน[113] ชื่อเรื่อง เดดพูล & เฟรนด์ ซึ่งเรย์โนลส์อ้างว่าเป็นชื่ออย่างเป็นทางการ หลุดทางออนไลน์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 หลังจากได้รับการตอบรับเชิงลบจากแฟน ๆ ชื่อเรื่องประกาศอย่างเป็นทางการในวันถัดมาในชื่อ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน[114][115] โดยเลวียอมรับว่านี่คือภาพยนตร์เรื่อง เดดพูล เรื่องที่สาม แต่เขาไม่อยากเรียกมันว่า เดดพูล 3 เพราะมันคือ "การผจญภัยของตัวละครสองคน" ที่เน้นไปที่ทั้งเดดพูลและวูล์ฟเวอรีน[116] อย่างไรก็ตาม เรย์โนลส์สกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเป็นภาพยนตร์ เดดพูล ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง การสบถและความโกลาหลมากมาย และเรียกภาพยนตร์ว่า "ภาพยนตร์เดดพูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเดดพูล"[117]
งานก่อนเริ่มการถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2022[118] ซึ่งไม่ถึงสองเดือนหลังแจ็กแมนตัดสินใจเข้าร่วมภาพยนตร์ จาค็อบสันกล่าวว่า นี่เป็นหนึ่งในการพลิกฟื้นที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาสำหรับการสร้างภาพยนตร์ขนาดใหญ่[80] การถ่ายทำคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2023 ที่แวนคูเวอร์[119] ในกลางเดือนตุลาคม วันฉายของภาพยนตร์ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024[120] เรย์โนลส์กล่าวในเดือนหน้าว่าการถ่ายทำจะเริ่มต้นในกลาง ค.ศ. 2023[121] และเลวียืนยันในเดือนธันวาคมว่า การถ่ายทำจะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม เขากล่าวว่า การพัฒนาภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่สร้างสรรค์ที่สนุกที่สุดในอาชีพของเขา โดยอ้างถึงการตระหนักรู้ในตนเอง ความรุนแรงและภาษาหยาบคายของภาพยนตร์[122] เลวีกล่าวว่า เขาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอของแฟรนไชส์จากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ และเรียกภาพยนตร์เรื่องใหม่ว่า "ดิบ กล้าหาญ [และ] เรต R มาก" โดยเปรียบเทียบกับภาพยนตร์แนวตลกคู่หูอย่าง 2 กวนได้ 3 กำ (1988), จับตาย 48 ชั่วโมง และ เพื่อนแท้แต่แปลกหน้า (1987)[123]
แพทริก สจวร์ต ผู้แสดงเป็น ชาร์ลส์ เซเวียร์ / ศาสตราจารย์เอ็กซ์ ในภาพยนตร์ชุด X-เม็น และกลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์ จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย (2022) ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ได้รับการติดต่อถึงความเป็นไปได้ที่จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 แต่เขาแค่ถูกกล่าวถึงในภาพยนตร์เท่านั้น[124] ในเดือนต่อมา การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นที่ลอนดอน[125] และ เอ็มมา คอร์ริน เข้าร่วมนักแสดงรับบทเป็นตัวร้ายหลัก มาร์เวลพิจารณาคอร์รินมาตั้งแต่ปลาย ค.ศ. 2022 แต่ต้องแก้ไขปัญหาด้านตารางงานกับภาระผูกพันอื่น ๆ ก่อนที่จะเซ็นสัญญา[104] คอร์รินได้รับคัดเลือกหลังเลวีเห็นการแสดงของพวกเขาในการสร้างละครเวทีเรื่อง ออร์แลนโด ของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ[21] ในเดือนมีนาคม มีรายงานว่า องค์การกำกับสาขาเวลา (TVA), มอเบียส เอ็ม. มอเบียส (แสดงโดย โอเวน วิลสัน) และ มิสมินิตส์ (ให้เสียงโดย ทารา สตรอง) จากละครชุดทางโทรทัศน์ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล โลกิ (2021–2023) จะปรากฏตัวในภาพยนตร์[126] ในเดือนต่อมา แมทธิว แม็คฟาเดียน เข้าร่วมนักแสดงในบทบาทที่ยังไม่เปิดเผย[127] ซึ่งได้อธิบายว่าเป็นล้อที่สามของเดดพูลและวูล์ฟเวอรีน[128] การัน โซนิและเลสลี อักกัมส์ จะกลับมารับบทเดิมเป็น โดพินเดอร์และบลายด์อัล จากภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้[25] ในต้นเดือนเมษายน โมรีนา บักคาริน กล่าวว่า เธอกำลังเจรจาเพื่อกลับมารับเดิมของเธอเป็น วาเนสซา คาร์ไลล์[129] และเธอก็ได้รับการยืนยันในเดือนต่อมาร่วมกับ สเตฟาน คาปิซิช เป็น เสียงของคอลอซัส[28] ในเดือนต่อมา เดลานีย์, บริอันนา ฮิลเดอแบรนด์และชิโอลิ คัตสึนะ ได้รับเปิดเผยว่าจะกลับมารับบทเดิมของพวกเขาเป็น ปีเตอร์ วิสดอม, เนกะโซนิกทีนเอจวอร์เฮดและยูกิโอะ[130][27]
เกรแฮม เชิร์จยาร์ดและเมเยส ซี. รูบีโอ เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายของภาพยนตร์[131] แจ็กแมนสวมชุดสีเหลืองและสีน้ำเงินคล้ายกับชุดของวูล์ฟเวอรีนใน เอ็กซ์-เมน: ดิแอนิเมเต็ดซีรีส์ (1992–1997) และหนังสือการ์ตูน[132][133] โดยเฉพาะ แอสตอนิชิงเอ็กซ์-เมน ชุด 3 (2004–2013) วาดโดย จอห์น แคสซาเดย์[134] นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของการออกแบบตัวละครในทศวรรษ 1970 โดย จอห์น โรมิตา ซีเนียร์และเดฟ ค็อกรัม และการออกแบบในทศวรรษ 1990 โดย จิม ลี[135] แจ็กแมนไม่ได้สวมชุดที่เหมือนการ์ตูนในภาพยนตร์ชุด X-เม็น แม้ว่าจะมีการอ้างถึงใน X-เม็น ศึกมนุษย์พลังเหนือโลก (2000) และฉายที่ถูกตัดออกใน เดอะ วูล์ฟเวอรีน (2013)[132] ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นโอกาสที่จะได้เห็นแจ็กแมนสวมชุดเหมือนการ์ตูนเป็นครั้งแรก[15] และเลวีรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับแจ็กแมนที่จะสวมชุดแบบนี้ พวกเขาผ่านการทำซ้ำและลองชุดหลายครั้งเพื่อให้ได้ชุดที่ถูกต้อง[136] แจ็กแมนกล่าวว่าการสวมชุดนี้ "ดูถูกต้อง [และ] รู้สึกใช่มาก" และเขาถามว่าทำไมเขาไม่ได้สวมชุดแบบนี้ในภาพยนตร์ X-เม็น เรื่องก่อนหน้านี้[15] การเปิดเผยชุดดังกล่าวในช่วงแรกได้รับการตอบรับเชิงบวกทางออนไลน์[135][137][138][139] และทำให้นักวิจารณ์บางคนพิจารณาว่า แจ็กแมนกำลังนำเสนอตัวละครในภาพยนตร์ที่แตกต่างจากตัวละครที่เขาแสดงในภาพยนตร์ X-เม็น[138][140] เรย์โนลส์ยังมีเครื่องแต่งกายที่ได้รับการปรับปรุงจากภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้[133] มีวงกลมสีแดงที่สว่างกว่าและวงกลมสีดำขนาดใหญ่บนหน้ากากของเขา สิ่งนี้ชวนให้นึกถึงการออกแบบหนังสือการ์ตูนของตัวละครจากช่วงทศวรรษ 1990[141] เลวีพอใจกับการตอบรับที่ "เป็นแง่บวกอย่างท่วมท้น" ต่อการออกแบบชุด[136]
การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ในลอนดอนและไพน์วูดสตูดิโอส์ในบักกิงแฮมเชอร์, อังกฤษ[142][143][144] โดยใช้ชื่อชั่วคราวว่า ไทดัลเวฟ[145] จอร์จ ริชมอนด์ ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพหลังเขาเคยทำงานร่วมกับเลวีและเรย์โนลส์ใน ขอสักทีพี่จะเป็นฮีโร่[146] เรย์โนลส์ชักชวนมาร์เวลสตูดิโอส์ให้ถ่ายทำภาพยนตร์ในแวนคูเวอร์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาและสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่า "พวกเขามีโครงสร้างพื้นฐาน [ที่ก่อตั้งขึ้น] แล้ว และคุณต้องทำตามเขา"[147] อย่างไรก็ตาม สำนักงานลิขสิทธิ์แห่งสหรัฐ ระบุว่ามีการถ่ายทำบางส่วนเกิดขึ้นในแวนคูเวอร์[148] เลวีทำงานกับมาร์เวลสตูดิโอส์และเป็นผู้อำนวยการสร้างละครชุด สเตรนเจอร์ ธิงส์ (2016–ปัจจุบัน) ของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารด้วย เพื่อให้เขาได้กำกับปีสุดท้ายของละครชุด เนื่องจากกำหนดการของทั้งสองโครงการคาดว่าจะทับซ้อนกัน[149][150] การถ่ายทำไม่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการนัดหยุดงานของสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกาปี 2023 ที่เริ่มต้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม นอกเหนือจากเรย์โนลส์ที่ไม่สามารถมีส่วนร่วมในบทได้ระหว่างการถ่ายทำ เหมือนที่เขาเคยทำกับภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า มาร์เวลสตูดิโอส์วางแผนที่จะถ่ายทำเท่าที่ทำได้และทำการปรับเปลี่ยนบทภาพยนตร์เท่าที่จำเป็นในระหว่างการถ่ายทำตามกำหนดของภาพยนตร์[151] ภาพยนตร์ถ่ายทำในสถานที่เท่าที่เป็นไปได้ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ติดดินมากกว่าที่สามารถทำได้ด้วยเวทีเสียง[123][136][152] ในเดือนมิถุนายน กำหนดฉายของภาพยนตร์เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2024[153] การถ่ายทำฉากรถชนเกิดขึ้นที่ลอนดอนเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023[154] หลังจากนั้นไม่นาน เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ได้รับการเปิดเผยว่าจะปรากฏในภาพยนตร์เป็น อีเล็กตรา หลังเคยแสดงเป็นตัวละครดังกล่าวใน มนุษย์อหังการ (2003) และภาพยนตร์แยก อีเล็คตร้า สวย สังหาร (2005) ที่สร้างโดยฟอกซ์[39] การ์เนอร์ปฏิเสธการมีส่วนร่วมของเธอ[155]
การถ่ายทำร่วมกับเรย์โนลส์และแจ็กแมนเกิดขึ้นในในนอร์ฟอล์กช่วงต้นเดือนกรกฎาคม[156] การถ่ายทำถูกระงับชั่วคราวเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 เนื่องจากการหยุดงานประท้วง แซก-อาฟตรา 2023[157] โดยถ่ายทำไปแล้ว 35 วันก่อนจะถูกระงับชั่วคราวและเหลือเวลาอีก 35 วัน[123][158] การถ่ายทำดำเนินการต่อหลังจากสิ้นสุดการนัดหยุดงานฮอลลีวูดสองครั้ง[123] ดิสนีย์จ่ายเงินเพื่อให้ฉากของภาพยนตร์ไม่เสียหายระหว่างการนัดหยุดงาน[159] เลวีและเรย์โนลส์สามารถตัดต่อฉากที่ถ่ายแล้วและเริ่มทำงานกับวิชวลเอฟเฟ็กต์ได้[160][159] แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จัดลำดับความสำคัญในการถ่ายทำลำดับวิชวลเอฟเฟกต์หลักก่อนการนัดหยุดงานก็ตาม[158] ก่อนการนัดหยุดงาน บักคารินถ่ายทำฉากของเธอทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว[161] และเลวีถ่ายทำฉากที่เขาเปรียบเสมือนการดวลกระบี่แสงระหว่าง ลุค สกายวอล์คเกอร์กับดาร์ธ เวเดอร์ ใน สตาร์ วอร์ส 3 ชัยชนะของเจได (1983) เขาขอให้ทีมสตันต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ดูตำแหน่ง, จังหวะและการจัดเฟรมของฉากดังกล่าว[162] ฉากโลดโผนสำคัญอีกฉากหนึ่งในภาพยนตร์ คือฉากที่เรย์โนลส์อยากให้เป็นเพลง "ไลค์อะเพรยเยอร์" ของมาดอนนา ซึ่งต่อมาก็มีวูล์ฟเวอรีนอยู่คู่กับเดดพูล เรย์โนลส์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรหากมาดอนนาไม่อนุญาตให้ใช้เพลงนี้[85]
เลวีรับทราบข่าวลือการคัดเลือกนักแสดงบางส่วนเกี่ยวกับภาพยนตร์ รวมถึงการ์เนอร์ที่ปรากฏตัวเป็นอิเล็กตรา, ลีฟ ไชรเบอร์ กลับมารับบทเดิมเป็น เซเบอร์ทูธ จาก X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน (2009) และ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นนักแสดงรับเชิญในบทบาท แดซเลอร์ แล้วบอกว่าจริงบ้างแต่ไม่ยืนยันว่าข่าวไหน[136][160] สวิฟต์กล่าวในภายหลังว่าจะไม่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้[163][164] เลวีกล่าวว่า ตัวละครที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ เช่น แอรอน สแตนฟอร์ด กลับมารับบทเดิมเป็น ไพโร จาก X-เม็น 2 (2003) และ X-เม็น รวมพลังประจัญบาน (2006) ถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อเรื่องราวพัฒนาขึ้น แทนที่จะอิงตามรายชื่อตัวละครและนักแสดงรับเชิญที่ผู้อำนวยการสร้างต้องการรวมไว้ด้วย[19] พวกเขาไม่ต้องการให้นักแสดงรับเชิญหรือ "เดิมพันจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลระดับโลก" เป็นจุดสนใจของภาพยนตร์ และสามารถรวมการอ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ของมาร์เวลแบบ "เจาะลึก" ได้ เพราะเดดพูลสามารถทำหน้าที่เป็นแฟนมาร์เวลผ่านทางการทำลายกำแพงที่สี่ของเขา[7] โซนิกล่าวว่า นักแสดงรับเชิญมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม[165] และเสริมว่าภาพยนตร์จะ "ใช้ประโยชน์จากจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลอย่างเต็มที่" และจะมีมุกตลกเกี่ยวกับไฟกี[166]
