องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (อังกฤษ: United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ ยูเนสโก (อังกฤษ: UNESCO) เป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ ก่อตั้งโดยได้มีการลงนามในธรรมนูญขององค์การ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 และต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศสมาชิกก่อตั้ง 20 ประเทศ ได้ร่วมมือกันให้สัตยาบันธรรมนูญองค์การ ซึ่งเริ่มด้วยข้อความที่ว่า
"สงครามเริ่มต้นที่จิตใจของมนุษย์ฉันใด ความหวงแหนสันติภาพก็ต้องสร้างขึ้นในจิตใจของมนุษย์ด้วยฉันนั้น"
ธงของยูเนสโก | |
ชื่อย่อ | ยูเนสโก |
---|---|
ก่อตั้ง | 16 พฤศจิกายน 1945 |
ประเภท | หน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติ |
สถานะตามกฎหมาย | ดำเนินการอยู่ |
สํานักงานใหญ่ | ปารีส ประเทศฝรั่งเศส |
ผู้อำนวยการ | ออเดรย์ อาซูเลย์ |
รองผู้อำนวยการ | Xing Qu |
องค์กรปกครอง | คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ |
เว็บไซต์ | en |
นอกจากนี้ ธรรมนูญยูเนสโกยังบ่งชี้ไว้ด้วยว่า สันติภาพที่เกิดจากการตกลงทางการเมือง ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่แท้จริงและยืนนาน จากประเทศชาติต่าง ๆ ในโลก สันติภาพจะต้องวางรากฐานอยู่บนความร่วมมือทางภูมิปัญญา และจิตสำนึกของมนุษยชาติ ดังนั้นองค์การยูเนสโกจึงมุ่งเน้นการส่งเสริมสันติภาพ ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือของนานาชาติ ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม เพื่อให้ทั่วโลกเคารพในความยุติธรรม กฎหมาย สิทธิ และเสรีภาพ ที่มนุษย์พึงมี โดยไม่ถือเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา ตามกฎบัตรสหประชาชาติ ยูเนสโกมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ปัจจุบัน ยูเนสโกมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 193 ประเทศ สมาชิกสมทบอีก 11 ประเทศ[1] ประเทศไทยเข้าเป็นรัฐสมาชิกขององค์การยูเนสโกเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2492 (ลำดับที่ 49)
โดยปกติ ยูเนสโกจะใช้ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาทางการ แต่ในระหว่างการประชุมสมัยสามัญของยูเนสโกและการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก จะใช้ภาษาที่เกี่ยวข้องถึง 6 ภาษา คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเชีย อาหรับ สเปน และจีน
การดำเนินงานของยูเนสโกนั้นจะปรากฏในรูปของการประชุมสมัยสามัญ ซึ่งมีทุก ๆ 2 ปี โดยคณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม จำนวน 58 คน ที่เลือกมาจากผู้แทนของประเทศสมาชิก กรรมการจะอยู่ในวาระ 4 ปี โดยจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่ครึ่งหนึ่งทุก 2 ปี ผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สูงสุดขององค์การ จะอยู่ในวาระ 6 ปี
ยูเนสโกได้จัดให้มีสำนักงานส่วนภูมิภาคและสำนักงานย่อยประจำพื้นที่ เพื่อให้ยูเนสโกประสานงานกับประเทศต่าง ๆ ได้อย่างใกล้ชิด แต่ละประเทศสมาชิกจะจัดให้มีสำนักผู้แทนถาวรประจำยูเนสโก และสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยยูเนสโกของประเทศนั้น ๆ เพื่อดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับขอบข่ายงานของยูเนสโกโดยเฉพาะ
ปี 2540 ยูเนสโกมอบรางวัลการบริหารการศึกษาเป็นเลิศด้านการศึกษาให้กับประเทศไทย[2] เนื่องจากการอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538[3]
กิจกรรม/โครงการ
ยูเนสโกกำหนดและดำเนินการกิจกรรมภายใต้ 5 หัวข้อ คือ การศึกษา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมและมนุษยศาสตร์ วัฒนธรรม และการสื่อสารและข้อมูล
- ยูเนสโกสนับสนุนการวิจัยในการศึกษาเปรียบเทียบ (comparative education) โดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญและส่งเสริมความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านการศึกษาระดับชาติและศักยภาพของประเทศต่าง ๆ ในการนำเสนอการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยไม่จัดว่าเป็นการอุดมศึกษา อาทิ[4]
- UNESCO Chairs
- Convention against Discrimination in Education
- UNESCO ASPNet
- ยูเนสโกออกแถลงการณ์ Seville Statement on Violence
- กำหนดโครงการและสถานที่ ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์ อาทิ:
- เครือข่ายอุทยานธรณีโลก (Global Geoparks Network)
- เครือข่ายพื้นที่สงวนชีวมณฑลโลก (World Network of Biosphere Reserves) ภายใต้โครงการมนุษย์และชีวมณฑล ตั้งแต่ พ.ศ. 2514
- เมืองแห่งวรรณกรรม (City of Literature)
- โครงการภาษาใกล้สูญและความหลากหลายทางภาษา (Endangered languages and linguistic diversity projects)
- ผลงานชิ้นเอกด้านมุขปาฐะและมรดกที่ไม่เป็นกายภาพของมนุษยชาติ (Masterpieces of the Oral and Intangible Heritage of Humanity) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ หรือ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage)
- ความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World) ตั้งแต่ พ.ศ. 2540
- การจัดการทรัพยากรน้ำ ภายใต้โครงการอุทกวิทยานานาชาติ (International Hydrological Programme: IHP),
- แหล่งมรดกโลก (World Heritage Sites)
- หอสมุดดิจิทัลแห่งโลก (World Digital Library)
- ส่งเสริม "การไหลของความคิดอย่างอิสระด้วยภาพและคำพูด" โดยวิธี:
- ส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก รวมทั้งเสรีภาพสื่อและกฎหมายเสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร ผ่านแผนกเสรีภาพในการแสดงออกและการพัฒนาสื่อ (Division of Freedom of Expression and Media Development)[5] รวมถึงโครงการระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาการสื่อสาร (International Programme for the Development of Communication)[6]
- ส่งเสริมความปลอดภัยของสื่อและต่อสู้กับการไม่ต้องรับโทษสำหรับผู้ที่โจมตีพวกเขา[7] ผ่านการประสานงานตาม "แผนปฏิบัติการสหประชาชาติว่าด้วยความปลอดภัยของนักข่าวและประเด็นการไม่ต้องรับโทษ" (the UN Plan of Action on the Safety of Journalists and the Issue of Impunity)[8]
- ส่งเสริมการเข้าถึงและการเก็บรักษาข้อมูลอย่างทั่วถึง และการแก้ปัญหาแบบเปิดเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านแผนกสมาคมความรู้ (Knowledge Societies Division)[9] รวมถึงโครงการความทรงจำแห่งโลก (Memory of the World Programme)[10] และโครงการสารสนเทศเพื่อปวงชน (Information for All Programme)[11]
- ส่งเสริมพหุนิยมทางการเมือง ความเท่าเทียมทางเพศ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมในสื่อ
- ส่งเสริมความเป็นสากลของอินเทอร์เน็ตและหลักการของอินเทอร์เน็ต ว่าอินเทอร์เน็ตควรตั้งอยู่บนพื้นฐาน (I) สิทธิมนุษยชน (ii) เปิดกว้าง (iii) เข้าถึงได้ทุกคน และ (iv) หล่อเลี้ยงโดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย (สรุปเป็นคำย่อ R.O.A.M.)[12]
- การสร้างความรู้ผ่านสิ่งพิมพ์ เช่น World Trends in Freedom of Expression and Media Development,[13] the UNESCO Series on Internet Freedom,[14] and the Media Development Indicators,[15] ตลอดจนการศึกษาตามตัวบ่งชี้อื่น ๆ
- สนับสนุนกิจกรรม อาทิ:
- ทศวรรษสากลเพื่อวัฒนธรรมสันติภาพและความไม่รุนแรงเพื่อเด็กของโลก (International Decade for the Promotion of a Culture of Peace and Non-Violence for the Children of the World) ระหว่าง ค.ศ. 2001–2010
- วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก (World Press Freedom Day) ในทุกวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อ ในฐานะที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสังคมที่มีสุขภาพดี เป็นประชาธิปไตยและเสรี
- วันการรู้หนังสือสากล (International Literacy Day)
- ปีสากลเพื่อวัฒนธรรมเชิงสันติ (International Year for the Culture of Peace)
- ก่อตั้งแต่ให้ทุกสนับสนุนโครงการ อาทิ:
- โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การย้ายถิ่น (Migration Museums Initiative)[16]
- สำนักข่าวแห่งเอเชียและแปซิฟิก (OANA)
- สภาวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ (International Council of Science)
- ทูตสันถวไมตรียูเนสโก (UNESCO Goodwill Ambassador)
- UNESCO Collection of Representative Works เพื่อแปลผลงานวรรณกรรมโลกให้เป็นหลายภาษาระหว่างปี 1948 ถึง 2005
- GoUNESCO[17]
นอกจากนี้ มีการเสนอให้จัดตั้งโครงการใหม่โดยรัฐสมาชิก ได้แก่ โครงการที่มุ่งเน้นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ (movable cultural heritage) อาทิ สิ่งประดิษฐ์ ภาพวาด และ biofact ตัวอย่างวัตถุทางวัฒนธรรม เช่น ภาพวาดโมนาลิซา ประติมากรรมดาวิด ทองสัมฤทธิ์เบนิน และมงกฎแห่งแพ็กเจ เป็นต้น และโครงการที่มุ่งเน้นสิ่งชีวิต เช่น มังกรโกโมโด แพนด้ายักษ์ อินทรีหัวขาว อาย-อาย เป็นต้น[18][19]
ผู้อำนวยการ
รายชื่อผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก ดังนี้ [20]
ชื่อ | สัญชาติ | ดำรงตำแหน่ง (ค.ศ.) |
---|---|---|
Julian Huxley | สหราชอาณาจักร | 1946–48 |
Jaime Torres Bodet | เม็กซิโก | 1948–52 |
John Wilkinson Taylor | สหรัฐอเมริกา | รักษาการ 1952–53 |
Luther Evans | สหรัฐอเมริกา | 1953–58 |
Vittorino Veronese | อิตาลี | 1958–61 |
René Maheu | ฝรั่งเศส | 1961–74; รักษาการ 1961 |
Amadou-Mahtar M'Bow | เซเนกัล | 1974–87 |
Federico Mayor Zaragoza | สเปน | 1987–99 |
Koïchiro Matsuura | ญี่ปุ่น | 1999–2009 |
Irina Bokova | บัลแกเรีย | 2009–2017 |
Audrey Azoulay | ฝรั่งเศส | 2017–ปัจจุบัน |
สำนักงาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand in your browser!
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.