อำเภอเมืองพิจิตร
อำเภอในจังหวัดพิจิตร ประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เมืองพิจิตร เป็นอำเภอที่เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการและศูนย์กลางธุรกิจของจังหวัดพิจิตร

อำเภอเมืองพิจิตร | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Mueang Phichit |
![]() | |
![]() แผนที่จังหวัดพิจิตร เน้นอำเภอเมืองพิจิตร | |
พิกัด: 16°26′18″N 100°21′0″E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | พิจิตร |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 738.9 ตร.กม. (285.3 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 107,809 คน |
• ความหนาแน่น | 145.91 คน/ตร.กม. (377.9 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 66000 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 6601 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอเมืองพิจิตร ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร 66000 |
![]() |
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอเมืองพิจิตรมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอและจังหวัดข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบางกระทุ่ม (จังหวัดพิษณุโลก)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอสากเหล็กและอำเภอวังทรายพูน
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอตะพานหิน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอโพธิ์ประทับช้างและอำเภอสามง่าม



ประวัติ
สรุป
มุมมอง
"พิจิตร" แปลว่า "งาม" เมื่อกล่าวถึงเมืองพิจิตรจึงหมายถึงเมืองงาม เมืองที่มีเสน่ห์ประทับใจ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ เป็นที่ประสูติของพระเจ้าเสือ หรือ "พระศรีสรรเพชญ์ที่ 8" พระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยาและเป็นเมืองที่ให้กำเนิดนักปราชญ์ราชบัณฑิต คือ พระโหราธิบดี บิดาของศรีปราชญ์
จังหวัดพิจิตรเป็นจังหวัดเก่าแก่มากจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เชื่อกันว่าเจ้ากาญจนกุมาร (พระยาโคตระบอง) โอรสพระยาโคตมเทวราช เป็นผู้สร้างเมือง เหนือฝั่งแม่น้ำน่านในปี พ.ศ. 1601 เดิมมีหลายชื่อ คือ เมืองสระหลวง เมืองโอฆะบุรี เมืองชัยบวรและเมืองปากยม ดินแดนอันเป็นเขตจังหวัดพิจิตรอยู่ในที่ราบลุ่มตอนใต้ของภาคเหนือในดินแดนสุวรรณภูมิบริเวณนี้เป็นบริเวณที่ลำน้ำยมและลำน้ำน่านไหลผ่าน ลักษณะพิเศษของดินแดนจังหวัดพิจิตรเดิมเต็มไปด้วยห้วย หนอง คลอง บึง พื้นดินจังหวัดพิจิตร เป็นดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร เพราะเป็นดินตะกอนที่เกิดจากน้ำท่วมทับถมทุกปีมีปลาชุกชุม
ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อเปลี่ยนการปกครองเป็นแบบจตุสดมภ์และแบ่งหัวเมืองออกเป็นหัวเมือง เอก โท ตรี จัตวา เมืองพิจิตรมีฐานะเป็นเมืองตรี มีความสำคัญทางทหารและการปกครองมาก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์คำกลอนเรื่อง "ไกรทอง" โดยใช้เมืองพิจิตรเป็นแหล่งกำเนิดของเรื่องราว เนื่องจากเมืองพิจิตร เป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมากมายและมีจระเข้ชุกชุมนั่นเอง ในปี พ.ศ. 2435 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้นำรูปแบบการปกครองระบบ เทศภิบาลมาใช้และได้จัดตั้งมณฑลพิษณุโลก เป็นมณฑลแรกประกอบด้วย 5 เมือง คือ เมืองพิษณุโลก เมืองพิชัย เมืองสวรรคโลก เมืองสุโขทัย และเมืองพิจิตร[1]
- วันที่ 29 เมษายน 2460 เปลี่ยนแปลงชื่ออำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร มณฑลพิษณุโลก เป็น อำเภอท่าหลวง[2]