ภาพยนตร์เรื่องนี้และภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่างการถ่ายทำในช่วงเริ่มต้นของการนัดหยุดงาน ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับสตูดิโอที่จะกลับมาสร้างต่อ หลังการหยุดงานประท้วงแซก-อาฟตราได้ข้อสรุป[167] เลวีตั้งคำถามเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2023 ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถคงวันฉายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2024 ไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากการหยุดงานประท้วงแซก-อาฟตรา ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนั้น[160] ไม่นานก่อนที่จะมีรายงานว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีแนวโน้มว่าจะเลื่อนออกไปเป็นภายหลังใน ค.ศ. 2024 แม้ว่าจะสามารถถ่ายทำต่อได้ภายในต้นปีนั้นก็ตาม[168] หลังการหยุดงานประท้วงแซก-อาฟตราได้ข้อสรุปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน การถ่ายทำคาดว่าจะดำเนินต่อในลอนดอนภายในสองสัปดาห์ก่อนวันขอบคุณพระเจ้า[159][169] เรย์โนลส์ประกาศว่าตัวละคร ด็อกพูล จะปรากฏตัวในภาพยนตร์[42] แสดงโดยนักแสดงสุนัข เพกกี[43] และวันฉายของภาพยนตร์เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2024[170] ภาพยนตร์กลับมาถ่ายทำต่อในวันที่ 23 พฤศจิกายน[171] เลวีกล่าวว่า เวลาที่เขาใช้ในการตัดต่อและตรวจสอบฟุตเทจระหว่างการนัดหยุดงาน ทำให้เขาเข้าใจภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดีขึ้น และเขาสามารถกลับไปทำงานโดยไม่รู้สึกเร่งรีบ และมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่จำเป็นเพื่อทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์[172]
ในต้นเดือนธันวาคม ค.ศ. 2023 ภาพจากกองถ่ายเปิดเผยว่าตัวละคร เซเบอร์ทูธและโทด จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ พวกเขาดูคล้ายกับการปรากฏตัวของพวกเขาในภาพยนตร์ชุด X-เม็น ซึ่งพวกเขาแสดงโดย ไทเลอร์ เมนและเรย์ พาร์ก ตามลำดับ[173][174][175] เมนได้รับการยืนยันว่าจะกลับมารับบทเดิมของเขาเป็นเซเบอร์ทูธในตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024[30] ขณะที่โทดได้รับการยืนยันในตัวอย่างภาพยนตร์สุดท้ายที่ปล่อยในเดือนถัดมา[31] แสดงโดย ดาเนียล เมดินา ราโมส ซึ่งไม่มีชื่อในเครดิต[10] ภาพจากกองถ่ายเปิดเผยว่ามีโลโก้ทเวนตีเซนจูรีฟอกซ์ขนาดใหญ่[152] เรย์โนลส์ให้ความเห็นไม่นานหลังจากนั้นเกี่ยวกับการปล่อยภาพหลุดในกองถ่าย โดยกล่าวว่าพวกเขาสร้างสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับการถ่ายทำ และแสดงความหวังว่าเว็บไซต์ต่าง ๆ จะหยุดเผยแพร่ภาพหลุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริบทที่ยังไม่เสร็จเพื่อ "รักษาความมหัศจรรย์นั้นไว้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับภาพยนตร์ที่เสร็จแล้วบนจอขนาดใหญ่"[152] เขาตั้งข้อสังเกตว่า แฟรนไชส์นี้เกี่ยวข้องกับการหลุดนับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ เดดพูล เรื่องแรก ที่สามารถสร้างได้จากการหลุดฟุตเทจทดสอบต้นฉบับ เรย์โนลส์ดำเนินการโพสต์ภาพหลุดปลอมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ มิกกี้ เมาส์, เพรดเดเตอร์และสตีฟ อูร์เคิล พร้อมด้วยแฮชแท็กต่าง ๆ เพื่อพยายามปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมสื่อสังคมเกี่ยวกับรูปภาพจริงที่หลุดออกมา เนื่องจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ จัดลำดับความสำคัญของโพสต์จากบัญชีที่มีโปรไฟล์สูง[176] เลวีกล่าวว่าการปรากฏตัวของปาปารัสซีในกองถ่ายเป็น "ราคาที่เรายินดีจะจ่าย" เนื่องจากเขาเลือกที่จะถ่ายทำในสถานที่จริง ๆ แทนที่จะพึ่งพาเวทีเสียงและฉากเขียว หลังจากมีการหลุดภาพของเรย์โนลส์และแจ็กแมนในชุดคอสตูม เลวีจึงตัดสินใจเผยแพร่ภาพอย่างเป็นทางการเพื่อ "แนะนำโลกให้รู้จักอย่างเหมาะสม"[177]
ร็อบ แม็กเอลเฮนนีย์ ประธานร่วมสโมสรฟุตบอลเรกซัมของเรย์โนลส์ ไปเยี่ยมกองถ่ายเพื่อถ่ายทำฉากรับเชิญในขณะเดียวกันก็พูดคุยเรื่องต่าง ๆ สำหรับทีมฟุตบอลของพวกเขาตามตารางการถ่ายทำของเรย์โนลส์ การเยี่ยมนี้ถูกบันทึกโดยสารคดีชุด เวลคัมทูเรกซัม (2022–ปัจจุบัน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แม็กเอลเฮนนีย์สวมชุดเจ้าหน้าที่ทีวีเอ[178][179] ในปลายเดือนธันวาคม โบนาฟิล์มกรุปเซ็นสัญญากับทีเอสจีเอนเทอร์เทนเมนต์เพื่อลงทุนกับภาพยนตร์ รวมถึงแฟรนไชส์ เดดพูล[180] ทีเอสจีเอนเทอร์เทนเมนต์และทเวนตีท์เซนจูรีสตูดิโอส์ ทั้งคู่ได้รับเครดิต "ร่วมกับ" ในภาพยนตร์[181][182]: 3 ในต้นเดือนมกราคม ค.ศ. 2024 วาไรตี รายงานว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีตัวละครหลายตัวจากภาพยนตร์มาร์เวลที่สร้างโดยฟอกซ์เรื่องก่อนหน้านี้และคาดว่าจะใช้แนวทางที่คล้ายกันใน สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม (2021) ซึ่งหลายตัวละครที่มาจากภาพยนตร์ สไปเดอร์-แมน ก่อนหน้านี้[183] ภาพจากกองถ่ายเมื่อปลายเดือน แสดงให้เห็นว่าเรย์โนลส์สวมชุดเดดพูลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซามูไร[184] มีการถ่ายทำที่โบวิงดันฟิล์มสตูดิโอส์[185] การถ่ายทำสิ้นสุดในวันที่ 24 มกราคม[186] การถ่ายทำใช้เวลาหนึ่งวันในลอสแองเจลิสเพื่อถ่ายทำ จอน แฟฟโรว์ เป็น แฮปปี โฮแกน โดยเขากลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลก่อนหน้านี้ และถ่ายทำฉากเต้นเปิดเรื่องกับนักออกแบบท่าเต้น นิก พอลลีย์[85]
ตัวอย่างภาพยนตร์ปล่อยในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 เปิดเผยว่า แมทธิว แม็คฟาเดียน แสดงเป็นเจ้าหน้าที่ทีวีเอ มร. พาราด็อกซ์[5][187] แรนดัล รีดเดอร์และลูวิส แทน กลับมารับบทเดิมของพวกเขาเป็น บักและแชตเตอร์สตาร์ จากภาพยนตร์ เดดพูล ก่อนหน้านี้[188][189] และสแตนฟอร์ดกลับมารับบทเดิมเป็นไพโร[26][19] การยื่นเรื่องลิขสิทธิ์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ยืนยันว่า การ์เนอร์จะปรากฏตัวเป็นอีเล็กตราและเปิดเผยบทบาทของคอร์ริน โดยจะแสดงเป็น แคสแซนดรา โนวา[148][19] วินนี โจนส์กล่าวในเดือนมีนาคมว่า เขาถูกขอให้กลับมารับบทเดิมของเขาเป็น จักเกอร์นอต จากในภาพยนตร์ รวมพลังประจัญบาน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และโจนส์กล่าวว่ามีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะสร้างชุดจักเกอร์เนาต์ให้เขาใส่ในกองถ่าย[190] ในเวลาต่อมา จักเกอร์นอตได้รับการยืนยันว่าจะปรากฏตัวในภาพยนตร์ แสดงโดย แอรอน ดับเบิลยู. รีด[5] ตัวอย่างภาพยนตร์ตัวแรกอย่างเป็นทางการปล่อยในเดือนถัดมาและเปิดเผยสิ่งมีชีวิต อาลิออท จาก โลกิ ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ร่วมกับตัวละคร เลดีเดทสไตรค์และอาซาเซล ทั้งสองมีหน้าตาคล้ายกับ เคลลี หูและเจสัน เฟลมมิง ผู้แสดงเป็นตัวละครดังกล่าวใน X-เม็น 2 และ X-เม็น รุ่น 1 (2011) ตามลำดับ[14]
เลวีกล่าวเมื่อปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 ว่า เขากำลังยุ่งอยู่กับการทำภาพยนตร์ให้เสร็จ[172] การฉายภาพยนตร์รอบทดลองนั้นเขาอธิบายว่า "มีแนวโน้มอย่างยิ่ง" โดยการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ มาจากการปรับจังหวะการดำเนินเรื่อง[191] เขาเสริมว่าแม้ภาพยนตร์จะมีความเชื่อมโยงแบบมัลติเวิร์สและมีการใช้องค์ประกอบจากโครงการอื่น ๆ เช่น ทีวีเอจาก โลกิ เขาก็ไม่คาดคิดว่าผู้ชมจะต้องทำการบ้านก่อนดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และตั้งใจให้เป็นประสบการณ์ความบันเทิงด้วยตัวของมันเอง[172] เรย์โนลส์กล่าวเสริมว่า พวกเขาไม่อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจัดฉากไว้สำหรับโครงการในอนาคต และทางมาร์เวลก็ไม่เคยกดดันให้พวกเขาทำเช่นนั้น โดยเพียงแค่ขอให้พวกเขาสร้าง "เรื่องราวที่จบสมบูรณ์แบบและน่าพึงพอใจจริง ๆ สักเรื่อง" เท่านั้น[85] งานหลังการถ่ายทำเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 2024[192] ในเดือนต่อมา จอน แฟฟโรว์และวันมี โมซากู ได้รับการเปิดเผยว่าจะกลับมารับบทเดิมของพวกเขาเป็น แฮปปี โฮแกนและฮันเตอร์ บี-15 ในภาพยนตร์[5][51] ดาฟเน คีน ผู้แสดงเป็น ลอรา / X-23 ใน โลแกน เดอะ วูล์ฟเวอรีน และ เจ็กกี ลอน ในละครชุด สตาร์ วอร์ส เรื่อง ดิแอโคไลต์ ขณะที่เธอกำลังทัวร์โปรโมตละครชุดดังกล่าวในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024 เธอกล่าวว่าเธอจะไม่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ แต่ในที่สุดก็ได้รับการยืนยันว่าเธอจะปรากฏตัวในอีกหนึ่งเดือนต่อมาพร้อมกับตัวอย่างสุดท้ายของภาพยนตร์[31] ไฟกีอธิบายว่า คีนต้องการเข้าร่วมรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ ดังนั้นมาร์เวลจึงตัดสินใจเปิดเผยบทบาทของเธอในตัวอย่างสุดท้าย และให้แน่ใจว่าการที่เธอเข้าร่วมรอบปฐมทัศน์จะไม่ถือเป็นการสปอยล์[193] คีนเรียกสิ่งนี้ว่า "ช่วงเวลาที่ดี" โดยเก็บการปรากฏตัวของเธอไว้เป็นความลับ และได้รับแรงบันดาลใจจากการที่ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เคยโกหกในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขาใน โน เวย์ โฮม ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเข้าฉาย[31]
นอกจากนี้ยังมี เวสลีย์ สไนปส์ เป็น เอริก บรูกส์ / เบลด จากภาพยนตร์ เบลด ไตรภาค (1998–2004), คริส อีแวนส์ เป็น จอห์นนี สตอร์ม / ฮิวแมนทอร์ช จาก สี่พลังคนกายสิทธิ์ (2005) และ สี่พลังคนกายสิทธิ์: กำเนิดซิลเวอร์ เซิร์ฟเฟอร์ (2007) ของฟอกซ์ และ แชนนิง เททัม เป็น เรมี เลอโบ / แกมบิต, ผู้ที่เคยจะแสดงนำในภาพยนตร์ แกมบิต ที่ไม่ได้สร้างของฟอกซ์[38] สไนปส์รู้สึกภูมิใจกับบทบาทเบลด แต่ไม่เชื่อว่าจะมีโอกาสได้กลับมารับบทนี้อีกครั้ง ในตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าดิสนีย์และมาร์เวลจะยอมรับหรือไม่ เมื่อเรย์โนลส์ติดต่อให้เขากลับมารับบทนี้อีกครั้ง[40] การรวม จอห์นนี สตอร์ม เข้ามาถือเป็นแนวคิดแรก ๆ ของภาพยนตร์[194] เรย์โนลส์ติดต่ออีแวนส์ ผู้เคยรับบทเป็น สตีฟ โรเจอร์ส / กัปตันอเมริกา ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลตั้งแต่ ค.ศ. 2011 ถึง 2019 เพื่อขอให้เขากลับมารับบทจอห์นนีอีกครั้ง และอีแวนส์ก็ตกลงที่จะปรากฏตัวในทันที อีแวนส์กล่าวว่าการมีส่วนร่วมและอารมณ์ขันของเรย์โนลส์ทำให้เขาตกลงที่จะกลับมารับบทนี้อีกครั้ง[41] สำหรับบทพูดที่เต็มไปด้วยคำหยาบคายของอีแวนส์ในฉากหลังเครดิตของภาพยนตร์ เรย์โนลส์เสนอที่จะใช้คิวการ์ด แต่อีแวนส์ก็ตื่นเต้นที่จะได้ท่องจำบทดังกล่าว[195] เททัมรู้สึกชื่นชมความพยายามของเรย์โนลส์ในการรวมเขาเข้ามาด้วย หลังจากเชื่อว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้แสดงเป็นแกมบิตอีกต่อไป หลังจากภาพยนตร์ที่วางแผนไว้ถูกยกเลิก[196] มีการแสดงเบื้องหลังของภาพยนตร์มาร์เวลของฟอกซ์ในช่วงเครดิตของ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน เพื่อเฉลิมฉลองและอำลาภาพยนตร์เหล่านั้น[197]
ทีมงานฝ่ายสร้างสรรค์ได้พูดคุยกันถึงการนำของ นิโคลัส เคจ กลับมาเป็น จอห์นนี เบลซ / โกสต์ ไรเดอร์ จากภาพยนตร์ โกสต์ ไรเดอร์ มัจจุราชแห่งรัตติกาล (2007) และ โกสต์ ไรเดอร์ อเวจีพิฆาต (2011) ของโคลัมเบียพิคเจอร์ส[198] พวกเขายังวางแผนให้ รอเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กลับมารับบทเดิมของเขาเป็น โทนี สตาร์ก / ไอรอนแมน ร่วมกับ แฟฟโรว์ เป็น แฮปปี โฮแกน ในฉากต้นเรื่องที่เดดพูลขอเข้าร่วมอเวนเจอร์ส ดาวนีย์อ่านบทฉากดังกล่าวและปฏิเสธ ซึ่งรีสและเวอร์นิกให้เหตุผลว่า เป็นเพราะภายหลังเปิดเผยว่าเขารับบทเป็น วิกเตอร์ ฟอน ดูม / ด็อกเตอร์ดูม ใน อเวนเจอร์ส: ดูมส์เดย์ (2026) และ อเวนเจอร์ส: ซีเครตวอร์ส (2027) ภาพยนตร์ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในอนาคต พวกเขาบอกว่าดาวนีย์เป็นนักแสดงคนเดียวที่ปฏิเสธบทบาทในภาพยนตร์ แนวคิดแรก ๆ สำหรับฉากนี้น่าจะรวมเหล่าอเวนเจอร์สทั้งหมดไว้ด้วยกัน แต่ฉากนี้ไม่เคยถูกเขียนขึ้นเนื่องจากปัญหาเรื่องทุนสร้างและตารางเวลาที่อาจเกิดขึ้น เวอร์นิกกล่าวว่า พวกเขาพิจารณาที่จะรวมโบรลินในบทเคเบิล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ทำ เพราะแนวคิดของภาพยนตร์คือการยกย่องตัวละครที่ "ไม่ได้มีจุดจบที่เหมาะสมกับฟอกซ์" และเคเบิลเพิ่งได้รับการแนะนำใน "เดดพูล 2" เขาคาดหวังว่าเคเบิลจะได้ปรากฏตัวในโครงการของมาร์เวลในอนาคต[194] ตัวแปรของเดดพูลบางส่วนที่เห็นในภาพยนตร์นั้น เดิมทีมีแผนจะให้แสดงโดยนักแสดงที่แตกต่างกัน เช่น วอล์กเกอร์ สโคเบลล์ ได้รับเลือกให้มารับบทเป็น คิดพูล แต่เมื่อการพัฒนาภาพยนตร์ดำเนินต่อไป นักแสดงก็มีอายุเกินเกณฑ์ที่ตั้งใจไว้ของตัวละคร[199] และเรย์โนลส์เป็นผู้ให้เสียงคาวบอยพูล ก่อน แมตทิว แมกคอนาเฮย์ จะตกลงให้เสียงของเขากับตัวละครในช่วงหลังการถ่ายทำ[200] ดีน ซิมเมอร์แมนและเชน รีด เป็นผู้ตัดต่อภาพยนตร์[201] ขณะที่ สเวน กิลเบิร์ก ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลวิชวลเอฟเฟกต์[202] วิชวลเอฟเฟกต์ในภาพยนตร์จัดทำโดย อินดัสเชียลไลต์แอนด์แมจิก (ไอแอลเอ็ม), เฟรมสโตน, เบสเอฟเอ็กซ์, บาร์นสตอร์มวีเอฟเอ็กซ์, เรย์โนลต์วีเอฟเอ็กซ์, ไรซิงซันพิกเจอส์และเวตาเอฟเอ็กซ์[202]
