สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

หน่วยงานราชการไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

ราชบัณฑิตยสภา เป็นองค์การในรัฐบาลไทย สำหรับค้นคว้าและวิจัยเพื่อเผยแพร่ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนา อนุรักษ์ และให้บริการทางวิชาการให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน[4] มีหน่วยธุรการชื่อว่า สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ซึ่งเป็นส่วนราชการอิสระในฝ่ายบริหารของรัฐบาล มีฐานะเป็นกรม[4]

ข้อมูลเบื้องต้น ภาพรวมหน่วยงาน, ก่อตั้ง ...
ราชบัณฑิตยสภา
Royal Society of Thailand
Thumb
เครื่องหมายราชการของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง19 เมษายน พ.ศ. 2469; 98 ปีก่อน (2469-04-19)
หน่วยงานก่อนหน้า
  • ราชบัณฑิตยสภา (พ.ศ. 2469–2476)
  • ราชบัณฑิตยสถาน (พ.ศ. 2476–2558)
ประเภทส่วนราชการ
สำนักงานใหญ่120 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารซี ชั้น 2-4 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร[1][2]
บุคลากร92 คน (พ.ศ. 2566)
งบประมาณต่อปี97,687,400 บาท
(พ.ศ. 2568)[3]
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน
  • สุรพล อิสรไกรศีล, นายกราชบัณฑิตยสภา
  • สมบูรณ์ สุขสำราญ, อุปนายกราชบัณฑิตยสภา คนที่ 1
  • ประพิณ มโนมัยพิบูลย์, อุปนายกราชบัณฑิตยสภา คนที่ 2
  • กฤษฎา คงคะจันทร์, เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
  • ศานติ ภักดีคำ, รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
เอกสารหลัก
เว็บไซต์ราชบัณฑิตยสภา และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา
ปิด

ในทางประวัติศาสตร์นั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงก่อตั้งราชบัณฑิตยสภาขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2469 เพื่อเป็นสมาคมปราชญ์ประจำประเทศสยามเฉกเช่นเดียวกับในต่างประเทศ[5] ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราชบัณฑิตยสภาในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2476 โดยแยกออกเป็นราชบัณฑิตยสถานกับกรมศิลปากรเพื่อให้ทำงานวิชาการได้อย่างเต็มที่[6] ราชบัณฑิตยสถานมีการทำงาน 2 ส่วน คือสภาราชบัณฑิตทำหน้าที่ด้านวิชาการ และข้าราชการประจำทำหน้าที่ธุรการสนับสนุนงานของสภาราชบัณฑิต[7] ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอีกครั้งโดยเปลี่ยนชื่อราชบัณฑิตยสถานเป็นสำนักงานราชบัณฑิตยสภา และเปลี่ยนชื่อสภาราชบัณฑิตเป็นราชบัณฑิตยสภาตามชื่อดั้งเดิมสมัยรัชกาลที่ 7[7]

ตามโครงสร้างปัจจุบัน ราชบัณฑิตยสภามีสมาชิก 3 ประเภท คือภาคีสมาชิก ราชบัณฑิต และราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ภาคีสมาชิกเป็นบุคคลที่ราชบัณฑิตยสภาคัดเลือกและแต่งตั้งขึ้นจากผู้มีสัญชาติไทยและมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ราชบัณฑิตเป็นบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบรรดาภาคีสมาชิกเมื่อมีคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีตามคำแนะนำของราชบัณฑิตยสภา และราชบัณฑิตกิติมศักดิ์เป็นบุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิเมื่อมีคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีตามคำแนะนำของราชบัณฑิตยสภา[8]

ราชบัณฑิตยสภาจัดแบ่งงานวิชาการของตนออกเป็นสำนัก ได้แก่สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง สำนักวิทยาศาสตร์ และสำนักศิลปกรรม[9] แต่งานวิชาการซึ่งเป็นที่รู้จักที่สุดของราชบัณฑิตยสภามักเป็นงานเนื่องในการวางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับภาษาไทย เช่น การจัดทำพจนานุกรม โดยเฉพาะ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน การจัดทำสารานุกรม อักขรานุกรม อนุกรมวิธาน และการบัญญัติศัพท์วิชาการ[10]

