Remove ads
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การแข่งขัน ฟุตบอลลีกคัพ 2019 นัดชิงชนะเลิศ หรือ อีเอฟแอลคัพ 2019 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ.[3] ระหว่าง เชลซี และแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ซิตี.[4] ทีมชนะเลิศจะได้ผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสองของ ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2019–20 เป็นอย่างน้อย.[4]
สนามกีฬาเวมบลีย์ จะเป็นเจ้าภาพในนัดชิงชนะเลิศ | |||||||
รายการ | อีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2018–19 | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||
หลังต่อเวลาพิเศษ แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ ลูกโทษ 4–3 | |||||||
วันที่ | 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 | ||||||
สนาม | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน | ||||||
ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำนัด | บือร์นาร์ดู ซิลวา (แมนเชสเตอร์ซิตี)[1] | ||||||
ผู้ตัดสิน | โจนาธาน มอสส์ (เวสต์ ยอร์คเชียร์)[2] | ||||||
ผู้ชม | 81,775 คน | ||||||
รอบ | คู่แข่งขัน | ผล |
---|---|---|
3 | ลิเวอร์พูล (A) | 2–1 |
4 | ดาร์บี เคาน์ตี (H) | 3–2 |
QF | บอร์นมัท (H) | 1–0 |
SF | ทอตนัม ฮอตสเปอร์ (A) | 0–1 |
ทอตนัม ฮอตสเปอร์ (H) | 2–1 (4–2ล) | |
สัญลักษณ์: (H) = สนามเหย้า; (A) = สนามเยือน. |
การผ่านเข้ารอบของเชลซีสำหรับ ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 หมายความว่าพวกเขาได้เข้าสู่อีเอฟแอลคัพในรอบที่สาม, พวกเขาได้ถูกจับสลากออกไปเยือนทีมจากพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล. หลังจากเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน, ประตูจาก เอเมร์ซง พัลมิเอรี และ เอแดน อาซาร์ ส่งให้เชลซีเอาชนะไปได้ 2–1.[5] ในรอบต่อไป, พวกเขาได้ถูกจับสลากลงเล่นในบ้านพบกับทีมจาก อีเอฟแอลแชมเปียนชิป ดาร์บี เคาน์ตี. เวลานี้, เชลซีเป็นฝ่ายขึ้นนำเร็วไปก่อนจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ฟิคาโย โทโมริ, แต่ แจ็ค แมร์ริออตต์ เป็นผู้ทำประตูตีเสมอให้กับดาร์บีในอีกสี่นาทีถัดมา. อีกหนึ่งการทำเข้าประตูตัวเอง, เวลานี้โดย ริชาร์ด คีโอห์, ส่งให้เชลซีขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 21, เพียงแต่ มาร์ติน แว็กฮอร์น ส่งผลให้สกอร์เท่ากันในอีกหกนาทีต่อมา. สี่นาที่หลังจบครึ่งแรก, เซสก์ ฟาเบรกัส ทำประตูซึ่งเป็นสิ่งที่กลายเป็นประตูชัย, ในขณะที่ครึ่งหลังไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น.[6]
ในรอบที่ห้า, เชลซีถูกจับสลากได้ลงเล่นในบ้านพบกับทีมจากพรีเมียร์ลีก บอร์นมัท, กับอาซาร์อีกครั้งที่พิสูจน์ความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมในชัยชนะ 1–0.[7] รอบรองชนะเลิศเชลซีถูกจับสลากออกมาเป็นศึก อริร่วมเมืองลอนดอน ทอตนัม ฮอตสเปอร์. ประตูแรกจากลูกโทษของ แฮร์รี เคน ส่งให้ทอตนัมเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบก่อนในเลกแรก,[8] แต่ อึงโกโล ก็องเต มาตามตีเสมอให้สกอร์รวมผลสองนัดเท่ากันหลังจากนาทีที่ 27 ของเลกที่สอง. หลังจากนั้นอาซาร์ก็ผลิตสกอร์นำหน้าไปอีกส่งให้เป็นประตูที่สามของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์ในนาทีที่ 38, เท่านั้นไม่พอ เฟร์นันโด โยเรนเต เป็นผู้ทำประตูตามตีเสมออีกครั้งห้านาทีก่อนหมดครึ่งแรก. ส่วนที่เหลือของการแข่งขันต่างไม่มีการทำประตูเกิดขึ้น, และนับตั้งแต่กฏประตูทีมเยือนไม่ได้มีผลบังคับใช้,[9] การแข่งขันนัดนี้มุ่งตรงไปยังการดวลลูกโทษตัดสิน. ทั้งสองฝ่ายได้มีการปรับเปลี่ยนของพวกเขาในการลงเตะทั้งสองครั้งในแต่ละครั้ง, หลังจากที่ เอริก ไดเออร์ พยายามยิงประตูให้เข้าแต่กลับเสยคานบนออกไป, โดยคนต่อมา ฌอร์ฌีญู เป็นผู้ส่งให้เชลซีขึ้นนำ. เกปา อาร์ริซาบาลากา เป็นผู้เซฟประตูจาก ลูกัส มูรา ได้, หลังจากที่ ดาวิด ลูอีซ เป็นผู้ทำประตูได้ส่งให้เชลซีทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปได้.[10]
รอบ | คู่แข่งขัน | ผล |
---|---|---|
3 | ออกซฟอร์ด ยูไนเต็ด (A) | 3–0 |
4 | ฟูลัม (H) | 2–0 |
รอบก่อนรองชนะเลิศ | เลสเตอร์ซิตี (A) | 1–1 (3–1ล) |
รอบรองชนะเลิศ | เบอร์ตัน อัลเบียน (H) | 9–0 |
เบอร์ตัน อัลเบียน (A) | 1–0 | |
สัญลักษณ์: (H) = สนามเหย้า; (A) = สนามเยือน. |
แมนเชสเตอร์ซิตีมีสิทธิ์เข้าสู่สำหรับฟุตบอลสโมสรยุโรปอยู่แล้ว, และด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงได้สิทธิ์เข้าสู่อีเอฟแอลคัพในรอบที่สาม, ถูกจับสลากออกไปเยือนทีมจาก อีเอฟแอลลีกวัน ออกซฟอร์ด ยูไนเต็ด. ที่ สนามกีฬาแคสแซม, แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ 3–0 กับประตูจาก กาบรีแยล เฌซุส, ริยาฎ มะห์รัซ และ ฟิล โฟเดน.[11] ในรอบสี่, พวกเขาได้ถูกจับสลากพบกับสโมสรร่วมพรีเมียร์ลีก ฟูลัม ที่บ้าน. ที่สนามของพวกเขา สนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์, แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ 2–0 โดยได้สองประตูจาก บราฮิม ดิอัซ.[12] ในรอบต่อไป, พวกเขาถูกจับสลากออกไปเยือนทีมร่วมพรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ซิตี. แมตช์นี้จบลงที่ผลเสมอ 1–1 ที่ คิงเพาเวอร์สเตเดียม, กับประตูของ มาร์ก ออลไบรตัน นาทีที่ 73 – แมนเชสเตอร์ซิตีเป็นทีมที่เสียประตูเดียวในเส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ – โดยยกเลิกการเปลี่ยนตัวออกในช่วงต้นเกมของ เกฟิน เดอ เบรยเนอ, แต่แมนเชสเตอร์ซิตีสามารถชนะรักษาผล การดวลลูกโทษ 3–1 และจบลงที่สกอร์นี้.[13]
ในรอบรองชนะเลิศทั้งสองเลก, แมนเชสเตอร์ซิตีถูกจับสลากพบกับทีมจากลีกวัน เบอร์ตัน อัลเบียน. แมนเชสเตอร์ซิตีชนะเลกแรกที่สนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์ด้วยสกอร์ 9–0 ถือเป็นชัยชนะที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาในรอบ 31 ปี, จากสี่ประตูของเฌซุสและอีกหนึ่งประตูมาจาก เกฟิน เดอ เบรยเนอ, ออแลกซันดร์ ซินแชนกอ, โฟเดน, ไคล์ วอล์กเกอร์ และมะห์รัซ.[14] ในเลกที่สองที่ สนามกีฬาพิเรลลี, เซร์ฆิโอ อาเกวโร เขาเป็นผู้ทำประตูแรกของเขาให้กับการแข่งขันซึ่งส่งให้แมนเชสเตอร์ซิตี ชนะ 1–0 (รวมผลสองนัด ชนะ 10–0) และยืนยันพื้นที่ของพวกเขาในรอบชิงชนะเลิศ.[15]
เชลซี | 0–0 (ต่อเวลาพิเศษ) | แมนเชสเตอร์ซิตี |
---|---|---|
รายงาน | ||
ลูกโทษ | ||
ฌอร์ฌีญู อัซปิลิกูเอตา แอเมร์ซง ลูอีซ อาซาร์ |
3–4 | กึนโดอัน อาเกวโร ซาเน บ. ซิลวา สเตอร์ลิง |
เชลซี
|
แมนเชสเตอร์ซิตี
|
|
|
ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด:
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน:[2]
|
กฏ-กติกา[16]
|
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.