ร็อบ ไซมอนเซน ได้รับการว่าจ้างให้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ในกลางเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2023 ก่อนหน้านี้เขาเคยทำร่วมกับเลวีใน ย้อนเวลาหาอดัม และปีที่สี่ของ สเตรนเจอร์ ธิงส์[203] อัลบั้มเพลงประกอบ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน: ฟาน แจมซ์ วางจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 และรูปแบบแผ่นในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยฮอลลีวูดเรเคิดส์ อัลบั้มประกอบด้วย 17 เพลงที่อยู่ในภาพยนตร์หรือได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ พร้อมด้วยเพลง "LFG" ซึ่งเป็นเพลงธีมหลักของไซมอนเซนสำหรับ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน[204][205] ดนตรีประกอบภาพยนตร์ของไซมอนเซนจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ในฉบับปกติและดีลักซ์ซึ่งรวมอัลบั้มเพลงประกอบ[204] อีพีชื่อ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน: มาดอนนาส์ "ไลค์อะเพรเยอร์" อีพี ประกอบด้วยเพลง "ไลค์อะเพรเยอร์" โดย มาดอนนา รวมถึงเวอร์ชันรีมิกซ์ของเพลงซึ่งปรากฏในภาพยนตร์ วางจำหน่ายโดย วอร์เนอร์เรเคิดส์ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2024[206][207]
ตัวอย่างภาพยนตร์ปล่อยในระหว่างซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 58 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 นิก โรมาโน จาก เอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี กล่าวว่า ตัวอย่างภาพยนตร์ยืนยันว่าภาพยนตร์จะได้รับเรต R และความจริงที่ว่าเดดพูลจะ "แทรกซึม" เข้าไปในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล[115] ออสติน กอสลิน จาก โพลีกอน ยังเน้นถึงการใช้องค์ประกอบของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลและตั้งคำถามว่าเรย์โนลส์เล่นเป็นเดดพูลตัวเดียวกับที่เขาเล่นในภาพยนตร์ก่อนหน้านี้หรือไม่ เนื่องจากเขาดูมีความสุขมากในช่วงเริ่มต้นของตัวอย่างภาพยนตร์[208] แองเจลา วัตเตอร์คัตเตอร์ จาก ไวร์ด ระบุว่ามีมุกตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างชัดเจนในตัวอย่าง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล วัตเตอร์คัตเตอร์คาดเดาว่าภาพยนตร์อาจขยายความจากธีมเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศที่เคยสำรวจมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง โลกิ และ ธอร์ ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล[209] ตัวอย่างภาพยนตร์มีการใส่ ซีเครตวอร์ส (2015) #5 ประเด็นหนังสือการ์ตูนก็ถูกพูดถึงเช่นกัน เนื่องจากมาร์เวลสตูดิโอส์ได้ประกาศเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็คือ อเวนเจอร์ส: ซีเครตวอร์ส (2027)[210][211][212] ไม่นานหลังจากการปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ แจ็กแมนก็ได้โพสต์ข้อความเหน็บแนมเรย์โนลส์ด้วยโลโก้ที่ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นคำว่า "Wolverine & Asshole"[213] ตัวอย่างภาพยนตร์มียอดผู้ชมทั่วโลก 365 ล้านครั้งใน 24 ชั่วโมงแรก กลายเป็นตัวอย่างภาพยนตร์ที่มียอดผู้ชมมากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว ทำสถิติแซง สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม (355.5 ล้านครั้ง)[107] รายงานการเข้าชมนี้รวมถึงผู้ชมซูเปอร์โบวล์จำนวน 123 ล้านคนที่ได้ชมตัวอย่างภาพยนตร์ความยาว 30 วินาที[214] เรย์โนลส์และแจ็กแมนได้รับใบรับรองจากบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำเร็จดังกล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์ในรายการ ดิสมอร์นิง ของไอทีวี[215]
ประกาศบริการสาธารณะ "ปิดเสียงโทรศัพท์ของคุณ" โดยเดดพูลและวูล์ฟเวอรีน เปิดตัวการนำเสนอของดิสนีย์ที่ซีนะมาคอนในเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 ซึ่งไฟกีและเลวีได้เปิดตัวฟุตเทจ 9 นาทีจากภาพยนตร์ เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ กล่าวว่าสิ่งนี้ "เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด" จากการนำเสนอทั้งหมดในงานประชุม[216] รวมถึงการนำฟุตเทจของ คริส เฮมส์เวิร์ท เป็น ธอร์ จาก ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ (2013) กลับมาใช้ใหม่ โดยเขากำลังโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของเดดพูลแทนที่จะเป็น โลกิ ตามที่ปรากฏในภาพยนตร์[52][53] ประกาศบริการสาธารณะดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะในเวลาต่อมา[217] ตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการเปิดตัวเมื่อวันที่ 22 เมษายน มีเพลงประกอบ "ไลก์อะแพรเยอร์" โดย มาดอนนา[218] ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม เป็นการประกาศเปิดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า มีการใส่ รหัสคิวอาร์ ซึ่งนำไปสู่วิดีโอของเรย์โนลส์กำลังอ่านข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบของภาพยนตร์[219] ในปลายเดือนเดียวกัน มีการเปิดตัวถังป๊อปคอร์นพิเศษสำหรับภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์[220] หลังจากที่ไฟกีพูดว่ามันจะ "หยาบคายและลามกโดยตั้งใจ" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากถังป๊อปคอร์นที่เป็นกระแสไวรัลของ ดูน ภาคสอง (2024)[221] ถังมีรูปร่างเหมือนหัวของวูล์ฟเวอรีนพร้อมปากที่ "ใหญ่เกินตัว" ไว้ใส่ป๊อปคอร์นหรือของว่างอื่น ๆ วิดีโดเปิดตัวนั้นแสดงให้เห็นเดดพูลลูบถังในขณะที่ป๊อปคอร์นหล่นเข้าปากและเนยหยดลงมาตามจมูก[220] และใช้ดนตรี "อัลโซชปราคซาราทุสทรา" ซึ่งใช้กันอย่างมีชื่อเสียงใน 2001 จอมจักรวาล (1968)
ตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยเมื่อต้นเดือนมิถุนายน เปิดเผยตัวละคร เลดีเดดพูล จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ กระตุ้นให้เกิดการคาดเดาว่าใครเล่นบทบาทนี้[222] ในขณะที่เรย์โนลส์ปรากฏตัวเป็นเดดพูลใน "วิดีโอที่ไม่ค่อยสุภาพเท่าไร" ที่ ซีนะยุโรป ในช่วงปลายเดือนนั้นเพื่อแนะนำฟุตเทจ 12 นาทีจากภาพยนตร์[223] นักแสดงได้ออกทัวร์โปรโมทภาพยนตร์ทั่วโลก โดยเริ่มต้นในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ซึ่งเรย์โนลส์ แจ็กแมนและเลวีได้เข้าร่วมงานแฟนมีตติงเพื่อฉายภาพยนตร์ 35 นาทีให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชม;[224][225][226] โซล, โดยนักแสดงปรากฏตัวในเทศกาลวอเทอร์บอมบ์ 2024;[227] เบอร์ลิน,[225] โดยทั้งสามคนร่วมกับคอร์รินและชมเกมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 รอบแพ้คัดออก ในนัดที่เนเธอร์แลนด์พบกับตุรกี;[228][229] ลอนดอน, โดยนักแสดงทั้งสี่คนและเลวี ร่วมด้วยเดลานีย์, เพ็กกี นักแสดงสุนัข และผู้บริหารของมาร์เวลสตูดิโอส์ หลุยส์ เดสโพซิโตและเวนดี เจคอบสัน[230][231] นอกจากนี้ เอชเอ็มวี ผู้ค้าปลีกเพลงและความบันเทิงในสหราชอาณาจักร ได้เปลี่ยนแปลงโลโก้ชั่วคราวเป็น ด็อกพูล จากเดิมคือ นิบเปอร์ ในหนึ่งในร้านของพวกเขา เพื่อให้ตรงกับงาน;[231] และรีโอเดจาเนโรที่พวกเขาไปเยี่ยมชมสนามกีฬามารากานัง[232]
เดดพูลและวูล์ฟเวอรีนปรากฏตัวในโฆษณาสำหรับ เดอะบาเชอร์เลต เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ในระหว่างการออกอากาศตอนแรกของปี 21 เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมบาเชอร์เลอร์เนชัน (กลุ่มผู้หญิงอายุ 18–49 ปี) ไปชมภาพยนตร์ โฆษณาสร้างโดยแมกซิมัมเอฟเฟิร์ต, ลูนโปรดักชันส์และเรียลลีออริจินัล กำกับโดย โอเรน ไบรเมอร์ เรย์โนลส์ยังโพสต์บนสื่อสังคมเพื่อหารือถึงความคิดของเขาเกี่ยวกับตอนแรกของรายการด้วย[233] เดดพูลและวูล์ฟเวอรีนปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอซิงเกิล "ชิกชิกบูม" โดย สเตรย์คิดส์ วงบอยแบนด์เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม โดยเพลง "สแลช" นั้นรวมอยู่ในอัลบั้มเพลงประกอบของภาพยนตร์[234] อัลไพน์เอฟวันทีม ซึ่งเรย์โนลส์เป็นผู้ลงทุน เปิดเผยลายเดดพูลเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งพวกเขาแข่งขันในฟอร์มูลาวัน กรังด์ปรีซ์เบลเยียม 2024 เพื่อโปรโมตภาพยนตร์[235] เรย์โนลส์, แจ็กแมน, เลวี, คอร์รินและไฟกี ฉายภาพยนตร์ที่งานแซนดิเอโกคอมิก-คอน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม มีวิดีโอแนะนำตัวจากอักกัมส์ในบทบาทบลายด์อัล และปิดท้ายด้วยเรย์โนลส์เชิญนักแสดงรับเชิญจากภาพยนตร์ ได้แก่ คีน, การ์เนอร์, อีแวนส์, เททัมและสไนปส์ หลังจากนั้นก็มีการแสดงโดรนที่ เพ็ตโกพาร์ก ซึ่งมีภาพของเดดพูลและวูล์ฟเวอรีนรวมอยู่ด้วย[236] เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ในตอนหนึ่งของรายการ เพรสยัวร์ลัก เดดพูลและวูล์ฟเวอรีนปรากฏตัวร่วมกับตัวแวมมี ซึ่งเป็นตัวมาสคอตของรายการ[237] หนึ่งสัปดาห์หลัง เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ฉาย เอ็นซิงก์ เปลี่ยนชื่อมิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการของ "บายบายบาย" เพลงของพวกเขาเป็น "*NSYNC - Bye Bye Bye (Official Video from Deadpool and Wolverine)" หลังนำเพลงนี้ไปใช้ในฉากเครดิตเปิดเรื่องของภาพยนตร์[238]
ดิสนีย์ใช้เงินประมาณ 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการโปรโมตภาพยนตร์[239] และทำงานร่วมกับแมกซิมัมเอฟเฟิร์ตและพันธมิตรแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อทำการตลาด[240] ได้แก่ เอวิเอชันจินของเรย์โนลส์,[241][242] ไฮเนเก้น,[243] ดิจอร์โน,[244] แจ็กอินเดอะบ็อกซ์,[245] ไฮนซ์,[246] ทิม ฮอร์ตันส์,[247] ซูเปอร์เอกซ์,[248] ฮอตทอปิก,[249] ฮอมมิจ,[250] เอกซ์บอกซ์,[251] อาดิดาส,[252] คาสิโอ,[253] เดฟแอนด์บัสเตอร์ส, สมาคมเพื่อนสัตว์ที่ดีที่สุด, โคคา-โคล่า, แอนดรอยด์, โอลด์สไปซ์, เทอร์เนอร์คลาสสิกมูฟวีส์และเนชั่นแนล จีโอกราฟิก[239][254] ฟันโกและฮอตทอยส์ ผลิตหุ่นแอ็คชันของตัวละครจากภาพยนตร์,[255][256][257] นอกจากนี้ ฟันโกยังอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานแซนดิเอโกคอมิก-คอน 2024 สามารถสร้างเวอร์ชันส่วนตัวของฟิกเกอร์ ฟันโก ป็อบ! ที่จำลองมาจากเดดพูลและวูล์ฟเวอรีนพร้อมสินค้าพิเศษต่าง ๆ มากมาย[258] หนังสือการ์ตูนปกพิเศษประกอบด้วยภาพจากกองถ่ายและภาพโปรโมตจากภาพยนตร์ลงใน เดดพูล #3 ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024, เดดพูล #4 และ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน: WWIII #3 ในเดือนกรกฎาคม, และ เดดพูล #5, เดดพูลทีม-อัพ #1, และ วูล์ฟเวอรีน: รีเวนจ์ #1 ในเดือนสิงหาคม[259]
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 ที่โรงละครเดวิด เอช. คอชในเมืองนิวยอร์ก[260] ฉายในไทย[261], ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เกาหลีใต้และญี่ปุ่นในวันที่ 24 กรกฎาคม ฉายในสเปน, บราซิล, สหราชอาณาจักร, เม็กซิโกและออสเตรเลียในวันที่ 25 กรกฎาคม[262] และฉายในสหรัฐและจีนวันที่ 26 กรกฎาคม[170][263] ในระบบ ไอแมกซ์, เรียลดี 3ดี, ดอลบีซีนะมา, 4ดีเอกซ์, ซีนะมาร์กเอ็กซ์ดีและโรงภาพยนตร์จอใหญ่อื่น ๆ[110] แต่เดิมภาพยนตร์กำหนดฉายวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกัน[13] ต่อมาเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 พฤศจิกายน เพื่อรองรับการล่าช้าของภาพยนตร์ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลเรื่องอื่น ๆ[120] จากนั้นเปลี่ยนเป็นวันที่ 3 พฤษภาคม เมื่อดิสนีย์ปรับปฏิทินการการฉายเนื่องจากการหยุดงานของสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา[153] ก่อนจะได้วันฉายในเดือนกรกฎาคมหลังการหยุดงานประท้วงของแซก-อาฟตราจบลง[170] ภาพยนตร์เป็นส่วนหนึ่งของเฟสห้าในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล[153] สมาคมภาพยนตร์ให้ภาพยนตร์เป็นเรต R ทำให้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลที่ได้รับเรตนี้[264] เลวีกล่าวในเดือนสิงหาคมว่า ภาพยนตร์จะไม่มีฉบับที่ตัดต่อโดยผู้กำกับ เพราะภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์เป็นภาพยนตร์ที่เขาต้องการสร้าง เรย์โนลส์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เขาได้พูดคุยเกี่ยวกับฉบับที่ตัดต่อโดยผู้กำกับกับเลวี แต่เลวีปฏิเสธ[265]