- วันที่ 24 มกราคม 2479 แยกพื้นที่ตำบลห้วยเกตุ ของอำเภอท่าหลวง (อำเภอเมืองพิจิตร) ตำบลทับคล้อ ตำบลคลองคูณ ของอำเภอบางมูลนาก และตำบลวังสำโรง ของอำเภอบางคลาน (อำเภอโพทะเล) มาตั้งเป็น กิ่งอำเภอตะพานหิน ขึ้นกับอำเภอท่าหลวง[3]
- วันที่ 29 พฤศจิกายน 2479 ยกฐานะชุมชนที่เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการจังหวัดพิจิตร ให้เป็น เทศบาลเมืองพิจิตร[4]
- วันที่ 21 มีนาคม 2480 โอนพื้นที่หมู่ 6 (ในขณะนั้น) ของตำบลดงป่าคำ อำเภอท่าหลวง ไปขึ้นกับตำบลห้วยเกตุ กิ่งอำเภอตะพานหิน อำเภอท่าหลวง[5]
- วันที่ 20 มิถุนายน 2480 ตั้งตำบลเนินปอ แยกออกจากตำบลรังนก[6]
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2481 แยกพื้นที่ตำบลสามง่าม ตำบลวังจิก ตำบลรังนก และตำบลเนินปอ อำเภอเมืองพิจิตร มาตั้งเป็น อำเภอสามง่าม[7]
- วันที่ 25 กรกฎาคม 2481 ตั้งตำบลตะพานหิน แยกออกจากตำบลห้วยเกตุ[8]
- วันที่ 22 สิงหาคม 2481 ตั้งตำบลหนองปลาไหล แยกออกจากตำบลสากเหล็ก[9]
- วันที่ 16 เมษายน 2483 ยกฐานะตำบลตะพานหิน ตำบลห้วยเกตุ ตำบลทับคล้อ ตำบลคลองคูณ ตำบลวังสำโรง ตำบลทุ่งโพธิ์ และตำบลท้ายทุ่ง กิ่งอำเภอตะพานหิน อำเภอท่าหลวง ขึ้นเป็น อำเภอตะพานหิน[10]
- วันที่ 9 กันยายน 2484 โอนพื้นที่ตำบลไผ่รอบ อำเภอสามง่าม มาขึ้นกับอำเภอเมืองพิจิตร[11]
- วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตำบลโรงช้าง แยกออกจากตำบลเมืองเก่า และตำบลคลองคะเชนทร์ ตั้งตำบลโพธิ์ประทับช้าง แยกออกจากตำบลวังจิก และตำบลเมืองเก่า[12]
- วันที่ 16 พฤศจิกายน 2491 ตั้งตำบลปากทาง แยกออกจากตำบลท่าฬ่อ และตำบลท่าหลวง[13]
- วันที่ 10 กรกฎาคม 2499 ขยายเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ครั้งที่ 1[14] โดยขยายเข้าไปให้ครอบคลุมเขตโรงพยาบาลพิจิตร
- วันที่ 8 ธันวาคม 2507 จัดตั้งสุขาภิบาลวังกรด ในท้องที่บางส่วนของตำบลบ้านบุ่ง[15] และจัดตั้งสุขาภิบาลท่าฬ่อ ในท้องที่บางส่วนของตำบลท่าฬ่อ[16]
- วันที่ 15 พฤศจิกายน 2509 จัดตั้งสุขาภิบาลสากเหล็ก ในท้องที่บางส่วนของตำบลสากเหล็ก[17]
- วันที่ 11 เมษายน 2510 ตั้งตำบลท้ายดง แยกออกจากตำบลหัวดง[18]
- วันที่ 23 พฤษภาคม 2510 แยกพื้นที่ตำบลไผ่รอบ ตำบลวังจิก และตำบลโพธิ์ประทับช้าง มาตั้งเป็น กิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง ขึ้นกับอำเภอเมืองพิจิตร[19]
- วันที่ 23 พฤศจิกายน 2510 โอนพื้นที่ตำบลไผ่ท่าโพ อำเภอโพทะเล ไปขึ้นกับ กิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร[20]
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2511 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดพิจิตร และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยโอนพื้นที่ตำบลท้ายดง อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ไปขึ้นกับอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์[21]
- วันที่ 1 กรกฎาคม 2512 ตั้งตำบลหนองพระ แยกออกจากตำบลหัวดง และตำบลบ้านบุ่ง[22]
- วันที่ 30 ธันวาคม 2512 ขยายเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ครั้งที่ 2[23] โดยขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ตำบลในเมืองทั้งหมด
- วันที่ 13 ตุลาคม 2513 โอนพื้นที่หมู่ 3,4,5,7 (ในขณะนั้น) ของตำบลบึงนาราง อำเภอโพทะเล ไปขึ้นกับตำบลไผ่ท่าโพ กิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร[24]
- วันที่ 28 กันยายน 2514 ตั้งตำบลย่านยาว แยกออกจากตำบลไผ่ขวาง[25]
- วันที่ 26 กันยายน 2515 ตั้งตำบลท่าเยี่ยม แยกออกจากตำบลสากเหล็ก[26]
- วันที่ 28 มิถุนายน 2516 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร เป็น อำเภอโพธิ์ประทับช้าง[27]