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

การก่อตั้งราชบัณฑิตยสภา

รัชกาลที่ 7 ทรงก่อตั้งราชบัณฑิตยสภาขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2469 โดยทรงรวมหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งรับผิดชอบหอสมุด พิพิธภัณฑสถาน งานวรรณกรรม งานวิศวกรรม และงานโบราณคดี เข้าด้วยกันเป็นหน่วยงานอันหนึ่งอันเดียว เพื่อให้ประเทศสยามได้มีสมาคมปราชญ์ประจำประเทศเฉกเช่นในต่างประเทศ[5] ทรงตั้งชื่อหน่วยงานนี้ว่าราชบัณฑิตยสภา ตามชื่อกรมราชบัณฑิต ซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงธรรมการสมัยโบราณ[5]

การปรับโครงสร้างเป็นราชบัณฑิตยสถาน

ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 คณะราษฎรผู้ก่อการปฏิวัติดังกล่าวได้ปรับโครงสร้างราชบัณฑิตยสภาเสียใหม่ตามการเสนอแนะของปรีดี พนมยงค์ หนึ่งในสมาชิกคณะ โดยมีประกาศในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2476 ให้ยุบราชบัณฑิตยสภาลงเพื่อแยกไปก่อตั้งเป็นหน่วยงานใหม่ 2 แห่ง คือราชบัณฑิตยสถาน (เมื่อก่อตั้งเขียนว่าราชบัณฑิตสถาน) และกรมศิลปากร[6]

หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) เลขาธิการคนแรกของราชบัณฑิตยสถาน กล่าวถึงเหตุผลในการปรับโครงสร้างว่า "ราชบัณฑิตยสภาของเราได้ตั้งมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2469 แต่ไม่ได้วางรูปโครงให้ตรงกับที่ควรวางไว้ คือแทนที่จะให้ราชบัณฑิตสภาเป็นที่ค้นคว้าวิชาการดังรูปร่างราชบัณฑิตสถานในเวลานี้ กลับเอางานธุรการไปบรรทุกเข้าไว้ให้กรรมการราชบัณฑิตสภาต้องเสียเวลาทำงานฝ่ายธุรการเป็นส่วนมาก เหลือเวลาที่จะค้นคว้าทางวิชาการแต่น้อย และก็ไม่มีกฏหมายหรือข้อบังคับอื่นใดที่บัญญัติให้กรรมการราชบัณฑิตสภาต้องทำการค้นทางวิชาการ…แต่ถ้าได้วางรูปการตราแบบราชบัณฑิตสถานที่แท้จริงแล้ว ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าครองตำแหน่งในราชบัณฑิตสถานย่อมมีหน้าที่ที่ต้องทำการค้นคว้าในทางวิชา ความรู้ของเราจะงอกงามขึ้นโดยเร็ว…ต่อไปภายหน้าเราจะมีคนที่สามารถในเชิงสรรพวิชาพอที่จะทำการแลกเปลี่ยนความรู้กับราชบัณฑิตหรืออาคาเดมีเซียงของต่างประเทศ จะเป็นที่เชิดชูเกียรติของไทย จะให้ความสะดวกแก่การการค้นคว้าวิชาการ จะช่วยลดความจำเป็นในการจ้างชาวต่างประเทศ"[6]

การปรับโครงสร้างครั้งนี้ดำเนินตามโครงสร้างของสถาบันฝรั่งเศส (Institut de France) ซึ่งแบ่งกิจการออกเป็นสำนัก (académie) ต่าง ๆ มีปรีดี พนมยงค์ กับหม่อมเจ้าวรรณ ไวทยากร ร่างระเบียบการในการปรับโครงสร้าง[6] ครั้นวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2477 จึงมีประกาศเรื่องโครงสร้างของราชบัณฑิตยสถาน โดยให้แบ่งกิจการออกเป็นสำนักต่าง ๆ 3 สำนัก คือสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง สำนักวิทยาศาสตร์ และสำนักศิลปกรรม พร้อมแต่งตั้งภาคีสมาชิกประจำสำนักแต่ละแห่ง[6]

ในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2477 มีการประชุมภาคีสมาชิกราชบัณฑิตยสถานเป็นครั้งแรก จัดที่ศาลาสหทัยสมาคม มีพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน[6] พระยาพหลพลพยุหเสนากล่าวเปิดประชุมว่า "ทุกประเทศที่เจริญแล้วย่อมมีราชบัณฑิตสถาน ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นสมาชิกแห่งราชบัณฑิตสถานย่อมถือว่าได้รับความยกย่องอันสูงสุดที่จะพึงได้รับในเชิงวิชาการ...ราชบัณฑิตสถานของเราไม่ใช่เครื่องมือหรือเครื่องบำรุงความสูงศักดิ์ของบุคคลผู้หนึ่งผู้ใด แต่เป็นเครื่องเชิดชูเกียรติของชาติและระบอบรัฐธรรมนูญ ถ้าหากจะมีนามอันหนึ่งอยู่คู่ไปกับราชบัณฑิตสถาน นามอันนั้นจะไม่ใช่นามของบุคคล แต่เป็นนามของสภาผู้แทนราษฎร นามของรัฐธรรมนูญ ถ้าหากจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คนในชั้นหลังจะต้องระลึกคู่กันไปกับราชบัณฑิตสถาน สิ่งนั้นก็คือรัฐธรรมนูญ"[6] ในการประชุมครั้งนี้ หม่อมเจ้าวรรณ ไวทยากร ทรงได้รับเลือกตั้งเป็นนายกคนแรกของราชบัณฑิตยสถาน พระเรี่ยมวิรัชชพากย์ (เรี่ยม ทรรทรานนท์) ได้รับเลือกตั้งเป็นอุปนายกคนแรกของราชบัณฑิตยสถาน และหลวงวิจิตรวาทการได้รับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการคนแรกของราชบัณฑิตยสถาน[6]

งานที่โดดเด่นของราชบัณฑิตยสถานในช่วงนี้ มีการปรับปรุงปทานุกรม (พจนานุกรม) ซึ่งเป็นงานที่รับโอนมาจากกระทรวงธรรมการ และงานจัดทำสารานุกรมและอักขรานุกรม งานบัญญัติศัพท์ทางวิชาการ และงานจัดวางระเบียบการถอดอักษรไทยเป็นอักษรโรมัน[7]

การปรับโครงสร้างเป็นราชบัณฑิตยสภา

ใน พ.ศ. 2556 สภาราชบัณฑิตเห็นว่า ในโอกาสครบรอบ 120 ปีพระประสูติกาลของรัชกาลที่ 7 ใน พ.ศ. 2558 นั้น สมควรเปลี่ยนชื่อหน่วยงานกลับเป็นราชบัณฑิตยสภาเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ ภายหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 จึงมีการเสนอกฎหมายไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งต่อมาได้รับการตราขึ้นเป็นพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[8] นอกจากการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวแล้ว พระราชบัญญัตินี้ยังให้ปรับเปลี่ยนราชบัณฑิตยสถานเป็นหน่วยธุรการของสภาราชบัณฑิต เรียกชื่อว่าสำนักงานราชบัณฑิตยสภา และเพิ่มอำนาจหน้าที่หลายประการให้แก่หน่วยงาน เป็นต้นว่าการมอบใบรับรองคุณวุฒิเช่นประกาศนียบัตร การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสำหรับสมาชิกของหน่วยงาน และการอนุญาตให้หน่วยงานเก็บรักษารายได้ไว้เพื่อใช้ภายในโดยไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง[8]

สมาชิกหลายคนของราชบัณฑิตยสถานคัดค้านการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เนื่องจากไม่มีการจัดทำประชาพิจารณ์[11]

ที่ตั้ง

เดิมราชบัณฑิตยสภาตั้งอยู่ที่วังบางขุนพรหม ต่อมาย้ายไปยังหอสมุดวชิราวุธที่ถนนหน้าพระธาตุ กระทั่ง พ.ศ. 2531 จึงย้ายไปยังอาคารราชวัลลภในพระบรมมหาราชวัง[7] ครั้น พ.ศ. 2549 ย้ายไปยังสนามเสือป่าใกล้ลานพระราชวังดุสิต[7] และใน พ.ศ. 2567 ได้ย้ายไปยังที่ตั้งปัจจุบัน ณ อาคารซี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550[1][12]

เครื่องหมาย

เครื่องหมายของราชบัณฑิตยสภาเป็นรูปพระขรรค์เปล่งรัศมีอยู่บนตำราที่เปิดอ้า มีคำในภาษาบาลีว่า "ปณฺฑิโต" และมีมงกุฏลอยอยู่เบื้องบนพระขรรค์ พร้อมแถบผ้าปรากฏนามหน่วยงานอยู่ภายใต้ตำรา[13]

พระขรรค์และตำราดังกล่าวมีที่มาจากสุภาษิตว่า "ปัญญาประดุจดังอาวุธ" รัศมีของพระขรรค์สื่อถึงแสงแห่งปัญญา มงกุฏสื่อถึงพระมหากษัตริย์[13]