ภาพยนตร์วางจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2024 ส่วนรูปแบบอัลตราเอชดีบลูเรย์, บลูเรย์และดีวีดี วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม โดย โซนี่พิกเจอร์สโฮมเอนเทอร์เทนเมนต์ ประกอบด้วยฉากที่ถูกตัดออก, คลิปตลกและเบื้องหลังการถ่ายทำ[266] ภาพยนตร์ลงดิสนีย์+ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน[267]
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ทำเงินในสหรัฐและแคนาดา 636.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐและทำเงินในต่างประเทศ 701.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั่วโลก 1.338 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[3][4] ข้อมูลเมื่อ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024[update] ภาพยนตร์ทำเงิน 84 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ทั่วโลก ทำให้เป็นภาพยนตร์มาร์เวลที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่ห้าจากโรงภาพยนตร์ดังกล่าว[268]
ฟันดังโก ประกาศว่ายอดขายตั๋วล่วงหน้าของภาพยนตร์เป็นยอดขายดีที่สุดใน ค.ศ. 2024 ดีที่สุดในแฟรนไชส์ และดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรต R บนเว็บไซต์ ขณะที่ เอเอ็มซีเทียเตอร์ส ประกาศว่ามีคนซื้อตั๋ววันแรกที่เอเอ็มซีมากถึง 200,000 คน ซึ่งถือเป็นยอดขายภาพยนตร์เรต R สูงสุดของโรงภาพยนตร์เครือนี้ เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ รายงานว่ายอดขายตั๋วในวันแรกน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8–9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าภาพยนตร์จะเปิดตัวด้วยรายได้เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ใน ค.ศ. 2024 ไม่เคยทำได้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม[269] เดอะควอรัม คาดการณ์รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศของภาพยนตร์ล่วงหน้าหกสัปดาห์ก่อนเข้าฉาย คาดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำเงินเปิดตัวอยู่ที่ 200–239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดดไลน์ฮอลลีวูด ระบุว่ายังไม่มีภาพยนตร์เรต R เรื่องใดเปิดตัวในประเทศได้เกิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพยนตร์เรต R ที่เปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ เดดพูล ภาคแรก โดยทำเงิน 132.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[270] สามสัปดาห์ก่อนเข้าฉาย หน่วยงานติดตามข้อมูลหลายแห่งคาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำรายได้เปิดตัวได้ระหว่าง 160–165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เดดไลน์ฮอลลีวูด กล่าวว่าดิสนีย์คาดว่าจะเปิดตัวในระดับนี้[224] ช่วงสัปดาห์แรกของการฉาย เดดไลน์ฮอลลีวูด คาดการณ์ว่าจะภาพยนตร์จะเปิดตัวทั่วโลกที่ 340–360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มขึ้นที่สังเกตได้นี้คำนึงถึงธุรกิจการซื้อตั๋วเข้าชมภาพยนตร์จากผู้ชมภาพยนตร์ชาวละตินและฮิสแปนิกสำหรับภาพยนตร์ล่าสุด ณ จุดนั้น ยอดขายตั๋วล่วงหน้าของสหรัฐและแคนาดาอยู่ที่ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[262]
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ทำเงินในวันเปิดตัวที่สหรัฐและแคนาดาอยู่ที่ 96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวม 38.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรอบฉายพิเศษในคืนวันพฤหัสบดี จำนวนเงินทั้งสองถือเป็นสถิติสำหรับภาพยนตร์เรต R[271][272] ภาพยนตร์ทำเงินเกินความคาดหมายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แรก โดยทำเงิน 211.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐและแคนาดา และทำเงินทั่วโลก 444.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์เรต R ที่ทำเงินสูงสุดในวันเปิดตัว, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในวันเปิดตัวใน ค.ศ. 2024 แซง มหัศจรรย์อารมณ์อลเวง 2 (154.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในวันเปิดตัวอันดับที่หก[271] ภาพยนตร์คืนทุนตามที่รายงานไว้ได้ภายในเวลาเพียงสองวัน[273] สามวันหลังการฉาย เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน กลายเป็นภาพยนตร์เรต R ของดิสนีย์ที่ทำเงินสูงสุด โดยทำเงินแซง ผู้หญิงบานฉ่ำ (1990) ที่ครองสถิติเป็นเวลา 34 ปีของสตูดิโอเคยทำไว้ก่อนหน้านี้[271] ในสัปดาห์ถัดมา ภาพยนตร์ได้สร้างสถิติเป็นภาพยนตร์เรต R ทำเงินในวันจันทร์ 24.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ,[239] ทำเงินในวันอังคาร 25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ,[274] ทำเงินในวันพุธ 19.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ,[275] และทำเงินในวันพฤหัสบดีรอบปกติ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[276] ภาพยนตร์ทำเงิน $97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์ที่สองของการฉาย โดยลดลงร้อยละ 53 แต่ยังคงอยู่อันดับที่หนึ่ง[277] ภาพยนตร์ทำเงินทะลุ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สาม กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองที่ทำได้ใน ค.ศ. 2024[278][279] ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สามเช่นกัน เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน และ ร่องรอยแห่งรักเรา ซึ่งมี เบลก ไลฟ์ลี ภรรยาของไรอัน เรย์โนลส์ เป็นนักแสดงนำ ครองอันดับหนึ่งและอันดับสองในบ็อกซ์ออฟฟิศ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่คู่สามีภรรยาในฮอลลีวูดไม่เคยทำได้สำเร็จมาก่อนนับตั้งแต่ ค.ศ. 1990[280][281] หลังภาพยนตร์ฉายได้ 23 วัน เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ทำเงินแซง โจ๊กเกอร์ (2019) กลายเป็นภาพยนตร์เรต R ที่ทำเงินสูงสุด[282]