- วันที่ 5 กรกฎาคม 2517 ตั้งตำบลวังทรายพูน แยกออกจากตำบลหนองปลาไหล[28]
- วันที่ 29 กรกฎาคม 2518 แยกพื้นที่ตำบลหนองพระ ตำบลหนองปลาไหล และตำบลวังทรายพูน อำเภอเมืองพิจิตร มาตั้งเป็น กิ่งอำเภอวังทรายพูน ขึ้นกับอำเภอเมืองพิจิตร[29]
- วันที่ 24 สิงหาคม 2519 ตั้งตำบลหนองปล้อง แยกออกจากตำบลหัวดง[30]
- วันที่ 15 มกราคม 2523 จัดตั้งสุขาภิบาลหัวดง ในท้องที่บางส่วนของตำบลหัวดง[31]
- วันที่ 16 กันยายน 2523 ตั้งตำบลคลองทราย แยกออกจากตำบลท่าเยี่ยม[32]
- วันที่ 16 มิถุนายน 2524 ตั้งตำบลสายคำโห้ แยกออกจากตำบลบ้านบุ่ง[33]
- วันที่ 13 กรกฎาคม 2524 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอวังทรายพูน อำเภอเมืองพิจิตร เป็น อำเภอวังทรายพูน[34]
- วันที่ 21 มิถุนายน 2526 ตั้งตำบลดงกลาง แยกออกจากตำบลดงป่าคำ[35]
- วันที่ 23 กันยายน 2526 โอนพื้นที่ตำบลหนองปล้อง อำเภอเมืองพิจิตร ไปขึ้นกับ อำเภอวังทรายพูน[36]
- วันที่ 22 มีนาคม 2538 แยกพื้นที่ตำบลสากเหล็ก ตำบลท่าเยี่ยม และตำบลคลองทราย อำเภอเมืองพิจิตร มาตั้งเป็น กิ่งอำเภอสากเหล็ก ขึ้นกับอำเภอเมืองพิจิตร[37]
- วันที่ 9 มกราคม 2539 ตั้งตำบลหนองหญ้าไทร แยกออกจากตำบลคลองทราย ตั้งตำบลวังทับไทร แยกออกจากตำบลท่าเยี่ยม[38]
- วันที่ 4 พฤษภาคม 2549 กำหนดเขตตำบล ในท้องที่อำเภอเมืองพิจิตร (1-15)[39]
- (1) ตำบลย่านยาว ให้มีเขตการปกครองรวม 10 หมู่บ้าน
- (2) ตำบลไผ่ขวาง ให้มีเขตการปกครองรวม 8 หมู่บ้าน
- (3) ตำบลท่าฬ่อ ให้มีเขตการปกครองรวม 7 หมู่บ้าน
- (4) ตำบลป่ามะคาบ ให้มีเขตการปกครองรวม 14 หมู่บ้าน
- (5) ตำบลบ้านบุ่ง ให้มีเขตการปกครองรวม 7 หมู่บ้าน
- (6) ตำบลสายคำโห้ ให้มีเขตการปกครองรวม 5 หมู่บ้าน
- (7) ตำบลหัวดง ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (8) ตำบลดงป่าคำ ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (9) ตำบลดงกลาง ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (10) ตำบลเมืองเก่า ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (11) ตำบลปากทาง ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (12) ตำบลท่าหลวง ให้มีเขตการปกครองรวม 10 หมู่บ้าน
- (13) ตำบลฆะมัง ให้มีเขตการปกครองรวม 12 หมู่บ้าน
- (14) ตำบลคลองคะเชนทร์ ให้มีเขตการปกครองรวม 9 หมู่บ้าน
- (15) ตำบลโรงช้าง ให้มีเขตการปกครองรวม 7 หมู่บ้าน
- วันที่ 8 กันยายน 2550 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอสากเหล็ก อำเภอเมืองพิจิตร เป็น อำเภอสากเหล็ก[40]
การแบ่งเขตการปกครอง
สรุป
มุมมอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอเมืองพิจิตรแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 16 ตำบล 134 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | ในเมือง | (Nai Mueang) | - | 9. | ท่าหลวง | (Tha Luang) | 10 หมู่บ้าน | |||||||
2. | ไผ่ขวาง | (Phai Khwang) | 8 หมู่บ้าน | 10. | บ้านบุ่ง | (Ban Bung) | 7 หมู่บ้าน | |||||||
3. | ย่านยาว | (Yan Yao) | 10 หมู่บ้าน | 11. | ฆะมัง | (Khamang) | 12 หมู่บ้าน | |||||||
4. | ท่าฬ่อ | (Tha Lo) | 7 หมู่บ้าน | 12. | ดงป่าคำ | (Dong Pa Kham) | 9 หมู่บ้าน | |||||||
5. | ปากทาง | (Pak Thang) | 9 หมู่บ้าน | 13. | หัวดง | (Hua Dong) | 9 หมู่บ้าน | |||||||
6. | คลองคะเชนทร์ | (Khlong Khachen) | 9 หมู่บ้าน | 14. | ป่ามะคาบ | (Pa Makhap) | 14 หมู่บ้าน | |||||||
7. | โรงช้าง | (Rong Chang) | 7 หมู่บ้าน | 15. | สายคำโห้ | (Sai Kham Ho) | 5 หมู่บ้าน | |||||||
