หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนที่ 1 แห่งพม่า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนที่ 1 แห่งพม่า

จอมพลเรือ หลุยส์ ฟรานซิส อัลเบิร์ต วิคเตอร์ นิโคลัส เมานต์แบ็ตเทน เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนที่ 1 แห่งพม่า (อังกฤษ: Louis Francis Albert Victor Nicholas Mountbatten, Earl Mountbatten of Burma) (นามเดิม เจ้าชายลูอีแห่งบัทเทินแบร์ค; 25 มิถุนายน ค.ศ. 1900 – 27 สิงหาคม ค.ศ. 1979) หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ลอร์ด เมานต์แบ็ตเทน เป็นสมาชิกราชวงศ์บริติช เจ้าหน้าที่แห่งราชนาวี และรัฐบุรุษ พระมาตุลาของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ และพระอนุวงศ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ทรงเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรแห่งกองบัญชาการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระองค์ทรงเป็นอุปราชแห่งอินเดียคนสุดท้ายแห่งบริติชอินเดียและข้าหลวงต่างพระองค์คนแรกแห่งประเทศอินเดียในเครือจักรภพ

ข้อมูลเบื้องต้น เสนาธิการกลาโหม, นายกรัฐมนตรี ...
เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนแห่งพม่า
KG GCB OM GCSI GCIE GCVO DSO KStJ
ภาพวาด โดย อัลลัน วอร์เรน, ค.ศ. 1976
เสนาธิการกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
13 กรกฎาคม ค.ศ. 1959  15 กรกฎาคม ค.ศ. 1965
นายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้าวิลเลียม ดิกสัน
ถัดไปริชาร์ด ฮูลล์
สมุหราชนาวี
ดำรงตำแหน่ง
18 เมษายน ค.ศ. 1955  19 ตุลาคม ค.ศ. 1959
นายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้าโรเดอริก แม็กกริจอร์
ถัดไปชาลล์ แลมบี
ผู้สำเร็จราชการแห่งอินเดีย
ดำรงตำแหน่ง
15 สิงหาคม ค.ศ. 1947  21 มิถุนายน ค.ศ. 1948
กษัตริย์สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6
นายกรัฐมนตรีชวาหระลาล เนห์รู
ก่อนหน้าตัวเขาเอง (ในฐานะอุปราชและข้าหลวงต่างพระองค์แห่งอินเดีย)
ถัดไปซี. ราชโคปาลาชารี
อุปราชและข้าหลวงต่างพระองค์แห่งอินเดีย
ดำรงตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947  15 สิงหาคม ค.ศ. 1947
กษัตริย์สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6
ก่อนหน้าไวเคานต์เวเวลล์
ถัดไป
สมาชิกสภาขุนนาง
ขุนนางตลอดชีพ
13 มิถุนายน ค.ศ. 1946  27 สิงหาคม ค.ศ. 1979
ก่อนหน้าสถาปนาตำแหน่งขุนนาง
ถัดไปเคาน์เตสเมานต์แบ็ตเทนที่ 2 แห่งพม่า
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด
เจ้าชายลูอีแห่งบัทเทินแบร์ค

25 มิถุนายน ค.ศ. 1900(1900-06-25)
ตำหนักฟอร์กมอร์, วินด์เซอร์, บาร์กเชอร์, ประเทศอังกฤษ, สหราชอาณาจักร
เสียชีวิต27 สิงหาคม ค.ศ. 1979(1979-08-27) (79 ปี)
มุลลากมอร์, มณฑลซีลิโก, ประเทศไอร์แลนด์
ลักษณะการเสียชีวิตถูกลอบสังหาร
ที่ไว้ศพรอมซีย์แอบบีย์
ศาสนาแองกลิคัน
คู่สมรสเอ็ดวินา แอชลีย์ (สมรส 1922; เสียชีวิต 1960)
บุตร
บุพการี
ศิษย์เก่าวิทยาลัยคริสต์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
วิชาชีพทหารเรือ
ลายมือชื่อ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ สหราชอาณาจักร
สังกัด ราชนาวี
ประจำการค.ศ. 1913–1965
ยศจอมพลเรือ
หน่วย
ดูรายชื่อ
    • กองบัญชาการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    • สำนักงานปฏิบัติการร่วมรบ
บังคับบัญชา
ดูรายชื่อ
    • เสนาธิการกลาโหม
    • สมุหราชนาวี
    • เรือเมดิเตอร์เรเนียน
    • ผู้ช่วยสมุหราชนาวีฝ่ายเสบียง
    • เรือเอชเอ็มเอส อิลลัสเทรียส
    • เรือเอชเอ็มเอส เคลลี
    • เรือเอชเอ็มเอส วิทอาร์ต
    • เรือเอชเอ็มเอส แดริง
ผ่านศึก
รางวัลดูรายชื่อ
ปิด