การบริหาร

สรุป
มุมมอง

ราชบัณฑิตยสภามีการดำเนินงาน 2 ส่วน คืองานวิชาการและงานธุรการ[9]

งานวิชาการ

งานวิชาการแบ่งออกเป็นสำนัก แต่ละสำนักมีหัวหน้าเรียกว่าประธานสำนัก และมีเลขานุการเรียกว่าเลขานุการสำนัก[14]

สำนักแรกเริ่ม

สำนักแรกเริ่มใน พ.ศ. 2477 ประกอบด้วยสำนัก 3 สำนัก และสาขาวิชาย่อยต่าง ๆ ดังนี้[6]

สำนักในปัจจุบัน

งานธุรการ

งานธุรการมีผู้รับผิดชอบคือสำนักงานราชบัณฑิตยสภา มีหัวหน้าสำนักงานเรียกว่าเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา และแบ่งการงานออกเป็นกอง 3 กอง คือกองธรรมศาสตร์และการเมือง กองวิทยาศาสตร์ และกองศิลปกรรม[15]

สมาชิก

สรุป
มุมมอง

สมาชิกของราชบัณฑิตยสภา มี 3 ประเภทดังนี้

ราชบัณฑิต

ราชบัณฑิต ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง โดยราชบัณฑิตจากทุกสำนักจะเป็นผู้คัดเลือกจากภาคีสมาชิก แล้วนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง มีได้จำกัดจำนวน 118 ตำแหน่ง ปัจจุบันมีราชบัณฑิตจำนวน 110 คน[16]

ภาคีสมาชิก

ภาคีสมาชิก ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง ที่สมัครเข้าทำการร่วมกับราชบัณฑิตยสภา และราชบัณฑิตยสภาได้รับสมัครเป็นภาคีสมาชิกของสำนักใดสำนักหนึ่งแล้ว จำนวนภาคีสมาชิกมีจำกัดได้ไม่เกิน 84 คน แบ่งเป็น สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง 33 คน สำนักวิทยาศาสตร์ 55 คน สำนักศิลปกรรม 30 คน ปัจจุบันมีภาคีสมาชิก 74 คน[16]

ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของราชบัณฑิตยสภา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง โดยไม่จำกัดจำนวน ปัจจุบันมีราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จำนวน 8 คน เรียงตามลำดับการได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม คำนำหน้าชื่อ, รายชื่อ ...
คำนำหน้าชื่อรายชื่อปีที่ได้รับแต่งตั้งสาขาวิชาอ้างอิง
พลตรีเภา เพียรเลิศ บริภัณฑ์ยุทธกิจ2486-[17]
พลตรีประยูร ภมรมนตรี2486-[17]
พลอากาศโทมุนี มหาสันทนะ เวชยันตรังสฤษฏ์2486-[17]
พลตรีวิจิตร วิจิตรวาทการ2486-[17]
หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์2486-[17]
ศาสตราจารย์เดือน บุนนาค2486-[17]
พลโทหลวงละออภูมิลักษณ์ (ลออ บุนนาค)2521-[18]
พระอัพภันตราพาธพิศาล (กำจร พลางกูร)2524-[19]
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล2529วรรณศิลป์[20]
ผู้ช่วยศาสตราจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์2529วิจิตรศิลป์[21]
บุญมา วงศ์สวรรค์2536เศรษฐศาสตร์ทั่วไป[22]
ศาสตราจารย์ประเวศ วะสี2548แพทยศาสตร์[23]
ศาสตราจารย์สิปปนนท์ เกตุทัต2548ฟิสิกส์[23]
ศาสตราจารย์พิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)2550ศาสนศาสตร์[24]
มีชัย ฤชุพันธุ์2550นิติศาสตร์[24]
ศาสตราจารย์ คุณหญิงกุหลาบ มัลลิกะมาส2550วรรณคดีเปรียบเทียบ[24]
ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา2552ศึกษาศาสตร์[25]
ศาสตราจารย์ยงยุทธ ยุทธวงศ์2552เคมี[25]
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์พูนพิศ อมาตยกุล2552ดุริยางคกรรม[25]
ศาสตราจารย์พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)2552อัคฆวิทยา[26]
ศาสตราจารย์เกียรติคุณกุสุมา รักษมณี2562วรรณศิลป์[27]
ศาสตราจารย์ไพรัช ธัชยพงษ์2563วิศวกรรมศาสตร์[28]
ปิด

  ผู้ได้รับแต่งตั้งที่ยังมีชีวิตอยู่

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.