8. | เมืองเก่า | (Mueang Kao) | 9 หมู่บ้าน | 16. | ดงกลาง | (Dong Klang) | 9 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอเมืองพิจิตรประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 19 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลเมืองพิจิตร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลในเมืองทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลท่าฬ่อ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลท่าฬ่อ
- เทศบาลตำบลวังกรด ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลบ้านบุ่ง
- เทศบาลตำบลหัวดง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลหัวดง
- เทศบาลตำบลดงป่าคำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลดงป่าคำทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ขวาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไผ่ขวางทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลย่านยาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลย่านยาวทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลท่าฬ่อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าฬ่อ (นอกเขตเทศบาลตำบลท่าฬ่อ)
- องค์การบริหารส่วนตำบลปากทาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปากทางทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลคลองคะเชนทร์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองคะเชนทร์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโรงช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโรงช้างทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเก่า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเมืองเก่าทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบุ่ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านบุ่ง (นอกเขตเทศบาลตำบลวังกรด)
- องค์การบริหารส่วนตำบลฆะมัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลฆะมังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหัวดง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหัวดง (นอกเขตเทศบาลตำบลหัวดง)
- องค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่ามะคาบทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสายคำโห้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสายคำโห้ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลดงกลางทั้งตำบล
สถานที่สำคัญ
- วัดท่าหลวง พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
- บึงสีไฟ หนองน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัด อยู่ทางทิศใต้ของเมืองพิจิตร
- วัดเขารูปช้าง เขาขนาดย่อม มีหินรูปร่างคล้ายช้าง
- อุทยานเมืองเก่าพิจิตร เมืองสมัยพระยาโคตรบอง มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ วัดมหาธาตุ ศาลหลักเมือง ถ้ำชาละวัน
- วัดโรงช้าง
การคมนาคม
ทางบก
มีเส้นทางคมนาคมที่สำคัญคือ
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (อินทร์บุรี-เชียงใหม่)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 111 (ทางเลี่ยงเมืองพิจิตร)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 113 (ถนนพิจิตร-เพชรบูรณ์)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 115 (ถนนกำแพงเพชร-สากเหล็ก)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1068 (ถนนพิจิตร-โพธิ์ประทับช้าง)
ทางราง
สถานีรถไฟ
- สถานีรถไฟพิจิตร
- สถานีรถไฟท่าฬ่อ
- สถานีรถไฟวังกรด
- สถานีรถไฟหัวดง
- สถานีรถไฟความเร็วสูงพิจิตร (อนาคต)
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.