พระองค์ประสูติที่เมืองวินด์เซอร์ในครอบครัวตระกูลบัทเทินแบร์คที่มีชื่อเสียง เมานต์แบ็ตเทนทรงเข้าเรียนที่ Royal Naval College, Osborne ก่อนที่จะเข้าสู่กองทัพเรือหลวงในปี ค.ศ. 1916 พระองค์ทรงปฏิบัติหน้าที่ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหลังสงคราม พระองค์ทรงได้เข้าเรียนที่ Christ's College, เคมบริดจ์ ในช่วงสมัยระหว่างสงคราม เมานต์แบ็ตเทนยังคงดำรงอาชีพทหารเรือ ทรงมีความเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารทางเรือ ภายหลังการลุกลามของสงครามโลกครั้งที่สอง เมานต์แบ็ตเทนทรงได้บัญชาการในเรือพิฆาต เรือหลวงเคลี่ และกองเรือรบพิฆาตที่ 5 และพระองค์ทรงมีบทบาทที่สำคัญในนอร์เวย์ ช่องแคบอังกฤษ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1941 พระองค์ทรงได้บัญชาการในเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือหลวงอิลัสเทรียส พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการร่วมและเป็นสมาชิกของหัวหน้าคณะกรรมการเสนาธิการ(Chiefs of Staff Committee)ในต้นปี ค.ศ. 1942 และจัดให้มีการตีโฉบฉวยที่แซ็ง-นาแซร์และเดียป ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1943 เมานต์แบ็ตเทนทรงกลายเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรแห่งกองบัญชาการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดูแลการเข้ายึดครองพม่าและสิงคโปร์อีกครั้งจากญี่ปุ่นในช่วงปลายปี ค.ศ. 1945 จากการปฏิบัติหน้าที่ของพระองค์ในช่วงสงคราม เมานต์แบ็ตเทนทรงได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์เป็นไวเคานต์ใน ค.ศ. 1946 และเอิร์ลในปีถัดมา

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1947 เมานต์แบ็ตเทนทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุปราชแห่งอินเดียและดูแลการแบ่งแยกบริติชอินเดียออกมาเป็นประเทศอินเดียและประเทศปากีสถาน พระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นข้าหลวงต่างพระองค์คนแรกแห่งอินเดียจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1948 ในปี ค.ศ. 1952 เมานต์แบ็ตเทนทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองเรือเมดิเตอร์เรเนียนของบริติช และผู้บัญชาการเนโทแห่งกองกำลังพันธมิตรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 ถึง 1959 พระองค์ทรงเป็นสมุหราชนาวี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พระบิดาของพระองค์ เจ้าชายลูทวิชแห่งบัทเทินแบร์ค เคยดำรงตำแหน่งเมื่อสี่สิบปีก่อน หลังจากนั้นพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าแห่งเสนาธิการป้องกันจนถึง ค.ศ. 1965 ทำให้พระองค์ทรงเป็นผู้นำที่มีความสามารถในกองทัพบริติชที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดจนถึงปัจจุบัน ในช่วงเวลานั้น เมานต์แบ็ตเทนยังทรงได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานแห่งคณะกรรมมาธิการทหารของเนโทเป็นเวลาหนึ่งปี

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1979 เมานต์แบ็ตเทนทรงถูกลอบปลงพระชนม์โดยการวางระเบิดบนเรือตกปลาของพระองค์ในมุลลากมอร์ เคาท์ตี้ สไลโก ประเทศไอร์แลนด์ โดยสมาชิกของกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ชั่วคราว(IRA) พระองค์ได้รับการจัดพิธีพระศพที่ Westminster Abbey และถูกฝังพระศพใน Romsey Abbey ในแฮมป์เชอร์