สื่อบางแห่งรายงานว่าภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ที่แตกต่างกัน[283] ในขณะที่บางแห่งรายงานว่าภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่[284] เว็บไซต์รวบรวมบทวิจารณ์ รอตเทนโทเมโทส์ รายงานว่าภาพยนตร์ได้รับคะแนน 78% ด้วยคะแนนเฉลี่ย 7/10 จาก 388 บทวิจารณ์ ฉันทามติของเว็บไซต์ระบุว่า: "ไรอัน เรย์โนลส์ ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนอยู่บ้านในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลด้วยอารมณ์ขันที่เฉียบคม ในขณะที่ ฮิว แจ็กแมน เป็นตัวหลักที่ทำหน้าที่เหมือนกับ อดาเมนเทียม ในภาพยนตร์ เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตลกที่แฝงด้วยความอ่อนไหวอย่างน่าประหลาดใจสำหรับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรในยุคที่ล่วงเลยไปแล้ว"[285] เว็บไซต์ เมทาคริติก มีคะแนนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 56 จาก 100 จาก 58 บทวิจารณ์[286] แบบสำรวจผู้ชมโดย ซีนะมาสกอร์ ให้เกรดภาพยนตร์ "A" จากเกรด A+ ถึง F ในขณะที่ผู้สำรวจของ โพสต์แทร็ก ให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ในเชิงบวกโดยรวม 96% โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 85% บอกว่าพวกเขาจะแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน[271]
ทอม จอร์เกนเซน จาก ไอจีเอ็น ชื่นชมการกลับมาของแจ็กแมนในบทบาทนี้ เขาผิดหวังเล็กน้อยที่เดดพูลไม่สามารถเอาชนะมุกตลกหยาบคายจากสองภาคแรกได้ และรู้สึกว่าการเล่าเรื่องค่อนข้างช้า แต่เขาชื่นชมหน้าที่ของมันในฐานะภาพยนตร์ตลกคู่หู[287] ออลลี ริชาร์ดส์ เขียนให้กับ เอมไพร์ โดยให้คะแนนภาพยนตร์สี่ดาวจากห้าดาว เขาชื่นชมภาพยนตร์ที่ "ทำทุกวิถีทางเพื่อนำทุกคนร่วมเดินทาง รวมไปถึงผู้ที่ไม่รู้จักศาสตราจารย์เอ็กซ์และ เอ็กซ์-23"[288] ไบรอัน โลว์รี เขียนให้กับ ซีเอ็นเอ็น ว่าภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงความเต็มใจของมาร์เวลสตูดิโอส์ที่จะมีส่วนร่วมในการดูถูกตัวเอง และความเคารพต่อภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรในทศวรรษ 2000[289] พีต แฮมมอนด์ จาก เดดไลน์ฮอลลีวูด เขียนบทวิจารณ์ที่เป็นแง่บวกมาก โดยเขารู้สึกว่าความร่วมมือระหว่างตัวละครหลักของภาพยนตร์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับภาพยนตร์ ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง (2021) และ 2 กวนได้ 3 กำ (1988) "ทำงาน เกิน ความฝันของทีมบนหน้าจอของคุณ" เขาชื่นชมการใช้ดาราของเลวีและตั้งข้อสังเกตว่ามุกตลกหยาบคายของเดดพูล "มา [...] อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ มากกว่าใน [ภาพยนตร์] เดดพูล สองภาคแรกเสียอีก"[290] มาร์ก ฮิวจ์ จาก ฟอบส์ ชื่นชมภาพยนตร์ว่าเป็น "ความบันเทิงที่หลีกหนีจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและเสียงหัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบ มีเนื้อเรื่องบางเบาและไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก แต่ไม่มีใครสนใจเพราะเราชอบดูตัวละครเหล่านี้อยู่ด้วยกัน"[291]
รอสส์ บอไนม์ เขียนบทวิจารณ์ให้กับ คอลไลเดอร์ ว่าการผนวกเดดพูลเข้ากับเนื้อหาหลักของมาร์เวล ในที่สุดตัวละครตัวนี้ก็เริ่มแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาบรรยายภาพยนตร์ว่า "รุนแรง หยาบคาย และไม่เคารพต่อสภาพแวดล้อมมากกว่าที่เคยเป็นมา" และชื่นชมที่ดิสนีย์อนุญาตให้แสดงตัวละครตัวนี้ออกมาได้โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง[292] ริชาร์ด โรเปอร์ นักเขียนคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ ชิคาโกซัน-ไทม์ส ซึ่งให้คะแนนภาพยนตร์สามดาวจากสี่ดาว ได้เน้นย้ำถึงการแสดงของดารา ความรุนแรง อารมณ์ขันและไข่อีสเตอร์ ซึ่งเขาบรรยายว่ามีมากกว่าไข่อีสเตอร์ที่เกิดขึ้น "บนสนามหญ้าทำเนียบขาวในวันจันทร์ในเดือนเมษายน" แม้ว่าเขาจะวิพากษ์วิจารณ์โครงเรื่อง "ที่ธรรมดา" และเรื่องราวที่ "บางเบาเหมือนกระดาษ" ก็ตาม[293] คริสตา ฟอเรีย นักข่าวของ แอสโซซิเอเต็ดเพรส กล่าวว่า แม้ว่านักวิจารณ์ภาพยนตร์แนวนี้จะไม่ถูกใจ แต่การที่ภาพยนตร์เน้นการวิจารณ์แนวที่ตระหนักรู้ในตัวเองมากขึ้น ช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พบ "จุดที่ดีที่สุด" ในการพัฒนาจากภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้า เขารู้สึกว่าเลวีได้รับประโยชน์จากทุนสร้างที่เพิ่มขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักที่เต็มไปด้วยความรักร่วมเพศแต่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็เป็นสิ่งที่น่าดึงดูด[294]
มิก ลาซาลล์ นักวิจารณ์ของหนังสือพิมพ์ ซานฟรานซิสโกโครนิเคิล ให้ความเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีอะไรจะพูด และคร่ำครวญว่าเดดพูลอาจจะบิดเบือนเนื้อเรื่องได้หากผู้ชมสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้ อย่างไรก็ตาม ลาซาลล์ชื่นชมความแตกต่างระหว่างการแสดงที่จริงจังของแจ็กแมนกับการพูดจาจ้อกแจ้ของเรย์โนลส์ และพบว่ามันน่าขบขัน[295] เดวิด รูนีย์ จาก เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ คิดว่ามุกตลกที่ล้อเลียนตัวเองนั้น "ถูกปรับให้เกินระดับที่ยอมรับได้" และการตีความเชิงวิจารณ์นั้นก็ยังคงขึ้นอยู่กับว่าผู้ชมต้องการอะไรจากภาพยนตร์เป็นหลัก[296] โดนัลด์ คลาร์ก จากหนังสือพิมพ์ ดิไอริชไทม์ส เขียนในบทวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ให้หนึ่งดาวว่าเป็น "ภาพยนตร์ที่เด็กที่สุดอย่างไม่ลดละในฉากที่ไม่ค่อยสับสนกับไตรภาค เฟท ของ อิงมาร์ เบิร์กแมน"[297] ร็อบบี คอลลิน นักวิจารณ์ภาพยนตร์ของหนังสือพิมพ์ เดอะเดลีเทลิกราฟ เขียนว่า "ถึงแม้ว่าบทภาพยนตร์จะหัวเราะเยาะเย้ยเกี่ยวกับอุบัติเหตุมากมายของซีรีส์ที่นำไปสู่มัลติเวิร์ส แต่ซีรีส์ก็ไม่สามารถละทิ้งตาข่ายนิรภัยที่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่และไม่สำคัญ จริง ๆ ได้"[298]
เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดในรางวัลภาพยนตร์แอสตรามิดซีซันครั้งที่ 7[299]
หลังภาพยนตร์ฉาย เรย์โนลส์กล่าวว่าเขาไม่แน่ใจว่าจะกลับมารับบทเดิมได้เมื่อใด[85] เมื่อพูดถึงภาพในอนาคตที่เดดพูลได้เห็นในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นภาพเดดพูลที่กำลังจะตายและถูกธอร์กอดไว้ขณะที่ร้องไห้ รีสกล่าวว่าภาพดังกล่าวสามารถเพิกเฉยได้ในอนาคต แต่เขาคาดหวังว่าจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลจะถือว่าเป็นเส้นเรื่องหลัก และดำเนินการเพื่อให้ฉากดังกล่าวปรากฏเต็มรูปแบบในโครงการในอนาคต[194]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.