เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)
ขุนนางสยาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ นามเดิม พร ตระกูลบุนนาค (14 มิถุนายน พ.ศ. 2392 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2463) อดีตอธิบดีกรมพระคลังสวน อธิบดีจัดการกรมภาษีร้อยชักสาม (ปัจจุบันคือ กรมศุลกากร) เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ และเสนาบดีกระทรวงธรรมการคนแรก (ปัจจุบันคือ กระทรวงศึกษาธิการ)
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) | |
---|---|
![]() | |
เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2431 – พ.ศ. 2435 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) |
เสนาบดีกระทรวงธรรมการ | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2435 – พ.ศ. 2445 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | พระยาวุฒิการบดี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 14 มิถุนายน พ.ศ. 2392 เมืองชุมพร ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 (70 ปี) |
คู่สมรส | ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ |
บุตร | 5 คน |
บุพการี |
|
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | สยาม |
สังกัด | กองทัพบกสยาม |
ประจำการ | พ.ศ. 2411 – พ.ศ. 2421 |
ยศ | พันโท |
บังคับบัญชา | กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ |
ตระกูล | บุนนาค |
ยศพลเรือน | มหาอำมาตย์เอก |

ประวัติ
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ มีนามเดิมว่า พร เป็นบุตรคนเล็กของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) กับหม่อมอิน เกิดที่เมืองชุมพร ขณะนั้นบิดาดำรงตำแหน่งว่าที่สมุหกลาโหม ออกไปสักเลข (เกณฑ์ทหาร) ที่เมืองชุมพร จึงตั้งชื่อท่านว่า "พร"
การศึกษา
ท่านพรได้รับการศึกษาเบื้องต้นจากพระอาจารย์แก้ว ที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เมื่ออายุได้ 15 ปี สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตได้ส่งท่านไปศึกษาต่อที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้นได้ไปเป็นล่ามประจำตัวของเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตประจำทวีปยุโรป
การงาน
ท่านเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2410 ได้เข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งหุ้มแพรวิเศษในกรมพระอารักษ์ ทำหน้าที่ราชเลขานุการ เชิญกระแสรับสั่งไปเจรจากับชาวต่างประเทศ แทนหม่อมราโชทัย (หม่อมราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร) ที่ถึงแก่อนิจกรรม
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ เป็นจมื่นศรีสรรักษ์ และเลื่อนขึ้นเป็นพระยาภาสกรวงศ์ วรราชาธาณัตินฤปรัตน สุปรีย์ราชไปเวต สีเกรตารี ว่าที่จางวางมหาดเล็ก และเป็นลุตเตอร์แนนท์ คอลอเนล (พันโท) ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2416 ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตรธิการ เมื่อ พ.ศ. 2431 และโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เสนาบดีกระทรวงธรรมการ เมื่อ พ.ศ. 2435[1]
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เป็นผู้มีความรู้ด้านการต่างประเทศ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชทูตพิเศษไปเจรจากับประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2422 นอกจากนั้นยังเป็นราชทูตพิเศษออกไปเจริญสัมพันธไมตรี กับประเทศเยอรมนีและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ได้มีการก่อตั้ง "กระทรวงธรรมการ" ขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 เพื่อทำหน้าที่ดูแลศาสนา การศึกษา การพยาบาล และพิพิธภัณฑ์ โดย เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงธรรมการคนแรก (ปัจจุบันคือ กระทรวงศึกษาธิการ)
ครอบครัว
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ สมรสกับท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ธิดานายสุดจินดา (พลอย ชูโต) มีบุตรธิดา 5 คน
ถึงแก่อสัญกรรม
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ป่วยเป็นโรคธาตุพิการ แล้วภายหลังเป็นโรคหัวใจพิการ ถึงแก่อสัญกรรมในรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 เวลา 18:55 น. สิริอายุได้ 72 ปี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสอง ตั้งเหนือแว่นฟ้าสองชั้นเป็นเกียรติยศ[2]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2436 –
เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายหน้า) (ได้รับพระราชทานแค่ดวงตราและสายสร้อยสำหรับตำแหน่งลัญจกราภิบาล)[3]
- พ.ศ. 2431 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[4]
- พ.ศ. 2436 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[5]
- พ.ศ. 2422 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[6]
- พ.ศ. 2436 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[7]
- พ.ศ. 2438 –
เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[8]
- พ.ศ. 2438 –
เหรียญบุษปมาลา (ร.บ.ม.)
- พ.ศ. 2447 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 4 (ม.ป.ร.4)[9]
- พ.ศ. 2446 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 2 (จ.ป.ร.2)[10]
- พ.ศ. 2453 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2)[11]
- พ.ศ. 2436 –
เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 –
เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2441 –
เหรียญราชินี (ส.ผ.)[12]
- พ.ศ. 2446 –
เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 –
เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 –
เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2450 – เข็มอักษรเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปคราวแรก (เข็มเงิน)[13]
- พ.ศ. 2452 – เข็มพระชนมายุสมมงคล ชั้นที่ 2 (ทอง)[14]
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.