พระประวัติ

Thumb
ลอร์ดเมานต์แบ็ตเทน กับ เอ็ดวินา ภริยา

หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทนเป็นบุตรชายของเจ้าชายลูทวิชแห่งบัทเทินแบร์ค ซึ่งเป็นเจ้าชายเยอรมันที่เข้ามารับราชการในอังกฤษและได้เสกสมรสกับเจ้าหญิงวิคโทรีอาแห่งเฮ็สเซินและริมไรน์ พระราชธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในปี 1917 พระเจ้าจอร์จที่ห้าได้ถอดฐานันดรเยอรมัน ทำให้ทรงเป็นที่รู้จักกันในนาม ลอร์ด หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด เขารับแต่งตั้งเป็นขุนนางแห่งสหราชอาณาจักร

เสียชีวิต

เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนถูกลอบฆ่าโดยกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนในไอร์แลนด์เหนือ ในคืนวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1979 โดยนายธอมัส แม็กแมฮอน สมาชิกกลุ่มกบฎได้แอบปีนเข้าไปบนเรือของเอิร์ลเมานต์แบ็ตเทน ซึ่งบนเรือขณะนั้นมีสมาชิกโดยสารอยู่คือเอิร์ลเมานต์แบ็ตเทน, ท่านหญิงบราบันด์ ธิดาคนโต, ลอร์ดบราบันด์ สามีของนาง และบุตรของทั้งสองอีกสองคนชื่อนิโคลัสกับพอล คนร้ายได้ทำการวางระเบิดควบคุมโดยวิทยุน้ำหนักราว 20 กิโลกรัม และเกิดการระเบิดขึ้น เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนร่วงลงไปในน้ำและถูกช่วยไว้ได้โดยชาวประมงใกล้เคียงในลักษณะขาขวาเกือบขาดแต่ก็เสียชีวิตด้วยทนพิษบาดแผลไม่ไหว ลอร์ดและเลดีบราบอร์นได้รับบาดเจ็บสาหัส[1] ในขณะที่นิโคลัส บุตรชายของลอร์ดและเลดีบราบอร์นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนบารอเนสม่ายแห่งบราบอร์นถึงแก่อนิจกรรมในวันรุ่งขึ้นจากพิษบาดแผล[2]

ฐานันดร

Thumb
  • 1900 - 1917: เจ้าชายหลุยส์แห่งบัทเทินแบร์ค
  • 1917 - 1946: ลอร์ด หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน
  • 1946 - 1947: ไวเคานต์เมานต์แบ็ตเทนแห่งพม่า
  • 1947 - 1979: เอิร์ลเมานต์แบ็ตเทนแห่งพม่า
อาร์มประจำตำแหน่ง

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

สรุป
มุมมอง

จอมพลเรือ หลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสหราชอาณาจักรและต่างประเทศ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์สหราชอาณาจักร

  • ค.ศ. 1946 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เทอร์ ชั้นสูงสุด อัศวินการ์เทอร์ (KG)[3]
  • ค.ศ. 1955 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์บาธ ชั้นที่ 1 อัศวิน (GCB)[4]
  • ค.ศ. 1965 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์กิตติคุณ ชั้นที่ 1 สมาชิก (OM) (ฝ่ายทหาร)[5]
  • ค.ศ. 1937 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์รอยัลวิกตอเรียน ชั้นที่ 1 อัศวินสูงสุด (GCVO)[6]
  • ค.ศ. 1941 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์การบริการดีเด่น ชั้นสูงสุด (DSO)[7]
  • ค.ศ. 1940 – Thumb เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญจอห์น ชั้นที่ 1 อัศวินความยุติธรรม (KStJ)[8]
  • ค.ศ. 1918 – Thumb เหรียญสงครามบริติช
  • ค.ศ. 1918 – Thumb เหรียญชัย
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญดารา ค.ศ. 1939–1945
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญดาราแอตแลนติก
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญดาราแอฟริกา
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญดาราพม่า
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญดาราอิตาลี
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญการป้องกัน
  • ค.ศ. 1945 – Thumb เหรียญสงคราม ค.ศ. 1939–1945
  • ค.ศ. ไม่ปรากฏ – Thumb เหรียญการบริการทั่วไปทหารเรือ
  • ค.ศ. 1911 – Thumb เหรียญบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5
  • ค.ศ. 1935 – Thumb เหรียญรัชดาภิเษกเงิน สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5
  • ค.ศ. 1937 – Thumb เหรียญบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6
  • ค.ศ. 1952 – Thumb เหรียญบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
  • ค.ศ. 1977 – Thumb เหรียญรัชดาภิเษกเงิน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

ราชตระกูล

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.