คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
บุนนาค
สปีชีส์ของพืช จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
บุนนาค หรือ สารภีดอย หรือ นาคบุตร[1] (อังกฤษ: Ceylon ironwood, cobra saffron, ชื่อวิทยาศาสตร์: Mesua ferrea) จัดอยู่ในวงศ์ Calophyllaceae มีถิ่นกำเนิดในเขตนิเวศอินโดมาลายา เป็นไม้ยืนต้น โตช้า เนื้อไม้แข็งและหนัก ต้นบุนนาคเป็นที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเนื่องจากมีรูปทรงที่สง่างาม ใบสีเขียวเทาอมฟ้า เมื่อใบอ่อนจะมีสีชมพูอมแดงสวยงาม และดอกสีขาวขนาดใหญ่มีกลิ่นหอมแรง บุนนาคได้รับการยกย่องให้เป็น ต้นไม้ประจำชาติของศรีลังกา และเป็น ต้นไม้ประจำรัฐมิโซรัม และ ดอกไม้ประจำรัฐตริปุระ ในประเทศอินเดีย[2]
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
Remove ads
Remove ads
การจำแนกประเภท
บุนนาคถูกระบุครั้งแรกในหนังสือ Species Plantarum ของคาร์ล ลินเนียส ในปี 1753 หน้า 515[3]
Mesua ferrea เป็นสายพันธุ์ที่ซับซ้อนและเคยถูกแบ่งออกเป็นหลายสายพันธุ์และพันธุ์ย่อย[4] เอ.เจ.จี.เอช. คอสเตอร์แมนส์ และ กุนาติลเลเก และคณะ เรียกต้นไม้ที่อธิบายไว้ในบทความนี้ว่า Mesua nagassarium[5][6] Kostermans แยกย่อย Mesua nagassarium ออกเป็นหลายชนิดย่อย
ผู้เขียนเหล่านี้ระบุว่า Mesua ferrea เป็นสายพันธุ์แยกต่างหาก ที่พบเฉพาะในศรีลังกา เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก สูง 15 เมตร เติบโตใกล้ลำธารและในหนองน้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของศรีลังกา เรียกว่า "Diya Na" ในภาษาสิงหล แปลว่า "ต้นน้ำนา" "Diya Na" นี้ไม่ได้รับการเพาะปลูก[5][6] Gunatilleke และคณะ (หน้า 139) กล่าวไว้ในหมายเหตุว่า "ในการปรับปรุงล่าสุด diya na ถูกตั้งชื่อว่า Mesua thwaitesii และ na เป็น Mesua ferrea"[6]
Kostermans และ Gunatilleke และคณะ จัดประเภท Mesua ferrea ไว้ในวงศ์ Clusiaceae ในขณะที่ในฐานข้อมูล AgroForestryTree Database จัดอยู่ในวงศ์ Guttiferae ใน Plants of the World Online และ World Flora Online จัดอยู่ในวงศ์ Calophyllaceae[7]
Remove ads
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงได้เกิน 30 เมตร ลำต้นมักแผ่กว้างออกไปคล้ายฐานรองรับ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นสูงสุดถึง 2 เมตร เปลือกของต้นอ่อนมีสีเทาอมขี้เถ้าและหลุดลอกเป็นแผ่น ในขณะที่เปลือกของต้นแก่จะมีสีเทาเข้มอมขี้เถ้าและมีรอยแตกสีน้ำตาลแดง ใบเรียงตรงข้ามกัน รูปใบเรียวยาว ปลายแหลม สีเขียวอมฟ้าถึงเขียวเข้ม ยาว 7-15 เซนติเมตร กว้าง 1.5-3.5 เซนติเมตร ด้านล่างของใบมีสีขาว ใบอ่อนที่เพิ่งแตกออกมาจะมีสีแดงถึงชมพูอมเหลืองและห้อยลงมา กิ่งก้านเรียวกลมและไม่มีขน ดอกสมบูรณ์เพศ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-7.5 เซนติเมตร มีกลีบดอกสีขาว 4 กลีบ และใจกลางดอกประกอบด้วยเกสรตัวผู้ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตรสีเหลืองอมส้มจำนวนมาก หอมเย็น ออกเป็นกระจุก 2-1 ดอก ผลเป็นแคปซูลรูปไข่ถึงกลม มีเมล็ดหนึ่งถึงสองเมล็ด
พบได้ในป่าดิบชื้น ตามริมห้วย ลำธาร ที่ระดับความสูงไม่เกิน 600–700 เมตร
เป็นไม้วงศ์เดียวกับ ต้นชะมวงหรือส้มป่อง มะดะหรือมังคุดป่า ต้นติ้วแดงและ ต้นติ้วขน จัดกลุ่มอยู่ในไม้พวก Iron wood คือเนื้อแข็ง ซึ่งมีอยู่ในหลายประเทศ ต้นบุนนาคสามารถพบได้ในอินเดียและศรีลังกา
Remove ads
ประโยชน์
ในตำรายาแผนไทย พบว่าแทบทุกส่วนของบุนนาคนำมาใช้ประโยชน์ทางยาได้หมด
- เนื้อไม้ - เป็นไม้เนื้อแข็งใช้ทำหมอนรถไฟ การก่อสร้าง ด้านร่ม เป็นต้น
- ใบ-ใช้รักษาบาดแผล แก้แผลสด แก้พิษงู
- เปลือกต้น -แก้พิษงู แก้ฟกช้ำ
- แก่น -แก้เลือดออกตามไรฟัน บำรุงโลหิต
- ดอกแห้ง - เป็นยาฝาดสมาน ขับลมแก้ลมในไส้ บำรุงธาตุ บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ
- เมล็ด - มีน้ำมันที่กลั่นใช้ผสมเครื่องสำอาง และอื่น ๆ
- ดอกสด - มีน้ำมันหอมระเหย ปัจจุบันนำมาปลูกเป็นไม้ประดับกันอย่างแพร่หลาย
- ราก - ขับลมในลำไส้ บำรุงโลหิต แก้กลิ่นเหม็นสาบในร่างกาย
เกร็ดความรู้
- บุนนาคเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิจิตร
ภาพ
- ใบอ่อนและดอก
- ใบอ่อนและดอก
- ผลอ่อน
- ผลสุก
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads